คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ใต้ผืนฟ้ามีดาวนับล้าน
17
ใต้ผืนฟ้ามีดาวนับล้าน
เด็กสาวกวาดตามองรอบบริเวณ ย่างกรายไปตามที่ร้างซึ่งครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยองุ่นผลอิ่ม เธอเคยคิดว่าพื้นที่แห่งนี้รกร้างเหลือเกิน แต่เมื่อได้ลองสังเกตอย่างถี่ถ้วนก็พบว่าต้นหญ้าสดใหม่ได้เริ่มงอกเงยขึ้นมา อย่างน้อยท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆครึ้มสีเทาก็ช่วยให้ทุกอย่างดูสว่างไสว
เป็นครั้งแรกที่เธอได้มาที่ไร่องุ่นร้างก่อนเวลาพระอาทิตย์ตกดิน นาราพยายามบอกให้เด็กสาวนอนพักผ่อนให้เต็มที่หลังจากหนึ่งวันอันยาวนานได้ผ่านพ้นไป แต่เธอรั้นที่จะหนีออกมาโดยบอกว่าเธอต้องการเวลาที่ครุ่นคิดเพียงลำพัง
อชิเดินมาจนใกล้บริเวณศาลาที่เคยใช้เป็นที่พูดคุยกับคาวานเมื่อครั้งก่อน ร่างหนึ่งนั้นเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อยู่ตรงนั้น…
เธอหยุดมอง ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้
“คุณมานานแล้วหรือคะ”
เด็กสาวถามเสียงเบา ลังเลที่จะเอื้อมนิ้วไปสัมผัส…ร่างนั้นลืมตาขึ้นช้าๆ สายตาเบือนมาสบ ปลายนิ้วของเธอหยุดค้างที่ตรงนั้น ก่อนจะดึงกลับมาอย่างเก้อเขิน
“ไม่รู้สิ” เขาว่า “…ฉันหลับ”
“ฉันรบกวนคุณหรือเปล่า”
เด็กสาวหมายถึงการที่เธอขอให้เขามาเจอในตอนนี้ เธอรู้ดีว่ามันออกจะกะทันหันไป ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการตำหนิ ซ้ำยังนัดเวลามาเจอกันได้ในทันที
“ไม่เลย เมื่อครู่ฉันฝันร้าย” เขาสั่นศรีษะน้อยๆ ขับไล่ความคิด ก่อนจะเสริมขึ้น “ค่อนข้างแย่”
เธอกระพริบตา อ้าปากน้อยๆ เผื่อจะได้แก้ไขความเข้าใจผิดของอีกฝ่าย แต่สุดท้ายแล้วเธอก็สรุปว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรนักจึงตัดสินใจหุบปากลงสนิทแล้วทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ
หลังจากปล่อยผ่านเวลาให้เดินไปโดยมีแต่ความเงียบ อชิก็เริ่มต้นพูดขึ้น
“ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากจนเกินไป”
“การตรวจสุขภาพเป็นยังไงบ้าง”
“มีคนพาฉันไปตรวจที่อื่นมา เขาว่าฉันมียีนเหมือนกับมนุษย์โลกเก่า”
เด็กสาวตอบเรียบๆ พยายามควบคุมอารมณ์ภายในให้อยู่ในความสงบ แต่เธอรู้ดี…มีพายุกำลังเริ่มก่อตัวอยู่ในนั้น และเธอกำลังรู้สึกทรมานด้วยความอัดอั้น เธอสับสนเหลือเกิน และไม่อาจหาข้อสรุปใดๆ ให้ตัวเองได้เลย เธอรู้สึกราวกับภายในหัวเต็มไปด้วยข้อมูลมากมายที่ล่องลอยไปมา
“แล้วเธอรู้สึกยังไง”
“ฉัน…” เด็กสาวอึกอัก “ไม่รู้สิ”
คาวานถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้และหลับตาลง นานเพียงพอที่จะทำให้อชิคิดว่าเขาเผลอหลับไปเสียแล้ว แต่พอเธอตั้งท่าจะสะกิดเรียก เขากลับผุดลุกขึ้นอย่างกะทันหันหัน อชิทำตาโต เธอตกใจเล็กๆ กับท่าทีที่คาดเดาไม่ได้ของเขา
“มานี่ มีอะไรดีๆ จะให้ดู”
เขาพูดพร้อมกับดึงคอเสื้อเธอขึ้น เด็กสาวอ้าปากค้าง ไม่เคยมีใครหยาบคายกับเธอขนาดนี้มากก่อน ไม่มีสักครั้งที่ใครจะมาหิ้วเธอขึ้นอย่างกับชิ้นผ้า อชิสะบัดตัวออกจากมือของชายหนุ่ม และกระโดดถอยออกมาตั้งท่าขู่ฝ่อ
“นี่!”
อชิร้อง ทำตาโต
“จะไปไหม?”
“ไป!”
เธอตอบอย่างหงุดหงิด ตัดสินใจเก็บคำว่ามารยาทใส่เข้าไปในลิ้นชักสักแห่งแล้วล๊อคไว้แน่นๆ
พวกเขาพากันเดินมาเรื่อยๆ ภายใต้ความเงียบ ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงส้ม เด็กสาวเหลียวมองนกที่โผบิน และยอดหญ้าที่ไหวเอนตามแรงลม ความรู้สึกอบอุ่น และสุขสงบเข้ามาชำระล้างจิตใจของเด็กสาวให้ปลอดโปร่งอย่างที่ไม่เป็นมาเนิ่นนาน
พลันคาวานก็ทิ้งตัวนอนลง รอยยิ้มเกลื่อนบนหน้า
เขาใช้มือข้างหนึ่งดันตัวขึ้นมา อีกข้างเอื้อมมาดึงมือเธอให้เอนตัวนอนลงตามบ้าง อชิจ้องมองเขาอย่างประหลาดใจ แต่สุดท้ายก็ทำตามแต่โดยดี
“โลกที่เธออยู่ตอนนี้มันดีไหม”
เด็กสาวซึมซับความรู้สึกสดใหม่จากผืนหญ้า เอียงหูฟังเสียงลมที่พัดโชยกลิ่นดินชื้น เวลานี้เธอรู้สึกว่าโลกงดงามเหลือเกิน
“ค่ะ” อชิหลับตาลง “…เคยคิดอย่างนั้น แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจ”
“โลกของเราจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีสายพันธุ์ใดครอบครองโลกตลอดกาล มีวันที่รุ่งเรืองที่สุด และวันที่ต้องดับสูญ…เป็นเช่นนี้ตลอดมา…และเธอเองก็เป็นส่วนหนึ่งของกลไกเหล่านั้น เช่นเดียวกับทุกคน”
คาวานเอ่ยขึ้น น้ำเสียงนุ่มทุ้มราวกับจะปลอมประโลม
“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงมาที่นี่ ทำไมคุณถึงไม่ปล่อยให้อะไรๆ เป็นไป”
“เพราะฉันเชื่อว่านี่คือสิ่งที่ฉันต้องทำ ฉันเชื่อว่าฉันยังคงรอดชีวิตอยู่เพื่อแก้ไขสิ่งที่เคยล้มเหลว ฉันเคยเป็นหนึ่งในคนที่ต่อต้านแนวคิดที่จะเปลี่ยนแปลงมนุษย์อย่างผิดธรรมชาติในระดับพันธุกรรม และอย่างที่เธอเห็น…ฉันล้มเหลวมาจนถึงตอนนี้”
อชินิ่งฟังอย่างสงบ หวนนึกไปถึงครั้งหนึ่งที่คาวานให้เธอค้นลึกลงไปภายในจิตใจของเธอเอง และเธอก็พบว่าตัวเธอไม่ได้มีความปราถนาใดที่สูงส่งเลยแม้แต่น้อย
“ฉัน…ทนเห็นคนที่ฉันรักหายไปทีละคนไม่ได้”
เด็กสาวขยับแขนทั้งสองข้างเข้ามาประสานมือเหนือบริเวณน้อย มือทั้งสองข้างบีบแน่น
เพียงเท่านี้เอง…ความปราถนาของเธอ
“คนที่ฉันรักรึ…”
คาวานกระซิบแผ่ว แทบจะกลืนหายไปกับเสียงลม
“หมอทัศนัย…คนที่ตรวจฉันวันนี้บอกว่าต้องการความช่วยเหลือจากฉัน” อชิเกริ่นขึ้น “ดูเหมือนคนรอบตัวหลายๆ คนของฉันจะร่วมมือกันทำอะไรบางอย่าง พวกเขาพยายามช่วยกันไม่ให้พวกผู้คุมกฎรู้ว่าฉันแตกต่าง ไม่ให้รู้ว่าฉันเป็นเหมือนมนุษย์โลกเก่า พวกเขาไม่ชอบเงา เกลียดชังเงา นี่เป็นสิ่งที่ฉันได้รับรู้มาในวันนี้”
“ฉันไม่กล้า” เธอบีบมือแน่นขึ้นอีก “ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันยังไม่พร้อมที่จะฟังว่าพวกเขากำลังทำอะไร”
คาวานเอียงหน้าเข้าหาเด็กสาว ทั้งสองสบตากัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายหันกลับไป
“ปฏิวัติ…ฉันเข้าใจว่าอย่างนั้น”
เด็กสาวนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอพอจะรู้จักคำนี้จากหนังสือที่อ่าน แต่เธอไม่เคยนึกถึงมัน…โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นใกล้ๆ ตัว…นี่มัน…หมายความว่าทั้งอาจารย์เจตน์ พี่กุลิน พี่นารา อาจารย์เทวา หมอทัศนัย หรือแม้กระทั่งพ่อแม่ของเธอ คนรอบตัวเธอทั้งหลายเหล่านี้ต้องการที่จะปฏิวัติหรือ?
“ฉันว่าฉันเพิ่งจะพูดไปเมื่อครู่ว่าไม่พร้อมจะรู้”
“เราจะได้คุยกันง่ายขึ้น ฉันไม่ใจดีหรอกนะ”
น้ำเสียงของคาวานกลับมาห้วนสั้นอย่างที่เธอคุ้นเคย เด็กสาวลอบถอนหายใจ อย่างน้อยเขาก็อ่อนโยนพอที่จะพาเธอมานอนคุยกันบนพื้นหญ้า แม้ว่าจะยังไม่มืดพอที่จะเห็นดาว และไม่ได้ให้บรรยากาศดีๆ อย่างที่เธอเคยได้อ่านในนิยายรักบางเล่ม
“คุณรู้ได้ยังไง”
“มันเกี่ยวกับธุระของฉัน ฉันก็ต้องสืบหาข้อมูลเป็นธรรมดา”
“จะเป็นยังไงถ้าเรากลับไปมีพันธุกรรมแบบมนุษย์โลกเก่าคะ”
คาวานลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับบิดขี้เกียจ เด็กสาวจำต้องลุกขึ้นตามแม้ว่ากำลังเคลิ้มกับสัมผัสจากยอดหญ้าอยู่ไม่น้อย อีกครั้งที่สายตาของเขาทอดมองออกไปไกล…
“มันเป็นสิทธิที่มนุษย์ควรได้คืนมา มนุษย์ถือว่าตัวเองอยู่เหนือสัตว์อื่นเพราะว่ามีปัญญา แต่ถ้าเราไม่สามารถที่จะตั้งข้อสงสัย ไม่สามารถทำตามความปรารถนาที่มี เธอไม่คิดหรือว่ามันเป็นการลดค่าตัวเองให้ต่ำลงไปยิ่งกว่าสัตว์ที่พวกเราปรามาศเสียอีก”
“ฉันเชื่อว่าเราต่างมีเจตจำนงเสรี เราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตที่มี ไม่ใช่ทำงานไปวันๆ อย่างหุ่นยนต์ที่ได้รับการป้อนโปรแกรมคำสั่งแล้วก็ทำงาน…ฉันไม่คิดว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ประเสริฐหรือเลวร้าย แต่ก็ไม่เห็นด้วยที่คนกลุ่มหนึ่งจะเข้ามาควบคุมเราทุกคน เพียงเพราะความเชื่อของคนเพียงกลุ่มเดียวที่บอกว่ามนุษย์มีส่วนเลวร้ายที่จะต้องกำจัด”
“ที่เธอเงียบไป…ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ฉันพูดมาคือความในใจของเธอตลอดมาหรือชวาลา?”
เด็กสาวจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา ใบหน้าของเขาเลือนรางภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็นที่ค่อยๆ อ่อนแรง
ความมืดย่ามกรายเข้ามา…หากแต่แสงสว่างจะเจิดจ้าที่สุดในเวลานั้น
“แล้วเรื่องของพ่อฉันล่ะคะ ถึงเวลาที่คุณจะบอกมาได้แล้วมั้ง”
อชิเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำ พวกเขานั่งอยู่บนผืนหญ้า และแหงนหน้าดูดาวที่ทอแสงระยับเกลื่อนทั่วแผ่นฟ้า งดงามจับตา
“พ่อของเธอ…ตอนนี้ถูกสอบสวนอยู่”
ชายหนุ่มตอบเสียงเบา สัมผัสได้ถึงอาการของร่างเล็กข้างตัวที่แข็งเกร็งตื่นตระหนก เขาเบือนหน้าไปอีกทาง
“ใจเย็นเถอะ เขาจะไม่เป็นอะไร”
เด็กสาวเม้มริมฝีปากแน่น ทั้งร่างผ่อนคลายลงบ้าง ถึงกระนั้นความสับสน ความหวาดกลัว ความตื่นตระหนกก็ยังแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง
“เธอคงไม่รู้ว่าพ่อของเธอเป็นโปรแกรมเมอร์?”
เด็กสาวส่ายหน้า พ่อของเธอเป็นคนจัดการงานบ้านและเลี้ยงดูเธอ มีบางครั้งที่เขาดูเหมือนจะรับงานบางอย่างมา แต่ก็ไม่เคยบอกว่าเป็นอะไร
“เขาถูกจับได้ว่าพยายามทำการแทรกแซงข้อมูลของกลุ่มผู้คุมกฎ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนสอบสวน ส่วนแม่ของเธอพยายามเดินเรื่องเพื่อช่วยเหลือเขาอยู่”
“นั่นมัน…!”
คำพูดของเธอสะดุดลง ราวกับมีก้อนบางอย่างติดอยู่ในคอ น้ำตารื้นขึ้นที่ขอบตานั้นร้อนผ่าว
นั่นมัน…มากพอที่จะถูกกำจัด…ถูกฆ่าได้เลย…
หากแต่เธอไม่อาจเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกไปได้
“…พวกเขาจะไม่เป็นไร”
น้ำเสียงนั้นอ่อนโยน เด็กสาวเงยหน้าขึ้นโดยหวังจะให้น้ำตานั้นไหลกลับเข้าไป อชิสูดจมูก ก่อนจะก้มหน้าหลังมองขาที่เหยียดยาวของตัวเอง
“ฟังนะอชิ”
เสียงของคาวานเข้มขึ้น เด็กสาวสูดจมูกอีกครั้งก่อนจะหันมองเขา
“ถ้าเพียงแต่เธอแสดงจุดยืนที่แน่ชัดของเธอออกมา และยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับฉัน” คาวานทิ้งช่วง เบือนสายตากลับมาสบกับเด็กสาวอย่างมั่นคง “…ฉันมีวิธี”
“ตกลงค่ะ”
อชิตอบอย่างรวดเร็ว คาวานเลิกคิ้วขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นหลังสอบเสร็จมาเจอกันที่ร้านหนังสือใกล้บ้านเธอ” อชิตั้งท่าจะต่อต้าน ชายหนุ่มรีบเสริม “ฉันไม่ต้องการให้เธอละเลยการเรียน”
“คาวาน…” เด็กสาวเอ่ยเรียก เป็นครั้งแรกที่เธอเอ่ยเรียกชื่อเขา “ฉันไว้ใจคุณ”
พวกเขาสบตากันอีกครั้ง ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าของเด็กสาวเนิ่นนาน หยุดลงที่ดวงตา…ก่อนจะเป็นฝ่ายละไปและทอดตัวลงบนผืนหญ้าอีกครั้ง
เด็กสาวทำตาม
…ท้องฟ้ายังคงงดงามจับใจ
ความคิดเห็น