คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : คณะเดินทาง
3
คณะเดินทาง
แปดโมงเช้าวันจันทร์ อชิเดินทางมาจุดนัดพบคือบ้านเก่าของอาจารย์เจตนาตามที่นัดหมายไว้ก่อนเวลาที่กำหนด หลังจากที่ตัวเธอเองได้เพิ่งจะยื่นซองขาวไปเพื่องานนี้โดยเฉพาะ และปฏิเสธความช่วยเหลือของผู้เป็นอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในหัวของเธอปราศจากความลังเลและเป็นกังวลเกี่ยวกับการกระทำของตัวเอง เธอมีแต่ความสนใจเกี่ยวกับเส้นทางที่เธอกำลังจะเดินทางไปเพื่อพบเจอความลับเกี่ยวกับคาวานที่รออยู่ข้างหน้า
“กินอะไรมาหรือยัง”
หญิงสาวที่นั่งอยู่ภายในห้องรับแขกหันมองชายชราที่เดินเข้ามาและกระพริบตา ในมือของเขามีถาดใส่ขนมปัง ขนม และกาแฟ
“ยังค่ะ”
อชิตอบตามจริง เธอตื่นเต้นที่จะรีบออกมาจากบ้านเสียจนลืมเรื่องสำคัญอย่างอาหารเช้าเสียสนิท
“แล้วจะเอาเรี่ยวแรงและสมองจากไหนไปทำงาน เรามีงานหนักต้องทำนะ ทานเสีย”
ผู้เป็นอาจารย์ดุเสียงเข้ม ดวงตาหรี่เล็กลอดผ่านแว่นสายตามองมาที่เธออย่างกดดัน หญิงสาวทำเป็นหัวเราะแก้เก้อก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบก่อนเป็นอันดับแรก
“เรื่องออร์โบโนวา…” อชิเกริ่นเบาๆ “เป็นยังไงบ้างคะอาจารย์”
“เอ้อใช่…” เจตนาอุทานขึ้นราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ”ผมพบหลักฐานยืนยันแล้วว่าโครงการนี้มีขึ้นจริง…ดูเหมือนว่าข้อสันนิษฐานของเราจะมีความเป็นไปได้มากขึ้นมาอีก”
หญิงสาวพยักหน้าเรียบๆ พร้อมกับดื่มกินมื้อเช้าไปตามปกติ ทั้งที่ภายในใจของเธอนั้นรู้สึกราวกับว่ากำลังห้ามคลื่นทะเลไม่ให้โหมซัด
โครงการออร์โบโนวาเป็นโครงการที่อาจารย์เจตนาและเธอได้ค้นพบในระหว่างที่กำลังลักลอบทำการวิจัยเรื่องการล่มสลายของโลกเก่ากันเมื่อสองปีก่อน พวกเธอได้ข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจอย่างหนึ่งว่าการล่มสลายนั้นอาจเกี่ยวข้องโดยนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งและการร่วมมือของรัฐบาล
“ยังคงต้องหาข้อสนับสนุนการดำเนินการของโครงการนี้และผลสรุปสินะคะ”
“มีความจริงอีกมากที่เรายังต้องตามหา ผมหวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะทำให้เราได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้”
หญิงสาวพยักหน้ารับเรียบๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นอาจารย์ พลันสายตาเหลือบมองไปเห็นศรีษะเล็กๆ โผล่พ้นขึ้นมาจากราวบันได
“นาวา! ขึ้นไปข้างบน”
อชิเอ็ดดัง ชายชรามองตามสายตาของหญิงสาว เห็นร่างเล็กๆ ของเด็กสาวคนหนึ่งวิ่งหนีขึ้นไปยังชั้นบน เจตนาส่ายหัวช้าๆ พร้อมกับลอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
“อย่างน้อยผมก็พอจะสบายใจได้ว่าผมหาอาจารย์ที่เอาหลานสาวผมอยู่ได้แล้ว”
หญิงสาวหัวเราะอย่างนึกเอ็นดูในตัวเด็กสาว อดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปเห็นภาพของตัวเองในอดีตที่อยากรู้อะไรหลายอย่างเสียเหลือเกิน แม้กระทั่งตอนนี้เธอก็ยังคงเฝ้าถามคำถามหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเอง และมีเรื่องอีกมากมายเหลือเกินที่เธอหวังอยากได้คำตอบ
“เธอยังต้องรับยาอยู่สินะคะ”
อชิเปรยๆ เบา สายตาพลันหม่นเศร้าเมื่อนึกถึง
“กันไว้ก่อนน่ะ นี่ก็อีกไม่นานเธอจะต้องตรวจสุขภาพแล้ว ถ้าไม่ได้ยาระงับอาการนี่ไว้ น่ากลัวว่าหลังจากการตรวจครั้งนี้ผมอาจต้องเสียเธอไป”
ทุกวันนี้นาวาจำเป็นต้องรับยาระงับอาการหลงผิดที่ถูกลักลอบพัฒนาอย่างผิดกฎมาจากนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งโชคดีที่อาจารย์เจตนามีเพื่อนอยู่ในกลุ่มนั้นจึงได้มา เนื่องจากนิสัยของเด็กสาวที่มีความเป็นมนุษย์โลกเก่าอยู่มากนั้นค่อนข้างคัดคานกันกับอาการหลงผิดที่แฝงอยู่ในตัวของมนุษย์โลกใหม่เสียเหลือเกิน
หญิงสาวรู้สึกปวดใจที่ทั้งๆ ที่เธอมีกล่องข้อมูลซึ่งบรรจุความรู้ที่สามารถทำให้มนุษย์โลกใหม่กลับมามียีนแบบมนุษย์โลกเก่าได้อยู่ในมือ ซึ่งนั่นหมายความว่าอาการหลงผิดก็จะหายไปด้วย ทว่าเธอกลับไม่อาจนำมันมาใช้ได้ในเวลานี้เนื่องจากข้อมูลนี้จะส่งผลกระทบในวงกว้างและเป็นอันตรายเกินไป แม้จะเห็นใจนาวาอย่างมากเสียเหลือเกิน
เธอได้แต่หวังว่านักวิทยาศาสตร์กลุ่มนั้นจะสามารถคิดค้นตัวยาซึ่งระงับอาการหลงผิดได้อย่างสมบูรณ์แบบในเร็ววัน
…อย่างน้อยมนุษย์จะได้ยังคงมีเสรีที่ควรได้รับมากกว่าที่เป็น
“หนูอดไม่ได้ที่จะหวังให้การที่โลกเก่าล่มสลายนั้นเนื่องมาจากการคัดสรรของธรรมชาติอย่างที่เราเข้าใจมาตลอด เหมือนเมื่อครั้งที่ไดโนเสาร์ได้สูญพันธุ์ไปอย่างไม่มีทางเลือก”
หญิงสาวกระซิบแผ่ว เลื่อนสายตาอ่อนเศร้าขึ้นสบกับดวงตาของชายชรา
“…ไม่ใช่มนุษย์ด้วยกันเอง”
หลังจากนั้นไม่นาน สมาชิกคณะเดินทางก็มาถึงจนครบ ภรรยาของอาจารย์เจตนาจึงต้องล้มเลิกการบ่นอาจารย์เรื่องที่ตัวเองลืมทานข้าวเช้าแล้วยังไปว่าอชิอีก ถึงกับทำเอาหญิงสาวทำหน้าไม่ถูกจนต้องทำมึนเลี่ยงขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อไปล้างหน้าล้างตาแทน
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำในจังหวะเดียวกับที่สมาชิกอีกคนที่รออยู่มาถึงและเสียงบ่นของภรรยาอาจารย์หยุดลง
“อชิ นี่เทวา”
อาจารย์เจตนาหันมาแนะนำ หญิงสาวทำหน้าราวกับเห็นผี
“คุณอีกแล้ว” เธอว่า
“หมายความว่ายังไงครับ” เทวาหัวเราะ “ผมอีกแล้วเนี่ย”
“รู้จักกันแล้วหรือ?”
ชายชราหันมองหนุ่มสาวทั้งคู่อย่างสนอกสนใจ
“ช่วงนี้เราคงได้เจอกันบ่อยหน่อยนะ คุณย้ายมาทำงานกับเพื่อนผมด้วยนี่”
“ค่ะ”
หญิงสาวรับคำสั้นๆ จ้องมองเทวาไม่กระพริบตา
“เทวาเป็นนักจิตวิทยาที่เก่ง และมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์ด้วยน่ะ เขาเพิ่งมาสนใจทางด้านประวัติศาสตร์ได้ไม่นานแต่ความรู้ของเขามีประโยชน์ต่องานของเรามากทีเดียว อย่างงานวิจัยคราวก่อนของผมเกี่ยวกับข้อแตกต่างทางจิตวิทยาระหว่างมนุษย์โลกเก่ากับโลกใหม่ก็ได้เขามาช่วยเอาไว้มาก…และเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ไล่ตามตัวตนของคาวานเช่นเดียวกันกับคุณ”
อชิจ้องมองเทวาอย่างนึกทึ่ง งานชิ้นนั้นเธอเองก็เคยอ่านอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเทวาจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย อีกทั้งฟังจากที่อาจารย์เจตนาพูดก็ดูราวกับจะชื่นชมในตัวเขาอยู่มากทีเดียว อาจารย์ไม่ใช่คนออกปากชมใครง่ายๆ
“คุยกันไปก่อนนะ ผมขอตัวไปจัดการบางอย่างในบ้านสักครู่”
อาจารย์เจตนาเอ่ย ก่อนที่จะหันหลังเดินขึ้นไปยังชั้นบน ทิ้งให้อชิยืนสบตากับเทวาภายใต้บรรยากาศแปลกๆ อย่างที่หญิงสาวไม่คุ้นเคยมาก่อน
“ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย คุณรู้จักอาจารย์มานานแล้วเหรอคะ”
“นานแล้ว”
“ทำไมคุณถึงสนใจประวัติศาสตร์ขึ้นมา”
หญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มอย่างสนอกสนใจ
“จิตวิทยาคือการศึกษามนุษย์ ถ้าอยากเข้าใจมนุษย์ เราก็ต้องรู้ความเป็นมาด้วยจริงไหม”
“แปลกจริง…”
อชิหลุดอุทานเบาๆ เธอเข้าใจในสิ่งที่เทวาพูดอย่างชัดเจนดี หากแต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจอยู่ดี เมื่อเทวาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ดูราวกับไม่ใช่เทวาคนเดียวกับที่เธอเคยรู้จักเมื่อหกปีก่อน
“คุณคงมัวแต่ไล่ใครบางคน…จนไม่ทันมองใครอีกคนที่เดินอยู่ไม่ไกลในเส้นทางเดียวกัน”
เทวายิ้มบาง จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวผู้กำลังจนต่อคำพูด
การเดินทางในช่วงแรกเป็นไปอย่างสะดวกสบายเนื่องจากอาจารย์เจตนานำรถพลังงานไฟฟ้ามาเป็นพาหนะในตอนต้น แต่หลังจากนั้นก็ต้องใช้ม้ากันต่อเนื่องจากด้วยระยะทางที่ไกลมากจึงมีข้อจำกัดในการใช้พลังงาน และเป็นอาณาบริเวณที่พ้นจากทั้งสิบสามเขต
หญิงสาวอยู่ในดินแดนซึ่งครั้งหนึ่งถูกเรียกว่ายุโรป เขตหนึ่งเป็นเขตทั้งอยู่ในพื้นที่นี้ ซึ่งขณะนี้พวกเขาได้เดินทางมาจนสุดปลายเขตและพลัดเปลี่ยนพาหนะมาเป็นม้าแทนแล้ว
“อาจารย์ไหวมั้ยคะ”
อชิเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าผู้เป็นอาจารย์กำลังขมวดคิ้วจดๆ จ้องๆ มองม้าอยู่อย่างลังเล
“น่าจะนะ”
เจตนาว่าพร้อมกับกระโดดขึ้นหลังม้าพรวดเดียว หญิงสาวมองตาค้าง ก่อนจะตัดสินใจหันกลับมาสนใจเรื่องของตัวเองอย่างแน่วแน่ ตัวเธอเองนั้นไม่ได้มีปัญหากับการขี่ม้านักหรอก แต่ถ้าให้พูดตามจริงก็ต้องบอกว่าไม่ชอบเท่าไหร่ เธอมีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีตั้งแต่สมัยที่ขึ้นขี่ม้าเป็นครั้งแรกกับนาราแล้ว และก็รู้สึกแปลกๆ กับจังหวะการขยับกล้ามเนื้อของมันที่ไม่ถูกจริตเท่าไหร่
ส่วนเทวานั้นดูจะมีปัญหาน้อยที่สุด ค่อนข้างจะคุ้นเคยดีด้วยซ้ำ
“เราจะไปกันเร็วหน่อยนะ ผมอยากให้ถึงจุดพักก่อนค่ำ”
อาจารย์เจตนาหันมาบอกกับหนุ่มสาวทั้งคู่ หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว อชิพยักหน้ารับทั้งความรู้สึกอึดอัดใจ เมื่อนึกถึงสภาพความเป็นไปของจุดพักในความหมายของอาจารย์เจตนาที่เธอจะต้องไปเผชิญจากนี้ไม่นาน
ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีส้ม ก่อนที่จะเจือเข้มด้วยสีน้ำเงินเมื่อพระอาทิตย์เริ่มลับจากขอบฟ้า คณะเดินทางมาจนถึงจุดพักในที่สุด ท่ามกลางความอ่อนล้า มีความตึงเครียดปรากฏเป็นริ้วอยู่บนใบหน้าของชายชราและหญิงสาว ในขณะที่เทวาซึ่งพึ่งมาเยือนสถานที่นี้เป็นครั้งแรกเริ่มจะจับความรู้สึกผิดสังเกตของคนรอบข้างได้ หากแต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะนิ่งเงียบ แล้วบังคับม้าให้ตามชายชราที่นำหน้าไปอย่างระมัดระวัง
ภายในรั้วไม้ผุๆ พังๆ ด้านในคือแปลงเกษตรขนาดใหญ่ อชิเคยมาสถานที่นี้ครั้งหนึ่งเมื่อสองปีก่อน
…พร้อมกันกับได้ความทรงจำที่ย่ำแย่กลับมา
“ไปครับอชิ”
เทวาหันเรียก หญิงสาวที่เหม่อมองไหวตัวเล็กน้อย ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้กับชายหนุ่มแล้วบังคับม้าก้าวพ้นแนวกั้นรั้วเข้าไปในเขตแปลงเกษตรซึ่งในยามนี้เงียบงันราวกับป่าช้า
อชิกวาดตามองรอบบริเวณ ด้วยบรรยากาศยามใกล้ค่ำทำให้สถานที่ดูวังเวงกว่าปกติ ทว่านอกเหนือไปจากนั้นแล้วทุกอย่างก็ดูคงเดิมไม่ต่างไปจากเมื่อสองปีก่อนที่เธอได้มาเก็บข้อมูลเป็นผู้ช่วยให้กับอาจารย์เจตนา
“คุณเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกใช่มั้ยคะ” เธอเอ่ยขึ้น
“ครับ ทำไมหรือ”
“รู้มั้ยคะว่ามันเป็นสถานที่แบบไหน”
“คุณลองบอกผมมาสิ”
ชายหนุ่มว่า อชิจ้องมองใบหน้าของเขานิ่งๆ ก่อนที่จะเบือนกลับแล้วควบม้านำไปโดยไม่ยอมอธิบายเพิ่มเติม ทิ้งให้เทวาเลิกคิ้วมองด้านหลังของเธออย่างประหลาดใจ ชายหนุ่มยิ้มขำ และขยับม้าตามเธอไปบ้าง
ตลอดทางตั้งแต่แนวกั้นรั้วไปจนถึงอาคารที่พวกเขาจะไปพัก ไม่มีใครเอ่ยเอื้อนอะไรอีกเลย
ที่จริงแล้ว แม้ว่าเทวาจะไม่เคยมาเยือนสถานที่แห่งนี้มาก่อน แต่เขาก็ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับมันมามาก ว่าแท้จริงแล้วพืชผลส่วนใหญ่ที่มนุษย์โลกใหม่บริโภคกัน ตลอดจนเนื้อสัตว์นั้นได้มาจากแปลงเกษตรนอกเขตเหล่านี้ โดยใช้แรงงานจากพวกประชากรที่ถูกคัดออกว่าไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งของโลกใหม่
ส่วนสภาพความเป็นอยู่ที่แท้จริงแล้วโหดร้ายแค่ไหนนั้น เขาเองก็อยากจะมาดูให้เห็นกับตาเหมือนกัน
“เรามากันช่วงเวลาพักพอดี อีกเดี๋ยวคงมีคนออกมาต้อนรับ” อาจารย์เจตนาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “ผมติดต่อกับผู้ดูแลไปเป็นการส่วนตัว ไม่น่ามีปัญหาอะไร”
ไม่มีปัญหาอะไร…อชินึกทวนซ้ำในใจ คำว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรของอาจารย์เจตนามักจะมีปัญหาตามมาเสมอ เป็นแบบนี้เสียจนหญิงสาวหลอนกับคำนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
คณะเดินทางนั่งรอการมาของผู้ดูแลอยู่บริเวณหน้าอาคารอยู่นาน นานจนแทบจะลงไปนอนเกลือกกลิ้งเพราะความอ่อนล้าจากการเดินทางได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้น เนื่องจากทุกคนล้วนแต่อยู่ในการอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น โดยเฉพาะอชิคนหนึ่งนี่ล่ะที่เสร็จไปเรียบร้อยแล้ว หลับเป็นตายโดยที่ไม่รอให้ใครมาแนะนำ
อาจารย์เจตนาซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในที่นี้ตัดสินใจลุกขึ้นยืนในที่สุด ก่อนที่จะสะดุ้งเฮือกสุดตัวเมื่อเกิดเสียงระเบิดแว่วมาจากอาคารข้างๆ !
เทวาผุดลุกขึ้นพร้อมกับกระชากแขนหญิงสาวที่กำลังสะลึมสะลือให้ลุกยืน
“รีบไปที่ม้ากันก่อนเถอะครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรีบร้อน เจตนาพยักหน้ารับทั้งใบหน้าที่ซีดเผือก ขณะที่หญิงสาวซึ่งพอตระหนักว่าอะไรเป็นอะไรก็ก้าวตามชายทั้งคู่ไปอย่างเร่งรีบ ภายในหัวเต็มไปด้วยคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่กันแน่
เมื่อพวกเขาทั้งหมดเร่งเดินกันไปจนถึงระยะที่ใกล้จะถึงที่ผูกม้าเอาไว้ ก็พบว่าความวุ่นวายบางอย่างได้เกิดขึ้นที่บริเวณด้านนอก มีบุรุษในชุดผู้คุมประมาณสามถึงสี่คนควบม้าไปทางแนวกั้นรั้ว
พลันเสียงปืนดังขึ้น…!
หญิงสาวชะงักค้างอยู่กับที่ สายตาเบิกโพลงจับจ้องร่างหนึ่งบนหลังม้าที่หล่นร่วงลงม้านอนแน่นิ่งกับพื้น
“มีการยิงกัน” หญิงสาวผู้มีสายตาดีที่สุดเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากรวบรวมสติได้ “เอาไงต่อคะ”
“ที่นี่มีทางออกทางอื่นหรือเปล่าครับ”
เทวาหันไปถามอาจารย์เจตนาซึ่งมีท่าทีครุ่นคิด
“มี…” ชายชราว่าช้าๆ “แต่โดยปกติแล้วจะปิดล็อคไว้”
“พวกคุณซ่อนตัวกันอยู่ตรงนี้ก่อนได้ไหม ผมจะไปดูให้”
“ฝากด้วย”
เจตนาบอก ท่าทียังคงนิ่งสงบแม้ใบหน้าจะซีดเซียว เทวาพยักหน้ารับแล้วส่งสายจูงม้าให้กับอชิพร้อมกับนิ่งมองสบตาเธออยู่นาน อ้อยอิ่งราวกับไม่อยากจะจากไป
“ถ้าทางด้านหน้าสะดวกก็ไปก่อนได้เลยนะ” เทวาเอ่ยขึ้น หญิงสาวจ้องมองใบหน้าของเขานิ่ง “แล้วผมจะตามไปทีหลัง”
ชั่ววูบหนึ่งที่หญิงสาวอยากจะปฏิเสธออกไปว่าไม่ ทว่าสุดท้ายแล้วเธอก็พยักหน้ารับอย่างจำใจ ฝืนเอ่ยเอื้อนตอบรับไปอย่างที่ใจไม่นึกอยาก
“ค่ะ”
“คุณห้ามเป็นอะไร”
เทวาเอ่ยเสียงเรียบ แววตาประกาศชัดว่านี่คือคำสั่งที่เธอห้ามหลีกเลี่ยง
…หญิงสาวพยักหน้ารับอีกครั้ง
“กลับไปรอที่ตึกมั้ยคะ”
อชิหันไปถามอาจารย์เจตนาหลังจากที่เทวาเดินออกไปได้สักพักแล้ว หญิงสาวเอื้อมมือไปลูบที่แผงคอม้าของเทวาซึ่งชายหนุ่มได้ฝากไว้อย่างเป็นกังวล สายตาสอดส่ายสถานการณ์ภายนอกไปด้วย
“ดีเหมือนกัน ถ้าไม่มีอะไรก็ซ่อนตัวรอเทวาสักพัก นี่ผมพยายามติดต่อคนดูแลอยู่ แต่เงียบกริบเลย”
หญิงสาวพยักหน้ารับ สายตายังคงจับจ้องอยู่กับสถานการณ์ภายนอก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นการฆ่าฟันกันต่อหน้าต่อตา และดูเหมือนสถานการณ์จะเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ณ บริเวณทางออกด้านหน้า เกิดการต่อสู้ระหว่างชายในชุดผู้คุมที่มีม้าและอาวุธครบมือ และกลุ่มคนที่คาดว่าน่าจะเป็นคนงานจำนวนหนึ่งซึ่งพกเสียม ขวาน จอบเลื่อยกันมาพร้อม หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวที่ได้ปืนมา และได้ลงมือไปเมื่อครู่
“คนยิงดูเหมือนจะเป็นคนงานนะคะอาจารย์” เธอหันไปบอกเจตนา ใบหน้าซีดเผือก “เป็นการเตรียมการมาแล้วหรือเปล่า?”
“คิดอยู่แล้วว่าวันนี้ต้องมาถึงสักวัน”
ชายชราเปรยเสียงเครียด ขยับเข้าไปชะโงกดูใกล้จุดที่หญิงสาวสอดส่องบ้าง ก่อนจะหันมาถาม
“คุณเชียร์ฝ่ายไหน”
“คนงาน” หญิงสาวตอบ
“ผมด้วย” ชราว่าพลางขยับถอยออกมา น้ำเสียงเริ่มจริงจัง “แต่ไม่ว่าจะฝ่ายไหนตอนนี้พวกเราก็มีสิทธิโดนกระสุนเจาะได้หมด รีบไปหลบกันก่อนเถอะ ตรงนี้โปร่งเกินไป กันฝนได้แต่กันกระสุนไม่รอดแน่”
“หนูเพิ่งเคยเห็นคนยิงกันครั้งแรกเลย”
หญิงสาวว่าพลางจ้องมองสถานการณ์ข้างนอกด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งสนใจ ทั้งหวาดกลัว ตามมาด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนเมื่อนึกถึงสภาพความเป็นอยู่ของคนงานซึ่งเธอเคยได้เห็นเมื่อหลายปีก่อน ที่ดูเหมือนจะเป็นสาเหตุบีบคั้นให้เกิดการก่อเหตุร้ายของคนงานขึ้นในขณะนี้
“คุณจะดูต่อไหม อาจได้ลองโดนยิงเป็นครั้งแรกแถมมาด้วย”
ชายชราว่านิ่มๆ อชิยอมละสายตาในที่สุด ภาพที่ชายในชุดผู้คุมถูกยิงจนหล่นร่วงลงจากหลังมายังติดตรึงอยู่ในหัวสมอง เธอกระตุกสายจูงม้าตามอาจารย์เจตนาไป อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองอีกครั้ง
“…ฝนกำลังจะตกลงมา”
ความคิดเห็น