คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : GEN 2 LOVES EP 3
ตอนที่ 3 Party
“รุก.....” โคฮาคุกล่าวออกมาหลังเขาจัดการกับตัวหมากของอีกฝ่ายไปได้ 1ใน 3แล้วร่างสูงขยับยิ้มออกมา
“ไม่ได้กินหรอก...” ยามิขยับตัวหมากหลบแววตาของเขาจ้องไปยังดวงตาของอีกฝ่าย
“อ่านความรู้สึกไม่ออกเลยเจ้านี่...ไม่ธรรมดา” ยามิคิด
“ก็ไม่แน่หรอก...” โคฮาคุเดินหมากตัวต่อไปมากินหมากของยามิไปตัวหนึ่งพร้อมขยับรอยยิ้มมุมปากออกมาแสดงถึงความมั่นใจในตัวเอง
“....ไม่เบาๆ....” ยามิยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะเดินหมากตัวต่อไป
“รุก....” ยามิกล่าวออกมาหลังเกมผ่านไปอีก 5 นาทีสร้างรอยยิ้มให้โคฮาคุทั้งสองก็เล่นหมากรุกต่อไปเรื่อยๆโดยที่ตัวหมากของทั้งสองฝ่ายค่อยๆน้อยลงเรื่อยจนกระทั่ง
“ฉับๆๆๆๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์(?)ของเขาดังขึ้นมา
“ฮัลโหลครับ ครับพ่อ..โอเคครับจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” โคฮาคุรับคำก่อนจะวางสายไป
“ขอโทษนะครับผมต้องไปแล้ว....ไว้มาเล่นกันใหม่นะครับ ฮานามิยะคุง” โคฮาคุบอกด้วยท่าทางเสียดายสุดๆ
“ถือว่าเสมอแล้วกัน..หวังว่าครั้งต่อไปจะรู้ผลนะ ฟุริฮาตะคุง” ยามิยิ้มออกมา
“ผมเองก็หวังเช่นนั้นครับ....ฮานามิยะคุง.....ไว้เจอกันนะครับ” โคฮาคุกล่าวก่อนจะวิ่งกลับไปที่สนามบาสอีกครั้งก็พบเด็กหนุ่มอายุไล่เลี่ยกับเขาอีกห้าคนยืนอยู่ที่สนามบาสส่วนพวกพ่อของเขาก็ไปนั่งข้างๆสนามแทน
“....เฮ้ นายเล่นบาสกัน” โยชิสึนะพูดออกมาก่อนคนแรกพร้อมยิ้มตาหยีคล้ายๆคางามิ
“ดีจ้า” ชิโระกับมิไรทักทายพร้อมกันด้วยรอยยิ้มสว่างไสว
“..สวัสดี” ไอซาวะทักทายด้วยท่าทางไม่เต็มใจเท่าไหร่
“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มที่หน้าสวยพอๆกับชิโระทักทายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“สวัสดี..เอ่อ..พวกนายใช่ลูกๆของน้าไทกะ น้าเท็ตสึยะ น้าชินทาโร่ น้า..เอ่อชูโซ..แล้วก็น้าทัตสึยะสินะ” โคฮาคุถามออกมาซึ่งก็ได้รับการพยักหน้าแทนคำตอบจากทั้ง 5 คน
“ผมชื่อ มุราซากิบาระ มาซาฮิโระ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” มาซาฮิโระแนะนำตัวกับโคฮาคุด้วยรอยยิ้มหวานแน่นอนว่าโคฮาคุก็รู้ทึ่งกับความสวยของคนตรงหน้าเพราะหากไม่พูดคำว่าครับออกมาเขาคงไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้าเขาเป็นผู้ชาย
“ อาโอมิเนะ โยชิสึนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” โยชิสึนะบอกก่อนจะพุ่งไปดังค์ลูกบาสลงห่วง
“มิโดริมะ มิไร” มิไรยิ้มก่อนจะชูสองนิ้วให้โคฮาคุ
“คิเสะ ชิโระจ้า ยินดีที่ได้รู้จักน๊า” ชิโระยิ้มตาหยีทำให้ไอซาวะข้างๆหน้าแดงขึ้นมาซะเฉยๆ
“นิจิมูระ ไอซาวะ” ไอซาวะแนะนำตัว
“อาคาชิจจิอยากให้มารู้จักกันก่อนไปงานเลี้ยงก็ไม่บอกนึกว่าคุโรโกจจิหายออกไปพร้อมชิโรจจิแล้ว นึกว่าโดนลักพาตัวไปซะอีกเฮ้อ” คิเสะที่โดนอาคาชิหลอกว่าเมียกับลูกโดนลักพาตัวไปจนต้องรีบบึ่งมามุ่ยหน้าออกมา
“แล้วเรื่องชุดจะเอายังไงล่ะอาคาชิ พวกเราไม่ได้เตรียมชุดมางานเลี้ยงนะ” อาโฮ่อาโอมิเนะร้องท้วงออกมาด้วยท่าทางไม่ค่อยพอใจ
“ไม่ต้องห่วง ทางพวกชั้นมีชุดไว้มอบให้พวกนายเรียบร้อยแล้วล่ะงานจะเริ่มตอนเย็นๆตอนนี้ก็เล่นๆกันฆ่าเวลาตอนเที่ยงก็ไปกินข้าวที่โรงแรมที่จัดงานซ้อมเรื่องการเต้นสักหน่อยก็สมบูรณ์แล้วล่ะ” อาคาชิยิ้มอออกมาทำเอาทุกคนรู้สึกว่าไม่ปฏิเสธจะเป็นศรีแก่เงาหัวเป็นที่สุดแม้จะไม่เห็นไอเทมประจำตัวพี่ท่านก็ตาม
“โอเคๆ ตอนนี้ก็ไปเล่นบาสกันเถอะ” คางามิบอกเป็นสัญญาณดึงรุ่นพ่อและรุ่นลูกเข่าสู้การเล่นบาสทันที
ตอนเที่ยง
“สุดยอดดดดด” โยชิสึนะมองไปรอบๆตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องทานอาหารแบบบุฟเฟ่ห์ของโรงแรมระดับ 5 ดาวความหรูหรานี่ไม่ต้องพูดถึงหรูระดับชนิดที่ว่ามองไปรอบๆนี่ส่องประกายด้วยความงามของการตกแต่ง
“หรูสุดๆ......” มิไรมองไปรอบๆด้วยท่าทางทึ่งๆ
“”แม่เจ้า.....” ไอซาวะนี่อ้าปากค้างไปเรียบร้อยแล้ว
“หรูจริงๆนะเนี่ย” ชิโระร้องออกมาต่างกับมาซาฮิโระที่ดูจะเฉยๆกับความหรูหรา
“เอาล่ะตักทานได้ตามสบายนะครับ แล้วพอกินข้าวเสร็จก็อย่าลืมไปซ้อมเต้นกันด้วยนะครับ” โคฮาคุบอกยิ้มๆก่อนจะแยกไปตักอาหาร
“ว้าว งั้นไปผมไปล่ะน๊า” มิไรวิ่งนำออกไปก่อนทันที
“เฮ้ย ไปไม่รอกันเลย” โยชิสึนะวิ่งตามไปทันที
“นั่งโต๊ะเดียวกับผมนะนิจิมูระคุง” ชิโระขอร้องพร้อมจับมือของไอซาวะไว้ทำให้ไอซาวะหน้าขึ้นสีอ่อนๆ
“อะ...เอ่อ..ก็ได้แต่รู้ไว้ด้วยว่าเพราะชั้นไม่รู้จะไปนั่งกับใครต่างหากเข้าใจมั้ย” ไอซาวะบอกโดยหันหน้าไปอีกทาง
“ให้ตายสิ....เจ้านี่มันผู้ชายไอซาวะท่องไว้...อย่าเขวๆ” ไอซาวะคิดในใจระว่างที่โดนลากไปเลือกโต๊ะที่จะนั่ง
“..ทุกคนนี่คล้ายๆคุรพ่อมากกว่าคุณแม่นะเนี่ย.....เอ่อคงจะยกเว้นมิโดริมะคุงน่ะนะ” มาซาฮิโระมองภาพตรงหน้าพลางยิ้มแห้งๆแล้วเหลือบไปมองพวกผู้ใหญ่ที่นั่งทานข้าวพลางรำลึกความหลังไปด้วย
“แต่ว่าทุกคนมีความสุขก็ดีแล้วล่ะนะ” มาซาฮิโระยิ้มก่อนจะแยกไปตักอาหารของตัวเองบ้าง
“เอ่อ อาโอมิเนะคุงตักเยอะไปรึเปล่าน่ะ” มิไรยิ้มแห้งๆหลังจากที่มองเห็นอาหารที่มากมายหลายสิบจาน
“เรียกผมว่าโยชิสึนเถอะ เรียกแบบนั้นมันเหมือนที่หน้าเท็ตสึยะเรียกพ่อของฉันเลยนะ” โยชิสึนะบอกพลางเริ่มสวาปามด้วยท่าทางที่ก๊อปปี้คุณแม่มาอย่างเห็นได้ชัด
“สำเนาถูกต้อง...” พ่อลูกมิโดริมะคิดเหมือนกันทันที
“แล้วนายไม่กินเหรอ มิไร” โยชิสึนะถาม
“อ๊ะ อื้ม ว่าแต่โยชิสึนะคุงเต้นรำเป็นรึเปล่า” มิไรถาม
“ก็เป็นแต่ว่าฉันไม่ค่อยถนัดเลยนายช่วยสอนฉันทีสิ มิโดริมะคุง” โยชิสึนะบอกแล้วยิ้มตาหยี
“..เรียกผมว่ามิไร โยชิสึนะ” มิไรบอกพร้อมขยับหน้าเข้ามาใกล้
“อะ...เอ๋...ทำไมล่ะเรียกมิโดริมะคุงก็ดีอยู่แล้วนี่” โยชิสึนะบอกพร้อมกับหัวใจที่เริ่มเต้นผิดจังหวะไปทันทีที่ร่างบางขยับเข้ามาใกล้
“ทีอาโอมิเนะคุงยังให้ผมเรียกว่าโยชิสึนะเลยถ้าอยากให้ผมเรียกชื่อ นายก็เรียกชื่อผมก่อนสิ อาโอมิเนะคุง” มิไรบอกพร้อมขยับหน้าเข้ามาใกล้จนใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่ประมาณ 1 ฝ่ามือ
“...กะ..ก็ได้...มะ..มิไร...ช่วยขยับออกไปก่อนเถอะ....” โยชิสึนะบอกเพราะเหลือบไปเห็นสายตาที่น่ากลัวของมิโดริมะ ชินทาโร่ที่จ้องมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“น้าชินทาโร่อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น ลูกน้าทำเองผมไม่ได้ท้ามมมมมมมม” โยชิสึนะคิดในใจ
“อื้ม โยชิจัง” มิไรเรียกออกมาทำเอาโยชิสึนะใจเต้นแรงอีกครั้ง
“ไอ้ความรู้สึกนี่อีกแล้ว...นี่เราเป็นอะไรไปนะ...เรา..เรา....โว้ยยยย” โยชิสึนะคิดก่อนจะขยี้หัวตัวเองจนยุ่งก่อนจะก้มลงสวาปามอาหารต่อทันที
“ไอซาวะๆ ที่นายใช้ชกไอ้โรคจิตนั่นใช่ขวาตรงของคาราเต้รึเปล่าน่ะ” ชิโระถามออกมาทั้งที่ยังยัดของกินเต็มปาก
“....อื้ม กินให้เสร็จก่อนค่อยพูดเซ่ไอ้หน้าสวย” ไอซาวะร้องออกมาก่อนจะยื่นผ้าเช็ดปากให้
“แหะๆ โทษทีๆ” ชิโระลูบหัวเขินๆอย่างน่ารัก
“น่ารัก เห้ยไม่ใช่ไอซาวะ เจ้านี่มันผู้ช้ายยยยย” ไอซาวะคิดก่อนจะขยี้ผมตัวเองจนยุ่งไปหมด
“ไอซาวะคุง เป็นอะไรรึเล่า ระ...เราทำอะไรผิดรึเปล่า” ชิโระดูจะตกใจและมีน้ำตาคลอ
“ฮะ...เฮ้ย ชั้นไม่ได้ว่าอะไรนายซะหน่อยอย่าร้องนะ!!” ไอซาวะร้องออกมาทันที
“ก็ท่าทางของนาย...มะ...เหมือนรำคาญผมนี่...ผะ...ผม..คะ..แค่อยากเป็นเพื่อนกับไอซาวะคุง...อย่ารำคาญผมได้มั้ย...ไอซาวะคุง......” ชิโระบอกทั้งที่น้ำใสๆคลออยู่บนดวงตาสีอำพันกลมโตยิ่งที่ทำให้น่าสงสารเข้าไปใหญ่
“OMG มันโมเอะอย่างมหาศาลเลยโว้ยยยย ไอซาวะจะไม่ทนแล้วววว” ไอซาวะจัดแจงยกผ้าขึ้นซับน้าให้คนตรงหน้าทันที
“ไม่ร้องนะ ไม่ร้องๆ ชั้นไม่ได้รำคาญอะไรนะ เรามาเป็นเพื่อนกันนะชิโระ” ไอซาวะเอ่ยออกมาตามที่หัวใจสั่งการพอรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นรอยยิ้มประมาณว่า” ร้ายนะเรา”จากคุณพ่อที่เคารพก็หน้าแดงขึ้นมา
“...ชั้นไปหาอะไรกินเพิ่มนะ” พูดจบเด็กหนุ่มผมเทาก็รีบแยกไปตักของกินด้วยความเขินทันที
“ฟุริฮาตะคุงไม่กินอะไรสักหน่อยเหรอ” มาซาฮิโร้เดินมาถามหลังเห็นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลออกมาชมวิวที่ระเบียงตั้งนานแล้ว
“เอ่อ ผมยังไม่หิวนะ มาซาฮิโระไปกินก่อนเลยไม่ต้องห่วงผม” โคฮาคุบอก
“อื้ม งั้น....ผมไปก่อนนะ หวังว่าผมคงได้ร่วมโต๊ะกับอาคาชิ โคฮาคุนะ” มาซาฮิโระบอกพร้อมวิ่งกลับไปทางห้องอาหาร
“..เขาไปแล้วล่ะ พ่อทูนหัว” โคฮาคุพูดขึ้น
“อันตรายเอาเรื่องนะ...เด็กคนนั้นน่ะ” เสียงที่เหมือนกับเสียงของอาคาชิ เซย์จูโร่ดังขึ้นมาพร้อมกับร่างโปร่งแสงที่มีลักษณะคล้ายอาคาชิ เซย์จูโร่แต่ต่างกันตรงที่อาคาชิคนนี้จะมีดวงตาสองสีที่ดูน่ากลัวกว่าอาคาชิที่นั่งอยู่ภายใน
“อันตราย...อา...ครับ โป๊กเกอร์เฟซสินะครับ” โคฮาคุถามย้ำ
“...อืม..แต่เอาเถอะตอนนี้คนที่ผมคอยเฝ้ามองโตขนาดนี้แล้วนี่นะ...” ร่างโปร่งแสงนั้นยกมือขึ้นลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“พ่อทูนหัว ผมอายุ 15 แล้วนะ...” โคฮาคุมุ่ยหน้าออกมาเล็กน้อย
“ฮะๆ ยังไงในสายตาของผมคุณก็ยังเป็นเด็กน้อยขี้อ้อนที่ชอบนอนตักเหมือนเดิมนั่นแหละ” ร่างโปร่งแสงยิ้ม
“โธ่ พ่อทูนหัวก็....” โคฮาคุหน้าแดงขึ้นมา
“...ว่าแต่สนใจใช่มั้ยเจ้าเด็กที่ชื่อว่า ยามิน่ะ” ร่างโปรงแสงถามออกมา
“อื้ม....ผมสนใจเขา....มากเลยล่ะครับ” โคฮาคุบอก
“งั้นก็ไปคว้ามาซะ อยากได้แล้วเอาแต่เฝ้ามองคุณจะไม่ได้อะไรสักอย่าง อีกอย่างผมเชื่อว่าคุณทำได้ อาคาชิ โคฮาคุ” ร่างโปรงแสงยิ้ม
“แน่นอนอยู่แล้วล่ะครับ....พ่อทูนหัว” โคฮาคุยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องอาหาร
“จะไปกันรึยังครับคุณแม่” ยามิถามออกมา
“อื้ม แต่แกดูอารมณ์ดีนะ เจอเรื่องดีๆมาล่ะสิ” ฮานามิยะถามเพราะมองเห็นความสุขและสนุกในแววตาของลูกชายตัวเอง
“แค่เจอคนที่น่าสนใจมากๆน่ะครับ....” ยามิยิ้มมุมปาก
“ฮึ แกอยากได้ไม่ใช่รึไงคนที่น่าสนใจที่ว่านั่นน่ะ” ฮานามิยะกระตุกยิ้มถาม
“ก็ไม่รู้สินะครับ” ยามิยิ้มออกมาก่อนสองแม่ลูกจะก้าวออกไปจากบ้านพร้อมกับขึ้นรถมุ่งหน้าสู่โรงแรมอันเป็นสถานที่จัดงาน
“เอ่อ ตื่นเต้นจังเลย..ผมจะทำได้ดีมั้ยนะ” มิไรในชุดสูทสีดำมองไปรอบๆอย่างประหมาเล้กน้อยเพราะตอนนี้มีแต่คนใหญ่คนโตทางธุรกิจทั้งนั้นเลย
“ทำได้อยู่แล้วล่ะ เพราะวันนี้พ่อให้ไอเทมนำโชคมาให้ลูกเลยนะ” มิโดริมะติดโบว์สีเขียวให้ลูกชาย
“อะ ฮะคุณพ่อ” มิไรยิ้มกว้างก่อนจะเดินเข้างานไปก็พบกับคนๆหนึ่งที่กำลังมองหาของกินอย่างดุเดือด อาโอมิเนะ โยชิสึนะ
“โยชิจัง!!” มิไรวิ่งเข้าไปหาโยชิสึนะที่กำลังเดินหาของกินอยู่
“อ้าว มิไร....นาย...น่ารักขึ้นเยอะเลยนะ” โยชิสึนะยิ้มตาหยีก่อนจะจับมือของมิไรไว้
“อะ..เอ๋!! นี่โยชิจัง ผมเป็นผู้ชายนะโดนชมว่าน่ารักผมไม่ดีใจหรอกนะ” มิไรหน้าแดงขึ้นมาอ่อนๆ
“ฮะๆ ก็ปกติหน้าตานายก็น่ารักอยู่แล้วมีโบว์สีเขียวก็ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่” โยชิสึนะชมออกพร้อมยิ้มตาหยี
“อะ......ไอ้บ้า!!” มิไรฟาดแขนโยชิสึนะอย่างแรง
“โอ้ย....นายทำอะไรของนายเนี่ย” โยชิสึนะถามออกมา
“..ก็นายนั่นแหละ โยชิจัง บ้า” มิไรบอกก่อนจะเดินแยกไปทันที
“อ่าว นี่ฉันทำอะไรผิดเนี่ย” โยชิสึนะเกาหัวอย่างสงสัยก่อนจะเดินตามไปทันที
“น่ารำคาญชะมัดไอ้ชุดนี้เนี่ย” ไอซาวะบ่นออกมาพร้อมใบหน้าบูดบึ้ง
“ไอซาวะ ผมใส่ชุดนี้เป็นไงบ้างฮะ” ชิโระวิ่งมาหาเขาในชุดสูทสีขาวบริสุทธิ์ยิ่งทำให้ร่างบอบบางดูน่ารักขึ้นมาก
“.....น่ารัก.....” ไอซาวะหลุดปากออกมาใบหน้าคมที่เหมือนนิจิมูระขึ้นสีระเรื่อ
“...ฮะๆ งั้นเหรอฮะ เหมือนกับที่คุณพ่อบอกไว้เลย” ชิโระยิ้มออกมา
“......งั้นเราเข้างานกันเถอะนะ ไอซาวะคุง เราควรจะก่อนที่เจ้าของงานเขาจะเข้างานนะ” มิไรบอกก่อนจะดึงมือไอซาวะเข้างานไปพร้อมกัน
“นี่เสื้อคลุมครับคุณหนู” เสียงของบอดี้การ์ดของโคฮาคุดังขึ้น
“โธ่ ลุงมายุสุมิครับ ผมบอกให้เรียกผมว่าโคฮาคุเฉยๆไงครับ” โคฮาคุบอกพร้อมรับเสื้อคลุมมาใส่แบบอาคาชิสมัยอยู่ราคุซัน
“ขอโทษครับแต่ตอนนี้..ผมจำเป็นต้องเรียกคุณหนูแบบนี้ครับเพราะเราอยู่ในสังคมแล้ว” มายุสุมิบอกพลางเดินนำเด็กหนุ่มไปจนถึงงานเลี้ยง
“ อ้าว มาแล้วสินะ ผมมุราซากิบาระ มาซาฮิโระ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณหนูอาคาชิ” มาซาฮิโระยิ้มก่อนจะยื่นมือไปหาโคฮาคุ
“....ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน...มุราซากิบาระคุง” โคฮาคุยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปถึงแท่นพิธีเพื่อกล่าวคำขอบคุณแก่ผู้มาร่วมงานท่ามกลางความตกตะลึงของคนสามคน
“....ท่าทางแบบนั้นมันคล้ายกับ...อาคาชิเมื่อตอนนั้น...” ฟุริฮาตะร้องออกมา
“.....เหมือนมาก...แต่ว่าคงไม่เป็นไรเพราะแววตาของเขายังคงเป็นโคฮาคุอยู่....ไม่ใช่เจ้านั่น” อาคาชิบอกเรียบๆ
“อะ...นั่นสินะท่าทางแบบนี้ทำให้เขาดูเท่ดีนะไม่มีเค้าของเด็กขี้อ้อนเลย” ฟุริฮาตะยิ้มออกหลังได้รับคำยืนยันจากอาคาชิ
“อาคาชิ.....เจ้านั่น...ไม่ใช่ฟุริฮาตะ โคฮาคุเหรอเนี่ย” ยามิแทบจะอ้าปากค้างถ้าไม้ติดว่าเหลือบไปเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยของผู้เป็นแม่
“นี่แกไม่รู้รึไง ว่าเจ้านั่นเลือกใช้ได้สองนามสกุลน่ะเป็นคนที่ตัวเองสนใจยังไม่รู้เลยยังต้องฝึกอีกมากนะ ฮึๆ” ฮานามิยะยิ้มเยาะเย้ยลูกชายของตัวเอง
“.....แค่พลาดไปหน่อยเท่านั้นแหละ....ว่าแต่ใกล้จะถึงเวลาเต้นรำแล้วนี่แม่จะไปหาคู่ที่ไหนล่ะ พ่อก็ไม่มาด้วยนี่..” ยามิถาม
“..แม่หาได้อยู่แล้วน่า..จริงมั้ยคิโยชิ” ฮษนามิยะยิ้มมองอดีตคู่กัด
“...รบกวนด้วยจริงๆน๊า พอดีว่าฮิวงะไม่ชอบงานประเภทนี้น่ะ...” คิโยชิยิ้มแห้งๆก่อนจะจับมือกับฮานามิยะแล้วพากันไปอีกทาง
“...ประชดพ่อแหงๆ วันนี้นอนโรงแรมนี่สักวันดีมั้ยนะ...” ยามิพึมพำก่อนจะมองไปรอบๆงาน
“มีคู่ที่จะเต้นเปิดฟลอร์ตอนนี้มีสองคู่แล้วสินะ...เหลือแค่คู่ของเจ้าของงานแล้วน่ะสิ...” ยามิมองไปทางคู่แรกซึ่งก็คือนายแบบชื่อดังคิเสะ ชิโระกับอีกคนที่เขาไม่รู้จัก
“ดีใจจังที่ไอซาวะจะเต้นรำกับผม” ชิโระพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มสว่างไสว
“...ชะ...ชั้นไม่ได้อยากจะเต้นรำกับแกนะไอ้หน้าสวย..ชะ..ชั้นแค่หาคู่ไม่ได้เท่านั้นเอง” ไอซาวะบอกพร้อมหน้าขึ้นสีอ่อนแล้วหลบตาร่างบาง
“.....พวกปากไม่ตรงกับใจกับพวกที่สว่างจนแสบตาเหรอ ไม่เห็นหน้าสนใจเลย” ยามิเปลี่ยนไปมองอีกคู่หนึ่งที่คนตัวโตกว่าทำท่าเก้ๆกังๆ
“แบบนี้ใช่มะ” โยชิสึนะถาม
“อื้มใช่แล้วล่ะ เก่งขึ้นแล้วนี่โยชิจัง” มิไรยิ้มกว้างเหมือนจะหายโกรธแล้ว
“งั้น.....ช่วยเต้นรำกับผมนะครับ..มิไร” โยชิสึนะยิ้มตาหยีให้มิไรซึ่งมิไรก็พยักหน้าแทนคำตอบ
“......เรียกเขาว่าจังแต่คนเรียกยังน่ารักกว่าเลย....ให้ตาย..ว่าแต่ทำไมเจ้าของงานถึงยังไม่เลือกคู่เต้นซะทีนะ..” ยามิบ่นก่อนจะมองไปทางแท่นพิธีที่ร่างสูงยืนอยู่มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
“..อา..เหมือนผมจะได้คู่เต้นแล้วล่ะครับ” โคฮาคุเดินลงมาแล้วเดินตรงผ่านกลุ่มผู้หญิงมาทางยามิแล้วกล่าวออกมาพร้อมมอบรอยยิ้มที่ทำให้สาวๆที่เห็นก็พากันสลบไปทันที
“...คุณจะเป็นคู่เต้นในการเต้นรำเปิดฟลอร์ให้ผมได้มั้ยครับ....ฮานามิยะคุง”
ความคิดเห็น