ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมฟิคKNB

    ลำดับตอนที่ #12 : Lord of Teiko [AkaFuri +คู่อื่นแล้วแต่ตอน] 1

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 57


    ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น

    กาลละครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเมืองๆหนึ่งซึ่งมีนามว่ามหานครเทย์โคว ซึ่งเป็นที่ๆกำเนิดสุดยอดกำเนิดสุดยอดผู้ใช้เวทย์ขึ้นถึง 6 คนอันได้แก่

    อาคาชิ เซย์จูโร่ น้องชายของเจ้าเมืองมีตำแหน่งเป็นรัชทายาทของมหานครเทย์โควมีเวทย์แรงโน้มถ่วงที่แข็งแกร่งกว่าผู้อื่นนอกจากนั้นยังมีพลังในการอ่านการเคลื่อนไหวของผู้อื่นได้ด้วยดวงตาเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูงที่สุด

    มิโดริมะ ชินทาโร่ รองเสนาบดีฝ่ายซ้ายของมหานครเทย์โควมีเวทย์โจมตีระยะไกลที่รุนแรงและแม่นยำจนแทบไม่มีเลยที่เขาจะโจมตีพลาด

    มุราซากิบาระ อัสซึชิ องครักษ์ของอาคาชิผู้รักขนมมากกว่าเจ้านายมีค้อนเวทย์มนต์เป็นอาวุธ ความแข็งแกร่งนั้นเรียกได้ว่ามากที่สุดในกลุ่ม 6 คนเลยทีเดียว

    อาโอมิเนะ ไดกิ แม่ทัพใหญ่ของมหานครเทย์โคว นักดาบเวทย์ผู้ได้รับฉายาว่าดาบเวทย์ไวเสียง เป็นคนที่เคลื่อนไหวได้เร็วที่สุดในกลุ่ม 6 คน

    คิเสะ เรียวตะ รองแม่ทัพของมหานครเทย์โคว  ผู้มีความสามารถในการลอกเลียนความสามารถคนอื่นได้แต่เวลาที่ใช้ความสามารถนั้นๆได้จะลดลงตามระดับของความสามารถที่สูงขึ้น

    คุโรโกะ เท็ตซึยะ รองเสนาบดีฝ่ายขวาของมหานครเทย์โควผู้ที่สามารถใช้เวทย์ในการลบตัวตนของตนเองหรือผู้อื่นได้นอกจากนั้นยังมีความสามารถในการส่งของด้วยเวทย์มนต์

    จึงทำให้อาณาจักรนี้แข็งแกร่งภายการนำของ นิจิมูระ ชูโซ ราชาของมหานครเทย์โควซึ่งปกครองโดยสงบสุขเรื่อยมาจนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจากการทดลองเวทย์มนต์ที่จู่ๆก็เกิดความผิดพลาดขึ้นจึงทำให้คนทั้งมหานครต้องคำสาปจนกลายเป็นหินเหลือเพียงเหล่าสุดยอดผู้ใช้เวทย์แห่งเทย์โคว ทั้ง6ที่ออกไปปฏิบัติภารกิจนแกเมืองในวันเกิดเหตุเท่านั้น

    “....ไม่นะๆๆๆๆ อาโอมิเน็จจิทำไงดีๆๆๆๆ”  เสียงร้องอย่างสติแตกของคิเสะ เรียวตะดังขึ้นหลังจากเห็นสภาพของเมือง

    “เงียบไปเลยน่า คิเสะหนังสือของชั้นจะยังรอดมั้ยเนี่ย” อาโอมิเนะกล่าวพลางมองคอลเลคชั่นดาบของตัวเองที่กลายเป็นหินไปด้วย ด้วยสายตาที่สะเทือนใจ
    “.....มิโดจิน.....ของกินในห้องเครื่องก็กลายเป็นหินด้วย...” คนตัวโตที่สุดเดินกลับมาหาท่านรองเสนาด้วยใบหน้าเซ็งโลกเหมือนปกติแต่เหมือนจะมากกว่าปกติเล็กน้อยด้วยสำหรับคนที่ต้องทนร่วมงานกับองครักษ์ร่างยักษ์มานานอย่างมิโดริมะ ชินทาโร่ย่อมรู้ดีว่า นิสัยที่รักของกินมากกว่ามหานครเทย์โควกำเริบอีกแล้ว

    “.....เจ้าควรจะห่วงองค์ชาย มิใช่รึ มุราซากิบาระ” รองเสนาขวาแหวใส่ซึ่งองครักษ์หนุ่มก็ยังคงทำหน้าเซ็งโลกไม่เปลี่ยนเหมือนคำพูดนั้นเข้าหูซ้ายแล้วก็ทะลุหูขวาไป
    “.....มิโดริมะคุง....” เสียงเรียบๆดูไร้อารมณ์ร่วมใดๆของคุโรโกะ เท็ตซึยะ รองเสนาขวาดังขึ้นมาทำให้ท่านรองเสนาซ้ายต้องหยุดความคิดที่จะยัดเรื่องหน้าที่ขององครักษ์เข้าไปในหัวของมุราซากิบาระก่อนจะหันมาหาร่างบางทันที

    “....คุโรโกะ...เจอผู้รอดจากคำสาปมั้ย..” มิโดริมะถามพลางดันกรอบแว่น

    “ไม่เจอครับ....เหมือนคนที่ไม่ถูกคำสาปจะไม่มีใครนอกจากพวกเราแล้วครับ” คุโรโกะบอกนิ่งๆ

    “..งั้นเหรอ...สถานการณ์แบบนี้องค์ชายไปไหนนะ..” มิโดริมะ

     

    ท้องพระโรงของพระราชวังเทย์โค

    “...แม้ว่าจะต้องคำสาปท่านก็ยังพยายามจะหาทางปกป้องชาวเมืองนะครับ...ท่านพี่นิจิมูระ” อาคาชิ เซย์จูโร่ เดินเข้ามาพร้อมกับมองรูปปั้นหินของผู้เป็นพี่ชายต่างมารดาด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาความคิดได้พร้อมกับร่างสมส่วนของรัชทายาทหนุ่มเดินเข้าไปจับที่ใบหน้าของรูปปั้นขอผู้เป็นพี่ชายของตนทันที

    “..ผมจะช่วยท่านพี่แน่...” อาคาชิพึมพำเหมือนจะเริ่มค่อยๆจมดิ่งเข้าไปในความคิดของตัวเอง

    “เฮ้ย ปีกซ้ายของวังไม่เจออาคาชิเลยโว้ย” เสียงของอาโอมิเนะทำให้เจ้าชายหนุ่มตื่นจากภวังค์หลังจากนั้นก็ยังมีเสียงตามมาอีกหลายเสียงทำให้อาคาชิหันมองตามเสียงทันที

    “ห้ามเรียกชื่อองค์ชายห้วนๆ เซ่” เสียงต่อไปนั้นมาจากมิโดริมะที่เหมือนจะแหวใส่อาโอมิเนะแบบไม่ต้องสงสัย

    “....ปีกขวาก็ไม่มีล่ะมิโดริมัจจิ” เสียงต่อไปเป็นเสียงของคิเสะ

    “ที่ห้องก็ไม่พบครับ มิโดริมะคุง” เสียงต่อไปอีกเสียงเป็นของคุโรโกะแน่ล่ะว่าเขาอยู่ท้องพระโรงไปหาที่แบบนั้นมันคงเจอ

    “มิโดจิน....ชั้นหิวแล้ว.....” เสียงเนือยๆขององครักษ์ของตัวเองดังขึ้นมาทำเอาอาคาชิเกิดจะหลุดขำออกมาไอ้นิสัยแบบนี้นี่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆนับตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อ 2 ปีก่อน

    “หากินเอาเองสิว้อยยยยยย” เสียงของมิโดระมะแหวใส่มุราซากิบาระทำเอาอาคาชิถอนใจเบาๆก่อนจะหันกลับมามอพี่ชายต่างมารดาของตนแล้วกล่าวเบาๆ

    “ไว้เจอกันนะครับ พี่นิจิมูระ...” สิ้นคำรัชทายาทผมแดงก็เดินออกมาจากท้องพระโรงก็พบกับภาพที่ชวนเหนื่อยใจ

    “ทำไงดีๆ หาองค์ชายไม่เจอเลยง่า อาโอมิเนะจิ” คิเสะร้องออกมาด้วยท่าทางลนลาน

    “จะไปรู้มั้ยเล่า!!!” อาโอเมะนะตอบไปด้วยท่าทางรำคาญก่อนจะหันไปมองท่านเสนารองซ้ายที่ทำท่าจะกัดกับองครักษ์ร่างยักษ์อีกแล้วพลังเวทย์แผ่พุ่งกดดันไปรอบๆด้วย

    “....เอ่อ...ทุกคน...” คุโรโกะที่มองเห็นอาคาชิแล้วพยายามร้องบอกแต่จะด้วยความจืดจางหรือเพราะพวกนั้นเตรียมจะสู้กันจริงๆแล้วทำให้พวกเขาเมินเฉยต่อคำเตือนของรองเสนาขวาไป

    “ข้าหายไปเพียงประเดี๋ยวพวกเจ้าก็จักหันอาวุธเข้าหากันแล้วเหรอ” อาคาชิถามพร้อมรอยยิ้มเย็นยะเยียบทำเอาทุกคนหยุดการกระทำของตัวเองพร้อมหันไปมองทางรัชทายาทผมแดงทันที

    “องค์ชาย....จะทำเช่นไรต่อขอรับ....” มิโดริมะผู้ที่สนิทกับอาคาชิมากที่สุดถามออกมา

    “ตอนนี้เราคงต้องหาวิธีคลายคำสาปให้เร็วที่สุด พวกเจ้าจงเตรียมสัมภาระให้พร้อมสำหรับการเดินทางและเกวียนให้เรียบร้อยข้าให้เวลาพวกเจ้าจนถึงพรุ่งนี้เช้าให้พวกเจ้ามาพบข้าที่น้ำพุกลางเมืองเข้าใจหรือไม่” อาคาชิออกคำสั่งด้วยท่าทางเด็ดขาดชนิดไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย

    Yes your majesty” ทุกคนรับคำสั่งของอาคาชิก่อนจะกระจายตัวออกไปอย่างว่องไวทันที

    “..เอาล่ะเราก็รีบไปเตรียมของบ้างดีกว่า....” อาคาชิพึมพำก่อนจะเดินกลับยังห้องของตนทันที

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น

    “เช้าแล้วสินะ...” อาคาชิลุกจากเตียงนอนของตัวเองก่อนจะยกสัมภาระออกจากวังไปยังสถานที่นัดพบแต่ว่าสิ่งที่พบคือความว่างเปล่า

    “....สายสินะ” รัชทายาทหนุ่มคิดพร้อมหยิบกรรไกรที่ทำจากเงินแท้ออกมาตัดผมในส่วนที่ยาวจนเกะกะออกเป็นการฆ่าเวลา

    “...อาคาชิคุง....” คุโรโกะร้องเรียกออกฝ่ายมากจากหลังเสาหินต้นหนึ่งท่าทางดูกลัวๆ

    “....เท็ตสึยะเป็นอะไรของเจ้าน่ะ” อาคาชิถาม
    “...ถ้าผมโผล่ออกไปอาคาชิคุงจะไม่เอากรรไกรแทงผมใช่มั้ยครับ” คุโรโกะถามพลางเกาะเสาร่างบางตัวสั่นเหมือนจะหวาดกลัวอาวุธสังการในมือของรัชทายาทใช่อาวุธสังหาร เพราะรัชทายาทหนุ่มเคยใช้กรรไกรเงินที่ตัดผมเมื่อกี้นั่นฆ่าพวกนักฆ่าที่จะมาลอบฆ่าไปหลายศพแล้ว

     “ก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลในการมาสายของนาย” รัชทายาทยิ้มเย็นๆมาให้ทำให้รองเสนาขวาเหงื่อตกแล้วบอกไป

    “อยู่...ตั้งแต่แรกแล้วครับแต่พอเห็นอาคาชิคุงเอากรรไกรออกมาสัญชาตญาณมันก็บอกให้ผมหลบออกมาน่ะครับ” คุโรโกะตอบ

    “....เอาเถอะ..ถ้าอยู่ตั้งแต่แรกแล้วก็แล้วไปแล้วคนอื่นล่ะเท็ตสึยะ” อาคาชิถามคนข้างตัวซึ่งก็ได้รับการส่ายหน้าแทนคำตอบ

    “ขอโทษที่มาสายขอรับองค์ชาย” เสียงของมิโดริมะดังขึ้นซึ่งรองเสนาซ้ายแบกสัมภาระมามากจนอาคาชิถึงกับแสดงอาการทึ่งขึ้นมาเล็กน้อยแต่ก็ปกปิดได้อย่างแนบเนียน

    “.....ชินทาโร่..เจ้าจักไปรบหรืออย่างไร” รัชทายาทตาสองสีถามเรียบๆ

    “....ลักกี้ไอเทมสำหรับเดือนนี้ทั้งเดือน....” รองเสนาซ้ายบอกพร้อมกับดันกรอบแว่น

    “...ผมว่าผมน่าจะไปคุยกับหมอในการรักษาอาการนี้นะครับมิโดริมะคุง” คุโรโกะบอกด้วยใบหน้านิ่งๆ

    “สมเป็นมิโดจินนะ.....” เสียงขององครักษ์ร่างยักษ์ดังขึ้นพร้อมกับสัมภาระที่ดูจะเป็นขนมและของกินเสียส่วนใหญ่

    “....เหลือแค่ เรียวตะ กับไดกิสินะ....” อาคาชิพึมพำก่อนจะหยิบกรรไกรอันเดิมออกมาทำเอาคุโรโกะวิ่งไปหลบหลังองครักษ์ร่างยักษ์ทันที

    “อาคาชิจจิ” เสียงที่แสดงถึงความร่าเริงของคิเสะดังขึ้นมาทำให้ทุกคนหันไปมองตามเสียงนั้นก่อนจะ

    “เฮ้ย..!!!” รองเสนาซ้ายที่มักจะเยือกเย็นถึงกับหลุดร้องออกมาเมื่อเห็นรถลากแบบคาราวานพร้อมม้ายูนิคอร์นอีกสองตัวที่เป็นตัวลากกำลังวิ่งมาทางพวกเขาด้วยความเร็วสูงชนิดถ้าไม่หลบได้ตายคาเท้าม้าแน่

    “...........” อาคาชินั้นถอยหลบไปยืนบนขอบน้ำพุตั้งแต่แรกเห็นแล้วเพราะเหมือนจะอ่านการเคลื่อนไหวของม้าไว้ด้วยพลังของเขาแล้ว

    “....ถอยไปมิโดริมัจจิ!!!!!!” คิเสะร้องออกมาเพราะด้วยความเร็วขนาดนี้หากไม่หลบได้ตายจริงๆแน่แถมเจ้าม้าสองตัวนั่นเหมือนจะเข้าโซน(?)ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่วนรองเสนาซ้ายเหมือนจะช็อคที่เห็นยูนิคอร์นเข้าโซน(?)เลยไม่ได้ขยับตัวหลบ

    “ติดหนี้ครั้งหนึ่งแล้วนะมิโดจิน” องครักษ์ร่างยักษ์บอกเบาๆก่อนดึงร่างของรองเสนาซ้ายให้หลบรถม้าของคิเสะทันก่อนที่เจ้าตัวจะได้กลายเป็นผี

    “เรียวตะ....ไดกิ....ถ้าไม่คุมม้าของพวกนายให้ดีๆคราวหน้า” อาคาชิยกกรรไกรขึ้นแล้วทำเอาคิเสะเผ่นไปหลบหลังอาโอมิเนะทันที

    “เออๆ รู้แล้วน่าอย่างทำแบบนี้บ่อยๆสิ สงสารเจ้าคิเสะมัน” อาโอมิเนะรับคำส่งๆทำเอาอาคาชิถอนใจยาวก่อนจะยกสัมภาระของตัวเองขึ้นรถม้า

    “...........” ส่วนท่านเสนาซ้ายที่เกือบได้กลายเป็นผีก็นับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อลดความหงุดหงิดในตัว

    “...มิโดจิน...ถ้าช้าจะทิ้งไว้แล้วนะ” องครักษ์ร่างยักษ์กล่าวเพราะตอนนี้ทุกคนขึ้นไปหมดแล้ว

    “.......ฝากไว้ก่อนเถอะ” มิโดริมะคิดสาปแช่งอาโอมิเนะและมุราซากิบาระในใจก่อนจะจะรีบขนของแล้วตามขึ้นไป

    “...ไม่ลืมอะไรนะ พวกแกน่ะ” อาโอมิเนะถามซึ่งคนที่เหลือก็พยักหน้าแทนคำตอบ

    “....งั้น....ไปกันเลยยยยยยยยยยยย” อาโอมิเนะฟาดแส้ม้าแฝงด้วยเวทย์มนต์ของเขาที่ทำให้ยูนิคอร์นทั้งสองเข้าโซน(?)ทันทีพร้อมกับออกวิ่งด้วยความเร็วสูง

    “หวา!!!! อาโอเมเน็จจิขับไวไปแล้ววววววววว” คิเสะร้องออกมาก่อนจะกลิ้งไปจนเกือบจะตกรถ

    “ไดกิ....ไปที่อาณาจักรเซย์รินนะ” อาคาชิบอก ระหว่างนั่งอ่านหนังสืออย่างสบายใจเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากความเร็วนี้เลยแม้แต่น้อย

    “ระวัง..คุโรชิน...” มุราซากิบาระคว้าร่างบอบบางของคุโรโกะไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้กลิ้งตกรถม้าไปจริงๆ

    “ขอบคุณครับ มุราซากิบาระคุง” คุโรโกะกล่าวเสียงเรียบก่อนจะใช้องครักษ์ร่างยักษ์เป็นที่ยึดเกาะไปก่อน

    “มิโดริมัจจิขอยึดหน่อย” คิเสะพุ่งเข้าท่านรองเสนาซ้ายผลที่ได้รับคือ

    โป๊กกกกก!!!!
    “ไปตายซะ คิเสะ”เจอท่านรองเสนาซ้ายฟาดด้วยคทารูปกบสีเขียวประจำตัวจนลงไปนอนนับดาวบนพื้นรถม้าอย่างง่ายดาย

    “ว่าแต่เท็ตสึยะบอกข้อมูลของอาณาจักรเซย์รินให้ข้าฟังทีซิ” อาคาชิออกคำสั่ง

    “ได้ครับ... อาณาจักรเซย์รินเป็นอาณาจักรที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่นาน มีราชานามว่า คิโยชิ เทปเปย์ ซึ่งเขามีขุนนางที่มีฝีมือสามคนคอยรับใช้อันได้แก่ ขุนนางผู้มีปริศนามากมาย ฮานามิยะ มาโคโตะ อีกคนขุนนางผู้มีสองบุคลิกและมีพลังเวทย์ทำลายล้างระยะไกลที่ยากจะหยุดการร่ายฮิวงะ จุนเปย์ และสุดท้ายแม่มดแห่งเซย์ริน ไอดะ ริโกะครับ” คุโรโกะร่ายยาวออกมา

    “อืม....แล้วราชาเขาเป็นคนยังไงบ้าง” อาคาชิถามต่อพลางอ่านหนังสือไปด้วยอย่างไม่สนเรื่องความเร็วของเกวียนที่พอจะเรียกได้ว่าเร็วเกินคนปกติจะทานทนได้

    “ก็เป็นคนที่เข้ากับคนง่ายมักมีรอยยิ้มอยู่เสมอ เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกมีความสุขน่ะครับ” คุโรโกะบอก

    “ถ้าแบบนั้นน่าจะคุยได้อยู่นะ...เอาเถอะตอนนี้ฐานะของพวกเราจะต้องมีคนที่รู้น้อยที่สุดเข้าใจนะ” อาคาชิบอก

    “ตอนนี้ให้ทุกคนลืมเรื่องตำแหน่งทั้งหมดไปซะ พวกเราจะเป็นขุนนางที่มาดูงานที่เซย์ริน จำไว้เวลาเรียกให้เรียกแบบเรียกคนที่ลำดับเท่ากันเข้าใจนะ” อาคาชิถามเสียงเด็ดขาดแบบไม่กะให้ใครปฏิเสธ

    “ขอรับ” ทุกคนรับคำพร้อมกับพอดีกับที่รถม้าค่อยๆชะลอความเร็วลง

    “เรากำลังจะถึงแล้ว....” อาโอมิเนะร้องบอก

    “งั้นตรงไปปราสาทเลยอาโอมิเนะคุงเดี๋ยวผมจะบอกทางให้” คุโรโกะโผล่ออกไปอยู่ข้างๆอาโอมิเนะ

    “นายรู้ทางได้ยังไงเท็ตสึ” อาโอมิเนะถาม

    “เคยใช้เป็นทางผ่านระหว่างปฏิบัติภารกิจเลยเก็บข้อมูลเพื่อไว้น่ะครับ” คุโรโกะบอกหน้านิ่งๆ

    “รอบคอบจริงๆนะ เท็ตสึ” อาโอมิเนะขับรถม้ามาจนถึงหน้าปราสาทก็พบกับหญิงสาวผมสั้นในชุดของแม่มดมายืนรอพร้อมชายร่างสูงใหญ่ในเครื่องแต่งกายที่หรูหราดุจพระราชา

    “เรารอท่านอยู่เหล่าขุนนางแห่งเทย์โคว” หญิงสาวขยับรอยยิ้ม

    “.....ว้าว..ริโกะชุดหรูๆแบบนั้นลองให้ฮานามิยะ กับ ฮิวงะใส่บ้างดีมั้ย” คนข้างๆแม่มดสาวบอกด้วยรอยยิ้มร่าเริง

    “หมายความว่ารู้ด้วยพลังทำนายแล้วสินะครับ ว่าพวกผมจะมา” อาคาชิเดินลงมา

    “ตะ..ตัวใหญ่แบบนี้ที่พักที่เตรียมให้ไม่พอแน่ทำไงดีล่ะ ริโกะ” คนข้างแม่มดสาวหันมาถาม

    “นั่นสิ...เทปเปย์” ริโกะพึมพำพลาง มองคนหกคนที่ลงจากรถม้ามา

    “หมายความว่าไง!! ทั้งที่รู้อยู่แล้วแต่เตรียมที่พักไม่พอน่ะ” มิโดริมะว้ากออกมาทันที

    “นี่เจ้ากล้าดียังไงขึ้นเสียงใส่องค์ราชา” ทหารคุ้มกันคนหนึ่งชี้ปลายหอกมาทางมิโดริมะด้วยโกรธเคือง

    “....ไม่เป็นไหรอกน่ะอายุห่างกันแค่ปีเดียวเอง ไม่จำเป็นต้องมาพิธีเหมือนฮิวงะหรอกนะ” คิโยชิยิ้มกว้างพร้อมออร่าสว่างไสว ทำให้ไม่เกิดการต่อสู้ขึ้นจริงๆ

    “คือว่า ที่ของเราไม่พอ...แต่ว่าถ้าเป็นคนตัวเล็กแบบนายแล้วก็นาย น่าจะไปพักบ้านหลังเดียวกับคนของเราได้” ริโกะชี้อาคาชิกับคุโรโกะ ซึ่งทำให้บรรยากาศเงียบลงไปในทันที ซึ่งทำให้บรรยากาศกลายเป็นน่าอึดอัดจนกระทั่ง

    “....เอาอย่างงั้นก็ได้ เท็ตสึยะกับผมจะแยกกันไปเอง จะให้เราไปอยู่กับใครก็แล้วแต่ท่าน ถ้าเลือกได้ผมขอคนที่ไม่วุ่นวายกับผมมากนะ”  อาคาชิบอกนิ่งๆ

    “อืม..งั้นคนนี้แหละเหมะกับท่านมาก” ริโกะยื่นแผนที่สองแผ่นให้อาคาชิกับคุโรโกะ

    “พวกเขารายละเอียดอยู่ในแผนที่แล้วนะส่วนพวกที่เหลือตามชั้นกับคิโยชิมาเลย” ริโกะบอก ส่วนอาคาชิกับคุโรโกะก็มองชื่อที่ปรากฏในแผนที่ในมือซึ่งทั้งสองได้พึมพำชื่อของคนที่ต้องไปค้างด้วย

    “ฟุริฮาตะ โคคิ”
    “คางามิ ไทกะ...”

    --------------------------------------------------
    ฟิคนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องจากที่โพสในบล๊อคไปพอสมควรโดยจเน้่นที่คู่หลักคือ อาคาฟุรินะจีะ แต่จะมีคู่อื่นแทรกมาแล้วแต่ตอนนะจ๊ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×