ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Naruto Bakery ร้านน้ำชาสไตล์นารุโตะ

    ลำดับตอนที่ #13 : [Mini Fic]---Akatsuki…กระบี่จ๋าผมมาแว้ว! Part1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 275
      1
      5 ก.ค. 55

    [Mini Fic]---Akatsuki…กระบี่จ๋าผมมาแว้ว!

    (ภาคต่อจาก มินิฟิคเรื่อง Akatsuki…Happy Halloween Day!!!)

    คุณคงยังจำได้ถึงคืนวันปล่อยผีอันแสนสนุกสนานของเหล่าสมาชิกองค์กรแสงอุษา...และ ณ เวลานี้...(2 เดือนผ่านไป ไวเพราะโกหก) ความบ้าฮามันส์จะหวนกลับมาหาพวกคุณอีกครั้ง!!!

    ค่ำคืนหนึ่งในเดือนธันวาคมอันหนาวเหน็บของอาเมะงาคุเระ สถานที่ลับขององค์กรชั่วร้าย(?)แห่งหนึ่งกำลังคุกกรุ่นไปด้วยความตื่นเต้น แสงไฟสีเหลืองนวลตาส่องผ่านกระดาษไขออกมาปรากฏเป็นเงาตะคุ่มๆของเหล่าสมาชิกแต่ละคน...

    ใช่แล้ว! นี่คือคืนธรรมดาๆทว่าสำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา!!! มันคือ...!

    “เฮ้ย! เมื่อไหร่จะประกาศซักทีเนี่ย!!! ฉันรอมาเป็นชาติแล้วนะ!!!” เสียงน่ารำคาญที่น่าจะเป็นของฮิดันดังขัดจังหวะไรเตอร์ขึ้นมาเสียก่อน ...มะเหงกนี่แน่ะ! ฮึ่ย!

    “เร็วน่าโคนัน ฉันจัดกระเป๋ารอตั้งแต่ 2 เดือนก่อนแล้วนะ เธอก็รู้อยู่ว่าฉันไม่ชอบการรอคอย...” ซาโซริเอ่ยเนิบๆมาจากโซฟาตัวนุ่ม ข้างๆกันนั้นคือเดอิดาระที่นั่งชิว(หล่อวันหล่อคื...อุ๊บส์!)อย่างไม่สนใจอะไร

    แหม...ก็พาร์ทเนอร์คู่นี้เขาได้ไปชัวร์ๆอยู่แล้วนี่นา...

    “โอเคๆ ฉันจะจบเรื่องเดี๋ยวนี้แหละ” คุโนะอิจิหนึ่งเดียวในองค์กร (ชายโฉด) ยืดตัวขึ้นก่อนจะเกริ่นเรื่องพอเป็นพิธี

    “โอเค พวกนายคงยังจำกันได้ว่าเรามีตั๋วเครื่องบินไปกระบี่อยู่ 6 ใบ สำหรับพาร์ทเนอร์ 3 คู่ ซึ่งฉันได้ตั้งเป็นรางวัลสำหรับผู้ชนะในการรีด...เอ้ย! หาเงินเข้าองค์กรเมื่อ 2 เดือนก่อน...” สาวผมฟ้าเว้นจังหวะนิดหนึ่งพร้อมกับค้อนวงใหญ่ไปทางอิทาจิ “แน่นอน...ผู้ชนะของเราได้สละสิทธิทำให้อันดับสองอย่างฉันกับเพนได้ตั๋วไปเป็นคู่แรก...”

    “แล้วก็ที่สามคือซาโซริกับเดอิดาระ...” มีเสียงวี้ดวิ้วดังกระหึ่มมาจากพี่น้องบ้าศิลป์

    “...ทีนี้...เราก็เหลือตั๋วอยู่แค่สองใบ โชคร้ายที่พวกนายไม่อาจหาเงินเข้าองค์กรแถมยังโดนโยนเข้าซังเตจนฉันต้องเจียดเงินไปประกันตัวออกมา เพราะฉะนั้น...” หญิงสาวปรายตาไปยังฮิดัน คาคุสึ เซ็ตสึ และโทบิ

    ปึ๊ก! แจกันใส่ไม้เสียบลูกชิ้นถูกกระแทกลงบนโต๊ะกลางวง “...พวกนายต้องจับไม้สั้นไม้ยาวกัน!!!

    “ฮ่า! ฉันเอาอันนี้!!

    “ไม่นะ! นั่นของฉันตะหาก!!!

    “ไปตายซะไอ้หัวขโมย! ใครมาก่อนได้ก่อนสิวะ!!!

    เกิดความชุลมุนขึ้นเล็กน้อยระหว่างผู้เสี่ยงทายทั้งสี่คน แต่แล้วในที่สุดก็ลงเอยกันได้โดยกำไม้ไว้คนละอัน

    “เอาละนะ 1 2 3!!!!

    โชะ! ไม้เสียบลูกชิ้นทั้งสี่ถูกกระชากขึ้นมาจากแจกันอย่างแรง พลันบรรยากาศในห้องนั่งเล่นแห่งนั้นเงียบลงทันใด ไม่มีใครเหลียวมองแจกันที่แตกละเอียดอยู่บนพื้นแม้แต่น้อยเพราะสายตาทุกคู่นั้นต่างจ้องอยู่ที่ปลายไม้ทั้งสี่ตะหาก!!!

    “เอ๋!!!

    แม้แต่ซาโซริกับเดอิดาระที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่อีกมุมก็ยังต้องอ้าปากค้าง เห้ย! นี่เจ๊โคนันเขาพูดผิดรึเปล่า? บอกอยู่หยกๆว่าจับไม้สั้นไม้ยาวแล้วไหงมันถึงยาวเท่ากันหมดอย่างงี้ล่ะเห้ย!!!

    “อ้อใช่ ลืมบอกไป สีเขียวรดน้ำต้นไม้ ส่วนสีแดงกวาดบ้าน ซักผ้าแล้วก็ล้างจานนะ” โคนันแย้มรอยยิ้มเลศนัยก่อนจะโบกมือเป็นเชิงไล่ “เอาละๆ ไปจัดของกันได้แล้ว!

    นินจาผู้เสี่ยงทายทั้งสี่ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กเหมือนยังไม่เข้าใจกับคำพูดนั้น เอ๊ะ! สีเขียวสีแดงอะไรกันวะ!!!

    “เห้ย!!!

    ...ไม้เสียบลูกชิ้น 4 ไม้~…(เสียงเพลงจากอีกมิติดังคลอมาเบาๆ)

    ...หนึ่งทาปลายเป็นสีเขียว~….

    ...ส่วนอีกหนึ่งโดนแต้มด้วยสีแดง~

    ...เหลืออีกสองคือผู้โชคดี~!...

    และคำตอบมันก็ปรากฏชัดตรงหน้าพวกเขา ไอ้ตาถั่วเอ้ย!!!

    คาคุสึ...เริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดีขณะก้มลงมองไม้เสียบลูกชิ้นปลายสีเขียวของเขา

    โทบิ...เหมือนจะมีอาการของโรคลมชักขึ้นมากะทันหันลงไปดิ้นกะแด่วๆอยู่กับพื้นพร้อมไม้แต้มสีแดงในมือ...

    แสดงว่า!!!

    “ย้าฮู้!!! ในที่สุด!!! ได้-ปาย-แล้ว-โว้ย!!!!” ร่างของฮิดันกับเซ็ตสึกระโดดโลดเต้นไปทั่วห้องอย่างลิงโลด จากนั้นก็วิ่งโครมครามมุ่งหน้ากลับไปยังห้องของตนเพื่อเริ่มต้นเก็บของ

    แกรก! ไม้เสียบลูกชิ้นที่ถูกทาด้วยสีเขียวและแดงร่วงหล่นจากมือที่หมดความรู้สึกของผู้โชคร้ายทั้งสอง โทบิและคาคุสึต่างค่อยๆหันมาสบตากันช้าๆอย่างคนลงเรือ (สู่นรก) ลำเดียวกัน ก่อนจะโผเข้ากอดอีกฝ่ายแล้วร้องไห้ฟูมฟาย...

    โอ๋ๆ...ไม่เป็นไรนะ ไรเตอร์ลูบหัวปลอบเบาๆแล้วจัดการเขกกะโหลกไปคนละที! เลิกงอแงซะทีไอ้เกย์ผีดิบ!!! หนวกหูชะมัด!!!!

    จากนั้นก็หันมายังผู้โชคดีทั้งหกคน...

    โคนัน เพน ซาโซริ เดอิดาระ (รวมถึงฮิดันและเซ็ตสึที่กำลังเก็บของอยู่ที่ห้อง)

    เอ้า...รออะไรกันอยู่ล่ะพวกนาย...?

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ณ สนามบินแห่งแคว้นเล็กๆนามอาเมะงาคุเระ...

    “ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ เที่ยวบิน Am000 สายการบิน RainAme Airline ที่จะออกเดินทางจากสนามบิน Ame International Airport ไปยังจังหวัดกระบี่ ประเทศไทย กรุณาขึ้นเครื่องที่ทางออกหมายเลข 0...”

    ร่างในชุดลำลองของนินจา 7 คนค่อยๆสาวเท้าก้าวผ่านประตูของสนามบินเข้ามาภายใน โถงทางเข้าเล็กๆของสนามบินประจำหมู่บ้านเวลานี้เงียบกริบและแทบจะร้างผู้คน  มีเพียงพนักงาน 2-3 คนที่เดินวุ่นไปมากับภารโรงแก่ๆ 1 คนเท่านั้น

    “ไปกันเถอะ!” เดอิดาระที่ยืนอยู่หน้าสุดแทบจะปิดความตื่นเต้นไว้ไม่มิด มือหนากำหูกระเป๋าเดินทางแน่นก่อนที่อีกมือจะคว้าได้พี่ชายผมแดงลากถูลู่ถูกังไปด้วยกัน ปล่อยให้ข้างหลังเดินเกาะกลุ่มตามกันมา

    “เห้ยนาย! นั่นจะไปไหนอีกละยะ!? เคาน์เตอร์อยู่ทางนี้!!” โคนันได้ทีตวาดแว๊ดใส่อิทาจิที่กำลังเดินดุ่มแยกไปอีกทาง หึ! นายนี่ตาถั่วจริงๆเล้ย!

    “ฉันก็จะไปตามทางของฉันสิ...” อิทาจิหันมามองพร้อมกระตุกยิ้มกวนโอ๊ยให้สหายร่วมองค์กรที่กำลังมองตาค้าง ใช่แล้ว! สองเท้า(คีบแตะ)ของเขาเพิ่งก้าวมาหยุดยืนอยู่บนพรมแดงของชั้น First Class นั่นเอง!!!

    เพล้ง! โคนันรีบสะบัดหน้าที่แตกละเอียดของตนลับมาทางเคาน์เตอร์เช็คอินอีกครั้ง ขณะที่คนอื่นๆส่งเสียงฮือฮาลั่นสนามบิน

    “สวัสดีค่ะ ให้ช่วยอะไรมั้ยคะ” นินจาสาวผู้ประจำอยู่หลังเคาน์เตอร์ยิ้มต้อนรับแบบแข็งๆ เหนือศีรษะของเธอนั้นมีป้ายติดไว้ว่า...

    …Super Economy Class…

    รีดเดอร์ทุกคนจำไว้เป็นบทเรียนแล้วกันนะว่า...ไม่มีของฟรี(ดีๆ)ในโลก! อุวะฮะฮ่าๆๆๆ!!!

    หลังจากโหลดกระเป๋าทั้ง 20 ใบ (เพน-1 โคนัน-5 ซาโซริ-6 เดอิดาระ-6 เซ็ตสึ-1 ฮิดัน-1) เป็นที่เรียบร้อยแล้วพวกเขาก็รับ Boarding Pass และเอกสารต่างๆมากรอกข้อมูลให้ครบถ้วน

    “ขอโทษนะคะคุณเซ็ตสึ เนื่องจากว่าขนาดตัวและความสูงของคุณเกณฑ์ที่เราได้กำหนดไว้สำหรับที่นั่งทั่วไป ดิฉันเสียใจที่ต้องบอกว่าคุณต้องโดยสารไปในห้องเก็บกระเป๋าค่ะ กรุณาไปโหลดตนเอ...อะแฮ่มๆ...โหลดได้ที่ช่องบริการ Y1* นะคะ” พนักงานสาวว่าต่อไปโดยไม่ลืมฉีกยิ้มแบบหุ่นยนต์ (*หมายเหตุ : ถ้ารีดเดอร์บางคนไปสนามบินก็ลองสังเกตได้นะคะ ช่องบริการ Y1 คือช่องที่ไว้โหลดสิ่งของเกินขนาดต่างๆ เช่น ถุงกอล์ฟ เป็นต้นค่ะ)

    “ฮ่าๆๆๆ นายนี่โชคดีจริงๆไอ้เซ็ต ฮ่าๆๆ ขอให้โชคดีนะเพื่อน” นินจาทุกคนส่งเสียงฮาครืนกับความ (โชคร้ายในโชคดี) ของเซ็ตสึ ส่วนเจ้าตัวก็หงอยไปถนัดตา

    ทว่าโคนันกลับไม่ฮาไปกับเขาด้วย...

    “คิดเงินเพิ่มรึเปล่า!?

    “ไม่คิดค่ะ”

    “โอเค!

    หลังจากทำการลา(ไล่)เซ็ตสึด้วยความอาลัยอาวรณ์(สะใจ)แล้ว เหล่านินจาก็มุ่งหน้าไปยังด่านต่อไปนั่นคือ...ด่านตรวจคนเข้าเมืองขาออกนั่นเอง!

    ตี๊ด~ ตี๊ด~~ เป็นไปตามคาดของไรเตอร์เมื่อเดอิดาระเดินผ่านประตูตรวจโลหะ เครื่องเจ้ากรรมก็ร้องทักทันที

    ตี๊ด~~ ตามมาด้วยซาโซริกับคัมภีร์เชิญหุ่นของเขา

    ตี๊ดๆๆๆๆๆๆ จนครบหมดยกแก๊ง...

    “เห้ยนาย! อย่ายุ่งกับกระเป๋าฉันนะ!” คู่พาร์ทเนอร์บ้าศิลป์ตะโกนออกมาพร้อมกันแล้วกระโจนเข้าไปขวางพนักงานที่กำลังเปิดกระเป๋าของพวกเขาออกมาตรวจ

    “ขอโทษครับ กฏของสนามบินห้ามนำดินเหนียวระเบิด และหุ่นเชิดขึ้นเครื่องบินครับ” พนักงานหนุ่ม(ผู้แจ็กพอดแตก)เอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ แต่แล้วก็รีบเสริมต่อ “รวมถึงยันต์ระเบิด คุไน ชูริเคน มีดดาบ เคียว และของมีคมอื่นๆด้วยครับ”

    “ซวยแล้วสิพวกนาย! ฉันบอกแล้วไงว่าให้ใส่กระเป๋าโหลดให้หมด!” โคนันบ่นอุบทั้งๆที่เธอเองก็โดนเรื่องยันต์ระเบิดเหมือนกัน

    “เอ่อ...” พนักงานพลิกเครื่องตรวจวัตถุอันตรายไปมาอย่างหนักใจ “ผมคงต้องขออนุญาตทำการยึดของทั้งหมด...ปาย..น้าคร้าบ...” แต่แล้ว สวรรค์ก็เหมือนจะเข้าข้างทั้งหมดเพราะอยู่ดีๆนินจาหนุ่มคนนั้นก็หยุดพูดไปเสียเฉยๆแถมยังยืนเหม่อลอยน้ำลายยืดอยู่ข้างสายพานเอ็กซ์เรย์

    ไม่สวรรค์เสวินหรอกที่ช่วย! แต่เป็นคุณอิทาจิตัวดีตะหาก!!!

    “ต้องให้ฉันออกโรงตลอดเลยใช่มั้ยเนี่ย...เฮ้อ...” สัญลักษณ์ของเนตรวงแหวนอ่านจันทราปรากฏเด่นอยู่ในแก้วตาสีแดงฉานของเจ้าตัว สองเท้าคีบแตะทอดน่องช้าๆผ่านเพื่อนร่วมองค์กรที่ยังยืนอ้าปากค้างกันอยู่เหมือนจะเย้ย ร่างสูงโปร่งนั้นเดินดุ่มๆตรงไปยังพนักงานที่ตกเป็น เหยื่อของตนก่อนจะใช้นิ้วเคาะบนหัวหนึ่งที

    “...เชิญ...คร้าบบบบ....” หนุ่มผู้โชคร้ายคนนั้นเอ่ยยานคางขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยว่าโดน อ่านจันทราเข้าไปเต็มๆ

    “ดีมาก” หนุ่มอุจิวะพยักหน้าคล้ายจะชมเชยแล้วก้าวจากไปอย่างคนไม่เหลือธุระอะไรอีกแล้ว

    “เอ่อ... เจ๊...”

    “...ว..ว่าไงยะ!

    “ขอบคุณมันดีรึเปล่าง่ะ?...”

    “ขอบคุณกะผีสิ!!!

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    “ฟู่! เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ฮ่าๆๆๆ”

    นี่คือเสียงของ...น่าจะเดาออกว่าเป็นใครนะ...

    โป๊ก!

    “เงียบๆสิวะเดอิ! เดี๋ยวก็โดนแอร์จับโยนออกจากเครื่องหรอก!!!” และนี่คือเสียงของพี่ชายผมแดงที่ดังพอๆกับเสียงแรก

    “ง่า...ดันนะอ่ะ โกรธบ่อยๆเดี๋ยวหน้าแก่เหมือนอิทาจินะ...”

    “นาย!!!...”

    “ขึ้นฉ่ายผัดกุ้งแห้ง หรือ กระเพาะปลาทรงเครื่อง จะรับอะไรดีคะ” แอร์สาวพ้นวัยละอ่อนทะลุขึ้นกลางปล้องราวกับจะแฝงความนัยไว้ว่า หุบปากแล้วสั่งอาหารสักทีสิยะ!!’

    “ขึ้น...เอ้ย! กระเพาะปลาครับ!” ทั้งสองตอบพร้อมกันโดยมิได้เตี๊ยมมาก่อน

    จากนั้นถาดหลุมเก่าคร่ำคร่าก็ถูกยัดใส่มือมาทันควันก่อนที่รถเข็นอาหารจะจากไปเร็วพอๆกับรถสปอร์ตเครื่อง V8

    “อี๋” เดอิดาระย่นจมูกให้กับอาหารตรงหน้า ส่วนซาโซริที่เพิ่งลองกระเดือกลงไปคำนึงก็แทบจะพ่นออกมาไม่ทัน

    แน่นอน! สายการบินห่วยๆแบบนี้อิทาจิไม่มีทางเดินขึ้นเครื่องมาอย่างแน่นอน! เจ้านั่นน่ะต้องนั่งชั้นเฟิร์สคลาร์สของสายการบินระดับโลกตรงไปยังยุโรปตะหาก!! แล้วดูพวกเราสิ! ไอ้เซ็ตก็โดนไปหมกอยู่ใต้ท้องเครื่อง ส่วนผมกับคนอื่นๆต้องมาทนอยู่กับอาหารกระเดือกไม่ลงอย่างนี้เนี่ยนะ!?!?

    เมื่อไม่มีอะไรทำและไม่มีอะไรกิน สิ่งเดียวที่มีให้ทำก็คือ...

    ครืด~...ครืดๆ ครืดดดด!!

    “จา...ถึง..ยางอ่า...”

    ครืดๆ..ครืดดดดด....

    “จาถึงกา...บี่...ยาง...”

    ส้อมพลาสติกเก่าๆในมือของเดอิดาระเริ่มอยู่ไม่สุกขณะที่เจ้าตัวก็พูดยานคางไปตามจังหวะเสียงครืดคราดน่ารำคาญนั้น แค่นี้ยังไม่พอ มืออีกข้างที่ถือช้อนก็เริ่มเคาะคู่กันเกิดเสียงอันไม่น่าพิศมัยดังไปทั้งเครื่องบิน

    ...สายตาหลายคู่เริ่มเกิดประกายไฟแล่นแปลบปลาบพร้อมกับเบนมาจ้องที่ซาโซริอย่างตำหนิ ทำให้หนุ่มซึนะเริ่มรู้สึกกระดากขึ้นมาบ้าง นี่! ผมไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็กนะ!!

    สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีกเมื่อฮิดันที่นั่งหลับอยู่แถวหลังส่งเสียงกรนขึ้นอย่างกับนักดนตรีประสานเสียง คราวนี้ขนาดแอร์สาวก็ยังต้องหันมามองอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

    ถ้ามีกัปตันอยู่ด้วยผมคงโดนเตะตกเครื่องบินไปแล้วใช่มั้ย?!?!?...

    “เดอิ”

    “หาๆ! ถึงแล้วหรอๆๆ!! ไชโย้! ถึงกระ...”

    โป๊ก!

    แทนที่ด้ามคุไนจะลงที่กลางกระหม่อมอย่างทุกครั้ง คราวนี้เป้าหมายกลับเป็นตรงท้ายทอยแบบกะให้หลับสนิท ส่วนผ้าเช็ดปากในถาดหลุมก็ถูกเปลี่ยนหน้าที่จากใช้เช็ดปากมาเป็นใช้อุดปากคนกรนดังข้างหลัง

    จบ!

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    พลบค่ำสีหมากสุกที่เคล้าไปด้วยกลิ่นอายแห่งทะเล บรรยากาศ ณ อ่าวนางยังพลุ่กพล่านด้วยคนนับนร้อยที่ออกมาเดินเล่นในตลาดริมชาดหาดอย่างคึกคัก ร้านรวงต่างๆพากันตบแต่งไฟหลากสีประชันกันส่วนบรรดาแม่ค้าก็ขยันโฆษณาสินค้าแก่ผู้คนที่ผ่านไปมาไม่หยุดหย่อน มีทั้งโมบายเปลือกหอยกระจุ๋มกระจิ๋ม ตุ๊กตาหินทรายแสนน่ารัก รวมถึงอาหารทะเลมากมายไม่ว่าจะนึ่ง ทอด ปิ้ง แดดเดียว หรือย่างก็ล้วนมีตั้งไว้ล่อตาล่อใจตลอดแนวโค้งของอ่าว

    สามล้อถีบสองคันเคลื่อนมาหยุดอยู่มุมหนึ่งของตลาดไม่ไกลจากท่าเรือนัก ร่างกำยำของชายฉกรรจ์ที่เพิ่งถีบรถมาถึงกำลังหอบแฮกๆอยู่ทั้งสองคน คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมพวกเขาได้หอบเหมือนจะเป็นลมชักตายอยู่ตรงนั้น ก็ดูผู้โดยสารกับสัมภาระที่พวกเขาเพิ่งพามาจากสนามบินสิ!!!

    “โอเค ถึงแล้ว!!” โคนันพูดอย่างกระฉับกระเฉงขณะก้าวลงจากรถมาเป็นคนแรก ตามมาด้วยเพนและเพื่อนร่วมองค์กรทั้งสี่ที่ไม่รู้ว่าใช้วิธีไหนถึงยัดลงในสามล้อคันเดียวกันได้ เบื้องหลังนั้นคือกระเป๋าสิบกว่าใบที่เป็นภาระให้ต้องจ้างสามล้อถีบตามมาอีกหนึ่งคันนั่นเอง!

    “หา! อย่าบอกว่าเราจะพักกันที่นี่นะโคนัน!?!” ฮิดันโพล่งออกมาเมื่อเห็นเพิงไม้เก่าๆซึ่งมีเรือสปีดโบทจอดเรียงกันอยู่ 3-4 ลำ “ฉันไม่เอาด้วยหรอก!

    “จะบ้าหรอแก!! เราจะนั่งเรือไปย่ะ! ไอ้สมองนิ่ม!!

    โอ้ๆๆ ถ้าไม่พูดถึงเครื่องบินห่วยๆกับอาหารแหยะๆแล้ว โรงแรมที่ต้องนั่งเรือไปก็ถือว่าไม่เลวทีเดียว!!!

    “โรงแรมที่เราจะพักน่ะอยู่กลางทะเล” คุโนะอิจิยืดอกแล้วเอ่ยอย่างภูมิใจ จากนั้นเธอก็หันมาส่งเสียงร่าเริงบอกคนถีบสามล้อทั้งสองให้ช่วยยกกระเป๋าไปที่เรือ

    ไม่นานเกินรอ เรือสปีดโบทลำหนึ่งก็แล่นตัดผืนน้ำออกจากท่าเรือตรงไปยังหมู่เกาะน้อยใหญ่เบื้องหน้า ภาพท้องเรือสีขาวสะอาดทะยานผ่านคลื่นน้ำที่ถูกย้อมด้วยแสงผีตากผ้าอ้อมช่างดูงามจับตายิ่งนัก...

    “เฮ้! ฮิ-ดัน...มา-นั่ง-ตรง-นี้-ด้วย-กัน-มั้ย!!!” เสียงตะโกนของเดอิดาระแทบจะกลืนหายไปกับสายลมที่พัดมาปะทะใบหน้า ขณะนี้เขากำลังนั่งตากลม (พูดอีกทีคือกระเด้งกระดอน) อยู่ตรงหัวเรือข้างๆพี่ชายผมแดง ผมสีเหลืองสดใสนั้นโดนลมตีจนแทบจะไม่เป็นทรงสวยอีกต่อไป

    “ม่ายอาวววว!!!” เสียงหนุ่มผมเทาแหกปากตอบกลับมาจากท้ายเรือ เฮอะ! รู้มั้ยว่าผมต้องใช้น้ำมันใส่ผมไปมากแค่ไหนกว่าจะทำให้ผมมันเรียบแปล้ได้ขนาดนี้น่ะ! นั่งไปคนเดียวเหอะ!!! ฮิดันไม่พูดอย่างเดียวยังถลึงตาแถมไปด้วยพร้อมกับนั่งกอดเคียวอยู่ตรงนั้นต่อไป

    “เดี๋ยวค่อยกลับไปใส่น้ำมันก็ได้” ซาโซริเอ่ยอย่างรู้ทันพลางส่งสายกวนโอ๊ยผ่านแว่นกันแดดอันเท่ให้สหายแสงอุษา

    “โอ๊ย! ช่างไอ้พวกศิลปินติ๊งต๊องนั่นเถอะ” โคนันพูดอย่างเบื่อหน่ายระหว่างที่จุดหมายของพวกเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว

    มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังนั่งเงียบใบ้กินอยู่ หนึ่งคือ ท่านชาย(เกย์)เพนที่นั่งอ่านโดจินเกย์ (ที่เพิ่งเก็บเงินไปซื้อมาใหม่) อย่างขมักเขม้น ส่วนอีกหนึ่งคือเซ็ตสึที่ยังอารมณ์บ่จอยเพราะโดนไล่ไปหมกอยู่ใต้ท้องเครื่องบินอับๆเหม็นๆนานหลายชั่วโมง

    และแล้ว! จุดหมายปลายทางของวันนี้ก็ปรากฎชัดสู่สายตาของพวกเขา! เกาะเล็กๆเกาะหนึ่งตั้งเด่นแยกตัวจากหมู่เกาะอื่นๆออกมา ป่าสีเขียวดูอุดมสมบูณร์นั้นมีอาคารสีน้ำตาลสวยขึ้นแซมประปรายลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นๆ ส่วนตัวอาคารหลักของโรงแรมก็ยิ่งใหญ่ตระการตานัก พื้นที่ของเกาะที่เทลาดลงมานั้นถูกแบ่งสัดส่วนออกอย่างชาญฉลาด มีทั้งห้องอาหารสุดหรู ล็อบบี้ ฟิตเนส รวมถึงสระว่ายน้ำมโหฬารที่สะท้อนแสงลำสุดท้ายของวันเป็นประกายระยิบระยับ เหล่าต้นมะพร้าวที่ยืนต้นเรียงแถวพากันไหวเอนน้อยๆเหมือนจะโบกมือต้อนรับพวกเขา

    เรือสปีดโบทลำน้อยค่อยๆล่องเข้าไปจอดเทียบตรงทุ่นยาวหลายร้อยหลาซึ่งเป็นท่าเรือลอยน้ำสุดเท่ห์ ก่อนที่นินจาทั้งหกจะทยอยลงจากเรือมาทีละคนๆ พนักงานต้อนรับยืนเรียงแถวกันอยู่ประมาณ 3-4 คนเพื่อช่วยแขกถือกระเป๋า แต่เมื่อเห็นกระเป๋าทั้ง 10 กว่าใบแล้ว...พวกเขาก็อยากจะโดดลงทะเลว่ายหนีไปเสียตรงนั้น

    ฮ่าๆๆๆ!!! แย่หน่อยนะ...

    “โว้วๆๆ!!! ไม่ชอบเลยอีแบบนี้!” ฮิดันอุทานเสียงดังระหว่างที่ทรงตัวอยู่บนทุ่นลอยน้ำอย่างหมิ่นเหม่ ไม่ไกลจากกันมากคือเดอิดาระที่กำลังมีปัญหาเช่นเดียวกัน...

    “อ๊ากกกก!!! ไม่นะ ดันนะช่วยด้วย!” หนุ่มอิวะร้องเสียงหลงเมื่อตนทำท่าจะทรงตัวอยู่ไม่ได้ คลื่นลูกเขื่องสาดซัดเข้ามาเล่นเอาทุ่นยาวหลายร้อยเมตรโคลงไปมาน่าหวาดเสียว เขาจึงผวาเข้ากอดซาโซริไว้ราวกับฟางเส้นสุดท้าย

    หึๆ เดอิเอ๋ยเดอิ...นายกับฮิดันยังเป็นนินจากันอยู่มั้ยเนี่ยห๊า! กักจักระไว้ที่เท้าสิฟระ!

    “เห้ยๆๆๆ เดอิ! นายรวมจักระไว้ที่เท้าสิ!” ซาโซริที่เดินทอดน่องอยู่ดีๆโดนน้องชายโผเข้ากอดเสียเต็มรักก็แทบจะเซตกทะเลไปแล้ว

    “ฮือๆ! ฉันกลัวปลิงทะเล!! แง้งงง!!!!!” เดอิดาระยังคงกอดพี่ชายผมแดงแน่นขณะที่เคลื่อนลูกใหญ่(มาก)ซัดโครมเข้ามา!!!

    “ห..เห้ย!

    ตูมมมม!!!

    คงไม่ต้องบอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อหรอกนะ...

    ...เพราะสองคนนั้นมันตกทะเลไปเรียบร้อยแล้ว!!!

    “ว๊ากกกก!!! บุ๋มๆๆๆ”

    “ฮ่า! แค่กๆๆ!!” ซาโซริโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำก่อนน้องชายตัวแสบ เรือนผมสีแดงที่เคยปลิวไสวตอนนี้ถูกน้ำลู่ลงมาปรกไปหน้าหล่อหวานเสียหมด

    อ่า...ตกน้ำแล้วขึ้นนะเนี่ย...

    อึดใจเดียวก็มีเสียงน้ำแตกกระจายขึ้นอีกครั้งเมื่อเดอิดาระตะเตียกตะกายสู่ผิวน้ำได้สำเร็จ ท่าทางของหนุ่มผมเหลืองที่กำลังว่ายป๋อมแป๋มอยู่ตอนนี้ดูไม่ได้เอาเสียเลย เสื้อคลุมเปียกโชกคล้ายจะพยายามถ่วงเขาจมลงสู่โลกใต้ทะเลอีกครั้ง ทว่า...มีเหลือเขาจะยอม...

    “แง้งงงง!!!! ปลิงทะเล! มัน! มันเกาะฉันแล้ว เอาออกไปๆๆ!!!” เดอิดาระตุปัดตุเป๋เข้าไปกอดซาโซริอีกครั้งราวกับพี่ชายผมแดงจะเป็นซุปเปอร์แมนบินขึ้นจากน้ำได้ ซาโซริที่ยังไม่ทันได้หายใจหายคอก็แทบจะกระอักโลหิตตายอยู่กลางทะเล

    เดอิ...ขนาดหมาตกน้ำมันยังว่ายเข้าฝั่งได้แล้วนายเป็นนินจาประสาอะไร(วะ)เนี่ย!!!!

    “ไอ้บ้า! ไปตายที่ไหนก็ไป!!!” มือบางไม่รู้เอากำลังมาจากไหนถึงได้จัดการกดหัวน้องชายผู้ไม่(เคย)เต็มบาทลงใต้น้ำไปอีกครั้ง...

    ...บุ๋มๆๆ....

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ทางเข้าที่ทอดยาวสู่ล็อบบี้โรงแรมถูกตบแต่งประดับประดาต้อนรับานักท่องเที่ยวอย่างงามวิจิตร ทางเดินแม้เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งความเป็นไทยและอารยธรรมริมชายหาด รูปทรงอาคารก็ออกแนวอนุรักษ์นิยมไม่น้อยพร้อมด้วยเก้าอี้ไม้สุดเก๋และโคมไฟร่วมสมัย พนักงานต้อนรับนั่งประจำอยู่หลังเคาน์เตอร์เพื่อรับ(ศึกหนัก...เอ้ย!)แขกทั้งหกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

    โคนันและเพนเดินแข่งกันตรงไปยังเคาน์เตอร์เช็คอินโดยมิได้นัดหมาย ทิ้งให้พวกที่เหลือยืนเอ๋ออยู่กลางโรมแรม...

    “นั่งเถอะ” หนึ่งในสี่คนนั้นเสนอขึ้นก่อนที่ทุกคนจะจัดการหาที่หย่อนก้นเป็นที่เรียบร้อย ไม่นาน...พนักสาวสวยในชุดไทยห่มสไบเฉียงสีตองอ่อนก็เดินนวยนาดเข้ามาพร้อม ‘Welcome Drink’

    “น้ำกระเจี๊ยบโซดาค่ะ” รอยยิ้มแต้มอยู่บนริมฝีปากซึ่งขยับเอ่ยเสียงหวาน แก้วน้ำบรรจุของเหลวสีแดงซ่าถูกลำเลียงมาจนครบทุกคน “ยินดีต้อนรับสู่ Centara Grand Krabi ค่ะ” เธอพูดทิ้งท้ายก่อนจะจากไป

    ไม่กี่ชั่วอึดใจ แก้วทรงเพรียวทั้งสี่ก็ว่างเปล่าลงอย่างพร้อมเพรียง เป็นเวลาเดียวกับที่โคนันและเพนเดินกลับมาจากเคาน์เตอร์เช็คอินพอดี

    “นี่ๆโคนัน ลองกินน้ำกาเจี้ยบดูสิ อร่อยดีนะๆ” ฮิดันรีบคะยั้นคะยอให้สาวผมฟ้าและหัวหน้าองค์กรดื่มน้ำที่แม้แต่เขาเองก็ยังเรียกชื่อไม่ถูก ทั้งสองรับมาดื่มแต่ยังไม่วายกระซิบกระซาบสองต่อสองต่อไป

    เอ๋...ทำไมกุญแจมีสามดอก...แถมไม่เหมือนกันอีกตะหาก!! เดอิดาระเหลือบไปเห็นกุญแจ 3 ดอกเล็กๆในมือของคุโนะอิจิผมฟ้า มีอยู่หนึ่งที่เป็นที่เงินแวววาว ส่วนอีกสองคือสีทองระยับดูหรูหรา

    เออ...ช่างเถอะ! หนุ่มอิวะละความสนใจอย่างไม่คิดอะไร อุบคำถามเก็บเงียบไว้คนเดียว...

    “อื้ม! อร่อยจริงด้วย คิกๆ ร..เราไปดูห้องกันเถอะ” โคนันที่แทบจะหยุดหัวเราะไม่ได้พูดตุกุกตะกักมา เล่นเอาเพื่อนร่วมองค์กรมองเธอราวกับคนเสียสติ

    หึๆ...เจ๊แกไม่หัวเราะโดยไม่มีเหตุผลหรอก...คอยดูเถอะ!

    รถรับส่งนักท่องเที่ยวสู่ห้องพักนั้นขับเคลื่อนขึ้นเชิงเขาด้วยไฟฟ้า  แต่ละคันล้วนมีโชเฟอร์ในเครื่องแบบนั่งประจำอยู่แล้วอย่างรู้หน้าที่ หลังจากทั้งหมดปีนขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว รถคันน้อยก็แล่นไปตามถนนเล็กๆไต่ระดับขึ้นไปทันที

    สองข้างทางเต็มไปด้วยพรรณไม้เมืองร้อนนานาชนิดซึ่งเหล่าสมาชิกแสงอุษาไม่เคยได้เห็นมาก่อน ทั้งเอื้องหมายนา ต้นเบิร์ช เฟิร์น ซิกการ์ หรือแม้แต่ มะพร้าวต้นเขื่องก็เรียงรายละลานตาไปหมด ถนนลาดยางสายเล็กค่อยๆไล่ความสูงขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงเชิงเขากลางๆที่ไม่สูงและไม่ต่ำจนเกินไปนัก

    “ถึงแล้ว!” โคนันโพล่งเสียงดังเกินจำเป็น แต่แทนที่เธอจะกระโดลงจากรถเป็นคนแรก เท้าข้างหนึ่งกลับง้างเตะฮิดัน เดอิดาระ ซาโซริ และเซ็ตสึลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

    “เฮ้ยๆๆๆ นั่มันอะไรกันเนี่ยโคนัน เตะเราทำไมอ่ะ!!!

    “โอ๊ยยย!!! เจ็บนะเฟร้ย!! คนมีขาลงเองได้โว้ยไม่ต้องเตะก็ได้!!!

    “ชักสังหรณ์ไม่ดีแล้วสิ...”

    เสียงเอะอะโวยดังแซ่ระงมจนโชเฟอร์เริ่มชักสีหน้า แต่บรรยากาศเงียบกริบลงทันทีด้วยกระแสเสียงเพียงเสียงเดียว

    แกร๊ก!

    กุญแจสีเงินเรียบๆดอกหนึ่งถูกโยนลงตรงหน้าทั้งสี่พอดิบพอดี ทำเอาเหล่านินจา(ผู้โชคร้าย)พากันมองตาค้าง

    “อะไรอ่ะ...” เดอิดาระเผลอหลุดปากออกมาทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่า...งานนี้ไม่ซวยก็โคตรซวยซะแล้ว!!!

    “อ้อ...” โคนันเดาะกุญแจสีทองสลักลายหรูหราอีกสองดอกเล่นในมือ “ดูเหมือนว่าฉันจะต้องหย่อนพวกนายไว้ตรงนี้แล้วละ เพราะว่า...” เสียงกรุ๋งกริ๋งของกุญแจห้องแกรนด์สวีทยิ่งตอกย้ำความซวยระยำ “...ห้องแกรนด์สวีทของฉันกะเพนอยู่บนเชิงเขาสูงสุดน่ะ ไปล่ะ!

    เอี๊ยดดดด!!!! รถมอเตอร์ไฟฟ้าเร่งความเร็วสูงสุดจากไปในชั่วพริบตา ทิ้งไว้เพียงฝุ่นควันลอยฟุ้งและคำว่า...

    งานเข้า!!!

    ...คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขาทั้งสี่คนต้องอัดอยู่ในห้องเดียว...

    ...แถมดูจากกุญแจสีเงินเรียบๆนั้นคงไม่ใช่ห้องที่ใหญ่อะไรมากนัก!!!

    “เฮ้ย! ฉันจองเตียงริมเว้ย!!!!

    พรึ่บ! เสียงไหวตัวดังขึ้นพร้อมเพรียง เป้าหมายคือกุญแจและเตียงนุ่มๆไว้ซุกหัวนอน

    บอกได้คำเดียว!

    ตัวใครตัวมัน!!!

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    สายลมครางหวีดหวิวแผ่วอ่อน...

    เสียงเกลียวคลื่นซัดสาดไปมา...

    ใบมะพร้าวลู่ไหวเป็นเงาตะคุ่มในแสงจันทร์...

    วงดนตรีแห่งผืนทะเลบรรเลงขับกล่อมเหล่านินจายามค่ำคืนเบาๆ หมู่ดาวที่เคยอยู่หลังเมฆดำในอาเมะบัดนี้พากันเปล่งแสงสกาววิบวับทั่วแผ่นฟ้า เรียวจันทร์ข้างขึ้นอ่อนๆส่องแสงนวลลงมากระทบกับผิวน้ำเป็นภาพสะท้อนแห่งกันและกัน ไอเกลือกรุ่นอายขึ้นมาทักทายชายหนุ่มคนหนึ่งผู้นั่งทอดอารมณ์อยู่ริมระเบียง...

    อา...สงบจังเลย...

    นัยน์สีน้ำตาลหวานพริ้มลงอย่างเคลิบเคลิ้ม เรือนผมสีแดงเพลิงปลิวไสวท่ามกลางลมเย็นยามราตรี กลีบปากเผยอยิ้มน้อยๆแลดูน่ารัก

    ...ถ้าเพียงแต่ผมจะได้อยู่ที่นี่ตลอดไป...

    “ดันน้าาาาาาาาาา

    ข..ขอกลับคำพูด!!!!!

    โครม!!!!

    ความสงบริมชายหาดหายวับไปในบัดดล เหลือเพียงเสียงเอะอะเซ็งแซ่เหมือนเจ็กตีกันตามตลาดของเพื่อนร่วมองค์กร

    “ดันน้า!!!! มาข่วยฉันหน่อยสิ!! ฮิดันมันจะยึดเตียงฉันให้ได้เลยอ้า!!!” ตูละเซ็งเป็ด! นี่ขนาดหนีอีพวกบ้านั่นออกมาตรงระเบียงแล้วนะ มันยังอุตส่าห์ตามรังควานอีกเรอะ!!!

    พ่อจี๊ดขึ้นมาแล้วจะหนาวรู้ม้ายยยยย!!!!!

    เฮ้อ...อากาซึนะ โนะ ซาโซริพยายามนับหนึ่ง 1-1000 เพื่อข่มอารมณ์ให้อยู่ก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งพาร์ทเนอร์ที่ขวางทางเข้าห้อง

    ภายในห้องพักหรูของโรงแรมระดับ 5 ดาวได้ถูกเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรบเรียบร้อย ผ้าห่ม หมอน หรือแม้แต่รีโมททีวีต่างติดปีกบินได้ไปทั่วห้อง หนุ่มผมแดงพยายามปลอบใจตนเองว่าเรื่องคงยังไม่บานปลายจนขนาดใช้คุไนหรือเลือดตกยางออก

    ฟิ้ว!....ฉึก!!!

    ดาวกระจายอันเขื่องพุ่งหวือผ่านซอกคอซาโซริไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด ถ้าเขาขยับไปทางซ้ายกว่านี้อีกนิดเดียวคงได้เละเป็นโจ๊กแล้วแน่ๆ ส่วนรูปภาพเรือประมงราคาเหยียบหลักหมื่นข้างหลังเขาก็เสียโฉมไปแทน...

    บ้าชิบ!!! ไอ้พวกเด็กไม่รู้จักโต!!!

    “เฮ้ย!! เงียบสิโว้ยยยย จะทะเลาะกันไปถึงไหนฟระ!!!” ซาโซริทนไม่ไหวตะโกนออกไปลั่นห้องด้วยความของขึ้น

    ...แต่ผมที่ได้คือเสียงทะเลาะเอะอะของฮิดันกับเซ็ตสึยิ่งดังขึ้นเป็นทวีคูณ สงสัยว่าสองคนนั้นคงรู้สึกว่าตนเองยังแหกปากได้ไม่ดังพอ...

    “ไม่สนละ ฉันจองเตียงนี้เว้ยยย!!!” หนุ่มผมเทาโดดขึ้นเตียงหนึ่งพร้อมกวัดแกว่งเคียวประกาศศักดา

    “งั้นฉันนอนนี่!!!!” เซ็ตสึรีบกระโจนใส่อีกเตียงที่เหลือ

    “เฮ้ย!!! แล้วฉันละ ถอยไปนะไอ้ผีดิบ!!! อยากเจอ C4 คารูร่ารึไง!!!

    ผลสุดท้ายคือทั้งสามคนกลับไปตะลุมบอนกันอีกรอบ...โดยมีซาโซริยืนเอ๋อมองเหตุการณ์อยู่มุมห้อง

    โอ๊ยยย!!! ผมอยากจะบ้าตาย!!!!!

    “เฮ้ย!!! เงียบ!!!

    “นี่แก!!! เอาตัวเหม็นๆออกไปจากเตียงฉันนะ!!!

    “เงียบโว้ยยยยย!!!

    “ไม่มีวันซะหรอ...อึก! อ๋อ! เล่นแบบนี้ใช่มั้ย ได้! เดี๋ยว...”

    “เงียบๆๆๆๆๆ เงียบบบ!!!

    “ฉันไม่ใช่หุ่นอย่างซาโซรินะถึงจะได้เป็นนกเค้าแมวไม่ต้องเพิ่งเตียงอยู่ทั้งคืนน่ะ!!!

    “...” หนุ่มซึนะทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ปวดหัวก็ปวดหัว เจ็บคอก็เจ็บคอ แถมไอ้พวกนี้ยังปาข้าวของกันอีก ผมไม่จ่ายค่าเสียหายให้หรอกนะ!!!

    ซาโซรินั่งกุ่มขมับคิดหาวิธีการอยู่กลางสนามรบ

    โอเคๆ สิ่งแรกที่ผมต้องทำคือให้พวกนี้มันเงียบเสียงลงก่อน แล้วค่อยจัดการเรื่องเตียงบ้าเตียงบอกันอีกที

    แต่ทำยังไงล่ะ...

    ทันใดนั้น!!!!

    ...ปิ้ง!

    เหมือนมีอะไรบางอย่างมาสะกิดใจ ทำให้เขานึกถึงภาพสุดประทับใจที่ทุกคนในองค์กรพากันเงียบกริบหมดอย่างไม่น่าเชื่อเพียงแค่เพนปรามเสียงต่ำๆแหบๆคำเดียว ในตอนนั้นที่พวกเขากลัวท่านหัวหน้าคนนี้กันนักกันหนาคงเพราะยังไม่รู้ว่าเป็นเกย์ละมั้ง...

    เอาละ... “อะแฮ่มๆ” เมื่อทางสว่างปรากฏตรงหน้า มีหรือซาโซริจะไม่รีบไขว่คว้าเอาไหว้...

    “เงียบ”

    เอี๊ยด!!! สนามรบอันดุเดือดกลับสภาพเป็นดุษณีในบัดดล ถึงแม้เขาจะดัดเสียงได้ไม่เหมือนเพนนัก แต่ไม่นึกว่ามุกนี้จะได้ผลขนาดนี้!!!!

    เดอิดาระอ้าปากค้าง...

    ฮิดันชะงักในท่าฟันเคียว...

    เซ็ตสึแทบเด้งดึ๋งตกจากเตียง...

    ส..สุดยอ...อุ๊บส์! ต้องรีบคว้าโอกาสทอง!!

    “นาย! ฮิดันนอนเตียงใน เดอิดาระนอนเตียงนอก ส่วนเซ็ต...ฉันว่านายคงตัวใหญ่เกินไปสำหรับเตียงเสริมนะ นอนตามโซฟาเถอะ” หนุ่มซึนะพูดรวดเดียวจบขณะที่ปฏิกิริยาของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป

    “ก็ได้...ฉันนึกอยู่แล้วละว่ามันต้องลงเอยแบบนี้...” เซ็ตสึเดินคอตกพร้อมกับเริ่มรวบรวมเสื้อคลุมเพื่อมาปูนอนที่พื้น ส่วนเดอิดาระกับฮิดันก็พร้อมใจกันโห่ร้องอย่างผู้ชนะ

    ทว่า...เรื่องปวดหัวของซาโซริยังไม่จบเพียงเท่านี้...

    กริ๊งงงงงงงงงงง!!!!!

    เสียงใสกังวานของโทรศัพท์ตรงหัวเตียงดังทะลุขึ้นกลางเสียงร้องไชโย บรรยากาศเงียบกริบลงอีกครั้งก่อนที่สายตาทุกคู่จะเบนไปจ้อง ณ จุดเดียวกัน

    มือเรียวขาวคว้าหูขึ้นมาแล้วกรอกคำพูดลงไป

    “ฮัลโหล”

    “ก๊ากกกก!!!! ฮ่าๆๆๆๆ โอ๊ย! พวกนายรู้มั้ย่วาฉันแทบจะขำตายอยู่บนนี้แล้วน่ะ”

    “โคนัน!!!” หนุ่มผมแดงเอ่ยลอดไรฟัน

    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายทำบ้าอะไรมันถึงได้หยุดทะเลาะกันได้น่ะ ฮ่าๆๆๆ น่าจะปล่อยไว้อีกซักหน่อยฉันกำลังสนุกอยู่เลย!!

    “น..นี่เธอเห็นเราด้วยเหรอ” สายตาเผลอเบนไปทางประตูห้องทั้งๆที่รู้ว่าตนมองผ่านบานไม้ไม่ได้

    “เปล้าๆ ฉันมองลงมาจากห้องฉันตรงเชิงเขาสูงสุดน่ะ ฮ่าๆๆๆ ตรงนี้วิวดีมากเลยนะ แถมพวกนายยังลืมปิดม่านกันอีก ฮ่าๆๆๆ!!!

    “ฮึ่ม!!!” ม่านเจ้ากรรมถูกกระชากปิดทันที

    “ฮ่าๆๆๆ ไม่ช่วยหรอก!! ยังไงฉันก็เห็นหมดแล้ว ฝากบอกเจ้าพวกนั้นด้วยนะว่าว่างๆทะเลาะกันบ่อยๆก็ได้ ฮ่าๆๆๆ ฉันกะเพนชอบดู...”

    “โคนัน!!!

    “ฮ่าๆๆ เออใช่! เดี๋ยวอีก 5 นาทีเจอกันที่ห้องอาหาร Hagi นะ วันนี้เราจะกินอาหารญี่ปุ่นแบบไทยๆกัน! ไปละ!!!

    “โคนั...”

    ...ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...

    “โธ่เว้ย!!” กริ๊ง! หูโทรศัพท์ผู้น่าเวทนาถูกเขวี้ยงลงพื้นท่ามกลางสีหน้าเหวอบวกงงงวยของสหายตัวแสบทั้งสาม หนุ่มผมแดงที่เคยโดนมองว่าเย็นชาไม่สนโลกอย่างซาโซริค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนร่วมองค์กรทีละคนๆคล้ายว่าเขาจะพิสมัยเนื้อคนมากกว่าอาหารญี่ปุ่น

    “เอ่อ...ดันนะ ใครโท...”

    “ฉันให้เวลาพวกนาย 1 นาที! ถ้าห้องนี้ไม่เรียบร้อยเหมือนตอนที่เข้ามา พ่อ-เจื๋อน-เละ!!!!

    พรึ่บ!

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    คมบังวะคร้าบบบบ รีดเดอร์ทุกท่าน!!!!
    กว่าไรเตอร์จะเข็นตอนนึงจบนี่เล่นเอาหืดขึ้นคอเลยนะเนี่ย (โดนรุมสกรรม อ๊ากกกก)
    พูดถึงมินิฟิคเรื่องนี้กันดีกว่า...เป็นยังไงบ้างงง ฮากันรึเปล่าเอ่ย หรืออ่านไปหาวไปจนแมลงวันบินเข้าปากไปสิบกว่าตัวแล้ว (เอิ๊กๆ แอร๊กกกก!!!)
    ก็...ในที่สุดไรเตอร์ก็ตัดสินใจว่าจะให้มันมี 3 Part นะฮว๊าฟฟฟ คือเจ้า 6 ตัวนี้มาเที่ยว 3 วัน ก็แต่งซะวันละPart วันละตอนเลยละกัน ฮิๆ (ไม่งั้นคงยาวมากกกกจนหลายคนขี้เกียจอ่านใน Chapter เดียว)หวังว่าคงไม่เบื่อกันไปก่อนน้าาาาา
    ส่วนสาเหตุที่แต่งเรื่องนี้เพราะเมื่อหลายปี(มะโว้)ที่แล้วไรเตอร์เคยไปเที่ยวกระบี่จร้า เลยลองนึกภาพว่าเจ้าพวกนี้ไปบ้างจะเป็นเช่นไร (เละอย่างที่เห็น 555+)
    ยังไงก็อะริกาโตะที่อ่านจนบรรทัดสุดท้ายนะ ฝันดีจร้าาาา!!!!

    ส่งท้ายด้วยรูปฮาๆเพิ่มความอิน







    ส่วนใครที่นึกภาพท่าเรือลอยน้ำยาวๆไม่ออกมีรูปให้ดูจร้า (โรงแรมนี้มีอยู่จริงเน้อ ไรเตอร์เคยไปพักมาแว้ว!)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×