คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความรู้สึกผิดของเฮอร์ไมโอนี่และความโชคร้าย
ตอนที่ 2 ความรู้สึกผิดของเฮอร์ไมโอนี่และความโชคร้าย
และแล้วเธอก็ออกมาพบมัลฟอยจนได้ แต่ก็ต้องเหนื่อยแฮก เพราะหีบหนักมากกว่าที่เธอจะยกไหว จึงต้องลากจากชานชาลามาหน้าสถานี
“ทำไมต้องจูบมันด้วย ชั้นไม่ชอบ” มัลฟอยมีทีท่าไม่พอใจ
“นี่ มัลฟอยแฮร์รี่เค้าเป็นเพื่อนชั้นนะ” เธอเถียงพรางก้มหน้าหายใจให้ทั่วท้อง
“เพื่อนงั้นหรอ” เขาถามซ้ำ “ไม่เอาน่า อย่าคิดมากซิ ว่าแต่นัดมามีอะไรหรือ ชั้นนัดกับพ่อไว้ตรงทางออกทิศตะวันตกนะ เดี๋ยวก็พรัดกันพอดี” เธอมองนาฬิกาที่ห้อยคออยู่
“ชั้นจะไปส่งเธอกลับบ้านเองน่า อย่าห่วง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงกว่าเมื่อครู่นี้มาก
“แล้วพ่อแม่ชั้นล่ะ เค้าไม่ตามหาชั้นให้ทั่วหรอกรึไง” เธอถาม
“ชั้นให้คลิฟฟอร์ดโทรไปบอกพ่อแม่เธอแล้วล่ะ ว่าชั้นอาสาไปส่ง แล้วเขาก็ยินดีซะด้วย” มัลฟอยมองเธออย่างเจ้าเล่ห์เต็มที่
“เปิดโอกาสให้กันชัดๆ” เธอพึมพำแล้วเดินตามหลังมัลฟอยไปขึ้นรถคันหรูของเขาและทิ้งกระเป๋าให้คนขับรถแบกขึ้นเอง
เมื่อถึงบ้านของเธอ มัลฟอยถูกเชื้อเชิญให้เข้าไปดื่มกาแฟด้านในบ้าน แต่เขากลับปฏิเสธโดยอ้างว่านัดกับพ่อแม่ของเขาไว้ว่าจะไปฝึกงาน ขณะที่พ่อแม่ของเฮอร์ไมโอนี่พูดคุย(สนทนา)อยู่กับมัลฟอยเธอก็ถือโอกาสหิ้วกระเป๋าไปเก็บบนห้อง เธอวางมันไว้ที่ปลายเตียงแล้วหยิบหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงปิดประตูรถ เธอปิดหนังสือตามแล้วกระโจนลุกจากเตียงไปที่หน้าต่าง เธอทันได้เห็นรถของมัลฟอยเคลื่อนที่ออกไปอย่างช้าๆจนหายลับตาไป จึงกลับมาอ่านหนังสือดังเดิม
ครู่ใหญ่ผ่านไป เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
“เข้ามาเลยค่ะ ห้องไม่ได้ล็อก” เธอขานรับ
“อ้าว แม่” นางเกรนเจอร์นั่นเอง เธอมีเศษกระดาษในกำมือ แล้วส่ายหัวใส่เฮอร์ไมโอนี่
“โธ่ ลูกทำไมเมื่อครู่นี้ถึงไม่ไปส่งเขาล่ะ เขาอุตส่าห์มีน้ำใจมาส่งลูกที่บ้านนะ” นางเกรนเจอร์พูดด้วยน้ำเสียงดุเล็กน้อย
“แล้วทำไมหนูต้องไปส่งเค้าด้วยล่ะค่ะ” เธอถาม
“หรือว่ากำลังหลบหน้าเขาอยู่” “เปล่านะ”
“งั้นก็ทะเลาะกัน” “แม่ค่ะ แม่เดาไม่ถูกหรอกแล้วอย่ามาเค้นหนูด้วย” เธอเบือนหน้าหนี
“ตามใจ แต่เค้าฝากนี่มาให้ อ่านซะนะ” เฮอร์ไมโอนี่รับเศษกระดาษนั้นมาด้วยความมึนงง เมื่อเธอคลี่กระดาษออกก็พบกับลายมือที่เธอคุ้นเคย
เกรนเจอร์ อยู่คนเดียวรักษาตัวด้วย คืนนี้ฝันดีนะ อย่าลืมฝันถึงชั้นล่ะ
เธออ่านมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้ขอบตาเธอเริ่มร้อนผ่าวอย่างช่วยไม่ได้ เธอกระพริบตาถี่ๆเพื่อไม่ให้แม่ของเธอเห็นน้ำตา
“อาหารเย็นใกล้เสร็จแล้วนะลูก หิวก็ลงไปแล้วกัน แม่ไม่กวนล่ะ” เมื่อนางเกรนเจอร์ออกจากห้องไป เฮอร์ไมโอนี่ก็ล็อกห้องด้วยเวทย์มนต์โดยลืมนึกไปว่าห้ามใช้เวทย์มนต์นอกโรงเรียน เธอซบหน้าลงกับหมอนใบใหญ่แล้วปล่อยโฮออกมา
“มัลฟอย ชั้นขอโทษที่ทำแบบนั้นกับเธอ” เธอสบถออกมาด้วยความสำนึกผิด เธอจึงตัดสินใจเขียนจดหมายเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับภาพที่มัลฟอยเห็นที่สถานีคิงส์ครอส แล้วปิดซองติดแสตมป์ เธอเดินลงไปชั้นล่างสุดของบ้านเพื่อทานอาหารเย็น ตอนนี้เธอใส่ชุดไปรเวทย์ เสื้อสีชมพูมีหมวกฮู้ด กางเกงยีน
.
“นั่นลูกจะออกไปไหนน่ะ” นายเกรนเจอร์ถามระหว่างทานอาหาร
“ไปข้างนอกค่ะ เดี๋ยวเดียวหนูก็กลับ” เธอตอบ
“พ่อไม่อยากให้หนูออกไปคนเดียวเลย มันอันตราย ยิ่งสองสามวันมานี้มีข่าวแปลกๆกันเยอะเลย ตายโดยไร้สาเหตุเอย มีตราอะไรสักอย่างอยู่เหนือหัวคนตายเอย แล้วก็อยู่ๆก็มี
” นายเกรนเจอร์พูดไม่ทันจบ นางเกรนเจอร์ก็เข้ามาขวางไว้ก่อน
“ไปเถอะลูก แม่เชื่อว่าหนูน่ะทำได้” “ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยแล้วลุกพรวดพราดไปทันที
“ทำไมไม่บอกเค้าไปล่ะว่าเจ้าศาสตร์ม้งศาสตร์มืดบ้าบอนั่นปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางฝูงชนแล้วฆ่าคนเป็นร้อยๆ” นายเกรนเจอร์ท้วง
“ถ้าบอกไปแล้วได้ประโยชน์ก็ดีน่ะซิค่ะ คุณ” นางเกรนเจอร์ส่ายหัวอย่างจนใจ
ระหว่างการเดินทางกลับหลังจากหย่อนจดหมายเรียบร้อย เฮอร์ไมโอนี่เดินตามถนนที่มีแต่แสงไฟมืดสลัวไปเรื่อยและในใจก็หวังว่าคงไม่ต้องเจอกับสถานการณ์ร้ายกาจเหมือนที่พ่อของเธอพูดมาทั้งหมด เธอเดินมาจนถึงจัตุรัส (สี่แยก) ในหมู่บ้านของเธอ ไฟทุกดวง ถนนทุกสายก็มืดไปหมด เธอไม่ลืมที่จะพกไม้กายสิทธิ์มา เธอชักมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ลูมอส” เธอใช้เวทย์มนต์เป็นครั้งที่สอง แล้วเดินดุ่มๆท่ามกลางความมืดและความกลัวจับใจที่ปกคลุมเธออยู่ ทันใดนั้นเงาดำก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ กลิ่นอายความตายและหายนะคลุ้งไปทั่วทุกหนแห่ง “ผู้คุมวิญญาณ” เธอพึมพำออกมา แล้วมันก็เริ่มเคลื่อนตัวจากหนึ่งเป็นสิบและจากสิบเป็นร้อย “เอกเปกซ์โตร พาโตรนุม” คาถานี้ออกจากปากเธอเป็นร้อยๆรอบ แต่ก็ไม่สามารถปราบมันลงได้ ผู้คุมวิญญาณตนหนึ่งโฉบลงมาแล้วดูดกลืนเอาความสุขของเฮอร์ไมโอนี่ไป เธอล้มลงแววตาเธอริบหรี่ “เอกเปกซ์โตร พาโตรนุมมมม
” เสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้คุมวิญญาณสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็สลบไป
“เกรนเจอร์ เกรนเจอร์” เสียงอันคุ้นหูเธอดังขึ้นเหมือนมาจากที่ไกลแสนไกล
“ฟื้นแล้วหรอเกรนเจอร์” เขาเขย่าเธอจน เธอเวียนหัว เมื่อลืมตาขึ้นก็รีบลุกพรวดทันที
“โอ๊ยยยย..” เธอจับที่หัว เพราะรู้สึกว่ามันปวดตุบๆ
“นะ..นาย มัลฟอยมาที่นี่ได้ยังไง” เธอพูด
“ชั้นใช้แผนที่ตัวกวนที่ขโมยมาจากพ่อเฝ้าดูเธออยู่ที่บ้าน จากนั้นชั้นก็เห็นผู้คุมวิญญาณกับเธออยู่บนถนนสายเดียวกันเลยรีบหายตัวมาเพื่อช่วยเธอ เพราะรู้ว่าลำพังเธอล้มมันไม่ได้หรอก” มัลฟอยพูด
“อืมม ขอบใจ ว่าแต่ตอนนี้ชั้นอยู่ที่ไหนล่ะ” เธอดูไม่ค่อยคุ้นกับที่นี่เท่าไร
“ก็ห้องนอนเธอไง หัวกระแทกพื้นแค่นี้ถึงกับความจำเสื่อมเลยหรอ”
“ว้ายยย” เธอร้อง มัลฟอยรีบเอามือปิดปากเธอทันที”จะร้องทำไม เดี๋ยวพ่อแม่เธอตกใจแย่”
“ก็นายมาอยู่ในห้องชั้นก็ต้องรู้สิว่าอะไรอยู่ตรงไหน” เธอเริ่มกังวล “บ้าไปใหญ่แล้วยัยฟู ชั้นเพิ่งมาจะรู้ได้ไง ไม่ได้อยู่ที่นี่เป็นปีด้วย” เขาปลอบ
“งั้นเธอไม่เป็นไรแล้วชั้นกลับนะ” มัลฟอยกล่าวลา
“อืมมม” เธอลุกนั่งแล้วมองหลังไวๆของมัลฟอยที่จากไป
**********************************
การปิดภาคฤดูร้อนปีนี้เป็นที่เบื่อหน่ายแก่นักเรียนฮอกวอร์ตแทบทุกคนยกเว้นแต่แฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาคอยขู่ขวัญดัดลีย์ตลอด เมื่อทุกครั้งที่ดัดลีย์พยายามจะแกล้งเขา แฮร์รี่จะดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา แล้วจ่อที่คอหอยของดัดลีย์ แล้วพูด
“ถ้าแกอยู่เฉยๆไม่งั้นก็หยุดพร่ามสัก 10 นาทีคงไม่มีใครคิดว่าแกเป็นใบ้หรือพิการไปหรอก ดิดดี้” ซึ้งมันก็เริ่มใช้ได้ผล แต่ที่ได้ผลมากที่สุดจนดัดลีย์ได้ยินประโยคนี้เมื่อไรเขาจะรีบวิ่งไปหลบอยู่หลังลุงและป้าของเขาที่หวาดหวั่นกันทั้งคู่ “ถ้าไม่เงียบชั้นจะสาปแกเป็นหมูตอนที่น่าขยะแขยงที่สุดไปซะ” แฮร์รี่มักใช้ประโขคนี้เสมอมา
.
แล้ววันที่ แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่รอคอยคือการได้ไปอยู่กับครอบครัววีสลีย์ตลอดภาคฤดูร้อนร้อนที่เหลืออยู่ก็มาถึง
ณ.บ้านเกรนเจอร์
เฮอร์ไมโอนี่ได้รับจดหมายจากเฮอร์มีส นกฮูกประจำครอบครัววีสลีย์ว่าแฮร์รี่มาถึงที่บ้านโพรงกระต่ายและปลอดภัยสบายดี
“ลูกจ้ะ เก็บของเสร็จรึยัง เราจะได้ไปกันสักที” เสียงแม่ของเธอดังขึ้น
“ยังค่ะ ขอเวลาหน่อย...แต่หนูไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องให้หนูไปอยู่กับเพื่อนแม่ด้วยล่ะค่ะ แล้วทำไมไม่ให้หนูไปอยู่บ้านของรอนด้วย”
“แม่ไม่อยากรบกวนเขา ลูกก็รู้นี่จ้ะว่าเขาก็มีคุณพอตเตอร์อยู่แล้ว เราจะไปเพิ่มภาระให้เขาอีกทำไมกัน” นางเกรนเจอร์ดุเสียงเคร่ง
“ก็ได้ ...ก็ได้ หนูจะไปแต่ขอเวลาสักนิดหนูจะเขียนจดหมายถึงรอนก่อน” นางเกรนเจอร์มองหน้าลูกสาวคนเดียวก่อนจะตอบรับอนุญาติให้เธอเขียนจดหมายหาเพื่อนที่โรงเรียน
“ว่าแต่หนูไม่มีนกฮูกนะ” นางเกรนเจอร์ถาม
“โธ่ แม่ค่ะส่งแบบมักเกิ้ลก็ได้นี่นา พ่อของรอนคงจะปลื้มมากด้วยที่มีมักเกิ้ลกล้าไปเหยียบบ้านของเขา” เธอเถียงคอโก่ง นางเกรนเจอร์ส่ายหัวอย่างจนใจ หลังจากที่เธอเดินออกห้องไป เฮอร์ไมโอนี่ก็นั่งเขียนจดหมายบนโต๊ะเขียนหนังสือ เธอระบายความอึดอัดให้เพื่อนชายของเธอให้รู้ด้วยตัวหนังสือหวัดๆ น้ำตาเธอร่วงผล็อยลงในม้วนกระดาษจนเห็นเป็นวงของน้ำตากระจายอยู่เกือบงแผ่น
ขณะการเดินทาง เธอแวะหน่อยจดหมายลงในตู้ไปรษณีย์แล้วมุ่งหน้าสู่บ้านเพื่อนแม่เธออย่างรวดเร็วโดยมีนายเกรนเจอร์เป็นคนขับรถ และเธอก็ไม่ลืมที่จะจัดหีบใบใหญ่ที่มีตราฮอกวตส์ประทับอยู่ตรงกลางหีบมาด้วย เพราะภาคฤดูร้อนที่เหลืออยู่เธอต้องใช้ชีวิตอันเซ็งๆกับครอบครัวที่เธอไม่รู้จักมาก่อน จนถึงวันเปิดภาคเรียนใหม่ทีเดียว
*********************
ที่คฤหาสน์ขนาดใหญ่
เฮอร์ไมโอนี่ลงมาจากรถยนต์ส่วนตัวของเธอ นางเกรนเจอร์เดินนำลูกสาวมาที่บานประตูที่ใหญ่กว่าพวกเขาหลายเท่า บานประตูเป็นไม่ทั้งบาน สลักลวดลายสวยงามและสะอาดตา นางเกรนเจอร์จับที่บานประตูแล้วเคาะ ทันใดนั้นก็มีเอลฟ์ที่ตัวจ้อยออกมาต้อนรับและเชิญพวกเขาให้เข้าบ้าน
ภายในบ้านเพดานสูงเสียจนเมื่อยคอที่ต้องจ้องมอง ที่บันไดขนาดมหึมาที่แยกออกเป็นสองฝั่งถูกปูด้วยพรมสีเขียวแก่ และตรงกลางทางจะขึ้นบันไดมีกระถางดอกกุหลาบสีแดงสดวางอยู่ มีห้องมากมายเกินกว่าจะนับบ้านหลังนี้ราวกับพระราชวังในอังกฤษ แต่ทันทีที่เธอจะก้าวเข้าไปสำรวจบ้านหลังนี้ก็มีเสียงดึงดูดความสนใจของเธอซะก่อน
หญิงสาวผมเหยียดตรงใบหน้างดงาม แต่ซูบผอมเดินออกมา แล้วทักขึ้น
“โอ้ เพื่อนรัก ไม่ได้เจอกันซะนานเลย” หญิงสาวผู้นั้นโผเข้ากอดนางเกรนเจอร์ เธอเหลือบมองมาทางเฮอร์ไมโอนี่แล้วส่งยิ้มหวานยื่นมื่นให้
“หนูคงจะเป็น....เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ซินะ ฉันไม่ได้เจอหนูตั้งแต่อายุ2ขวบ ตอนนั้นหนูมางานวันเกิดลูกชายชั้นน่ะ เธอคงจำไม่ได้ซินะ มันนานมากเลย เอ่อ... ว่าแต่กระเป๋าน่ะ กระเป๋า” เธอถามอย่างอ่อนโยน
“อยู่ที่รถค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างสุภาพเช่นกัน
“เดี๋ยวชั้นให้เอลฟ์จัดการขนไปไว้ที่ห้องแล้วเราไปพบลูกชายกับสามีของชั้นกัน” เธอพูด สั่งให้เอลฟ์ตนหนึ่งดูคล้ายด็อบบี้แต่ผอมและน่ารำคาญกว่า เธอเดินนำหน้าผ่านพ้นประตูบานใหญ่เข้าไปสู่ห้องโถงกว้าง ขณะเดินอยู่บนพรมสีเขียวที่ปูยาวออกไปเธอก็พูดขึ้นลอยๆว่า “ลูกชายชั้นพูดถึงหนูบ่อยมากเลย เค้าบอกว่าหนูน่ารักดีน่ะ”
“อ๋อ ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบรับอย่าง งงงวยว่าเขาผู้นั้นเป็นใครกัน
********************************************
อ่าฮ่า จบไปแล้วตอนที่ สอง ยังไงอย่าลืมช่วยกันเม้นนนนนนน....โด้ยนะคะ พลีส
ความคิดเห็น