ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Naruto Bakery ร้านน้ำชาสไตล์นารุโตะ

    ลำดับตอนที่ #12 : Bakery! Bakery!! Bakery!!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 622
      0
      24 เม.ย. 55

    The Story of Bakery

    เป็นวัฒนธรรมของชาวตะวันตก ที่มีมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์แล้ว เชื่อกันว่า ชาวสวิส ซึ่งอาศัยอยู่ตามทะเลสาบ คือผู้ริเริ่มเป็นชาติแรก โดยนำเมล็ดธัญพืชชนิดต่างๆ มาคั่วก่อน แล้วพัฒนามาเป็นการตำกับครกพอหยาบ ผสมน้ำ นวดเป็นแป้ง จากนั้น จึงวางบนหินร้อนใกล้เตาจนแป้งสุก ก็ได้แผ่นแป้งที่มีความกรอบ สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นขนมปัง 

     
              ต่อมา ได้ค้นพบยีสต์โดยบังเอิญ จากการลืมแป้งสดไว้นานหลายชั่วโมง เมื่อนำมาวางกับหินร้อน แผ่นแป้งนั้น กลับมีเนื้อฟูนุ่ม และหอมอย่างไม่น่าเชื่อ สันนิษฐานว่า นี่คือขนมปังฟูนุ่ม ชิ้นแรกของโลก สอดคล้องกับความเห็นของนักประวัติศาสตร์ ที่เชื่อกันว่า การทำขนมปัง คงมีมาไม่ต่ำกว่า 3,000 ปีก่อนคริสตกาล 


              เนื่องจาก พบหลักฐานว่า พวกทาสสมัยราชวงศ์อียิปต์โบราณ ได้ลืมก้อนขนมปังไว้ ขณะที่กำลังนวดแป้ง การทำขนมปัง เริ่มมีแพร่หลายเป็นลำดับ โดยชาวกรีกโบราณ ริเริ่มคิดค้น ทำเตาอบแบบปิด ขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้ประชาชนเอาขนมปังมาอบ การทำขนมปังรุดหน้ามากยิ่งขึ้น เมื่อชาวโรม ได้เพิ่มส่วนผสมหลากชนิด ลงไปในแป้งด้วย เช่น น้ำมัน น้ำผึ้ง ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้น ของคำว่า PASTRY นั่นเอง 


              ในปี ค.ศ. 1492 วงการเบเกอรี่ ก็ถูกปฏิวัติโดยชาวอเมริกัน มีการนำน้ำตาลและโกโก้ ใส่ลงไปในพาสทรี สร้างความฮือฮาแก่ผู้คนอย่างมาก 


              ในศตวรรษที่ 17 และ 18 มีการแบ่งแยก ระหว่างคำว่าพาสทรี กับเบเกอรี่อย่างชัดเจน โดยมียีสต์ กับอุณหภูมิที่ใช้ในการอบ เป็นตัวกำหนด 

     
              สำหรับประเทศไทย เบเกอรี่ เริ่มเป็นที่รู้จัก จากการแนะนำของ ท้าวทองกีบม้า หรือ ดอนญ่า ทอร์ เดอ กีมาร์ ภริยาเจ้าพระวิชาเยนทร์ หัวหน้าห้องเครื่อง ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ (พ.ศ.2271-2275) และเรียกขนมเหล่านั้น ตามกรรมวิธีทำว่า ขนมผิง ซึ่งประกอบไปด้วย ขนมหม้อแกง ขนมฝรั่ง และขนมอื่นๆ จวบจนปัจจุบัน 







     

    The Sort of Bakery

    v   Cake (เค้ก) มี 3 ประเภท ได้แก่

    - เค้กที่มีเนยเป็นส่วนผสมหลัก เนื้อแน่นหนัก

    - เค้กที่มีไข่เป็นส่วนผสม เนื้อเค้กฟูเบานิ่มนวล

    - เค้กที่แยกไข่ขาว ไข่แดงทำเป็นการนำเค้กชนิดที่สองมารวมกัน ซึ่งมีความนุ่มนวลและเบา

      

    v   Bread (ขนมปัง) ส่วนผสมหลักของขนมปัง ได้แก่ แป้งสาลี ยีสต์ ไข่ น้ำตาล นม เนย เกลือ และ น้ำ นำมาผสมแล้วนวดจนเป็นเนื้อเดียวกัน ขนมปังมีหลากรูปทรงหลายรสชาติ ทั้งเป็นก้อน เป็นแท่ง หรือแผ่นแบน และมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามวัตถุดิบที่ใช้ เช่น ข้าวโอ๊ต เรียกขนมปังข้าวโอ๊ต ผสมโฮลวีตก็เรียกขนมปังโฮลวีต หน้าขนมปังนั้นอาจมีธัญพืชเป็นสีสันด้วย

    v   Cookie (คุกกี้) ขนมชนิดนี้บรรดาแม่บ้านตะวันตกนิยมทำกันในยามว่างชาวอเมริกันเรียกคุ้กกี้ส่วนชาวอังกฤษเรียกบิสกิต มีลักษณะกรอบร่วนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขนาดพอคำกัด รสชาติไม่หวานมากนัก มีรูปทรงต่างๆ แล้วแต่ชนิดของแม่พิมพ์
     

    v   Pie (พาย) เป็นเบเกอรี่ที่มีเปลือกและไส้ในตัวเอง ไส้มีทั้งคาวและหวาน แป้งจะกรอบ นุ่ม ร่วน มี 2 ชนิด คือ พายกรอบและพายร่วน
     

    v   Puff (พัฟ) มีลักษณะเป็นชั้นๆซึ่งเกิดจากชั้นแป้งและเนยที่สลับกันไปมา พิเศษตรงที่ได้ความกรอบนอกของแป้งและความนุ่มของไส้ที่ใส่ที่มีทั้งคาวและหวาน หริบางทีอาจไม่ใส่ไส้ เพียงแต่โรยน้ำตาลก่อนอบ เท่านี้ก็ได้อร่อยหวานลิ้น

    v   Tart (ทาร์ต) เป็นแป้งสวีตเพลต (sweet plate) และแป้งอัลมอนด์บดรวมกันใส่ไส้ผลไม้ หรือคัสตาร์ด นิยมกันในอังกฤษและฝรั่งเศลส่วนในอเมริกาเรียกว่าพายเปิดหน้าใส่ไส้ผลต่างๆ
     

    v   Custard (คัสตาร์ด) เป็นของหวานที่ดูคล้ายไข่ตุ๋นแบบหวานรสหวานนุ่มนวลมีส่วนผสมสำคัญ 3อย่าง ได้แก่ ไข่ นม และน้ำตาลมีหลายรส แต่ที่คลาสสิกที่สุดเห็นจะเป็นคาราเมลคัสตาร์ดสีสวยน่าลิ้มลองมีรสขมติดปลายลิ้นเล็กน้อย
     

    v   Mousse (มูส) เป็นขนมที่ต้องตีส่วนผสมต่างๆให้ฟูมากๆ เพื่อให้เนื้อขนมเบาและนุ่ม ที่นิยมทำกันก็เช่น มูสช็อกโกแลต มูสกาแฟ มูสผลไม้ มูสไอศรีม

    v   Waffle (วาฟเฟิล) ขนมที่อบในแม่พิมพ์เหล็กสองแผ่นประกบกันเป็นตาราง ผิวหน้าขนมกรอบ กินกับน้ำเชื่อม น้ำผึ้ง หรือแยม หากมีลักษณะเป็นทรงกลม ผิวหน้าเรียบทั้งสองด้านเรียกว่า แพนเค้ก
      

    v   Crepe (เครป) แป้งสาลีแผ่นบางทอดในกระทะเหล็กหน้าเรียบ มีหลายไส้ทั้งคาวและหวาน เป็นขนมหวานจานเด็ดของชาวฝรั่งเศลที่หากินได้ง่ายมากหากไปเยือนฝรั่งเศส บางครั้งเรียกแพนเค้กฝรั่งเศส 
     

    v   Pita bread (พิต้าเบรด) ขนมปังไส้กลวงของเลบานอน

    v   Nan bread (นานเบรด) ขนมปังรูปไข่แบนๆ ไม่ใส่ผงฟู อบในเตาอบดินเหนียว มักเป็นที่นิยมในอิเดีย

    v   Scone (สโคน) ขนมปังนุ่มก้อนเล็กๆหวานหอมกินกับน้ำชา
     

    v   บรูสเซตตา            ขนมปังกระเทียม

    v   ซีอาบัตตา             ขนมปังรูปคล้ายรองเท้าแตะ

    v   การิบัลดี                ขนมปังกรอบไส้ลูกเคอร์เรนต์

    v   คองตุชชี                ขนมปังกรอบอัลมอนก์ใส่ในไวน์

    v   อมาเรตตี               ขนมปังกรอบชิ้นเล็กของอิตาลี่

    v   แพนฟอร์ต           เค้กที่หอมเครื่องเทศ น้ำผึ้ง โกโก้

    v   เอนชิลาดา             แพนเค้กข้าวโพดของเม็กซิกัน

    v   ขนมปังแท่งเหนียว

    v   มาเดเลน                สปองจ์เค้กชิ้นเล็ก

    v   ชาร์ลอตรุสส์         เค้กชิ้นเล็กราดด้วยวิ้ปปิ้ง

    v   ครัวซองต์              ขนมปังรูปพระจันทร์เสี้ยว
     

    v   ซาวาแรง               เค้กเนื้อฟูเบารูปวงแหวนราดด้วยน้ำเชื่อมผสมเหล้าของฝรั่งเศล

    v   บลูเมอร์                ขนมปังขนาดใหญ่เนื้อเบามีลายเส้นตัดขวาง

    v   คอตเตจ                 ขนมปังทรงกลม

    v   ครีมบลูเล่              ขนมพิเศษรสหวาน

      

    v   เบเกล                    ขนมปังม้วนรูปวงแหวน

    v   ลามิงตัน                เค้กก้อนเล็กชุบชอคโกเลตหรือมะพร้าวขูดของออสเตเรีย

    v   ครูลเลอร์               เค้กชิ้นเล็กรสหวาน

    v   คอร์พอน               ขนมปังข้าวโพด

     

      

      

      

    ขอบคุณเว็บไซต์ดีๆที่ให้ความรู้แก่เรา ^^

    http://bakeryhouse.net78.net/about.html

    http://pirun.ku.ac.th/~b5044093/index2.html

    ขอบคุณธีมเรียบๆแต่สวยจาก
    Creme Brulee

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×