คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : เทวาเคลื่อนไหว
15
เทวาเคลื่อนไหว
ร่างสูงก้าวยาวไปตามทางเดิน ภายในหัวคิดทบทวนภาพแผนการทั้งหมดตั้งแต่จนจบ อีกราวสิบนาทีกลุ่มแพทย์ชุดช่วงบ่ายจะปรากฏตัวที่อาคารแรก และอีกห้านาทีต่อมาพวกเขาก็จะเดินทางมาถึงอาการกลางซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนี้ การตรวจจะมีขึ้นที่ชั้นล่างสุดของตึกนี้
เทวาใช้เวลาในการหลบเข้าไปปลอมตัวในห้องอาบน้ำเสร็จสิ้นภายในห้าทีโดยไม่เปิดสวิตซ์ไฟ ก่อนจะออกมาพร้อมกับร่างในชุดกราว แว่นตาทรงกลม และใบหน้าที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน ตัวเขาในตอนนี้อยู่ในห้องน้ำของอาจารย์ เนื่องจากอาคารกลางเป็นอาคารขนาดใหญ่สำหรับจัดกิจกรรม ประชุม และห้องเรียนรวม ดังนั้นห้องน้ำของตึกนี้จึงค่อนข้างกว้างขวาง และมีห้องอาบน้ำภายในตัว
ชายหนุ่มขยับยิ้มที่มุมปากอย่างนึกสนุก เมื่อเช้าเขายังเป็นเทวาอย่างที่เป็นตลอดมา หากแต่ภายในวันเดียวกัน เขากลับได้เป็นนักเรียนในโรงเรียนนี้ และในตอนนี้เขาก็ได้กลายเป็นแพทย์ไปแล้ว
มีข้อความหนึ่งถูกส่งเข้ามา จากกุลิน
‘อีกสามนาที ครูพยาบาลจะเข้ามาที่ห้องน้ำชั้นสาม’
เทวาหงายข้อมือขึ้นดูนาฬิกา หากเป็นตามที่กุลินว่ามา ขณะนี้ชายอีกคนซึ่งมีใบหน้าคล้ายกับตัวเขาในปัจจุบันราวกับฝาแฝดใกล้จะเข้ามาที่นี่ภายในเวลาไม่เกินสามนาที
ชายหนุ่มลดนาฬิกาลง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม มือข้างหนึ่งเอื้อมหยิบไม้ถูพื้นจากข้างตัวมาไว้ในมือ
…อีกสองนาที
ชายหนุ่มขยับซ่อนตัวทางด้านข้างของประตู
…อีกหนึ่งนาที สามสิบห้าวิ
เทวาสูดลมหายใจเข้าลึก มือหนากระชับไม้ถูพื้น
…อีกห้าวิ…สี่…สาม…สอง…
ร่างหนึ่งในเสื้อคลุมขาวปรากฏตัวเดินผ่านช่องประตูเข้ามา ก่อนที่อีกฝ่ายจะมองหาสวิตซ์ไฟเจอ และทันรู้ตัวว่ามีใครอีกคนหนึ่งแอบซ่อนอยู่ทางด้านข้างของประตู เทวาก็ลงมือฟาดไม้เข้าที่หลังคอของครูพยาบาลตัวจริงอย่างเร็วและแรง ชายหนุ่มเตรียมซ้อมกะแรงสำหรับฉากนี้มานาน เขาค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีพลาด
ไม่มีพลาดที่ว่าคือไม่ฟื้นแน่ แต่ก็ไม่ถึงกับตาย ถึงกระนั้นเพื่อให้แน่ใจ เทวาก็ตัดสินใจเข้าไปเช็คชีพจรของอีกฝ่ายดูพร้อมกับกล่าวขอโทษไปด้วย
“โทษทีนะคุณ ยาสลบมันยุ่งยากเกินไป”
ที่จริงแล้วตามแผนเขาควรใช้ยาสลบ แต่ตอนนี้ตัวเลือกที่ดีที่สุดมีแค่ยาสลบแบบฉีดซึ่งกว่าจะเข้าประชิดตัวได้อาจมีโอกาสที่อีกฝ่ายหันมาเสียก่อน อีกทั้งเหตุการณ์ค่อนข้างกะทันหันและเกิดขึ้นในเวลากระชั้นชิดจนเกินไป เทวาจึงเลือกที่จะทำตามสัญชาตญาณของตัวเอง
อาจารย์เจตน์รู้เข้าคงบ่นแย่…ปิดเรื่องนี้ไว้ดีกว่า ชายหนุ่มตัดสินใจในทันที
เนื่องจากห้องน้ำเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ไม่มีการติดกล้องเอาไว้ การดำเนินการทุกอย่างภายในนี้จึงค่อนข้างสะดวก เทวาใช้เวลาไม่นานในการตกแต่งข้อมูลบนตัวครูพยาบาลให้ดูเหมือนเขาราวกับแฝด ก่อนจะเริ่มต้นแบกร่างที่สลบไสลไปยังห้องพยาบาลซึ่งอยู่ชั้นสอง
มีข้อความหนึ่งถูกส่งเข้ามา แต่เขาไม่สะดวกที่จะดูในตอนนี้
“คุณเทวา! เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย!”
ครูพยาบาลฝึกสอนอุทานขึ้นหลังจากที่เขาแบกร่างของครูพยาบาลตัวจริงในคราบของตัวเองเข้ามาในห้องพยาบาล
“หน้ามืดแล้วลื่นล้มในห้องน้ำน่ะ ผมตรวจดูแล้วไม่เป็นอะไรมาก เดี๋ยวคงฟื้น”
“แหม แต่ขนาดสลบอยู่ยังดูหล่อเลยนะคะ”
เทวาตัวจริงสำลัก เขาแค่พอจะเคยเห็นเธอผ่านๆ ตา ไม่ได้รู้จักอะไรกันด้วยซ้ำ ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาฟังคนพูดถึงตัวเองในสถานการณ์แบบนี้
“อาจารย์ว่าคุณเทวามีแฟนยังคะ”
หญิงสาวถามเสียงหวาน แววตาทอประกายด้วยความคาดหวัง
“มีแล้ว” ชายหนุ่มตอบแทบจะทันที ก่อนจะกระแอม “วันนี้ผมก็เห็นเขามาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง แหม ดูน่ารักกันทีเดียวนะ”
โทษทีกุลิน…เทวานึกขอโทษที่ดึงเอาเพื่อนหญิงมาแอบอ้างอยู่ในใจ
ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ เทวาก็ตัดสินใจมองเมินใบหน้าที่แสดงอาการผิดหวังอย่างสุดซึ้งของพยาบาลสาว แล้วรีบขอตัวออกมาแทบจะทันที
ชายหนุ่มหงายข้อมือขึ้นดูข้อความที่ถูกส่งเข้ามาก่อนหน้านี้
‘แพทย์ชุดสองอยู่ที่ห้องตรวจด้านล่างแล้ว’
ภายในห้องประชุมชั้นล่างสุดของอาคารกลาง ถูกจัดให้เป็นพื้นที่โล่ง และกั้นฉากด้วยม่านขาวแบ่งเป็นห้องขนาดย่อมอีกสี่ห้อง ขณะนี้นาราคงกำลังพาอชิไปหาหมอทัศนัยเพื่อทำการตรวจสอบพันธุกรรมที่เขต 12 และนำข้อมูลที่ผ่านการดัดแปลงแล้วมาใช้แทนข้อมูลที่ควรจะได้มาจากการตรวจสุขภาพประจำปีของที่นี่ ดังนั้นหน้าที่ของเทวาในตอนนี้ก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้อชิไม่ต้องตรวจพันธุกรรมในการตรวจขั้นสุดท้ายของวันนี้
ตามแผนแล้วอชิจะกลับมาเผื่อรับการตรวจเป็นคิวสุดท้าย ดังนั้นช่วงระหว่างนี้จึงเป็นหน้าที่ของเขาที่จะจัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย
ชายหนุ่มไม่เคยทำงานพลาด ครั้งนี้ก็จะเป็นเช่นนั้น
เทวาพลิกเอกสารในมือเพื่อดูรายชื่อแพทย์คนที่จะมาตรวจพันธุกรรม ปลายนิ้วเรียวไล่มาถึงรายชื่อท้ายสุด ก่อนที่แววตาเบื้องหลังกรอบแว่นจะเบิกกว้าง เมื่อข้อความในหน้ากระดาษเอกสารปรากฏเป็นชื่อที่คุ้นเคย
‘นพ.อาณัติ’
พลันสีหน้าของชายหนุ่มกลายเป็นเคร่งขรึม นายแพทย์อาณัติเคยเป็นอาจารย์ของเขาและกุลินในสมัยที่ยังเรียนอยู่ระดับอุดมศึกษา เป็นคนฉลาดเฉลียว และไวต่อความผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างมาก เป็นหนึ่งในอาจารย์ที่เขาให้ความเคารพนับถืออยู่ไม่น้อย ที่เป็นปัญหาสำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ อาจารย์คนนี้ชอบที่จะจ้องสังเกตความประพฤติของเทวามาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว
ดูเหมือนงานนี้จะเพิ่มความยากขึ้นมาอีกหลายระดับ
“คุณเป็นแพทย์ประจำโรงเรียนนี้หรือเปล่า”
เสียงหนึ่งเอ่ยเรียกจากทางด้านหลัง เทวาในคราบของแพทย์ตัวปลอมหันมอง
“ครับ? ใช่ครับ”
“แปลกจริง ทีแรกผมนึกว่าเป็นคนอื่นเสียอีก”
ร่างกายของเทวาเย็นเยียบยามสบตากับชายสูงวัยตรงหน้า เขาคือนายแพทย์อาณัติผู้ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์ที่เขาให้ความกลัวเกรง และ…เป้าหมายที่เขาจำต้องจัดการในวันนี้…
ไม่ใช่เหยื่อที่จะเคี้ยวได้ง่ายๆ เลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มยิ้มเครียดยามจ้องมองอีกฝ่ายที่มองตรงมาด้วยสายตาคมปลาบ
ช่วงเวลาเที่ยงวันเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงที่สุด และแดดจัดจ้านเป็นที่สุดของวัน นาราพาอชิควบม้าท่ามกลางแสงแดดที่แผ่ไอร้อนมาจนหยุดยืนหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก่อนจะนำเธอเข้าไปในร้านและกล่าวทักทายเจ้าของอย่างสนิทสนม ภายในร้านอัดแน่นไปด้วยผู้คน มีเสียงพูดคุยเซ็งแซ่อยู่ตลอดเวลา
“กินข้าวกันก่อน”
หญิงสาวว่า อชิท้องร้องขึ้นมาพอดีเมื่อได้กลิ่นอาหารลอยออกมาจากห้องครัวร้าน ทีแรกเมื่อนาราพาเธอมาถึงหน้าร้าน เด็กสาวก็เกิดมีคำถามมากมายลอยขึ้นมาเต็มหัว แต่เมื่อท้องเริ่มโหย คำถามทุกอย่างก็ถูกปัดหล่นไป เด็กสาวจดจ่อเพียงเมนูอาหารในหัว และลงมือจัดการของกินที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงขั้นตอนจ่ายตังค์ กลับเริ่มมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
“ต้องการแบบเดิมไหมครับ”
เจ้าของร้านเป็นคนเดินมาเก็บเงินด้วยตัวเองพร้อมกับเอ่ยคำถามประหลาด เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้น นาราจะต้องการอะไรหลังจากชำระค่าอาหารแล้ว หากแต่หญิงสาวกลับพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากอย่างมีเล่ห์นัย
“ฉันไม่ได้พาเธอมาร้านนี้เพื่อทานข้าวอย่างเดียวหรอกอชิ”
“พวกคุณจะทำอะไรกันคะ”
เด็กสาวถามพร้อมขมวดคิ้ว เธอรู้สึกไม่ดีเมื่อไม่อาจคาดเดาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป แม้ว่านาราจะบอกมาแล้วว่าต้องการพาเธอไปยังเขตสิบสอง กระนั้นเธอก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี
“ไปเข้าห้องน้ำกัน เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ฟังตอนนั้น”
นาราหันมาบอกกับอชิพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดู หากแต่อชิกลับยังคงความไม่สบายใจอยู่ดี หญิงสาวมักจะมีบรรยากาศรอบตัวบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจ แม้ว่าเธอจะอยู่ร่วมบ้านกับนารามาได้สักพักแล้วก็ตาม หากแต่ช่องว่างระหว่างเธอกับนาราก็ยังคงเดิม
“เธอนี่อยู่ในกรอบกว่าที่ฉันคิดนะอชิ”
นาราเปรยขึ้น ทางเดินดูจะทอดยาวไกลออกไปหลังจากที่พ้นจากห้องอาหารซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมาจนถึงพื้นที่ร้าง
“หนูอยู่ในกรอบอะไรคะ”
“พวกเราต่างอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีกรอบควบคุมอยู่ แต่ฉันหวังว่าเธอจะมีแตกต่างออกไป”
“เกี่ยวกับที่พี่นาราเจอหนูในห้องสมุดหรือเปล่า”
เธอถามออกไปอย่างกล้าหาญ เธอมั่นใจมานานแล้วว่านาราจำได้ว่าเธอคือคนเดียวกับอชิระ เด็กหนุ่มที่ได้พบกับนาราครั้งแรกที่ห้องสมุดต้องห้าม ยิ่งวันนี้นาราจดจำเธอได้ทั้งๆ ที่เธอก็อยู่ในคราบของเด็กหนุ่มเช่นวันนั้นโดยไม่มีอาการประหลาดใจแต่อย่างใด ทุกอย่างก็ชัดเจนทันที
“อ้อ จริงสินะ” นาราแสร้งอุทาน ก่อนจะยิ้มขี้เล่น “เธอเป็นคนน่าสนใจเพราะอ่านมามาก แต่ฉันจะชอบมากขึ้นถ้าเธอมีความก้าวร้าวกว่านี้สักนิด”
อชิเงียบกริบ เธอไม่คิดว่าความก้าวร้าวที่นาราพูดถึงจะเป็นเรื่องดีไปได้ พลันเด็กสาวชะงักฝีเท้าเมื่อสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่าง
“เดี๋ยวค่ะพี่นารา” เด็กสาวร้องขึ้น “เราเดินเลยห้องน้ำมาแล้วไม่ใช่หรือคะ”
“เธอรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเหรอ?” นาราเลิกคิ้วถาม
“ก็…ก็ไม่”
“ฉันจะพาเธอไปยังจุดที่เราสามารถใช้เทเลพอร์ตได้โดยไม่อยู่ในสายตาเงา”
นารายิ้มขณะทอดมองอชิอย่างสนอกสนใจ
‘คุณนาราพาอชิไปถึงจุดเทเลพอร์ตแล้ว อีกไม่นานพวกเธอจะได้เจอกับหมอทัศนัย’
ข้อความจากกุลินถูกส่งเข้ามาในนัลของเทวา ชายหนุ่มยังคงมีสีหน้าที่ไม่คลายจากความเคร่งเครียด เขาเหลือบมองไปที่แผ่นหลังของนายแพทย์สูงวัยซึ่งกำลังเดินเข้าไปในห้องตรวจอย่างครุ่นคิด ก่อนจะพยายามสงบจิตสงบใจแล้วสรุปลงตามที่แผนเดิม
เขาจะใช้การ ‘สะกดจิต’
บางคนอาจลืมไปแล้วว่าเทวาเป็นนักจิตวิทยา ที่ผ่านมาเขารับแต่บทบาทที่ไม่ตรงกับความสามารถของตนเองมาโดยตลอด ดังนั้นในครั้งนี้ทิฐิที่ตัวเขามาต่อสิ่งที่เรียนมาจึงทำให้เขายิ่งพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด อชิ…เด็กสาวคนนั้นคือความหวัง คือชวาลาที่จะส่องแสงในเงามืด เทวาจะไม่ยอมให้ใครหาตะเกียงสำคัญนี้เจอ จนกว่าที่ไฟในตะเกียงจะถูกจุดติดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์
ชายหนุ่มเรียกความเชื่อมั่นในตัวเองกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นสวมบทบาทแพทย์ประจำโรงเรียนอย่างแนบเนียน โดยมีอาจารย์เจตน์และกุลินคอยทำหน้าที่เป็นแบ็คอัพให้
หน้าที่ของแพทย์ประจำโรงเรียนมีอยู่แค่ช่วยในการควบคุมดูแลนักเรียนให้เข้ารับการตรวจตามขั้นตอนต่างๆ และเก็บข้อมูลเบื้องต้น ส่วนช่วงเวลาที่เขารอคอยที่จะลงมือก็คือช่วงเวลาพักครึ่ง
เนื่องจากการตรวจที่ต่อเนื่องยาวนาน และจำนวนแพทย์ที่เข้ามาทำงานในพื้นที่เขตนี้มีอยู่น้อย ทำให้ไม่สามารถหาแพทย์มาผลัดเปลี่ยนเวรได้ เพื่อป้องการอาการล้า จึงจำเป็นต้องมีช่วงเวลาพักเข้ามาคั่นประมาณครึ่งชั่วโมง เท่ากับว่าเขามีโอกาสในการลงมือแค่เวลานี้เท่านั้น
เทวาหงายข้อมือขึ้นดูเวลา…
เวลาในการลงมือมาถึงแล้ว!
หลังจากที่กริ่งสัญญาณบอกเวลาพักดังขึ้น ชายหนุ่มวางแฟ้มเอกสารในมือลง ก่อนจะเดินไปจัดยาและเครื่องมือบางอย่างที่ใช้ในการเก็บตัวอย่างพันธุกรรมเพื่อนำเข้าไปให้นายแพทย์อาณัติในห้องตรวจด้วยท่าทีเรียบง่ายราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ ทว่าหญิงสาวในชุดพยาบาลคนหนึ่งได้เดินเข้ามาขัด
“อาจารย์คะ นี่หน้าที่ของดิฉัน”
เทวาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองพยาบาลสาวนิ่งๆ ในมือถือถาดเครื่องมือ
“เมื่อสักครู่หมออาณัติเรียกให้ผมเข้าไปคุย ถ้ายังไงผมอยากจะเอาของเข้าไปด้วยเลย”
“เอ๋…มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”
หากเป็นนิสัยตามปกติของมนุษย์โลกใหม่แล้ว พวกเขามักจะไม่มีข้อสงสัยอะไรมาก แต่ดูเหมือนเทวาจะดวงไม่ดีในวันนี้หรืออย่างไรไม่ทราบ ถึงได้เจอพยาบาลสาวที่เซ้าซี้กว่าปกติ
“ธุระส่วนตัวน่ะครับ”
“แต่ว่า…”
“ตรงนั้นยังต้องการคนช่วยนะครับ ไหนๆ ผมก็ต้องเข้าไปแล้ว ให้ผมช่วยเถอะครับ ผมมีเรื่องต้องคุยกับหมออาณัติ”
แม้ว่าเทวาในตอนนี้จะอยู่ในรูปลักษณ์ของแพทย์ประจำโรงเรียนที่มีความหล่อเหลาน้อยกว่าตัวเขาจริงๆ ลงมาเกือบครึ่ง กระนั้นแล้วบุคลิกโดยปกติของเทวาก็ยังคงความเป็นคนมีเสน่ห์ และมีน้ำเสียงอันนุ่มนวลที่แฝงไว้ด้วยพลังในการโน้มน้าวใจผู้อื่น ความน่าจะเป็นที่พยาบาลจะดึงดันกับเขาต่อจึงลดหายไปอย่างง่ายดาย
“ค่ะ เข้าใจแล้ว มีอะไรอยากให้ฉันช่วยก็บอกมาได้นะคะ”
ชายหนุ่มยิ้มสุภาพ พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเร่งเดินเข้าไปในห้องตรวจสุดท้าย
ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในห้องตรวจ นายแพทย์อาณัติก็เหลือบมองเขาลอดผ่านแว่น เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่ชายสูงวัยจะละความสนใจจากเขาแล้วก้มลงมองเอกสารบนโต๊ะต่อ ในระหว่างที่ชายหนุ่มได้ทำทีเข้าไปจัดแจงอุปกรณ์ให้เข้าที่ และตรวจเช็คเครื่องมืออย่างอ้อยอิ่ง ก็มีนักเรียนนำของว่างและน้ำชาเข้ามา
ทว่าจวบจนนักเรียนคนนั้นออกไปแล้ว และชายหนุ่มก็ไม่เหลือหน้าที่ภายในห้องนี้แล้ว กระนั้นเทวาก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ในห้องนี้ต่อ สายตาจับจ้องอยู่ที่ถ้วยชาที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเลื่อนกลับมาที่ชายสูงวัย
“คุณมีอะไรหรือเปล่า”
นายแพทย์อาณัติเงยหน้าขึ้นถาม
“เอ้อ…ครับ”
ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นกระอักกระอ่วนใจที่จะตอบ
“งั้นก็นั่งลงก่อนสิ”
“ขอบคุณครับอาจารย์”
เทวาก้าวเข้าไปนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของชายสูงวัยด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ และใบหน้าที่แฝงไว้ด้วยความอึดอัดใจ ราวกับว่าเขาและนายแพทย์นั้นเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน ชายหนุ่มหวนนึกถึงความรู้สึกของเขายามที่ได้เรียนกับอาจารย์ท่านนี้เป็นครั้งแรก จำได้ว่าความรู้สึกแรกที่เขามีต่อนายแพทย์อาณัติก็คือความยำเกรง
แม้ว่าเขาต่างหากที่เป็นคนเรียนมาทางจิตวิทยา ส่วนนายแพทย์อาณัติเรียนมาทางหมอ และไม่ได้มีความรู้ทางจิตวิทยาแต่อย่างใด แต่นับแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ ชายหนุ่มก็รู้ได้ด้วยสัญชาติญาณทันทีว่า อาจารย์หมอท่านนี้ไวต่อท่าทีของคนอย่างเหลือเชื่อ
แต่มีอย่างหนึ่งที่เป็นความโชคดีของเขา…เทวาคิดขณะจ้องมองชายสูงวัยซึ่งกำลังยกชาขึ้นจิบ
…นายแพทย์อาณัติเป็นคนชอบดื่มชา
และชาถ้วยนี้ก็เป็นกุญแจสำคัญที่เขาจะนำไปใช้ในการสะกดจิต
“อาจารย์เพลียหรือเปล่าครับ…ผมเกรงว่าจะมารบกวนเวลาพักผ่อนของอาจารย์”
เทวาแสร้งทำเป็นอยู่ในบทของชายหนุ่มขี้เกรงใจ ที่ดูจะอิดออดเสียเหลือเกินในการจะเริ่มต้นเข้าเรื่องที่ต้องการจะพูด
“คุณมีอะไรก็พูดมาเถอะ”
นายแพทย์อาณัติตัดบท ท่าทีเริ่มมีอาการอ่อนล้าอันเนื่องมาจากฤทธิ์ยาในน้ำชาเริ่มจะทำหน้าที่ให้ผู้ได้รับสารอยู่ในสภาวะสะลึมสะลือ และง่ายดายต่อการชักจูงเข้าสู่สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ซึ่งในการสังเกตว่าผู้ถูกสะกดจิตอยู่ในสภาวะนี้หรือยังนั้น ต้องอาศัยประสบการณ์ในการสังเกตจากผู้ที่ถูกฝึกฝนมาแล้วเท่านั้นจึงจะรู้ได้
“คุณกำลังอ่อนล้ามากใช่มั้ยครับ”
เทวาเปรยขึ้น พร้อมกับสังเกตรูม่านตาของอีกฝ่ายที่เริ่มจะหดเล็กลง…
และเริ่มต้นออกคำสั่งอย่างนุ่มนวล
“อีกไม่นานคุณจะเข้าสู่ช่วงเวลาพักผ่อน…ระหว่างนั้นคุณต้องพูดคุยกับผมไปด้วย”
วิธีที่เทวาใช้เป็นวิธีพื้นฐานอย่างการทำให้อีกฝ่ายอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น เพื่อนำไปสู่การพูดคุยกับจิตใต้สำนึก เพราะในตอนแรกเขาปราศจากข้อมูลว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ส่วนสาเหตุที่เขาจำต้องนำยาเข้ามาช่วยก็เพราะเวลาค่อนข้างมีความจำกัด แต่ละคนมีจิตแข็งอ่อนไม่เท่ากัน
แน่นนอนว่าทุกอย่างที่เขาถามล้วนแต่ผิดจรรยาบรรณ กระนั้นแล้วชายหนุ่มก็ไม่มีเวลาลังเล
“วันนี้คุณทำอะไรลงไปบ้างครับ”
…ไม่มีเสียงตอบกลับมา
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปาก ก่อนจะเริ่มลงมือลำดับขั้นตอนใหม่
“วันนี้คุณตื่นขึ้นมาแต่เช้า ภรรยาคุณยังคงนอนหลับอยู่ข้างตัว… ”
นายแพทย์อาณัติในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นแสดงความรู้สึกอึดอัดออกมาระหว่างคิ้ว เทวาลอบยิ้มอย่างพึงพอใจในปฏิกิริยาตอบสนอง ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดใหม่
“ภรรยาคุณตื่นมาก่อนแล้ว คุณจึงลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว…แล้วทำอะไรต่อครับ?”
อีกฝ่ายยังคงไม่ตอบกลับมา แต่ดูจากการขมวดคิ้วเมื่อครู่แล้วแสดงว่าอีกฝ่ายกำลังครุ่นคิดและนึกภาพตามเขาอยู่ แม้ว่าจะไม่ตอบกลับมา ก็แสดงว่าจิตใต้สำนึกกำลังทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าอยู่
เทวาเหลือบมองเวลาที่ข้อมือด้วยความรู้สึกกระวนมากขึ้น ในการสะกดจิตจำเป็นต้องใช้เวลาและการเตรียมพร้อมกว่านี้มาก ถึงกระนั้นแล้วเขาก็ไม่มีทางเลือก นอกเสียจากเดิมพันกับพรสวรรค์ของตัวเอง
ชายหนุ่มเลื่อนสายตาขึ้นมาที่ใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง พบว่าสีหน้าของอีกฝ่ายเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม
..นี่ล่ะ…ตรงนี้แล้วกัน
“นึกภาพตามใหม่นะครับ ขณะนี้คุณกำลังนั่งอยู่ในห้องตรวจแล้ว”
เหตุผลที่ในตอนแรกเทวาชวนอีกฝ่ายคุยเรื่องการตื่นนอนและภรรยาก็เพื่อชักนำให้จิตสำนึกของเขามีความผ่อนคลายมากขึ้น แต่กลับให้ผลในทางตรงข้ามคืออีกฝ่ายเกิดความตึงเครียดขึ้นมา แสดงว่าคงมีความอึดอัดคับข้องใจบางอย่างกับภรรยาอยู่ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนมาใช้ประโยชน์จากจุดนี้ แล้วข้ามมาเข้าสู่ความทรงจำส่วนที่เขาต้องการพอดี
ตามปกติแล้วมนุษย์มักจะมีปฏิกิริยาหลีกหนีจากสิ่งที่ทำให้ตัวเองเกิดความรู้สึกไม่สบายใจอยู่แล้วโดยสัญชาติญาณ ดังเช่นเวลาเราเจอคนที่ไม่ชอบหน้า ก็จะเกิดอาการหรี่ตาโดยอัตโนมัติ หรือเวลาที่มีคนกำลังพูดถึงเรื่องอันชวนให้รู้สึกอึดอัดคับข้องใจ ก็จะมีความปรารถนาที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย
เทวาใช้ธรรมชาติข้อนี้ ชักจูงจิตสำนึกของนายแพทย์อาณัติให้เข้ามาอยู่ภายใต้อำนาจสะกดจิตของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“คุณทำการเก็บตัวอย่างพันธุกรรมของนักเรียน และนำเข้าเครื่องตรวจ…หลังจากนั้นคุณถึงทำการบันทึกผลการตรวจลงในกล่องข้อมูล…ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ?”
“ใช่…”
เทวาขยับยิ้ม และเตรียมเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย คือป้อนคำสั่งใหม่ให้กับจิตใต้สำนึก
…พลันชายสูงวัยกลับเอ่ยซ้ำขึ้นมาอีก
“ใช่”
เทวาเบิกตากว้าง
“ผมบอกคุณว่าใช่ตามนั้นไงเทวา”
ความคิดเห็น