ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chavala ชวาลา

    ลำดับตอนที่ #27 : คณะเดินทาง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 25
      0
      14 ส.ค. 57

    3

    คณะเดินทาง

     

                แปดโมงเช้าวันจันทร์ อชิเดินทางมาจุดนัดพบคือบ้านเก่าของอาจารย์เจตนาตามที่นัดหมายไว้ก่อนเวลาที่กำหนด หลังจากที่ตัวเธอเองได้เพิ่งจะยื่นซองขาวไปเพื่องานนี้โดยเฉพาะ และปฏิเสธความช่วยเหลือของผู้เป็นอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในหัวของเธอปราศจากความลังเลและเป็นกังวลเกี่ยวกับการกระทำของตัวเอง เธอมีแต่ความสนใจเกี่ยวกับเส้นทางที่เธอกำลังจะเดินทางไปเพื่อพบเจอความลับเกี่ยวกับคาวานที่รออยู่ข้างหน้า

                กินอะไรมาหรือยัง

                หญิงสาวที่นั่งอยู่ภายในห้องรับแขกหันมองชายชราที่เดินเข้ามาและกระพริบตา ในมือของเขามีถาดใส่ขนมปัง ขนม และกาแฟ

                ยังค่ะ

                อชิตอบตามจริง เธอตื่นเต้นที่จะรีบออกมาจากบ้านเสียจนลืมเรื่องสำคัญอย่างอาหารเช้าเสียสนิท

                แล้วจะเอาเรี่ยวแรงและสมองจากไหนไปทำงาน เรามีงานหนักต้องทำนะ ทานเสีย

                ผู้เป็นอาจารย์ดุเสียงเข้ม ดวงตาหรี่เล็กลอดผ่านแว่นสายตามองมาที่เธออย่างกดดัน หญิงสาวทำเป็นหัวเราะแก้เก้อก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบก่อนเป็นอันดับแรก

                เรื่องออร์โบโนวา…” อชิเกริ่นเบาๆ เป็นยังไงบ้างคะอาจารย์

                “เอ้อใช่…” เจตนาอุทานขึ้นราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ผมพบหลักฐานยืนยันแล้วว่าโครงการนี้มีขึ้นจริงดูเหมือนว่าข้อสันนิษฐานของเราจะมีความเป็นไปได้มากขึ้นมาอีก

                หญิงสาวพยักหน้าเรียบๆ พร้อมกับดื่มกินมื้อเช้าไปตามปกติ ทั้งที่ภายในใจของเธอนั้นรู้สึกราวกับว่ากำลังห้ามคลื่นทะเลไม่ให้โหมซัด

                โครงการออร์โบโนวาเป็นโครงการที่อาจารย์เจตนาและเธอได้ค้นพบในระหว่างที่กำลังลักลอบทำการวิจัยเรื่องการล่มสลายของโลกเก่ากันเมื่อสองปีก่อน พวกเธอได้ข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจอย่างหนึ่งว่าการล่มสลายนั้นอาจเกี่ยวข้องโดยนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งและการร่วมมือของรัฐบาล

                ยังคงต้องหาข้อสนับสนุนการดำเนินการของโครงการนี้และผลสรุปสินะคะ

                “มีความจริงอีกมากที่เรายังต้องตามหา ผมหวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะทำให้เราได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้

                หญิงสาวพยักหน้ารับเรียบๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นอาจารย์ พลันสายตาเหลือบมองไปเห็นศรีษะเล็กๆ โผล่พ้นขึ้นมาจากราวบันได

                นาวา! ขึ้นไปข้างบน

                อชิเอ็ดดัง ชายชรามองตามสายตาของหญิงสาว เห็นร่างเล็กๆ ของเด็กสาวคนหนึ่งวิ่งหนีขึ้นไปยังชั้นบน เจตนาส่ายหัวช้าๆ พร้อมกับลอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง

                อย่างน้อยผมก็พอจะสบายใจได้ว่าผมหาอาจารย์ที่เอาหลานสาวผมอยู่ได้แล้ว

                หญิงสาวหัวเราะอย่างนึกเอ็นดูในตัวเด็กสาว อดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปเห็นภาพของตัวเองในอดีตที่อยากรู้อะไรหลายอย่างเสียเหลือเกิน แม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังคงเฝ้าถามคำถามหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเอง และมีเรื่องอีกมากมายเหลือเกินที่เธอหวังอยากได้คำตอบ

                เธอยังต้องรับยาอยู่สินะคะ

                อชิเปรยๆ เบา สายตาพลันหม่นเศร้าเมื่อนึกถึง

                กันไว้ก่อนน่ะ นี่ก็อีกไม่นานเธอจะต้องตรวจสุขภาพแล้ว ถ้าไม่ได้ยาระงับอาการนี่ไว้ น่ากลัวว่าหลังจากการตรวจครั้งนี้ผมอาจต้องเสียเธอไป

                ทุกวันนี้นาวาจำเป็นต้องรับยาระงับอาการหลงผิดที่ถูกลักลอบพัฒนาอย่างผิดกฎมาจากนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งโชคดีที่อาจารย์เจตนามีเพื่อนอยู่ในกลุ่มนั้นจึงได้มา เนื่องจากนิสัยของเด็กสาวที่มีความเป็นมนุษย์โลกเก่าอยู่มากนั้นค่อนข้างคัดคานกันกับอาการหลงผิดที่แฝงอยู่ในตัวของมนุษย์โลกใหม่เสียเหลือเกิน

                หญิงสาวรู้สึกปวดใจที่ทั้งๆ ที่เธอมีกล่องข้อมูลซึ่งบรรจุความรู้ที่สามารถทำให้มนุษย์โลกใหม่กลับมามียีนแบบมนุษย์โลกเก่าได้อยู่ในมือ ซึ่งนั่นหมายความว่าอาการหลงผิดก็จะหายไปด้วย ทว่าเธอกลับไม่อาจนำมันมาใช้ได้ในเวลานี้เนื่องจากข้อมูลนี้จะส่งผลกระทบในวงกว้างและเป็นอันตรายเกินไป แม้จะเห็นใจนาวาอย่างมากเสียเหลือเกิน

                เธอได้แต่หวังว่านักวิทยาศาสตร์กลุ่มนั้นจะสามารถคิดค้นตัวยาซึ่งระงับอาการหลงผิดได้อย่างสมบูรณ์แบบในเร็ววัน

                …อย่างน้อยมนุษย์จะได้ยังคงมีเสรีที่ควรได้รับมากกว่าที่เป็น

                หนูอดไม่ได้ที่จะหวังให้การที่โลกเก่าล่มสลายนั้นเนื่องมาจากการคัดสรรของธรรมชาติอย่างที่เราเข้าใจมาตลอด เหมือนเมื่อครั้งที่ไดโนเสาร์ได้สูญพันธุ์ไปอย่างไม่มีทางเลือก

                หญิงสาวกระซิบแผ่ว เลื่อนสายตาอ่อนเศร้าขึ้นสบกับดวงตาของชายชรา

                “…ไม่ใช่มนุษย์ด้วยกันเอง

               

                หลังจากนั้นไม่นาน สมาชิกคณะเดินทางก็มาถึงจนครบ ภรรยาของอาจารย์เจตนาจึงต้องล้มเลิกการบ่นอาจารย์เรื่องที่ตัวเองลืมทานข้าวเช้าแล้วยังไปว่าอชิอีก ถึงกับทำเอาหญิงสาวทำหน้าไม่ถูกจนต้องทำมึนเลี่ยงขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อไปล้างหน้าล้างตาแทน      

                หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำในจังหวะเดียวกับที่สมาชิกอีกคนที่รออยู่มาถึงและเสียงบ่นของภรรยาอาจารย์หยุดลง

                อชิ นี่เทวา

                อาจารย์เจตนาหันมาแนะนำ หญิงสาวทำหน้าราวกับเห็นผี

                “คุณอีกแล้วเธอว่า

                หมายความว่ายังไงครับเทวาหัวเราะ ผมอีกแล้วเนี่ย

                “รู้จักกันแล้วหรือ?”

                ชายชราหันมองหนุ่มสาวทั้งคู่อย่างสนอกสนใจ

                ช่วงนี้เราคงได้เจอกันบ่อยหน่อยนะ คุณย้ายมาทำงานกับเพื่อนผมด้วยนี่

                ค่ะ

                หญิงสาวรับคำสั้นๆ จ้องมองเทวาไม่กระพริบตา

                เทวาเป็นนักจิตวิทยาที่เก่ง และมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์ด้วยน่ะ เขาเพิ่งมาสนใจทางด้านประวัติศาสตร์ได้ไม่นานแต่ความรู้ของเขามีประโยชน์ต่องานของเรามากทีเดียว อย่างงานวิจัยคราวก่อนของผมเกี่ยวกับข้อแตกต่างทางจิตวิทยาระหว่างมนุษย์โลกเก่ากับโลกใหม่ก็ได้เขามาช่วยเอาไว้มากและเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ไล่ตามตัวตนของคาวานเช่นเดียวกันกับคุณ

                อชิจ้องมองเทวาอย่างนึกทึ่ง งานชิ้นนั้นเธอเองก็เคยอ่านอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเทวาจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย อีกทั้งฟังจากที่อาจารย์เจตนาพูดก็ดูราวกับจะชื่นชมในตัวเขาอยู่มากทีเดียว อาจารย์ไม่ใช่คนออกปากชมใครง่ายๆ

                “คุยกันไปก่อนนะ ผมขอตัวไปจัดการบางอย่างในบ้านสักครู่

                อาจารย์เจตนาเอ่ย ก่อนที่จะหันหลังเดินขึ้นไปยังชั้นบน ทิ้งให้อชิยืนสบตากับเทวาภายใต้บรรยากาศแปลกๆ อย่างที่หญิงสาวไม่คุ้นเคยมาก่อน

                ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย คุณรู้จักอาจารย์มานานแล้วเหรอคะ

                “นานแล้ว

                “ทำไมคุณถึงสนใจประวัติศาสตร์ขึ้นมา

                หญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มอย่างสนอกสนใจ

                จิตวิทยาคือการศึกษามนุษย์ ถ้าอยากเข้าใจมนุษย์ เราก็ต้องรู้ความเป็นมาด้วยจริงไหม

                “แปลกจริง…”

                อชิหลุดอุทานเบาๆ เธอเข้าใจในสิ่งที่เทวาพูดอย่างชัดเจนดี หากแต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจอยู่ดี เมื่อเทวาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ดูราวกับไม่ใช่เทวาคนเดียวกับที่เธอเคยรู้จักเมื่อหกปีก่อน

                “คุณคงมัวแต่ไล่ใครบางคนจนไม่ทันมองใครอีกคนที่เดินอยู่ไม่ไกลในเส้นทางเดียวกัน

                เทวายิ้มบาง จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวผู้กำลังจนต่อคำพูด

     

                การเดินทางในช่วงแรกเป็นไปอย่างสะดวกสบายเนื่องจากอาจารย์เจตนานำรถพลังงานไฟฟ้ามาเป็นพาหนะในตอนต้น แต่หลังจากนั้นก็ต้องใช้ม้ากันต่อเนื่องจากด้วยระยะทางที่ไกลมากจึงมีข้อจำกัดในการใช้พลังงาน และเป็นอาณาบริเวณที่พ้นจากทั้งสิบสามเขต

                หญิงสาวอยู่ในดินแดนซึ่งครั้งหนึ่งถูกเรียกว่ายุโรป เขตหนึ่งเป็นเขตทั้งอยู่ในพื้นที่นี้ ซึ่งขณะนี้พวกเขาได้เดินทางมาจนสุดปลายเขตและพลัดเปลี่ยนพาหนะมาเป็นม้าแทนแล้ว

                อาจารย์ไหวมั้ยคะ

                อชิเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าผู้เป็นอาจารย์กำลังขมวดคิ้วจดๆ จ้องๆ มองม้าอยู่อย่างลังเล   

                น่าจะนะ

                เจตนาว่าพร้อมกับกระโดดขึ้นหลังม้าพรวดเดียว หญิงสาวมองตาค้าง ก่อนจะตัดสินใจหันกลับมาสนใจเรื่องของตัวเองอย่างแน่วแน่ ตัวเธอเองนั้นไม่ได้มีปัญหากับการขี่ม้านักหรอก แต่ถ้าให้พูดตามจริงก็ต้องบอกว่าไม่ชอบเท่าไหร่ เธอมีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีตั้งแต่สมัยที่ขึ้นขี่ม้าเป็นครั้งแรกกับนาราแล้ว และก็รู้สึกแปลกๆ กับจังหวะการขยับกล้ามเนื้อของมันที่ไม่ถูกจริตเท่าไหร่

                ส่วนเทวานั้นดูจะมีปัญหาน้อยที่สุด ค่อนข้างจะคุ้นเคยดีด้วยซ้ำ

                เราจะไปกันเร็วหน่อยนะ ผมอยากให้ถึงจุดพักก่อนค่ำ

                อาจารย์เจตนาหันมาบอกกับหนุ่มสาวทั้งคู่ หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว อชิพยักหน้ารับทั้งความรู้สึกอึดอัดใจ เมื่อนึกถึงสภาพความเป็นไปของจุดพักในความหมายของอาจารย์เจตนาที่เธอจะต้องไปเผชิญจากนี้ไม่นาน

     

                ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีส้ม ก่อนที่จะเจือเข้มด้วยสีน้ำเงินเมื่อพระอาทิตย์เริ่มลับจากขอบฟ้า คณะเดินทางมาจนถึงจุดพักในที่สุด ท่ามกลางความอ่อนล้า มีความตึงเครียดปรากฏเป็นริ้วอยู่บนใบหน้าของชายชราและหญิงสาว ในขณะที่เทวาซึ่งพึ่งมาเยือนสถานที่นี้เป็นครั้งแรกเริ่มจะจับความรู้สึกผิดสังเกตของคนรอบข้างได้ หากแต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะนิ่งเงียบ แล้วบังคับม้าให้ตามชายชราที่นำหน้าไปอย่างระมัดระวัง

                ภายในรั้วไม้ผุๆ พังๆ ด้านในคือแปลงเกษตรขนาดใหญ่ อชิเคยมาสถานที่นี้ครั้งหนึ่งเมื่อสองปีก่อน

                พร้อมกันกับได้ความทรงจำที่ย่ำแย่กลับมา

                ไปครับอชิ

                เทวาหันเรียก หญิงสาวที่เหม่อมองไหวตัวเล็กน้อย ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้กับชายหนุ่มแล้วบังคับม้าก้าวพ้นแนวกั้นรั้วเข้าไปในเขตแปลงเกษตรซึ่งในยามนี้เงียบงันราวกับป่าช้า

                อชิกวาดตามองรอบบริเวณ ด้วยบรรยากาศยามใกล้ค่ำทำให้สถานที่ดูวังเวงกว่าปกติ ทว่านอกเหนือไปจากนั้นแล้วทุกอย่างก็ดูคงเดิมไม่ต่างไปจากเมื่อสองปีก่อนที่เธอได้มาเก็บข้อมูลเป็นผู้ช่วยให้กับอาจารย์เจตนา

                คุณเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกใช่มั้ยคะเธอเอ่ยขึ้น

                ครับ ทำไมหรือ

                “รู้มั้ยคะว่ามันเป็นสถานที่แบบไหน

                “คุณลองบอกผมมาสิ

                ชายหนุ่มว่า อชิจ้องมองใบหน้าของเขานิ่งๆ ก่อนที่จะเบือนกลับแล้วควบม้านำไปโดยไม่ยอมอธิบายเพิ่มเติม ทิ้งให้เทวาเลิกคิ้วมองด้านหลังของเธออย่างประหลาดใจ ชายหนุ่มยิ้มขำ และขยับม้าตามเธอไปบ้าง

                ตลอดทางตั้งแต่แนวกั้นรั้วไปจนถึงอาคารที่พวกเขาจะไปพัก ไม่มีใครเอ่ยเอื้อนอะไรอีกเลย

                ที่จริงแล้ว แม้ว่าเทวาจะไม่เคยมาเยือนสถานที่แห่งนี้มาก่อน แต่เขาก็ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับมันมามาก ว่าแท้จริงแล้วพืชผลส่วนใหญ่ที่มนุษย์โลกใหม่บริโภคกัน ตลอดจนเนื้อสัตว์นั้นได้มาจากแปลงเกษตรนอกเขตเหล่านี้ โดยใช้แรงงานจากพวกประชากรที่ถูกคัดออกว่าไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งของโลกใหม่

                ส่วนสภาพความเป็นอยู่ที่แท้จริงแล้วโหดร้ายแค่ไหนนั้น เขาเองก็อยากจะมาดูให้เห็นกับตาเหมือนกัน

                เรามากันช่วงเวลาพักพอดี อีกเดี๋ยวคงมีคนออกมาต้อนรับอาจารย์เจตนาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ผมติดต่อกับผู้ดูแลไปเป็นการส่วนตัว ไม่น่ามีปัญหาอะไร

                ไม่มีปัญหาอะไรอชินึกทวนซ้ำในใจ คำว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรของอาจารย์เจตนามักจะมีปัญหาตามมาเสมอ เป็นแบบนี้เสียจนหญิงสาวหลอนกับคำนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

               

                คณะเดินทางนั่งรอการมาของผู้ดูแลอยู่บริเวณหน้าอาคารอยู่นาน นานจนแทบจะลงไปนอนเกลือกกลิ้งเพราะความอ่อนล้าจากการเดินทางได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้น เนื่องจากทุกคนล้วนแต่อยู่ในการอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น โดยเฉพาะอชิคนหนึ่งนี่ล่ะที่เสร็จไปเรียบร้อยแล้ว หลับเป็นตายโดยที่ไม่รอให้ใครมาแนะนำ

                อาจารย์เจตนาซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในที่นี้ตัดสินใจลุกขึ้นยืนในที่สุด ก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกสุดตัวเมื่อเกิดเสียงระเบิดแว่วมาจากอาคารข้างๆ !

                เทวาผุดลุกขึ้นพร้อมกับกระชากแขนหญิงสาวที่กำลังสะลึมสะลือให้ลุกยืน

                รีบไปที่ม้ากันก่อนเถอะครับ

                ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรีบร้อน เจตนาพยักหน้ารับทั้งใบหน้าที่ซีดเผือก ขณะที่หญิงสาวซึ่งพอตระหนักว่าอะไรเป็นอะไรก็ก้าวตามชายทั้งคู่ไปอย่างเร่งรีบ ภายในหัวเต็มไปด้วยคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่กันแน่

                เมื่อพวกเขาทั้งหมดเร่งเดินกันไปจนถึงระยะที่ใกล้จะถึงที่ผูกม้าเอาไว้ ก็พบว่าความวุ่นวายบางอย่างได้เกิดขึ้นที่บริเวณด้านนอก มีบุรุษในชุดผู้คุมประมาณสามถึงสี่คนควบม้าไปทางแนวกั้นรั้ว

                พลันเสียงปืนดังขึ้น…!

                หญิงสาวชะงักค้างอยู่กับที่ สายตาเบิกโพลงจับจ้องร่างหนึ่งบนหลังม้าที่หล่นร่วงลงม้านอนแน่นิ่งกับพื้น

                มีการยิงกันหญิงสาวผู้มีสายตาดีที่สุดเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากรวบรวมสติได้ เอาไงต่อคะ

                ที่นี่มีทางออกทางอื่นหรือเปล่าครับ

    เทวาหันไปถามอาจารย์เจตนาซึ่งมีท่าทีครุ่นคิด

    มี…” ชายชราว่าช้าๆ แต่โดยปกติแล้วจะปิดล็อคไว้

    พวกคุณซ่อนตัวกันอยู่ตรงนี้ก่อนได้ไหม ผมจะไปดูให้

                ฝากด้วย

                เจตนาบอก ท่าทียังคงนิ่งสงบแม้ใบหน้าจะซีดเซียว เทวาพยักหน้ารับแล้วส่งสายจูงม้าให้กับอชิพร้อมกับนิ่งมองสบตาเธออยู่นาน อ้อยอิ่งราวกับไม่อยากจะจากไป

                ถ้าทางด้านหน้าสะดวกก็ไปก่อนได้เลยนะเทวาเอ่ยขึ้น หญิงสาวจ้องมองใบหน้าของเขานิ่ง แล้วผมจะตามไปทีหลัง

                ชั่ววูบหนึ่งที่หญิงสาวอยากจะปฏิเสธออกไปว่าไม่ ทว่าสุดท้ายแล้วเธอก็พยักหน้ารับอย่างจำใจ ฝืนเอ่ยเอื้อนตอบรับไปอย่างที่ใจไม่นึกอยาก

                ค่ะ

                “คุณห้ามเป็นอะไร

                เทวาเอ่ยเสียงเรียบ แววตาประกาศชัดว่านี่คือคำสั่งที่เธอห้ามหลีกเลี่ยง

    หญิงสาวพยักหน้ารับอีกครั้ง

     

    กลับไปรอที่ตึกมั้ยคะ

    อชิหันไปถามอาจารย์เจตนาหลังจากที่เทวาเดินออกไปได้สักพักแล้ว หญิงสาวเอื้อมมือไปลูบที่แผงคอม้าของเทวาซึ่งชายหนุ่มได้ฝากไว้อย่างเป็นกังวล สายตาสอดส่ายสถานการณ์ภายนอกไปด้วย

    ดีเหมือนกัน ถ้าไม่มีอะไรก็ซ่อนตัวรอเทวาสักพัก นี่ผมพยายามติดต่อคนดูแลอยู่ แต่เงียบกริบเลย

    หญิงสาวพยักหน้ารับ สายตายังคงจับจ้องอยู่กับสถานการณ์ภายนอก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นการฆ่าฟันกันต่อหน้าต่อตา และดูเหมือนสถานการณ์จะเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ณ บริเวณทางออกด้านหน้า เกิดการต่อสู้ระหว่างชายในชุดผู้คุมที่มีม้าและอาวุธครบมือ และกลุ่มคนที่คาดว่าน่าจะเป็นคนงานจำนวนหนึ่งซึ่งพกเสียม ขวาน จอบเลื่อยกันมาพร้อม หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวที่ได้ปืนมา และได้ลงมือไปเมื่อครู่

    คนยิงดูเหมือนจะเป็นคนงานนะคะอาจารย์เธอหันไปบอกเจตนา ใบหน้าซีดเผือก เป็นการเตรียมการมาแล้วหรือเปล่า?”

    คิดอยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึงสักวัน

    ชายชราเปรยเสียงเครียด ขยับเข้าไปชะโงกดูใกล้จุดที่หญิงสาวสอดส่องบ้าง ก่อนจะหันมาถาม

    คุณเชียร์ฝ่ายไหน

    คนงานหญิงสาวตอบ

    ผมด้วยชราว่าพลางขยับถอยออกมา น้ำเสียงเริ่มจริงจัง แต่ไม่ว่าจะฝ่ายไหนตอนนี้พวกเราก็มีสิทธิโดนกระสุนเจาะได้หมด รีบไปหลบกันก่อนเถอะ ตรงนี้โปร่งเกินไป กันฝนได้แต่กันกระสุนไม่รอดแน่

    หนูเพิ่งเคยเห็นคนยิงกันครั้งแรกเลย

    หญิงสาวว่าพลางจ้องมองสถานการณ์ข้างนอกด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งสนใจ ทั้งหวาดกลัว ตามมาด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนเมื่อนึกถึงสภาพความเป็นอยู่ของคนงานซึ่งเธอเคยได้เห็นเมื่อหลายปีก่อน ที่ดูเหมือนจะเป็นสาเหตุบีบคั้นให้เกิดการก่อเหตุร้ายของคนงานขึ้นในขณะนี้

    คุณจะดูต่อไหม อาจได้ลองโดนยิงเป็นครั้งแรกแถมมาด้วย

                ชายชราว่านิ่มๆ อชิยอมละสายตาในที่สุด ภาพที่ชายในชุดผู้คุมถูกยิงจนหล่นร่วงลงจากหลังมายังติดตรึงอยู่ในหัวสมอง เธอกระตุกสายจูงม้าตามอาจารย์เจตนาไป อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองอีกครั้ง

                “…ฝนกำลังจะตกลงมา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×