คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [Mini Fic]---Akatsuki...Happy Halloween Day!!! (รีไรต์เล็กน้อย)
[Mini Fic]---Akatsuki
Happy Halloween Day!!!
(ภาคต่อจาก มินิฟิคเรื่อง เรา...เจ๊ากันเว้ยเฮ้ย!!)
เช้าวันหนึ่งที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งอากาศสดใส ณ องค์กรแสงอุษา สมาชิกทั้งหมดกำลังนั่งปรึกษาคร่ำเคร่งกันอยู่ในห้องนั่งเล่นที่มีแต่ฝุ่นจับเขรอะ แถมมีสภาพจะพังมิพังแหล่มาหลายปี
อ่า...เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนักหรอกหรือพูดอีกทีคือมีโอกาสเกิดขึ้นเพียง 0.001 % ในรอบปีเท่านั้น (นี่ถือว่าเยอะแล้วนะ) ยกเว้นจะมีเหตุผลพิเศษที่ทำให้เหล่าสมาชิกผู้ชอบฉวยโอกาสเบี้ยวนัดมาตามนัดได้ซะที
หึๆ แล้วเหตุผลพิเศษของวันนี้น่ะหรือ...แน่นอน! เพราะมันเป็นวันฮาโลวีนอย่างไรเล่า!!!
“เอายังไงกันดีล่ะ ตอนนี้เงินส่วนกลางของเราก็แทบไม่พอจะจ่ายบิลค่าน้ำค่าไฟแล้วนะ” โคนันพูดอย่างหนักใจขึ้นเป็นคนแรก
จุ๊กกรู๊ๆ~ (มีเพียงเสียงนกฮูก...เอ้ย! เสียงจิ้งหรีดเรไรเจ้าเก่าเท่านั้น)
ทุกคนเงียบกริบ...แน่นอน พวกเขาต่างก็รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้ทุกคนไส้แห้งขนาดนี้ จะเป็นใครมาจากไหนไม่ได้ นอกจาก(ไอ้)คุณหัวหน้าองค์กรของเรานี่เอง!!!
“เห้ๆๆๆ พวกนาย...อย่ามองหน้าชั้นอย่างนั้นสิ” เพนขู่เสียงเข้ม แต่ไม่เป็นผลเพราะความไส้แห้งมีอำนาจอยู่เหนือความกลัวต่อ(ไอ้)ท่านหัวหน้าองค์กรเยอะนัก สายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตของทุกคนจ้องมองมาที่คุณชายสีม่ว...อุ๊บส์! คุณชายเพนเป็นตาเดียว
“อืม ชั้นพอจะมีวิธีนะ” อิทาจิที่เงียบมาตลอดเสนอวิธีหนึ่งออกมา นั่นก็คือ...!!!
2 ชั่วโมงต่อมา~ (เสียงเอคโค่)
“เร่เข้ามาคร้าบ เร่เข้ามา หุ่นเชิดคุณภาพดี ซื้อ 2 ตัว แถมดินเหนียว 1 ชุดนะคร้าบ มีบริการลงแล็กเกอร์ให้ฟรีครับ ใครอยากซื้อไปเชิดในวันฮาโลวีนก็เชิญเลือกก่อนเลยนะคร้าบ ราคากันเอง” เสียงตะโกนแข่งกับสายฝนของร่างแยกเดอิดาระดังลั่นกลางตลาดในอาเมะงาคุเระ
“เฮ้อ~ ชาตินี้จะมีลูกค้ามาซักคนมั้ยเนี่ย” เดอิดาระตัวจริงนั่งตบยุงไปพลางบ่นไปพลางกับพี่ชายผมแดง เรื่องอะไรจะให้ผมออกไปตะโกนบ๊งเบ๊งกลางฝนให้ผมเสียทรงล่ะ? ให้ร่างแยกมันทำไปซิ!
“เงียบเถอะน่า รำคาญ” ซาโซริพึมพำอย่างไม่เต็มปากเต็มคำนัก ก็ผมมานั่งเจ่าจุกอยู่นี่ตั้ง 1 ชั่วโมงกว่าๆแล้ว มีลูกค้าเดินเข้าร้านแค่คนเดียวคือยายแก่ๆที่เข้ามาถามว่าที่นี่คือร้านขายผักใช่มั้ย โอ๊ยยยยย ผมอยากจะบ้าตาย!!!
ยังไม่ทันขาดคำ!
“พี่ชาย ผมกำลังฝึกวิชานินจาสายศิลปะอยู่ แต่ไม่รู้จะเป็นแบบไหนดีฮะ” รุ่นน้องน่าตาน่ารักคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่หน้าเพิงที่จะพังมิพังแหล่ของพาร์ทเนอร์ทั้งสอง
“โอ้น้องรัก!!! น้องมาถูกร้านแล้ว ที่นี่ละ ร้านขายดินเหนียวระเบิดชั้นดี ศิลปะชั้นเลิศเลยนะน้อง ไม่ลองซื้อไปฝึกวิชาดูซักชุดสองชุดหน่อยหรอ” เดอิดาระปราดเข้ามาหาลูกค้า (หรือเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย) รายแรกในรอบพันปี
“อ่าวพี่ชาย ศิลปะนี่ไม่ได้หมายถึงพวกภาพโมนาลิซ่าประมาณนี้หรือฮะ”
“ไม่ใช่ๆๆๆๆๆ ไม่ช่ายยยยย ศิลปะน่ะ มันต้องระเบิด!!!!!” เดอิดาระทำสัญลักษณ์อินคัตสึจนดินเหนียวที่ตั้งโชว์อยู่หน้าเพิงระเบิดตู้ม “น้องลองพิจารณามันสิ ทั้งลวดลายอันสวยงาม เส้นขอบที่สละสลวยกับรูปทรงที่จงใจให้ผิดเพี้ยนเป็น 2 มิติ นี่แหละที่เรียกว่าศิลปะ...(ละไว้ในฐานที่หน้ากระดาษมันยาวไม่พอ)”
“หวา!!! โอเคๆ พี่ชาย ผมเข้าใจแล้ว ขอเดินดูก่อนนะครับ” เด็กน้อยเริ่มรู้ตัวว่าถ้ายังไม่ออกห่างจากร้านขายของร้านนี้ สงสัยว่าชีวิตน้อยๆของตนคงจะรักษาไม่ได้ แต่ขณะที่เท้ากำลังจะก้าวห่างออกมานั้น เงาสายหนึ่งก็โผล่มาตรงหน้าราวกับเงาผี
“น่ารำคาญ...” ซาโซริย่นจมูกให้พาร์ทเนอร์ก่อนจะหันมาทางรุ่นน้องที่เริ่มประสาทเสีย “นี่เจ้าหนู ดินเหนียวไร้สาระนั่นมันก็แค่สิ่งฟุ่มเฟือย อย่าสนใจเลย”
“เหอ?...”
“หุ่นของพี่อ่านะ รุ่นใหม่คุ้มเงินสุดๆเลยนะ บรรจุอาวุธได้ตั้งแต่ฟันซี่หน้าจนถึงซอกนิ้วหัวแม่โป้งตรงเท้าเลยนะ พกพาในคัมภีร์ก็สะดวก หรือจะนั่งจะขี่ไปก็สบาย และที่สำคัญคือใช้ทำการบ้าน ล้างจาน ซักผ้า รดน้ำต้นไม้ จ่ายตลาด สารพัดประโยชน์เลยนะเห็นมั้ย” ซาโซริรีบพูดกรอกหูเด็กน้อยผู้เคราะห์ร้ายเร็วจี๋
“อ...อืม น่าสนใจดี...นะครับ” ไม่นึกว่าพี่คนนี้ก็บ้าเหมือนคนแรก!!!
“แน่นอน มันเป็นศิลปะขั้นสูงที่คงทนและเป็นนิรันดร์” หนุ่มผมแดงเริ่มร่ายยาวแข่งกับน้องชาย ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตว่าลูกค้าคนแรกในรอบสหัสวรรษวิ่งจู๊ดหายไปในฝูงชนทันทีที่มีโอกาส
กว่าที่พาร์ทเนอร์บ้าศิลป์ทั้งสองจะรู้ตัว ความหวังอันริบหรี่ของพวกเขาก็หายวับไปกับตาเสียแล้ว
“เห้ย!!! ไอ้เด็กบ้า กลับมาก่อนสิ(โว้ยยย)!!! แกเดินเข้าร้านฉันมาแล้วไม่ซื้อของมันเสียมารยาทนะเฟร้ย!!!” เดอิดาระที่เพิ่งร่ายบทสวดยาว 1 ชม. จบตะโกนไปทางฝูงชน
“แกนั่นแหละบ้า เงียบๆสิวะ อิทาจิมันหันมองแล้วเห็นมั้ย” ซาโซริรีบใช้มือ (ซึ่งไม่ได้ล้างมาแรมปี) อุดปากน้องชายตัวแสบเอาไว้ ทั้งสองหันไปเจอสายตาเย้ยหยันของอิทาจิมาจากเพิงขายปลาฉลามย่าง(?)
โธ่!!!! แล้วนี่เราจะมีเงินไปซื้อชุดฮาโลวีนกันมั้ยเนี่ย โคนันอุตส่าห์จัดการแข่งขันขึ้นแล้วเชียว สุดท้ายก็มานั่งตบยุงกับเจ้าบ้านี่ ซาโซริแทบจะปล่อยโฮออกมากลางตลาด ก็ฮาโลวีนปีนี้ผมกะจะกินขนมฟรีซักหน่อย เสียดายว่าเจ้าเกย์เพนนั่นมันยักยอกเงินส่วนกลางขององกรณ์ไปซื้อโดจินเกย์หมดแล้วนะเซ่!!! เงินที่ทุกคนวางแผนว่าจะหารเฉลี่ยแล้วเอาไปซื้อชุดฮาโลวีนของตนเองจึงหายวับไปกับตา ฮึกๆ
ด้วยเหตุนี้เอง ในการประชุมใหญ่เมื่อเช้านี้จึงคิดแผนการกันไว้ว่า พาร์ทเนอร์แต่ละคู่ต้องหาเงินมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร แล้วนำเงินทั้งหมดมารวมกันก่อนจะหารเฉลี่ยอีกที
แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือโคนันเอารางวัลใหญ่มาล่อไว้ว่า ถ้าใครสามารถไปขูด...เอ้ย! หาเงินมาได้มากที่สุด จะได้ไปเที่ยวที่จังหวัดกระบี่ ประเทศไทย!!!! โอ้ ผมฝันมานานแล้วว่าต้องไปหาหนุ่มหล่อๆ...เอ้ย! เหยื่อจากที่นั่นมาทำหุ่นเชิดมนุษย์ให้ได้เลย
ซาโซรินั่งเพ้ออยู่คนเดียวเหมือนคนบ้าขณะที่เดอิดาระเขกมะเหงกร่างแยกของตนให้ไปทำหน้าที่ต่อ แต่นั่นยิ่งทำให้พวกเขาดูน่ากลัวจนลูกค้าหนีหายหมด เฮ้อ~ ไรเตอร์ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดี ก็เจ๊โหดโคนันเขาสั่งไว้ว่าห้ามช่วยนี่นา เอาเถอะ ปล่อยไปตามบุญตามกรรมและกัน ไปดูคู่อื่นก่อนดีกว่า ฮิๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตัดฉับมาทางคู่อิทาจิและ...เอ่อ...และๆๆ เอ...ดูเหมือนว่าคิซาเมะจะไม่อยู่นะ หายไปไหนหว่า นี่เขาถ่ายทอดสด(?)อยู่นะไอ้ฉลามบ้า!!!!
อ้อ! นั่นไงๆ รีดเดอร์ชะเง้อไปผิดทางแล้ว ทางนี้! ตรงตะแกรงย่างปลานี่...
บรรยากาศร้านปลาฉลามย่างเป็นไปอย่างคึกคัก มีลูกค้าทุกเพศทุกวัยเดินเข้ามาซื้อฉลามย่างไปคนละไม้สองไม้ บ้างก็ลาดซอสไวน์ขาว บ้างก็เหยาะแม็กกี้แล้วโรยกระเทียม ดูแล้วช่างต่างกับเพิงขายของฝั่งตรงข้ามเสียจริงๆ ขนาดยุงยังไม่กล้าเข้าใกล้เจ้าคนหัวเหลืองกับเจ้าคนหัวแดงนั่นเลยนะ
กล่องเงินของอิทาจิเต็มไปด้วยเงินหลายพันเรียวซึ่งหามาได้อย่างสบายๆภายในเวลาชั่วโมงครึ่ง ส่วนเจ้าตัวก็นั่งเอกขเนกดูดน้ำปั่นอยู่บนเก้าอี้ไม้แบบชิวๆ ปล่อยหน้าที่เรียกลูกค้าให้กับร่างแยกทั้งห้าของเขาไป ส่วนเจ้าคิซาเมะที่อยู่แถวตะแกรงย่างนั่นก็ไม่ได้ปริปากแม้แต่คำเดียว
ไรเตอร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เจ้าฉลามนั่นก่อนจะส่งเสียงทักทาย
“เห้! ว่าไงเจ้าฉลาม นั่งเป็นใบ้บื้อเลยนะ” ไรเตอร์ถามยิ้มๆ แต่เมื่อกระพริบตาอีกที ภาพของโฮชิงากิ คิซาเมะก็ดูแข็งๆยังไงชอบกล
เห้ย! นั่นมันหุ่นนี่หว่า!!!!
ไรเตอร์หน้าซีดเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ไอ้ที่อยู่บนตะแกรงนั่นมันเนื้อฉลามไม่ใช่หรอ ส...ส่ว..ส่วนคิซาเมะก็...ก..ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“แค่กๆ!” ไรเตอร์กระแอมทีหนึ่งก่อนจะส่งสายตาดุๆไปทางอิทาจิ เจ้าบ้า! ตัวละครเรื่องนี้มันยิ่งไม่พออยู่ด้วย (ซะเมื่อไหร่) นั่นมันพาร์ทเนอร์แกนะ!!!
แต่คุณอิทาจิจอมกะล่อนของเราก็ยังนั่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน แถมพยักเพยิดไปทางร่างแยกของตนแบบมีเลศนัยอีกด้วย
ไรเตอร์ส่วยหัวอย่างเอือมระอา เฮ้อ~ เอาละๆ รีดเดอร์คนไหนที่ยังงงอยู่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆซิ
อ่า...นั่นไง เห็นที่ดวงตาของร่างแยกอิทาจินั่นมั้ย มีสัญลักษณ์เนตรวงแหวนอยู่ งั้นก็แสดงว่า...!!!
ไอ้กะล่อนนี่มันใช้เนตวงแหวนสะกดลูกค้าให้เข้ามาซื้อฉลามย่างของมันน่ะเซ่!!!!!!!!
โอเค! ฉันจะฟ้องโคนัน!!! ไรเตอร์ค้อนตาคว่ำใส่เจ้าคนหน้าแก่ก่อนจะเดินปึงปังจากไป
วุ้ย! ไปดูคู่อื่นกันเถอะ!!!!!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อ่า...นี่เราอยู่ที่ไหนเนี่ย ทำไมมันมืดจัง...
ว๊ากกกกกก!!!! ผีหลอกๆๆๆ ว๊ากกก!!! พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย!!!
“เห้ย! เงียบๆหน่อยสิโว้ย เดี๋ยวพวกไดเมียวก็ลุกขึ้นมาทักทายหรอก” เอ๋...นั่นมันเสียงของเจ้าฮิดันไม่ใช่หรอ?
ล...แล้...แล้วนี่...มันห้องเก็บศพไม่ใช่หรอ!!!! เห้ยๆๆๆ ฉันกลัวผีนะเฟร้ย!!!
เห้ย! แล้วนั่น!!!! ไดเมียวของแคว้นฮิโนะคุนิไม่ใช่เรอะ!?!?! เจ้าแก่นั่นต้องไปนั่งบ่นเรื่องภาษีประชาชนอยู่คนเดียวในห้องพักระดับห้าดาวไม่ใช่หรอ ไหงถึงโดนคาคุสึแบกมาอย่างกับกระสอบทรายอย่างงั้นล่ะ?!?!
เอ๋...ไรเตอร์เหมือนเคยได้ยินว่าตาแก่นั่นมีค่าหัวสูงถึงหนึ่งล้านเรียวเลยไม่ใช่เรอะ!!!!
แสดงว่า...!!!
เจ้าสองคนนี่มันไปจับ(ตาย)ไดเมียวนั่นมาแลกกับค่าหัวอย่างนั้นเรอะ!!!
สงสัยจะหาผู้ชนะที่จะได้ไปกระบี่ได้ซะแล้ว...
หนึ่งล้านเรียว!!! เพนคงยักยอกไปซื้อโดจินเกย์ได้อีกเป็นพันเล่มเชียวล่...อุ๊บส์!
อ่า งั้นเราตามไปดูกันเถอะรีดเดอร์ ใส่หน้ากากอนามัยกันด้วยล่ะ ในนี้มีกลิ่นที่ไม่ค่อยจะพึงประสงนัก...
คาคุสึยิ้มกริ่มขณะเดินไปตามทางเดินช้าๆอย่างไม่รีบร้อนพร้อมกับร่างอันไร้วิญญาณของไดเมียวบนบ่า ส่วนที่ตามมาแบบไม่เต็มใจนักคือฮิดันที่ไม่ค่อยชอบสถานที่แห่งนี้ซักเท่าไหร่ ก็ผมกลัวผีนี่นา!!! (แล้วแกกับพาร์ทเนอร์ไม่ใช่ผีเรอะ!!!)
ระหว่างทางเต็มไปด้วยซองใส่ศพที่มีค่าหัวสูงลิบลิ่วนับพันซอง แต่ละซองมีชื่อของผู้มีอิทธิพลต่อโลกนินจาติดไว้เรียงรายจนน่าลายตา ทั้งไดเมียวของแคว้นต่างๆ โจนินระดับสูงหรือดีตสิบสองนินจาองครักษ์ แม้แต่ชื่อของตาแก่โฮคาเงะก็ยังมีเลย! (แต่ดูเหมือนซองจะยังว่างเปล่า เพราะตัวเลจขถึง 20 หลักนั้นยังไม่โดนขีดฆ่าทิ้งไป)
ร่างของสมาชิกแห่งแสงอุษาทั้งสองค่อยๆเดินช้าลงจนมาหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะพิสูจน์ศพตัวหนึ่ง ด้านหลังโต๊ะตัวนั้นมีชายร่างสูงผอมแห้งคนหนึ่งยืนสงบอยู่ ใบหน้าตายด้านนั้นซีดเผือดราวกับศพตายซากก็ไม่ปานหันมาจ้องผู้มาใหม่ทั้งสองเขม็ง
อ้า...ลูกค้าประจำมาแล้ว...
แต่เราจำเป็นต้องพิสูจน์ศพเสียก่อนว่าตรงกับบุคคลที่มีค่าหัวจริงๆ...
“เชิญครับ” ชายผู้นั้นผายมือไปทางโต๊ะขณะที่คาคุสึโยนศพของไดเมียวคนนั้นลงไปอย่างรู้ดี เขาเกลียดขั้นตอนพิสูจน์ศพที่สุดเลย! รีบเอาเงินมาสิวุ้ย! ฉันจะได้กลับไปสวดมนต์ต่อ!!!
มือเหี่ยวๆซีดๆของชายคนนั้นค่อยๆคลำไปตามใบหน้าของศพช้าๆ ไล่มาจนถึงแขนและมือทั้งสองข้าง ดวงตาสีเทาไร้อารมณ์คู่นั้นจ้องไปที่ใบหน้าของศพเหมือนกำลังดูหุ่นอยู่
ตื๊ด~ ตื๊ด~ `
เสียงอันคุ้นเคยของเครื่องสแกนลายนิ้วมือดังขึ้นแช่มช้าเป็นจังหวะภายในห้องเก็บศพที่แสนจะเงียบเชียบชวนสยอง มือซีดขาวประคองนิ้วชี้ของศพขึ้นมาจ่อที่จุดสแกนของเครื่องและรอเวลา...
อ่า... ใกล้เสร็จแล้ว ฉันจะได้ไปนอนอาบแดดที่กระบี่ได้ซะที แต่ก่อนหน้านั้นต้องไปรีดไถขนมจากพวกเด็กโง่ๆซะก่อน หึๆๆ...
ทว่า...เส้นทางสู่การรีดไถขนมและชายหาดที่กระบี่คงไม่ง่ายขนาดนั้น...
ตี๊ดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!
เสียงแหลมสูงของเครื่องเจ้าปัญหาดันดังขัดจังหวะฝันกลางวันของคาคุสึซะก่อน
“ขอโทษนะครับ ผิดคนครับ” เสียงแหบแห้งของชายคนเดิมดังขึ้นเรียบๆราวกับกำลังถามว่าเย็นนี้กินมาม่ากันดีมั้ย?
“อะไรนะ!!!!!” คาคุสึที่จิบน้ำสีแดง(?)อย่างสบายใจเฉิบอยู่แทบจะพ่นของเก่าออกมาใส่หน้าชายคนนั้น
“ผิดคนครับ” ยังยืนยันคำเดิม เฮอะ! ฉันไม่ยอมเสียเงินล้านง่ายๆให้นายหรอกนะ!!!
“ผิดได้ยังไง!!!!! น...นี่แหละตาแก่ไดเมียวแคว้นฮิโนะคุนิ!!!!”
“แต่เครื่องบอกว่าเป็นอาแปะขายผักในตลาดอาเมะงาคุเระนี่ครับ”
ไอ้เครื่องบ้า!!!! กล้าดียังไงทำความฉันแตกหมดแล้ว!!!!
“เฮอะ! ก็บอกแล้วไงว่าหลอกเครื่องสแกนลายนิ้วมือรุ่นใหม่ล่าสุดขององค์กรนาซ่า(?)ไม่ได้หรอก ไอ้โง่เอ้ย!!!! ฮ่าๆๆๆ” ฮิดันปล่อยก๊ากออกมาดังลั่นห้องเก็บศพ ขณะที่พาร์ทเนอร์ของเขาหน้าแตกเพล้งหมอไม่รับเย็บ
โธ่เอ้ย! ผมเย็บเองก็ได้...เอ้ย! ก็พยายามหาไอ้คนที่หน้าเหมือนตาแก่ไดเมียวนั่นแล้วนะ ไหงถึงโดนฉีกแผนที่ใช้เวลาเตรียมการตั้ง 5 นาที(?)ซะเละเลยล่ะ!?!?!?
ฮือๆ กระบี่กับขนมหวานลอยหายไปแล้ว กลับม๊า!!!!!!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หึๆๆ ผ่านไปแล้วนะขอรับกับสถานการณ์หาเงินของพาร์ทเนอร์ทั้งสามคู่ ตอนนี้เรามาดูเรื่องราวน่าสนุกของอีกคู่หนึ่งกันดีกว่า
และคู่ที่ว่านั่นก็คือ...!!!
“เฮ้ ไอ้กาบหอยแครงเดินได้ รอกันหน่อยสิเฟร้ย!!!” เสียงหอบแฮ่กๆดังลั่นขึ้นกลางซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่งในเมืองอาเมะงาคุเระ ท่ามกลางอากาศอึมครึมและสายฝนที่พร่างพรมตลอดชาติ ร่างสองร่างปรากฏกายขึ้นในตรอกมืดเงียบๆ ก่อนที่ร่างสูงเป็นเปรตกลับชาติมาเกิดจะเดินนำไปก่อนอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยอีกร่างหนึ่งซึ่งรีบวิ่งตามไปทันที
“ชู่ววว!!! เงียบๆหน่อยสิโว้ยยยยย!! เดี๋ยวตำรวจก็ตามมาจับเข้าซังเตหรอก ไอ้กุ้งไก่เอ้ย!!!” เสียงของฝ่ายที่เดินนำตอบกลับมาดังลั่นซอยทั้งๆที่ตนเองเตือนเพื่อนให้เบาเสียง ในมือของเขาถือถุงเงินจำนวนหนึ่งไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะโดนวิ่งราวกลางซอยเปลี่ยว
เปล่าหรอก! นี่ละเงินที่เขากับเพื่อนวิ่งราวมาจากคนอื่น ฮ่าๆๆ!!! และพวกเขาก็กำลังจะย้ายสถานที่ ‘วิ่งราว’ ไปยังที่ใหม่เพราะเกือบโดนตำรวจจับเข้าคุกมาหยกๆ
“นี่โทบิ! ช่วยคิดหน่อยสิโว้ยยย!!! จะไปวิ่งราวชาวบ้านเขาที่ไหนต่อดีวะ” ‘เจ้ากาบหอยแครงเดินได้’ หรืออีกนามหนึ่งว่า เซ็ตสึ พูดหารือกับพาร์ทเนอร์จำเป็นที่เพิ่งวิ่งตามมาทัน...แต่ถ้าพูดให้ถูกก็คือลูกไล่นั่นแหละ
“ไม่รู้สิเฮียเซ็ต แฮ่กๆ! เอาที่สวนสาธารณะดีมั้ย?” โทบิที่โดนเดอิดาระเขี่ยทิ้งมาอยู่กับเซ็ตสึเสนอขึ้นแบบเซ็งๆ
เฮอะ! ก็ผมเป็นลูกไล่ของคนอื่นไปทั่วเลยนี่นา!! เซ็งจิต!!
“เออๆ ใช้ได้ แต่ฉันว่าเราต้องหาที่ซ่อนเงินก่อนนะ เผื่อโดนตำรวจจับจะได้ไม่โดนยึดไง” เซ็ตสึเดินลัดเลาะไปตามตรอกพลางครุ่นคิด
แน่ละ! พวกเขาไม่กลัวตำรวจเทศกิจต๊อกต๋อยหรอก!!! แค่จัดการแล้วก็ ‘เก็บ’ ให้เรียบร้อยหน่อยก็โอเคแล้ว แต่ถ้าเจอตำรวจนินจาระดับชาตินี่ก็ไม่แน่...เคยวิ่งลิ้นห้อยกันมาแล้วนะจะบอกให้!!!
“เออใช่ ผมลืมไปเลย แหะๆ งั้นเอาไปซ่อนที่องค์กรกันก่อนดีกว่า” โทบิยิ้มแฉ่งขณะฝันหวานถึงกระบี่ที่เขากำลังจะได้ไปเยือนในอีกไม่ช้านี้ เฮ้อ~ เกิดมาก็โดนคนด่าว่าทำอะไรไม่เป็นสับปะรดซักอย่าง ก็มีการวิ่งราวนี่ละที่ผมทำได้ดีที่สุดแล้ว!!!
“มะเหงกนี่แน่ะ!!!”
โป๊ก!!!!!!!
“โอ๊ย!!! เขกผมทำไมอ่ะเฮีย” โทบิร้องจ๊ากพร้อมกับกระโดดผลุง แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะลูกเขกของเซ็ตสึนั้นยากนักที่จะหลบพ้น
“ไอ้กุ้งไก่นี่!!! ไม่มีสมองเลยใช่มั้ยห๊ะ!?!? ถ้าซ่อนที่องค์กรคนอื่นก็มาเอาไปได้สิฟระ!!!” เซ็ตสึวีนแตกใส่ลูกไล่ที่กำลังลูบหัวป้อยๆอย่างน่าสงสาร
“แล้วเฮียจะซ่อนไหนอ่ะ?” ประโยคนั้นทำเอาเจ้าตัวนิ่งไปนิดหนึ่ง
อืม...ผมว่าผมนึกออกแล้วละ...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ใจกลางตลาดนัดอันพลุ่กพล่าน ณ ร้านขายต้นไม้ธรรมดาๆร้านหนึ่ง...
ที่กำลังจะไม่ธรรมดาซะแล้ว!!!
เถ้าแก่เนี้ยรูปร่างอวบใหญ่ยืนโบกพัดอยู่หน้าร้านพร้อมกับส่งเสียงเรียกลูกค้าอันเป็นกิจวัตร ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นดูเป็นมิตรและเหมือนจะเชื้อเชิญลูกค้าทั้งหลายให้เข้ามาดูต้นไม้ได้อย่างคึกคักตลอดวัน
หึๆๆ...แต่ถ้าลองมีพวกมือบอนคนไหนมาทำอะไรกับต้นไม้ของเธอโดยไม่จ่ายเงินละก็...หึ...แม่จะเชือดแล้วโยนให้ต้นไม้กินคนจัดการไปเลย!!!
ขณะที่กำลังเรียกลูกค้านั้นเอง เด็กหนุ่มใส่หน้ากากฮัลโลวีนคนหนึ่งก็เดินลุกลี้ลุกลนมาทางเธอราวกับเดินหนีผีมาอย่างงั้น
“อ...เอ่อ...ส..สวัสดีค..ครับคุณป้า..เอ้ย! คุณน้า ผมมาหาต้นไม้หายากพันธุ์หนึ่งนะครับ ไม่ทราบว่าคุณน้ามีขายรึเปล่าครับ” โทบิพูดตะกุกตะกักขณะเหงื่อไหลซิบๆ สาเหตุนั้นไม่มีอะไรมาก นอกจากสายตาน่ากลัวของเซ็ตสึที่จ้องมาจากมุมมืดของตลาด
“อ้อได้สิจ้ะ พันธุ์อะไรหรอ น้ามีหลายพันธุ์นะ ทั้ง....” ระหว่างที่ทั้งคู่สนทนาเรื่องต้นไม้ยากพันธุ์ XXX ที่โทบิกุขึ้นมาเองนั้น ร่างของเซ็ตสึก็มลายหายไปจากมุมมืดนั้น ก่อนจะมาโผล่อยู่หลังร้านขายต้นไม้ของเถ้าแก่เนี้ย!
ดวงตาสีเหลืองประหลาดสอดส่ายไปทั่วร้านเพื่อหาที่เหมาะๆที่เขาจะนำถุงเงินไปซ่อนไว้ได้มิดชิด หลังร้านของเถ้าแก่เนี้ยผู้แจ็คพ็อดเต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ชนิดที่มีช่องว่างให้เดินเพียงนิดเดียว เซ็ตสึแห่งแสงอุษาย่องกริบไปรอบๆอย่างแข่งกับเวลาก่อนที่สายตาของเขาจะเหลือบไปเห็นมุมหนึ่ง!
อ่า...บิงโก!!!
ร่างนั้นยิ้มชั่วร้ายก่อนจะลงมือถอนต้นกระบองเพชรต้นหนึ่งขึ้นมาอย่างแรง จากนั้นก็ค่อยๆหย่อนถุงเงินสุดรัดสุดหวงลงไป
ฮ่า!!! ต้นกระบองเพชรนี่ละ ที่ซ่อนชั้นดี!! เพราะอาเมะงาคุเระเป็นหมู่บ้านที่ฝนตกตลอดชาติ! ไม่เหมาะจะปลูกกระบองเพชรหรอก!!! วะฮะฮ่า!!!
เซ็ตสึมองไปรอบๆอย่างวาดระแวงก่อนจะวางต้นกระบองเพชรผู้น่าสงสารลงไปที่เดิม หึๆๆ แล้วค่อยเจอกันนะ ถุงเงินน้อยของฉัน...
เซ็ตสึเหลือบซ้ายแลขวาขณะเดินผิวปากสบายใจออกมาจากหลังร้าน ทว่า! ดวงคนมันจะซวย มันก็ต้องซวย!!!
“เห้ย!!! ไอ้หัวขโมย!!! หยุดนะ!” ตำรวจนินจาระดับชาติคนหนึ่งร้องก้องขึ้นกลางร้านขายต้นไม้ เสียงทุ้มน่าเกรงขามนั้นคุ้นกับโสทประสาทของเซ็ตสึและโทบิดี
ก็ตำรวจคนนั้นคือคนเดียวกับที่พวกเขาเพิ่งสลัดหลุดจากการไล่ล่านี่นา!!!
“คราวนี้แกหนีไม่พ้นแน่!!!” ตำรวจหนุ่มวิทยุเรียกพรรคพวกที่แฝงตัวอยู่ทุกซอกทุกมุมของตลาดทันที “ด่วน! พบตัวคนร้ายที่ร้านขายต้นไม้!!!”
ผ่างงงง!!!!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเซ็ตสึอยากจะปล่อยโฮออกมาแล้วกัดลิ้นตนเองตาย
อาแปะขายผลไม้กระโดดผึงออกจากญี่ปุ่นมุงที่มามุงซื้อผลไม้ที่รถเข็นของเขา ก่อนจะกระชากเสื้อสีมอๆออกกลายเป็นเครื่องแบบตำรวจระดับชาติ!
อาเจ๊สาวแสนสวยที่ร้านขายของชำหมุนตัวหายไปวูบหนึ่ง และปรากฏกายอีกครั้งที่ร้านขายต้นไม้ในเครื่องแบบตำรวจหญิงเต็มยศ!!
วณิพกแสดงมายากลพลิ้วกายพุ่งตรงไปยังตู้โทรศัพท์ หลังจากหายไปครู่หนึ่งก็ออกมาในเครื่องแบบพลตำรวจเอกผู้บรรชาการทหารแห่งอาเมะงาคุเระ!!!
และสุดท้าย...เถ้าแก่เนี้ยผู้ซึ่งคุยเป็นตุเป็นตะอยู่กับโทบิเมื่อวินาทีก่อน ตอนนี้เธอกลายเป็นตำรวจสายลับระดับชาติไปซะแล้ว!!!!!
“โฮฮฮฮฮฮฮ!!!!” เสียงใครปล่อยโฮก็ไม่รู้...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
15 นาทีต่อมา...
บริเวณร้านขายต้นไม้แห่งนั้นเงียบสงบลงอีกครั้งพร้อมกับคนร้ายทั้งสองที่โดนคุมตัวไปซังเตโดยตำรวจระดับชาติ 5 คน เสียงคุยเซ็งแซ่และเสียงต่อราคาของลูกค้ากลับมาดังระงมอีกครั้งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป~ เพราะคนที่โดนจับไม่ใช่เรา!!!
“นี่เดอิ นายไปซื้อต้นไม้ซัก 2-3 ต้นมาประดับร้านเราหน่อยสิ ลูกค้าไม่เข้ามาหลายชั่วโมงแล้วนะ” ซาโซริเอ่ยขึ้นเซ็งๆเป็นรอบที่ร้อยของชั่วโมงพร้อมกับยื่นเงินปึกสุดท้ายไปให้น้องชาย
“อ่า ดันนะ ฮ้าววว~ ให้ร่างแยกไปไม่ได้หรอ?” เดอิดาระหาวหวอดแล้วโบกมือปฏิเสธแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่
“ไม่ได้!!!” เดี๋ยวโดนยักยอก!
“เฮ้อ~ เออๆก็ได้ๆๆๆ เอามานี่” น้องชายผมเหลืองฉวยเงินปึกน้อยๆไปอย่างอารมณ์เสียแล้วรีบจ้ำหายไปท่ามกลางฝูงชน
โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า...บุญกำลังจะหล่นทับ!!!
ณ ร้านต้นไม้ที่เพิ่งเกิด ‘เหตุการณ์’ ไปสดๆร้อนๆ...
“ป้าครับ ขอต้นไม้ที่ราคาถูกที่สุดครับ” หนุ่มผมเหลืองเดินตรงเข้าไปหาเถ้าแก่เนี้ยพร้อมเอ่ยขึ้นแบบไม่อายฟ้าดิน
วุ้ย! คนจะหลับจะนอน ใช้ให้มาซื้อต้นไม้อีก...
“เอ่อ...ราคาถูกที่สุดหรอจ้ะ อืม...ป้ามีแต่กระบองเพชรน่ะจ้ะ เธอจะเอามั้ยพ่อหนุ่ม” ตำรวจสายลับหญิงในคราบเถ้าแก่เนี้ยกุลีกุจอเดินนำเข้าไปหลังร้านโดยมีเดอิดาระเดินต้อยๆตามไป
“กระบองเพชรหรอครับ...” หนุ่มผมเหลืองนิ่งไปนิดหนึ่งระหว่างที่อีกฝ่ายรีบไปเอาต้นหนึ่งมาให้ดู “กี่เรียวครับ?”
“50 เรียวจ้ะ”
พอดีเป๊ะ!!! เดอิดาระก้มลงมองเงินในมืออย่างไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี
“เอ่อ ง..งั้นก็ได้ครับ” หนุ่มอิวะตกลงซื้อต้นกระบองเพชรต้นนั้นอย่างเสียไม่ได้ตรงข้ามกับเจ้าของร้านที่ยิ้มแก้มแทบปริเพราะขายไม่ออกมานานนม
“ขอบคุณนะจ้ะพ่อหนุ่ม สนใจต้นอื่นมั้ยจ้ะ” หญิงสาวรีบแนะนำแบบได้คืบจะเอาศอก แต่ลูกค้ากลับบอกปัดไปเสียเฉยๆ
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับๆ ผมไปก่อนละครับป้า”
เพราะไม่มีเงิน!!!
แต่อีกไม่นานหรอก...
เมื่อกลับมาถึงร้าน สิ่งที่เดอิดาระได้รับก็คือปากที่อ้าค้างของซาโซริ
ไอ้บ้าเอ้ย!!! คนสติดีที่ไหนเขาตกแต่งร้านซ่อมซ่อด้วยกระบองเพชรน่ะห๊า!!!
พี่ชายผมแดงแทบจะตวาดแว้ดใส่น้องชายกลางตลาด แต่เขาก็มีสติพอที่จะไปคิดบัญชีที่หลังร้าน...
“เดอิ! นายช่วยบอกฉันได้มั้ยว่านี่อะไร...” ซาโซริกัดฟันพูดออกมาในที่สุด ระหว่างที่อีกฝ่ายเดินคอตกถือกระบองเพชรเข้ามา
“ธ...โธ่ดันนะ นี่มันต้นที่ถูกที่สุดแล้วนะ ฉันอุตส่าห์บากหน้าไปซื้อมาให้ นายยังจะมาว่าฉันหรอ” เดอิดาระตีบทซึ้งน้ำตาคลอ แต่มีหรือแผนการนี้จะได้ผลเพราะซาโซริจี๊ดแตกซะแล้ว
“ไอ้โง่เอ้ย! นายรู้มั้ยว่านั่นมันเงินก้อนสุดท้ายของเราน่ะ!!!”
เพล้ง!
ต้นกระบองเพชรต้นนั้นโดนซาโซริฉวยมาก่อนจะเขวี้ยงลงพื้นอย่างไม่ใยดี เสียงแตกเพล้งดังก้องไปทั้งหลังร้านขายของเล็กๆนั้น ซาโซริทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรงพลางเอามือกุมหัว ส่วนเดอิดาระนั้นก็ยืนนิ่งค้างพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอขอบตาจริงๆ
ทว่า...
“ด..ดันนะ...”
เงียบ...พี่ชายผมแดงยังคงก้มหน้าเอามือขยุ้มเรือนผมสีแดงของตนนิ่ง
“ดันนะ!”
!?!
ซาโซริเงยหน้าขึ้นอย่างกึ่งโมโหกึ่งสงสัย แต่แล้ว...ความโกรธของเขาก็ต้องมลายหายไปทันทีเมื่อสายตาสีน้ำตาลสวยคู่นั้นสบเข้ากับดวงตาของน้องชาย
“น..นี่..!?!?!”
สายตาสองคู่จ้องมองไปยังถุงผ้าป่านเก่าๆในมือของเดอิดาระ ซาโซริลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ช้าๆเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ก่อนที่มืออันสั่นเทาจะค่อยๆคลายปมเชือกแล้วกลั้นใจก้มลงมองของที่อยู่ข้างใน...
น..นั่....นั่น! นั่นมันเงินนี่นา!!!!
“ยะฮู้!!!!!!” ร่างของสองพาร์ทเนอร์กระโดดตัวลอยด้วยความดีใจพร้อมกับโห่ร้องดังลั่นร้าน แม้แต่ซาโซริที่เพิ่งนั่งกุมขมับอยู่เมื่อนาทีก่อนตอนนี้กลับกระโดดกอดเดอิดาระอย่างลืมตัว
กระบี่จ๋า...ผมมาแว้วววว!!!!!!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ยามโพล้เพล้ของวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.XXXX ณ ห้องประชุมใหญ่ในที่กบดานขององค์กรแสงอุษา
ปี๊ดดดด!!!! หมดเวลาหาเงินแล้วคร้าบบบ!!!!
พาร์ทเนอร์แต่ละคู่ต่างเดินคอตกเรียงแถวเข้ามาในห้องประชุมอันซอมซ่อทีละคู่ๆ ยกเว้นไว้ซักคู่คือเดอิดาระกับซาโซริซึ่งเดินกอดคอ(หรือเอวกันแน่!?!?)ยิ้มแฉ่งเข้ามา
ส่วนที่เดินเชิดมาเดี่ยวๆพร้อมกับรอยยิ้มเลศนัยก็คือคุณอิทาจิจอมกะล่อนของเรานี่เอง (ถ้าทุกท่านสังเกตดีๆจะเห็นริ้วรอยอิดโรยที่เพิ่มขึ้นเพราะใช้เนตรวงแหวนมาทั้งวัน)
และที่ปิดท้ายขบวนแถวสมาชิกมาอย่างคนละอารมณ์ก็คือคู่พาร์ทเนอร์เพนกับโคนันนั่นเอง!!!
ท่านชายเพนของเราเดินลากขาน้ำตาซึมเข้ามาในห้องอย่างหมดอาลัยตายอยาก ตรงกันข้ามกับโคนันที่เดินกระหยิ่มยิ้มย่องหน้าบานเข้ามาพร้อมกับถุงชอปปิ้งในมือทั้งสองข้าง ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากซะจริงๆ...
ก็แน่ละสิ! เจ๊โคนันสุดโหดของเราเป็นคนบังคับให้เพนขายโดจินเกย์ของเขาทั้งหมดนี่นา!!!
ท้าวความซักเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องอันแสนเศร้าของคน...เอ้ย! เกย์ที่ชื่อ เพน...
เมื่อทุกคนแยกย้ายกันออกไปหาเงินตามที่ตกลงกันแล้ว เจ๊โคนันก็เปลี่ยนลุคจากคุณแม่ผู้ดูแลความมั่นคงขององค์กรมาเป็นเจ๊โคนันสุดโหดตามเดิม
“ส่วนแก!!! ไปขนโดจินของแกออกมาให้หมดเลย! อยากให้ฉันจับได้นะว่าแอบซุกไว้ที่ไหนแม้แต่เล่มเดียว!!!” นี่แหละน้า...ที่เขาว่ากันว่า สุดท้ายคนที่กุมอำนาจอย่างแท้จริงก็คือผู้หญิงนี่แหละ!!!
“...” อีกฝ่ายหมดปัญญาจะเอ่ยเถียงจึงเดินลากขาหน้าหงอยลงไปยังห้องพักหรูระดับหกดาวของตนเพื่อเริ่มต้นขนโดจินเกย์ทั้งหมด 5,000 เล่มออกมา!!!
หึ...หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็พากัน (หรือพูดให้ถูกคือโคนันลากคอเพนไป) เปิดท้ายขายของอยู่หลังตลาดนัด ซึ่งที่นั่น...พวกเขาก็ได้เงินมาหลายหมื่นเรียวจากการขายโดจินเกย์ 5,000 เล่มหมดภายใน 5 นาที!!!!!
ติ๋ง...น้ำตาของลูกผู้ชา...เอ้ยไม่ใช่! หลั่งออกมาให้กับโดจินสุดรักสุดหวงที่อุตส่าห์ยักยอกเงินองค์กรซื้อมาเป็นเวลาสิบกว่าปี
ฮืออออ...ลูกพ่อ! โดจินเกย์ของพ่อ!!!!
“โธ่เอ้ยเพน! ทำเป็นน้ำตาร่วงไปได้ มาช่วยฉันนับเงินกหน่อยสิ” โคนันยิ้มหน้าบานพลางกวักมือเรียกพาร์ทเนอร์ของเธอให้มาช่วยนับเงิน
รวมๆแล้วก็เกือบแสน!!! โอ้พระเจ้า!!! นั่นเงินขององค์กรทั้งดุ้นเลยนะ!!!
“เฮ้อ เยอะจนนับไม่หมดเลยนะเนี่ย ช่างเหอะ! ไปชอปปิ้งกันดีกว่า คุๆๆ” โคนันหัวเราะคิกคักให้ชัยชนะของตนก่อนจะลากคอเพนไปเดินชอปปิ้งต่อจนค่ำ...
นั่นละ...เรื่องราวอันแสนเศร้าของผม ฮึกๆ...
“เอาละๆ เดี๋ยวเราจะมานับเงินกันก่อนนะ เริ่มจากคู่คาคุสึกับฮิดัน” เสียงเป็นงานเป็นการของโคนันดึงเอาความคิดของท่านหัวหน้าองค์กรกลับมาสู่ปัจจุบัน (อันแสนโหดร้าย!) ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กแล้วหันไปจ้องคู่หูซอมบี้เป็นตาเดียว!
หงึกๆๆ...ทั้งสองส่ายหน้าช้าๆอย่างพร้อมเพรียง...แผนอาแปะขายผักไม่ได้ผลเลยต้องกลับบ้านตัวเปล่า!!!
“ฮึ้ย!! ไอ้พวกบ้านี่!!! ไม่เรื่องเอาซะเล้ย!!!” โคนันฮึดฮัดกับคำตอบที่ได้รับก่อนจะประเคนลูกเขกไปให้คนละที ทุกคนต่างแอบหัวเราะในใจให้กับคาคุสึและฮิดัน
แหงล่ะ! พวกเขารู้กันหมดแล้วว่าเจตนาที่แท้จริงของโคนันในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ขึ้นก็เพื่อหาเงินเข้าองค์กรนั่นเอง! โดยเอาตั๋วเครื่องบินไปกระบี่ 6 ใบมาล่อพวกเขา!!!
ไรเตอร์แอบปูดเล็กน้อยว่าไอ้ตั๋ว 6 ใบนั้นใช้กำลังเอามานะ...ไม่ใช้เงินซักแดงเดียว!!!
ส่วนเรื่องที่ว่าจะเอาเงินที่หาได้ทั้งหมดมาหารเฉลี่ยแล้วแบ่งกันไปซื้อชุดฮาโลวีนกันน่ะหรอ? อ๋อ! ก็แค่ฉากบังหน้าแค่นั้นเอง! เพราะจริงๆแล้วพวกเขาก็ใส่ชุดฮาโลวีนอยู่แล้วนี่! ชุดแสงอุษายังไงล่ะ!!!
เพราะฉะนั้น...ใครหาเงินมาให้องค์กรไม่ได้...แกตาย!!!
“ต่อไป! เซ็ตสึกับโทบิ” น้ำเสียงของเจ๊ผมฟ้าเริ่มส่อแววน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆจนคนอื่นแอบหนาวแทนเจ้าของชื่อ
แต่ไหงถึงเงียบฉี่อย่างนี้ล่ะ...
“ฉันบอกว่าเซ็ตสึกับโทบิไง!!! ถ้าอุบเงินไว้คนเดียวจะไล่ออกจากองค์กรนะ!!!” โคนันเลือดขึ้นหน้าขณะวีนลั่นห้อง แกสองคนกล้าดียังไงไม่ขานรับฉัน! นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องอุบเงินไว้คนเดียวนะ!!!
แต่คำตอบก็คือความเงียบอยู่เช่นเดิม
“หนอยยยย!!!”
“ช่างเถอะโคนัน ป่านนี้สองคนนั่นคงนั่งอยู่ในคุกขี้ไก่แล้วมั้ง...” อิทาจิบอกเรียบๆมา แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับปิดแววขบขันไว้ไม่มิด “ฉันเห็นตำรวจจับสองคนนั่ไปซังเตเพราะไปวิ่งราวชาวบ้านเขาน่ะ” ก่อนจะเสริมมาแบบง่ายๆ
“อ๋อหรอ...งั้นก็ช่างเหอะ นายสองคนนับเงินเลย” โคนันถึงบางอ้อแล้วก็บอกปัดแบบง่ายๆเช่นกัน ใบหน้างามที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีฟ้านั้นจึงพยักเพยิดมาทางคู่หูซาโซเดอิแทน
“ฮ่า! ไม่ต้องห่วงโคนัน เรานับมาแล้ว! ทั้งหมดก็ 50,000 เรียวกับอีก 75 สตางค์ พร้อมแหวนเพชรเก้อีกหนึ่งวง!!” เดอิดาระรัวคำตอบเร็วปรื๊ดขณะที่พี่ชายผมแดงนั่งยิ้มแฉ่งกอดถุงเงินจำนวนนั้นไว้แนบอก
ไชโย้!!! ตอนแรกก็แอบหวั่นๆว่าจะโดนเจ้าสองคู่นั้นชิงตำแหน่ง Top 3 ตัดหน้าไปซะก่อน แต่ถ้าคู่หนึ่งโดนโยนเข้าตางรางไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกคู่ก็ถังแตกไม่เหลือซักแดงแบบนี้พวกผมสองคนก็ฉลุย!!!!
“หึ...อ่อนย่ะ มาดูของฉันบ้าง” โคนันยิ้มเย้ยให้สองพี่น้องบ้าศิลป์พร้อมกับกรีดนิ้วหยิบเงินปึกหนาขึ้นมาจากกระเป๋าของเธอ
นี่ขนาดใช้ชอปปิ้งไปส่วนหนึ่งแล้วนะ! ยังเหลือเยอะอย่างนี้เลย นับไม่หวาดไม่ไหวจริงๆ...
“อืม...” รอยยิ้มชั่วร้ายแย้มขึ้นบนใบหน้างามนั้น “เสียใจนะเจ้าพวกโง่ ตอนนี้ฉันมีเงินอยู่ 72,000 เรียวย่ะ!”
“โหยยย...” ทั้งเดอิดาระและซาโซริหน้าจ๋อยไปตามๆกัน ขณะที่คาคุสึกับฮิดันตาโตเท่าลูกฟุตบอล ให้ตายสิ!!! เงินเยอะขนาดนั้นเราหาทั้งชาติก็หาไม่ได้หรอกนะ!!!
“พวกนายเงียบได้หรือยัง?” ระหว่างที่ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงพึมพำหึ่งๆของพวกคนถังแตก ประโยคแสนเรียบก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
และคนพูดก็คือ The Winner ในการแข่งขันหาเงินครั้งนี้นั่นเอง!!!!!
“...” ธนบัตรปึกหนาถูกวางลงบนโต๊ะยาวอย่างช้าๆเหมือนจงใจจะให้ทุกคนเห็นความหนาของมัน แม้แต่คนนับเลขไม่เป็น(?)อย่างโทบิก็คงรู้ว่า...ทั้งหมดนั่นรวมแล้วก็ราวๆ
หนึ่งแสนเรียว!!!!!!!!!!!!!!
“ฉัน...ชนะ” อิทาจิเค้นคำพูดออกมาทีละคำคล้ายจะตอกย้ำและตอกหน้าของพวกคนแพ้ให้หนำใจ
“อะไรนะ!!!!” โคนันอุทานเสียงแหลมปรี๊ดพร้อมกับกระโจนเข้าไปคว้าเงินก้อนนั้นไว้ ที่แท้คนที่หน้าเงินที่สุดก็คือเจ๊ผมฟ้านี่เอง...
“เธอเอาไป 30% ส่วนอีก 70% เป็นของฉัน...” อิทาจิรวมเงินเก็บเข้าในอกเสื้ออย่างรวดเร็วจนโคนันแทบจะหัวคะมำโต๊ะ
“60/40!” เจ๊โหดแห่งแสงอุษาพยายามต่อรอง
“ฉันบอกว่า 70/30!”
“เฮ้อ~ โอเคๆนายเอาไปเหอะ” โคนันโบกมือหลังจากรับเงินจำนวน 30,000 เรียวมาเป็นที่เรียบร้อย
“ดี...ที่เหลือฉันจะได้เอาไปตะลอนยุโรปให้หนำใจ...”
ว่าอะไรนะ!?!?!?!
งั้นก็แสดงว่า!!!!!
ไอ้อิทาจิจอมกะล่อนนี่มันสละสิทธิ์ไปเที่ยวกระบี่งั้นรึ!!!!
“น...นาย...สละสิทธิ์หรอ?” โคนันถามตะกุกตะกักทั้งๆที่รู้คำตอบดี
“ก็ช่ายยยยน่ะสิ ฉันมีเงินเยอะขนาดนี้คงไม่เสียเวลาไปเที่ยวกระบี่กับพวกนายหรอกนะ หึๆ” นี่แก!!! กล้าว่าสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองไทยเราเรอะ เดี๋ยวโดนนนน!!!
“ไชโย้!!!!! มีหวังแล้ว!!!” ทันใดนั้นเอง เสียงไชโยโห่ร้องของฮิดันกับคาคุสึก็ดังขึ้นจนทั้งหมดสะดุ้งตัวลอย
...เพราะอะไรน่ะหรอ? ง่ายๆ! ก็เพราะว่าตั๋วเครื่องบินไปกระบี่ทั้งหมดมีอยู่ 6 ใบ (สำหรับพาร์ทเนอร์ 3 คู่) จึงยังเหลือที่ว่างอีกสองที่สำหรับตั๋วไปปกระบี่น่ะซิ เพราะเมื่อ The Winner อย่างอุจิวะ อิทาจิสละสิทธิ์ไปแล้ว รองชนะเลิศอันดับหนึ่งอย่างโคนันกับเพนก็ต้องได้ไปแน่ๆ ตามมาด้วยที่สามคือซาโซริกับเดอิดาระซึ่งวิ่งหายไปเก็บของเตรียมไปกระบี่กันซะแล้ว เพราะฉะนั้น!!!...อีกตั๋วสองใบที่เหลือก็ต้องจับฉลากกันว่าใครจะได้ไป!!!!
“เอาละๆๆ เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว ฉันว่าเราเตรียมตัวไป Trick or Treat กันก่อนดีกว่านะ หิวขนมจะตามกันอยู่แล้ว เดี๋ยวค่อยมาจับฉลากกันทีหลังเถอะ” เมื่อห้องประชุมอันซอมซ่อใกล้จะถล่มลงมาด้วยเสียงโห่ร้อง โคนันจึงตัดบทแล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมแสงอุษากับหน้ากากฮาโลวีนมาใส่ (โดยไม่ลืมหยิบเงินจำนวน 152,000.75 เรียวซึ่งเพิ่งหามาได้สดๆร้อนๆติดมือมาด้วย)
“โอ๊สสสส!!!!”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
15 นาทีหลังจากนั้น...
“ว่าไงจ้ะหลานๆ ยายมีขนมหวานเพียบเลยเลยนะ หนูคนไหนจะได้ไปก่อนเอ่ย” คุณย่าวัยเลข 9 เปิดประตูออกมากลางดึกคืนฮาโลวีนเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู รอยยิ้มเมตตาบนใบหน้าเหี่ยวๆนั้นดูใจดีและเป็นมิตรเกินไปสำหรับคนที่มาเคาะประตูเสียจริงจริ๊ง!
คุณย่าคงไม่รู้เลยว่าคุณย่ากำลังจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก
แหงล่ะ! ก็โชคดีที่ได้เจอแสงอุษายกแก๊งเลยนะ!!!!
“ตาเถร!!!!” ทว่า เมื่อหญิงชราเปิดประตูออกไปเจอกับกลุ่ม ‘เด็กๆ’ ที่มาขอขนมแล้ว สิ่งที่หลุดออกมาจากปากของเธอนั้นมีเพียงคำอุทาน ก่อนจะเป็นลมล้มพับไป
“เย้!!!! ของช้าน!!!” เดอิดาระตะโกนออกมาอย่างลิงโลดแล้วกระโดดเข้าไปมะลุมมะตุ้มแย่งชิงขนมจากสหายนินจา
“เห้ย!!! ใครมาก่อนก็ได้ก่อนสิโว้ยยย!!!!” ฮิดันที่อยู่ในโหมด Jashin Ritual ขู่ฟ่อใส่เพื่อนร่วมองค์กร ในมือนั้นกำลังฉุดกระชากแย่งขนมคืนมาจากเจ้าหัวขโมยผมเหลือง
“พอเลยพวกนาย ขนมนั่นเป็นของฉัน” โคนันทำหน้ายักษ์ใส่พวกที่กำลังญี่ปุ่นมุงอยู่กับขนมบนพื้นก่อนจะก้มลงโกยทอฟฟี่ทั้งหมดใส่ในตะกร้ารูปฟักทองของตน
“เห้ย!! ไม่แฟร์นี่ เธอมีเยอะจนจะล้นออกมาอยู่แล้วนะ!!!” สมาชิกแสงอุษาที่เหลือเริ่มโวยเสียงดังพลางใช้สายตาอาฆาตมองไปยังตะกร้าใบโตของโคนัน
พวกผมยังได้แม้แต่เศษกระดาษห่อหมากฝรั่งสักชิ้นเลย เผด็จการนี่หว่า!!!
“อ่า...หรือพวกนายอยากจะแข่งกันหาขนมอีกล่ะ” คุโนะอิจิผมฟ้าเสนอขึ้นกลางวงประท้วงขอขนม ฮิๆ แล้วพอเอาขนมของทุกคนมารวมกันแล้ว ครึ่งนึงก็ต้องตกเป็นของฉัน!!!! ฮ่าๆๆๆ
“ได้เลย!!!!”
ฟิ้ววว... เพียงไม่กี่วินาที บริเวณนั้นก็เหลือเพียงเจ๊ผมฟ้า อิทาจิ และเพนเท่านั้น (รวมถึงฝุ่นที่ลอยคลุ้งจากการใส่เกียร์หมา)
“เฮ้อ ไม่ไหวเลยเจ้าพวกโง่เอ้ย!” อิทาจิบ่นพึมพำพร้อมกับส่ายหน้า แล้วว่าต่อ “จะดิ้นรนกันไปทำไมนะในเมื่อสุดท้ายแล้วฉันก็ต้องชนะอยู่ดี” ทันใดนั้น! สัญลักษณ์เนตรวงแหวนก็ปรากฏขึ้นบนดวงตาคู่นั้นอีกครั้ง
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าของเจ้าคนกะล่อนที่สุดในองค์กร
หึๆ แผนของผมไม่เหมือนคราวก่อนที่แข่งกันหาเงินหรอกนะ เพราะนอกจากผมจะสะกดผู้คนให้เอาขนมมาให้แล้ว...
ผมจะสะกดเพื่อนร่วมองค์กรให้ไปหาขนมแทนระหว่างที่ผมไปทำสปาอโรม่าน่ะสิ!!!! อุวะฮะฮ่าๆๆๆ
“ฉันไปก่อนนะ กำลังปวดหลังพอดีเลย” อุจิวะ อิทาจิหันมาส่งยิ้มยียวนให้โคนันกับเพน (ซึ่งยืนเอ๋อว่ามันเพ้อบ้าอะไรอยู่คนเดียว) ทีหนึ่งก่อนจะออกเดินไปร้านสปาระดับหกดาว....
เออใช่! Happy Halloween Day ครับผม!!!
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โฮ่!!!! ช่างเป็นมินิฟิคที่ยาวจนแทบจะเรียกไม่ได้ว่ามินิฟิคเลยล่ะรีดเดอร์(งง?) นี่ก็ผ่านวันฮาโลวีนมามากกกกกกกกแล้วเนอะ ไรเตอร์นี่ใช้ไม่ได้จริงๆเล้ย! แต่ยังไงก็ดีกว่าไม่ได้แต่งนะ เหอๆ ชอบไม่ชอบก็ติชมคอมเม้นกันได้นะคับ (แต่งไปแต่งมาชักสงสัยว่ามันฮารึเปล่า) สำหรับวันนี้ก็ GoodBye & Happy Halloween Day (ย้อนหลัง) คร้าบบบ!!!
ความคิดเห็น