ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ในนามของความรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : บัตรกำนัล

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 48






    เชิญขวัญ นึกขันตัวเองอยู่ไม่น้อย เพราะปกติตนไม่ใช่คนที่จะวิ่งหนีอะไรได้ง่ายๆ หากไม่ได้กำลังยืนหอบแฮ่กๆ อยู่นี่ เธอคงระเบิดทุกความรู้สึกเมื่อครู่เป็นเสียงหัวเราะไปแล้ว



    เมื่อสูดหายใจลึกๆ แล้วค่อยผ่อนลมออกช้าๆ ครู่หนึ่ง หัวใจที่เต้นโครมครามก็ค่อยๆ ปรับกลับเข้าสู่จังหวะปกติ ทว่าเมื่อความแจ่มใสมาเยือนอีกครั้ง ใบหน้าในระยะประชิดของเขาก็กลับปรากฏขึ้นอีก ดวงตาคู่นั้นทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก รอยยิ้มน้อยๆ นั้นก็ทำให้ทั้งโลกสดใสได้ไม่ยากเลย



    ยิ่งคิดนางเอกของเราก็ยิ่งเคลิ้ม เธอยิ้มให้กับราวบันไดแล้วลูบไล้ผิวมันวาวของมัน คล้ายกำลังสะกิดเรียกยักษ์วิเศษสักตน ให้ออกมาช่วยกลั่นพิษรักในใจเธอ เอาไปกรอกปากให้เขาได้ซึมซับรับรู้เสียบ้าง ว่าบัดนี้พิษนั้นทำลายสัมผัสทางกายของเธอไปแล้วทั้งสิ้น



    อากาศร้อนที่แผ่รังสีไปทั่วบริเวณกลับเย็นชื่นเหมือนน้ำค้างพรม เสียงแตรเสียงเร่งเครื่องของยวดยานบนถนนกลายเป็นทำนองดนตรีหวานซึ้ง ราวบันไดตรงที่เธอลูบไล้อยู่ไปมา กลายเป็นสีชมพูสดใส จากราวบันไดไปสู่ซี่ลูกกรง สู่ขั้นบันไดและพื้นหิน จากพื้นขึ้นไปตามเสา ไล่สีไปตามคาน และแผ่นซีเมนต์ใต้รางรถไฟฟ้า



    ในชั่วพริบตามเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นสีชมพูไปหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งหัวหูและหน้าตาอันบูดบึ้งของเพื่อนสาว ซึ่งเพิ่งเดินหิ้วของทั้งหมด ตามลงมาอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร



    เธอจ๋า…เธอคิดไม่ผิดหรอกว่านางเอกของเราเป็นเอามาก แต่มันเป็นเรื่องธรรมดานะสำหรับกรณีที่อยู่ๆ ก็มาเจอกับปรากฏการณ์แบบนี้ เพราะบางครั้งบางคนถึงกับลืมกินลืมนอน ลืมหลับลืมตื่น ลืมเพื่อนฝูงหรือพ่อแม่ได้เลยทีเดียว



    “ไอ้ขวัญ!!!…..” แพรวาขึ้นเสียงอย่างขัดใจ



    แต่ก็นั่นแหละ นางเอกของเรายังยิ้มรับ เพราะเสียงใดๆ ในโลกตอนนี้ ก็ล้วนกลายเป็นเสียงทิพยดนตรีไปแล้วสิ้น



    “ฉัน…..ตก….หลุม…..รัก……” เชิญขวัญสารภาพเลื่อนลอย คล้ายรำพึงรำพันกับตัวเองมากกว่า



    “เออสิยะ ไอ้เรารึก็เป็นห่วง ไอ้ทำใจกล้าไปกระทืบเท้าเค้านั่นมันไม่เท่าไหร่หรอกนะ แต่ไอ้ตอนที่ต้องทำใจกล้าขอโทษเขานี่สิ…..เวรเอ๊ยยย!!!”



    “ไม่เอาๆ นะวา เราเป็นผู้หญิงจะพูดจะจาอะไรก็ต้องระวังกิริยามารยาทนะจ๊ะ” คนเพิ่งโดนตวาดใส่หน้ากลับตอบโต้อย่างยิ้มแย้ม น้ำเสียงอ่อนหวานจนคนโมโหนึกฉงน เพราะไม่รู้ว่าตนเองได้กลายเป็นภาพเบลอๆ สีชมพูในสายตาของเพื่อนไปแล้ว ไม่ว่าจะแยกเขี้ยวยิงฟัน หรือรู้สึกขัดใจจนควันออกหูขนาดไหน ทั้งโลกก็ยังสดใสไม่จืดจาง



    “อย่าบอกนะว่าเธอกำลังเห็นทั้งโลกเป็นสีชมพู” เพื่อนนางเอกเกิดพุทธิปัญญาขึ้นมาฉับพลัน เพราะอาการอย่างนี้ก็เคยประสบกับตัวเองมาแล้วไม่ต่ำว่าสิบครั้ง….นับเฉพาะในปีนี้นะ



    “อุ๊ย!….เธอรู้ด้วยเหรอ…ว่า…ว่า” ท่าทางสะทกสะเทิ้นเขินอายนั้น ชวนหมั่นไส้และน่าขันอยู่ในที



    “นายนั่นชื่อ นทนันทน์ เขาบอกว่าให้เรียก นด เฉยๆ ก็ได้” เสียงของแพรวาจึงกลายเป็นเนือยๆ ไปโดยไม่รู้ตัว



    “นด…นท..แปลว่าผู้บันลือ นัน….นันทน์ แปลว่าความสนุก ความยินดี ความรื่นเริง เป็นบาลีสันสกฤตทั้งสองคำ นด-ทะ-นัน ผู้บรรลือความสนุก ความยินดี ความรื่นเริง…”



    “ไม่เอาเว้ย ไปกันใหญ่แล้วขวัญ!”



    “พลั่ก!!!…”



    คือเสียงศอกของผู้ช่วยนางเอกกระทบกับต้นแขนของนางเอกนั่นเอง



    “โอ๊ย!!!!!!…วา ทำอะไรบ้าๆ น่ะ”



    “ตีศอกไงยะ!….เอ้า ดูซะให้ชัดๆ ว่าหน้าฉันมันยังเป็นสีชมพูอยู่ไหม” พร้อมคำเชิญ คนพูดตั้งท่ากระทุ้งซ้ำตรงที่เดิม



    ปลายศอกทู่ๆ ที่ฟาดลงไปนั้นไม่เบาเลย ความเจ็บพุ่งจี๊ดทะลุทะลวงออกทางกลางกระหม่อมในทันทีทันใด เหมือนทั้งโลกกลายเป็นลูกโป่งที่ระเบิดเปรี้ยงออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เสียงคนตรงหน้าดังแว่วๆ ว่าอะไรชมพูๆ ก็ฟังไม่ได้ศัพท์ การส่ายหน้าเพื่อหมายจะบอกว่าอย่าตีศอกซ้ำมาอีกรอบนะ จึงกลายเป็นคำตอบว่าทั้งโลกกลับมาเป็นสีเดิมแล้วไปในตัว



    “อ๊ะ!” แพรวาจึงชูมือข้างที่หิ้วถุงส่วนของเพื่อนขึ้น โบกบัตรอะไรสักอย่างไปมาเป็นจังหวะสั้นๆ เร็วๆ



    เชิญขวัญจึงรับบัตรมาพลิกกลับหน้ากลับหลังอยู่สองรอบ ก่อนตั้งท่าจะเริ่มอ่านดังๆ



    “เดี๋ยว!….รับไอ้ถุงส่วนของเธอนี่ไปด้วยสิเจ้าคะ คุณเพื่อนเจ้าขา” เพื่อนนางเอกขัดคอ เพราะปลายนิ้วเริ่มชาจากการเกี่ยวถือถุงส่วนเกิน



    คนรับจึงรับมาวางแหมะไว้บนบันไดขั้นถัดขึ้นไป แล้วตั้งสมาธิอ่านข้อความในบัตรนั่นอีกครั้ง



    “บัตรกำนัล ร้านมาม่ามิลค์ ……บัตรส่วนลดสามสิบเปอร์เซ็นสำหรับทุกเมนู…”



    “เขาบอกว่าถ้าเธอหรือฉันถือไป มันจะกลายเป็นบัตรเบ่ง กินฟรีเลยหละจ๊ะ…เขาว่าเพื่อเป็นการขอโทษ หากว่าเขาเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอกะฉันต้องเข้าไปให้สัมภาษณ์อยู่ในนั้น”



    เชิญขวัญพลิกอีกด้านขึ้นมาอ่าน…คราวนี้เธออ่านในใจ ขณะที่คนตรงหน้ายังไม่หยุดพูด



    “ร้านมาม่ามิลค์ ชื่ออะไรไม่ชื่อ ชื่อร้านแม่นม ชื่อเชยขนาดนั้นใครเขาจะเข้าร้าน” เพื่อนนางเอกลงแปลเล่นๆ ก็…ตามประสาเพื่อนนางเอกนั่นแหละ



    “ภาษาอังกฤษต้องแปลจากหลังมาหน้าจ๊ะ” นางเอกจึงท้วงนิดๆ ทั้งที่ยังก้มหน้าก้มตาอ่านข้างหลังบัตร



    “งั้นก็ แปลว่า ร้าน นมแม่……วุ้ย!!!….ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่นะขวัญ ไปเหอะชั้นว่าเรารีบกลับกันดีกว่า”



    แต่เชิญขวัญยังไม่ละสายตาไปจากแผ่นกระดาษในมือ



    “นทนันทน์ เดอะ โอวเนอร์….วา เมื่อกี่เธอว่าเขาชื่ออะไรนะ”





    **************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×