ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I Kill You [Taeny]

    ลำดับตอนที่ #3 : ทิฟฟานี่ ฮวัง

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 57


    I Kill You...ฉันจะฆ่าเธอ [TAENY] 

    By.Whisky (ฉัน ชื่ออะไร)


    ตอนที่ 3 : ทิฟฟานี่ ฮวัง

    สเตฟานี่ยืนมองคฤหาสน์ฮวัง สถานที่ๆใหญ่โตและเต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย 
    เธอไม่ติดจะกลับมาบ้านของเธออีกหลังจากที่มีปากเสียงของผู้เป็นพ่อครั้งก่อนเมื่อหลายปีที่ผ่านมา 
    เธอถูกคัดค้านเรื่องการทำงานด้านแฟชั่นที่เธอรักทำให้หญิงสาวหน้าสวยต้องบินไปต่างประเทศเพื่อทำตามความฝันของตัวเอง 
    แต่ก็ต้องเผชิญข่าวร้ายที่สุดในชีวิต เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ 
    ซึ่งหาสาเหตุไม่ได้นอกจากการเสียไปของพ่อเธอครั้งนี้คือการฆาตกรรม ร่างบางยืนถอนหายในเฮือกใหญ่
    ก่อนที่จะหันไปหาเจสสิก้าเพื่อนสาวที่พึ่งลงจากรถพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ ตามสัญญาที่จะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนกันหลังจากนี้... 

    "ฟานี่เป็นอะไรหรือเปล่า" 
    "เปล่าหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ ฉันร้อน" 

    พูดจบฟานี่ก็เดินตัวปลิวเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ คนรับใช้มากมายต่างยืนต้อนรับเจ้านายคนใหม่อย่างพร้อมเพียง 

    "พี่ฟานี่"

    เสียงใสของเด็กน้อยเดินเข้ามาพร้อมตุ๊กตาขนฟูตัวใหญ่ ด้วยสีหน้ายินดีที่ได้พบพี่สาวลูกพี่ลูกน้อง
    ที่เคยเล่นด้วยกันตั้งแต่ยังตัวน้อยๆ แต่สิ่งที่เธอได้รับคือ สายตาที่เย็นชาและความเงียบเท่านั้น 

    "พี่ฟานี่มาแล้ว ซันนี่คิดถึงพี่ฟานี่จังเลย"

    ซันนี่เด็กน้อยวัยใสอายุเพียง 13ปี วิ่งเข้ามากอดเอวบางของสเตฟานี่แนบแน่น จนคนที่ถูกสวมกอดถึงกับอึดอัด 

    "หมีน้อยๆ หมีน้อยก็คิดถึงพี่ฟานี่ใช่มั้ย"

    ซันนี่จับมือตุ๊กตาหมีตัวโปรดขึ้นทำท่าทักทายดูน่ารัก ทำเอาเจสสิก้ากับยุนอาถึงกับอดอมยิ้มไม่ได้ 
    เด็กน้อยหัวเราะร่าเริงชอบใจ แต่ผิดกับคนที่ยืนตรงหน้าสเตฟานี่ขมวดคิ้วจนชิดกันกับการกระทำเด็กน้อย 

    "หมีน้อยก็คิด..."

    ยังไม่ทันได้พูดจบดี ซันนี่ก็ต้องหน้าเสียกับการกระทำของลูกพี่ลูกน้อง เมื่อสเตฟานี่ปัดตุ๊กตาตัวโปรดของน้องสาวตัวเองกระเด็นไปอีกทาง 

    "เลิกแสดงความปัญญาอ่อนให้ฉันเห็นซักทีเถอะ ฉันรำคาน" 

    น้ำเสียงแข็งประดุจหินผา ซันนี่รีบวิ่งไปเก็บตุ๊กตาทันที ดวงตากลมมีน้ำใสคลอเต็มเบ้าตาคนรับใช้ผู้เห็นเหตุการณ์
    จึงต้องเข้ามาประคองร่างเด็กสาวตัวเล็กเอาไว้อีกทีเพื่อป้องกันไม่ให้สเตฟานี่ทำร้ายซันนี่ 

    "พะ พี่ พี่ฟานี่ซันก็แค่คิดถึงพี่"

    สเตฟานี่ใจหายวาบหนึ่งเมื่อสบตากับน้องสาวแต่ก็ทำทีเป็นไม่สนใจ สาวเท้าเดินเลี่ยงออกไปด้านหลัง 
    แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพบร่างเล็กอีกคนเดินเข้ามาหาเธอ 

    "พี่ฟานี่จะไปไหนค่ะ"
    "ทำไม" 
    "พี่ฟานี่พึ่งออกจากโรงพยาบาล แถมยังเดินทางมาที่นี่อีก พี่คงจะเหนื่อยพักดื่มน้ำซักหน่อยเถอะค่ะ"

    ซอยอนยื่นแก้วน้ำส้มคั้น ไม่ใส่น้ำเชื่อมในแบบที่สเตฟานี่ชอบให้พร้อมกับรอยยิ้มต้อนรับการกลับบ้านของเธออย่างเป็นมิตร 

    "อ๋อ ดีเลยฉันต้องการอยู่พอดี"

    พูดจบสเตฟานี่หยิบแก้วน้ำส้มในมือซอยอนขึ้นมาสาดใส่ใบหน้าหวานเต็มแรงจนเปียกชุ่ม 
    น้ำสีส้มกระจายเต็มพื้นทำเอาคนที่มองอยู่อึ้งไปตามๆกัน ริมฝีปากหวานยิ้มอย่างพอใจ แก้วในมือถูกปาลงพื้นจนแตกละเอียด 

    "ฉันอิ่มแล้ว สดชื่นดีนะ แต่ทีหลังไม่ต้องเสล่อทำดีเอาหน้ากับฉัน" 
    "น้องเค้าก็แค่หวังดีกับเธอ"

    ขณะที่สเตฟานี่แผดเสียงแหลมดังลั่นบ้าน ผู้มาเยือนคนใหม่ก็ดังขึ้นเรียกให้สายตาดุดันหันไปมองต้นเสียงนั้น 

    "เธอมันก็แค่เด็กใจแตกที่หนีไปอเมริกา รอให้พ่อตัวเองตายแล้วค่อยกับมาเอาสมบัติสินะ"

    ชายร่างสูงผิวเข้ม เส้นผมเล็กดุจเส้นไหม หน้าตาหล่อเหลาจนชวนให้หลงไหลแต่ไม่ใช่กับสเตฟานี่ 
    สองคนสบตากับเหมือนเสือร้ายแย่งที่อยู่อาศัย บรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เจสสิก้าหันไปมองที่ซันนี่และซอยอน 
    สภาพแต่ละคนเวลาที่โดนสเตฟานี่เหวี่ยง...แทบดูไม่ได้ 

    "แกมาทำอะไรที่นี่"
    "อ้าวๆๆ พูดแบบนี้ได้ไง ก็พ่อเธอเองน่ะแหละที่ให้ฉันมาอยู่ที่นี่เองน่ะ" 
    "พ่อหรอ" 
    "ฉันก็เป็นญาติเธอนะทิฟฟานี่"

    ชื่อนั้นเป็นครั้งที่สองที่ได้ยิน สเตฟานี่โกรธจัดจนฟิวขาดทุกครั้งที่มีใครเอ่ยชื่อนั้นขึ้นมา 
    มือเรียวกำหมัดแน่นจนสั่นเทาแทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ไหวแล้ว เจสสิก้าไม่รอให้ภูเขาไฟระเบิดก่อนที่เรื่องร้ายจะเกิดขึ้นอีก 
    สองเท้าก้าวเข้ามาหาสเตฟานี่เพื่อยับยั้งอารมณ์ของเธอทันที 

    "เอ่อ ฟานี่ฉันว่าเราขึ้นไปดูห้องกันเถอะ" 
    "ใช่ๆ ไปเลย ขึ้นไปสิหรือถ้าไม่อยากขึ้นไป ก็ออกไปจากที่นี่ซะ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ"

    ชายร่างใหญ่ยิ้มอย่างซะใจก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่อย่างสบายอารมณ์ พร้อมกับเทวิสกี้กลิ่นหอมใส่แก้วกระดกขึ้นดื่มอย่างสบายใจ 

    "คลอลิน"

    สเตฟานี่เอ่ยชื่อผู้เป็นญาติสุดเสียงแต่ชายผู้นั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจน้ำเสียงดุร้ายของหญิงสาวที่เดือดเป็นไฟอยู่ตรงหน้า 

    "มีอะไรหรอ หรือว่าอยากให้ฉันลื้อฟื้นความหลังว่า เนื้อแท้ของเธอน่ะมันก็แค่เด็กใจแตกที่นอนกับใครก็ได้รวมทั้ง.....
    จนทำให้พ่อตัวเองอับอายส่งเธอไปอเมริกาใช่มั้ย...ทิฟฟานี่"

    เพี๊ยะ !!! เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าหนาของชายผู้เป็นญาติอย่างแรง คลอลินหลานชายของคุณฮวัง ปาปารัสซี่ผู้เปิดโปรงดารา 
    แม้กระทั่งนักการเมืองมาแล้วหลายคน คลอลินหันกับมาจ้องตาสเตฟานี่ขบฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น 

    "แกไม่มีสิทธิมาเรียกฉันแบบนี้ พวกชั้นต่ำอย่างแกก็เป็นได้แค่ แมลงตัวเล็กๆในบ้านของฉัน ฉันก็พึ่งจะรู้ว่าพ่อของฉันใจดี
    ถึงขนาดว่ารับพวกไร้แมลงหวี่แมลงวันมาอยู่ในบ้านนี้ด้วย จำไว้นะคลอลินแกทำร้ายคนอื่นได้ 
    คนอื่นก็ทำร้ายแกได้เหมือนกันอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าความชั่วในสันดานแกเป็นอย่างไง"

    พูดจนร่างบางก็เดินหลีกออกไปทางด้านหลังบ้าน ทิ้งไว้เพียงแต่ความเงียบงำเอาไว้ในห้องโถงใหญ่ 
    คลอลินทิ้งตัวนั่งลงกระดกวิสกี้เข้าปากเพื่อยับยั้งอารมณ์ของตัวเองอีกครั้ง 

    "ซันนี่หนูมาเล่นกับพี่ก่อนก็ได้"

    เจสสิก้าเดินเข้าไปหาเด็กสาวตัวเล็กเพื่อปลอบโยนความรู้สึกเมื่อครู่ จูงมือเด็กสาวเดินออกไปยังสวนดอกไม้ข้างบ้าน 
    พร้อมกับยุนอาทั้งสามคนรู้ดีว่าถ้าตามสเนฟานี่ไปตอนนี้คงจะไม่มีอะไรดีขึ้นมีแต่จะยิ่งทำให้สเตฟานี่อารมณ์เสียและเหวี่ยงใส่ทุกคนเช่นที่ผ่านมา 
    ภายในสวนดอกไม้สายลมพัดพริ้วไหลเอื่อยๆ คฤหาสน์หลังนี้เต็มไปด้วยความงดงาม กลิ่นหอมดอกไม้ ผีเสื้อน้อยใหญ่บินเล่นลมดูมีความสุข 
    ซันนี่เป็นเด็กอัจฉริยะก็จริงแต่เธอก็ต้องการกระโดดโลดเต้นเหมือนคนอื่นๆที่อายุเท่ากับเธอ 

    "พี่เจสสิก้าซันนี่อยากให้พี่ฟานี่เป็นเหมือนเดิม"

    อยู่ๆเด็กน้อยก็พูดถึงพี่สาวขึ้นมาทำลายความคิดในหัวของเจสสิก้าให้หายไป 

    "พี่ก็อยากให้เป็นแบบนั้น" 
    "พี่ฟานีาใจดีกับซันนี่เสมอเลย พี่จะซื้อขนมแล้วก็มาเล่นกับซันนี่ที่นี่" 
    "แล้วทำไมฟานี่ถึงใจร้ายกับซันนี่ล่ะ"

    เจสสิก้ายิงประเด็นใส่เด็กน้อยทันที 

    "มีคนทำบางอย่างของพี่ฟานี่หายไป" 
    "อะไรหรอ" 
    "หัวใจ" 

    เจสสิก้าและยุนอาถึงกับนิ่งสนิทเมื่อคำพูดของซันนี่เป็นปริศนาชวนให้คิด เมื่อก่อนสเตฟานี่เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่มีความสดใสร่าเริง 
    ใจดีและอ่อนโยนมาก ไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้แม้แต่เพื่อนสนิทของเธอ.... 
    ยุนอาสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วถอนออกมาเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นลูบหัวเด็กสาวตัวเล็กอย่างเอ็นดู 

    "หัวใจของคุณสเตฟานี่ไม่หายไปไหนหรอก เพียงแค่เธอไม่ยอมเปิดใจให้ใครนอกจาก" 
    "คุณซันนี่ค่ะ" 

    เสียงคนรับใช้ตะโกนขึ้นมาก่อนที่จะพูดจบ ซันนี่เดินเข้าไปหาพี่เลี้ยงของเธอทันที 

    "คุณซันนี่ค่ะ คุณซูยอนมาขอพบค่ะ" 
    "พี่ซูยอน พี่เจส พี่ยุนซันนี่ไปก่อนนะ พี่ซูยอนมาหาซันนี่แล้ว" 

    เด็กสาวเดินจูงมือพี่เลี้ยงออกไปจากสวน เจสสิก้าหันมองหน้ายุนอาหวังให้เธอพูดต่อที่ค้างเมื่อครู่ 

    "ฟานี่เป็นคนดี" 
    "พี่คิดว่า ซันวันฟานี่จะเป็นเหมือนเดิม" 
    "ยุนล่ะ คิดว่าตัวเองจะเป็นเหมือนเดิมมั้ย" 
    "พี่ไม่เคยเปลี่ยน พี่ก็ยังเป็นยุน เป็นยุนอาคนเดิม" 
    "เธอ....ไม่ใช่ยุนคนเดิมหรอก" 

    เจสสิก้าลุกขึ้นเดินหลีกไปยังบ่อน้ำใหญ่ไม่ไกลจากจุดนั้นมากนัก สายตากวาดมองไปรอบๆ บ่อน้ำนี้กว้างและลึกมากทีเดียว 
    สายลมพัดผืนน้ำเคลื่อนไหวไม่หยุด ถ้าเมื่อใดที่สายลมนั้นหยุดพัดผืนน้ำก็จะหยุดเคลื่อนไหวและสงบนิ่งเหมือนเดิม 
    ร่างบางยกยิ้มเมื่อเห็นบ่อน้ำนั้นความคิดมากมายหมุนเวียนในหัวไม่หยุดยังมีเรื่องราวอีกมากที่เธอจะต้องทำและเธอควรจะทำให้มันสำเร็จ 

    "คุณเจส" 
    "ขนาดชื่อของเจส ยุนยังเรียกไม่เหมือนเดิมเลย นี่หรอยุนคนเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยน" 

    ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นผ่านหัวใจที่แข็งแกร่งของยุนอา แผ่นหลังของเจสสิก้าที่เคยโอบกอดตอนนี้เหมือนมันอยู่แสนไกล
    จนไม่อาจเอื้อมมือไปขว้ามากอดได้อีก ทำได้แค่เพียงมองมันอยู่ห่างๆและข่มใจไม่ให้ตัวเองสับสนอีก 

    "ฟานี่มีทุกอย่าง เธอเกิดมาพร้อมกับทุกสิ่งที่เธอควรจะมีแม้กระทั่ง...คนที่อยู่ข้างๆ ใครๆต่างก็รักเธอและอยากให้เธอเป็นที่หนึ่ง" 
    "......" 
    "แต่เจสไม่มี แม้แต่คนที่...รักเจส ถ้าไม่มีฟานี่ซักคน" 
    "จะ เจส" 
    "พูดเพ้อเจ้อจังเลย เป็นไงแอคติ้งได้มั้ย ไปเรียนไกลถึงอเมริกาเลยนะเนี้ย" 

    เจสสิก้าหันมายิ้มให้กับยุนอาด้วยใบหน้าหวานชื่น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 
    ร่างสวยเดินผ่านยุนอาไปพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมที่หวานชวนเคลิ้มฝัน ยุนอาหน้าเศร้าลงทันทีที่เจสสิก้าเดินห่างไป 
    หวนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาในอดีตมันคงจะดีกว่านี้ถ้าเธอสามารถเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองได้.... 


    ------------------------------ 


    ซอยอนเช็ดผมที่เปียกปอนออกมาจากห้องน้ำ หยุดอยู่ที่ปลายเตียงนอนใหญ่ สายตาหวานมองไปยังหน้าต่าง 
    วิวด้านนอกของที่นี่ช่างดูสบายตาและสวยงามนัก คฤหาสน์หลังมี้มีเพียงแค่เธอและคุณฮวังเท่านั้นที่อยู่ด้วยกันที่นี่ 
    ภาพคุณฮวังขณะยิ้มวนเวียนในความทรงจำของเธอไม่เลยลบเลือน ชายร่างใหญ่ผู้มีบุญคุนกันเธอเปรียบเหมือนพ่อบุญธรรมคนหนึ่ง 
    แม้การจากไปครั้งนี้จะทำให้เธอต้องเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของชีวิตไปมาก 
    แต่ก็ทำให้เธอได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ดูแลบ้านและเจ้าของกิจการร้านเบเกอร์รี่เล็กๆในย่านนี้ ถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ 
    ซอยอนก็ยังเป็นคนโปรดของคุณฮวังเสมอ ไม่ว่าซอยอนต้องการหรืออยากทำอะไรคุณฮวังก็จะให้อิสระเธอเสมอ....

    "สเตฟานี่..." 

    แววตาเล็กหรี่มองด้านนอก ไม่มีความคิดใดอยู่ในหัวนั้น มีเพียงความคิดถึงผู้เลี้ยงดูมาอย่างดีเช่นคุณฮวังเท่านั้น 

    "คุณพ่อค่ะ ซอจะดูแลพี่ฟานี่อย่างดี แบบที่คุณพ่อคิดไม่ถึงแน่ๆค่ะ" 

    ร่างเล็กลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่างสบายอารมณ์เสื้อผ้าสวยๆมากมายมีให้เลือกมากมาย 
    บางส่วนเป็นเสื้อผ้าที่สเตฟานี่ออกแบบและตัดเย็บขึ้นมาเองสีชมพูอ่อน เนื้อผ้านิ่มน่าใส่ 
    เด็กสาวยิ้มมุมปากก่อนที่จะหยิบเสื้อตัวอื่นขึ้นมาสวมใส่ให้ดูเรียบร้อย 


    ------------------------------ 


    "คนอื่นน่ะหรอจะทำร้ายฉัน มันไม่มีใครคิดที่จะทำร้ายฉันนอกจากแกหรอกสเตฟานี่" 

    คลอลินพูดกับตัวเองขณะที่ยืนส่องกระจกอยู่ในห้องของตัวเอง ขว้าเหล้าวิสกี้ยี่ห้อดังขึ้นมากระดกดื่มอีกแก้วใหญ่ 
    คลอลินเป็นปาปารัสซี่ที่แฉดารานักการเมืองจนล้มละลายบ้าง ชื่อเสียงถูกย่ำยีบ้าง จนต้องหนีออกจากวงการเพื่อให้ข่าวเงียบไป 
    ภาพดารา นักการเมือง นักธุรกิจมากมายวางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ ชายหนุ่มลืมตามองภาพหนึ่งพร้อมกับหยิบมันขึ้นมา 
    นักธุรกิจสาวไฟแรงแถมยังเป็นแฟชั่นนิสต้าชื่อดังอีกต่างหาก ร่างใหญ่ลุกขึ้นหยิบกล่องบางอย่างในตู้เซฟขนาดเล็กข้างเตียงนอน 
    ในมือนั้นถือรูปถ่ายที่มีมูลค่ามหาศาลสำหรับเขาเองพร้อมกับยิ้มอย่างผู้มีชัยชนะ

    “สเตฟานี่ ฮวัง นักธุรกิจใจแตกงั้นหรอ”

    คลอลินเก็บรูปนั้นไว้เช่นเดิม หันมาดื่มเหล้าบนโต๊ะในห้องเสียงหัวเราะดังขึ้นในลำคอ 
    ถ้าใครบางคนที่เขาคิดไว้มาทำให้งานของเขาต้องเสียหายเขาก็จะเป็นคนทำลายคนๆนั้นให้ย่อยยับในพริบตาเช่นกัน


    ------------------------------

    สเตฟานี่เดินหนีความวุ่นวายออกจากคฤหาสน์หลังนั้นมาเรื่อยๆ ที่นี่เป็นบ้านของเธอ คงไม่มีใครตามมาทำร้ายเธอที่นี่ได้อย่างแน่นอน 
    อารมณ์โมโหเริ่มจางหายไป สองเท้าค่อยๆเดินช้าๆ ไม่รู้ว่าเดินมาไกลแค่ไหนแล้วพื้นที่แห่งนี้กว้างใหญ่และสดชื่น
    อากาศเย็นเพราะอยู่ใกล้ธรรมชาติ สายลมพัดผ่านใบหน้าใสเบาๆ ช่วยให้ผ่อนคลายได้เยอะทีเดียว

    สายตาคมกวาดมองไปเห็นคนงานมากมายทำสวนผักอยู่ไม่ไกลนัก เป็นภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นมากนักในเมืองหลวง 
    สเตฟานี่เดินต่อไปเรื่อยๆข้างลำธาร น้ำใสไหลฟังดูไพเราะหูยิ่งนัก ร่างบางนั่งลงข้างต้นไม้ใหญ่
    ปล่อยให้ความวุ่นวายนั้นหายไปกับความรู้สึกดีเช่นนี้ 

    เรื่องนี้คงจะไม่เกิดขึ้นถ้าพ่อของเธอไม่เสียชีวิต เธอเป็นแค่เพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากจะใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการก็เท่านั้น 
    สเตฟานี่กอดเข่าตัวเองคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ต้นเหตุอาจจะเป็นเพราะเธอเองที่ไม่ดีถ้าวันนั้น……….

    “ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้แกไปทำงานบ้าบออะไรนั่น”
    “แต่ฟานี่ชอบเรื่องแฟชั่นนี่ค่ะพ่อ”
    “แฟชั่นก็มีประโยชน์อะไรกับธุรกิจส่งออกของเราหรอฟานี่ พ่อขอสั่งห้ามไม่ให้แก่ทำงานแบบนี้อีก”
    “พ่อค่ะ พ่อ”

    คุณฮวังฉีกสมุดวาดภาพของสเตฟานี่ทิ้ง โยนมันเข้าเตาผิงที่ติดไฟให้ความร้อนผู้อยู่บริเวณนั้น 
    สเตฟานี่ร้องไห้น้ำตานองหน้ากระดาษวาดภาพที่ออกแบบเสื้อผ้า 
    และลักษณะแฟชั่นต่างๆถูกเผาลงใบเตาผิงกลายเป็นเพียงขี้เถ่าในเตาไฟ

    “พ่อ ฮือ ฮือ ฮือ”

    เสียงสะอื้นดังขึ้นไม่ขาดสาย สเตฟานี่รู้สึกเสียใจอย่างถึงที่สุดเมื่อถูกกระทำเช่นนั้น 
    แววตาแดงกล่ำหันไปหาผู้เป็นพ่อเพื่ออ้อนวอนขอความเห็นใจ แต่ก็เห็นเพียงแค่แผ่นหลังของผู้เป็นพ่อเท่านั้น

    “ซอยอนมาให้ลุงอุ้มหน่อยเร็ว”
    “อุ้ม อุ้มซอยอน”

    คุณฮวังไม่สนใจสเตฟานี่เลยแม้แต่นิดเดียว ร่างใหญ่อุ้มเด็กน้อยที่รับเลี้ยงจากครอบครัวผู้ประสบภัย
    จากเหตุการณ์พายุเข้าเมื่อหลายเดือนก่อน เด็กตัวเล็กๆแก้มฟูน่าหยิกออดอ้อนจนหน้าหมั่นไส้ แม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆ 
    แต่คุณฮวังก็ใส่ใจเด็กน้อยเป็นอย่างดีไม่ว่าจะการกิน อยู่หรือเรียนหนังสือ ทุกอย่างครอบครัวฮวังเป็นผู้ดูแลซอยอนทั้งหมด 
    สายตาแข็งกร้าวของสเตฟานี่จ้องมองไปที่เด็กคนนั้น เด็กผู้หญิงที่ได้ทุกๆ

    เมื่อเวลาผ่านไป เด็กตัวเล็กสนใจในเรื่องการทำอาหารเป็นอย่างดี อาหารคาว 
    หวานซอยอนทำเป็นทุกแบบและมักจะทำมาให้คุณฮวังชิมก่อนเสมอ ซอยอนถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี 
    เป็นเด็กที่เรียบร้อยและพร้อมเพียงทุกอย่าง สมใจที่คุณฮวังอยากจะได้มาเป็นลูกบุญธรรม

    “คุณฮวังค่ะ ซอชงชามาให้ท่านดื่มค่ะ ท่านเหนื่อยจากงานมามากแล้ว ดื่มชาซักหน่อยจะช่วยผ่อนคลายนะค่ะ”
    “ได้สิ”

    มือเรียววางแก้วชาลงบนโต๊ะทำงาน กลิ่นหอมชาอ่อนๆอบอวนชวนลิ้มลองนัก

    “ชานี่หอมจังเลยนะ”
    “ใบชาอย่างดี จากสวนของเราเองค่ะคุณฮวัง”
    “นี่ ฉันบอกแล้วไงว่าให้เรียกว่าคุณพ่อน่ะ อย่าเรียกฉันห่างไกลแบบนั้นสิ”
    “เอ่อ ค่ะคุณพ่อ”

    ซอยอนพูดเสียงอ่อยๆ สายตาเพ่งมองไปที่คนที่นั่นอยู่ไม่ห่างนัก สเตฟานี่นั่งอ่านหนังสือแฟชั่น
    ไขว่ห้างอยู่บนโซฟาในห้องทำงานของพ่อตัวเอง คุณฮวังรู้ดีว่าทำไมเสียงซอถึงเจือจางมือใหญ่วางแก้วชาที่ยกดื่ม ถอนหายใจพักหนึ่ง

    “ฉันพอใจจะให้ใครเรียกว่าพ่อ ฉันก็จะให้คนนั้นเรียก เธอไม่ต้องห่วงหรอกนะซอยอน เธอเป็นเหมือนลูกของฉันคนนึง 
    เอาเป็นว่าฉันตกลงจะเปิดร้านเบเกอร์รี่ให้เธอนะ”
    “จะ จริงหรอค่ะคุณพ่อ”
    “จริงสิ แล้วพ่อจะทำให้เสร็จเร็วที่สุดเลยนะ”

    คุณฮวังยกมือขึ้นลูบหัวลูกบุญธรรมอย่างเอ็นดู เด็กน้อยยิ้มแทบฉีกด้วยความดีใจที่จะได้ร้านเป็นของตัวเอง 
    ซอยอนขอตัวไปเตรียมอาหารมื้อเย็นให้กับครอบครัวของเธอ ทิ้งไว้เพียงแค่พ่อลูกอยู่ตามลำพัง

    “ร้านขนมไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับธุรกิจส่งออกของเราเลย”

    สเตฟานี่พูดทวนคำพูดของผู้เป็นพ่อขึ้นมา ทำเอาคุณฮวังถึงกับหัวเสียตามมาด้วยเมื่อได้ยินเช่นนั้น

    “ขนมของซออร่อยและมีคุณภาพ ถ้าเอามาคิดออกแบบให้ดีๆก็สามารถทำส่งออกนอกได้”
    “ขนมมีอายุการเก็บรักษาน้อย ถ้าไม่ใส่สารกันบูด”
    “แกมีปัญหาอะไรกับซอยอนหรอฟานี่”
    “ไม่มีหรอก ใครจะไปกล้ามีปัญหากับลูกสุดรักสุดหวงของคุณพ่อล่ะค่ะ ฟานี่อาจจะไม่ใช่ลูกของคุณพ่อก็ได้ 
    เวลาที่อยากทำอะไรหรือไปไหนถึงไม่เคยได้ทำซักที พอดีฟานี่ไม่ได้ขี้ประจบ”

    เพี๊ยะ !! เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อแก้มจนขึ้นแดงเป็นลอยนิ้วมือ สเตฟานี่ตัวสั่นเทากับเหตุการณ์เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว 
    ความเจ็บปวดจากแรงกระทบมันชาแทบไม่รู้สึกผิดกับหัวใจของเธอที่เจ็บจนพูดอะไรไม่ออก

    “สมองของแกมันมีอะไรบ้างหะฟานี่ ทำไมแกถึงคิดกับฉันได้ถึงขนาดนี้”
    “ก็จริงมั้ยล่ะค่ะ ฟานี่อยากจะทำอะไรไม่เคยได้อย่างที่ตัวเองต้องการ แต่กับเด็กคนนั้นคุณพ่อเอาใจ 
    ตามใจมันตลอดเลย ฟานนี่ใช่ลูกของคุณพ่อหรือเปล่าค่ะ ไม่พอใจก็ตบ ไม่พอใจก็ตี คอยด่าฟานี่ตลอดเวลาแบบนี้”
    “ฟานี่ !!!”

    คุณฮวังง้างมือขึ้นสูงแต่ครั้งนี้สเตฟานี่กับยื่นหน้าสู้เป็นการท้าทายให้พ่อลงมือกับเธออีกครั้ง 
    น้ำตาไม่มีซักหยดจากดวงตานั้น สเตฟานี่กัดฟันจนตัวสั่นข่มใจตัวเองไม่ให้มีน้ำตาไหลออกมา 
    ไม่ต้องการให้ใครเห็นความอ่อนแอของตัวเองดั่งเช่น วันที่เธอเสียแม่ไป

    “ถ้าแม่อยู่ แม่คงไม่ยอมให้ฟานี่ถูกพ่อตีแบบนี้หรอก”

    คุณฮวังกัดฟันแน่นชักมือลงข้างตัว หันหลังให้กับสเตฟานี่ เธอรู้ดีว่าเธอควรจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด 
    หัวใจมันชอกช้ำเหลือเกิน มันคงจะดีกว่านี้ถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ข้างๆเธอ เด็กสาวอายุเท่าไม่เท่าไรวิ่งเข้าห้องตัวเอง
    ทิ้งตัวลงบนเตียงร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะทน ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครอยู่ข้างกายเธอเวลานี้ มีเพียงแค่ความโดดเดี่ยวและเงียบเหงาเท่านั้น
    ในห้องทำงานของคุณฮวังประธานบริษัทยักใหญ่ ชายร่างใหญ่ก้มมองมือข้างที่ใช้ความรุนแรงกับลูกสาวของตัวเอง 
    ใบหน้าช่างดูสับสน ทำให้คิดถึงหญิงสาวผู้เป็นที่รัก เธอเสียไปจากอาการป่วยเรื้อรัง รักษาเท่าไรก็ไม่ดีขึ้น

    “ผมทำอะไรลงไป คุณให้อภัยผมได้มั้ย”

    สเตฟานี่ร้องไห้จนเผลอหลับไปแต่ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นหลายครั้ง 
    ร่างเล็กลุกขึ้นมางัวเงีย จ้องมองว่าใครโทรหาเธอเวลานี้

    “ฮัลโหล มินจูโทรหาซะดึกเชียว”
    “ฟานี่ไปดื่มกับเถอะ เพื่อนๆเราไปเยอะเลยนะ”
    “อืม แต่นี่มันดึกแล้วนะเดี๋ยวพ่อจะว่าเอา”
    “เธอนี่ยังเป็นลูกแง่ไม่เปลี่ยนเลยนะฟานี่ เรื่องแค่นี้ต้องกลัวพ่อด้วยเมื่อไรเธอจะโตซักที”

    เด็กสาวยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองให้หายง่วง สองเท้าเดินมาส่องกระจก ดวงตาของเธอปูดบวมเพราะร้องไห้ 
    ใบหน้าหมองไม่สดใสเหมือนเช่นเคย

    “ฉันไม่ใข่ลูกแง่นะ รอก่อนแล้วกันขอแต่งตัวก่อน”

    พูดจบเธอก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัวทันที ใช้เวลาไม่นานนักเธอก็ออกมาในสภาพที่ดูดีขึ้นมากทีเดียว 
    ชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มสั้น ส้นสูงสีฟ้าอ่อนเข้ากับชุดสวย ริมฝีปากแดง ดวงตาแต่งแต้มจนดูสง่ามีราศีขึ้นมามากทีเดียว 

    “แกจะไปไหน”
    “ไปไหนมันก็เรื่องของฟานี่”
    “ถ้าแกเดินออกไปจากบ้านฉัน ก็อย่าคิดกลับมาอีกนะทิฟฟานี่”

    น้ำเสียงดุดันผู้เป็นพ่อดังขึ้นไล่หลังเธอ แต่สองเท้าก็ไม่หยุดเดินขึ้นรถขับออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่ทันที
    ในหัวมีเพียงแต่เหตุการณ์เมื่อเย็นที่ถูกคุณฮวังตบหน้าจนเธอต้องหนีออกมาร้องไห้คนเดียว เป็นอาการเจ็บปวดของลูก 
    ที่ไม่อาจหาที่ไหนมาระบายได้ ร่างบางจอดรถหน้าผับแห่งหนึ่งที่นี่หรูและมีระดับมากทีเดียว สายตาของชายหนุ่ม 
    น้อยใหญ่จับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน ความสวยของเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลง

    “ฟานี่เธอมาแล้ว”
    “ฉันมาแปปเดียวนะ คงอยู่ไม่นาน”
    “โถ่ฟานี่ มาทั้งทีน่าอย่าให้มันเสียเที่ยวเลย มาเร็วดื่มเลยๆ”

    เพื่อนชาย หญิงของเธอยุนให้สเตฟานี่อยู่ดื่มจนดึก เมื่อเหล้าเข้าปากแล้วก็ยากที่จะหยุดยกมันดื่มเข้าไปอีก 
    ผสมกับความเสียใจเรื่องนั้น สเตฟานี่ก็ยิ่งดื่มหนักเรื่อยๆ เสียงเพลงเร้าอารมณ์ บรรยากาศให้สนุก
    จนแทบจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดเมื่อรสชาดเหล้าผสมกับอยู่ในปากของเธอ 
    ไม่รู้ว่ากินไปเท่าไรหมดไปเท่าไรพอรู้ตัวอีกทีผับหรูก็ใกล้จะปิดแล้ว

    “ขอเช็คบิลนะคับ”

    บริกรเข้ามาขออนุญาตอย่างสุภาพ แต่ละคนเมาจนแทบไม่มีสติแม้กระทั่งสเตฟานี่เอง

    “เห้ย แกเอาเงินมาป่ะ”
    “อะไรว้า มีที่ไหนอะหมดกระเป๋าแล้วเนี้ย ดูๆ”
    “แล้วใครจะจ่ายว่ะ”
    “ก็ยัยนี่ไง ฟานี่เธอรวยจะตายเลี้ยงพวกฉันหน่อยแล้วกัน”

    เพื่อนชายหันมาหาสเตฟานี่ที่นั่งหน้าแดง ตัวโอนเอียงไปมา

    “แต่ว่าฉัน”
    “เห้ย ไหนบอกว่าเป็นเพื่อนไง เพื่อนกันก็ต้องเลี้ยงกับดิว่ะ”
    “ก็ได้ๆ”

    สเตฟานี่หยิบเงินสดก้อนหนึ่งให้บริกรไป เงินจำนวนไม่น้อยในกระเป๋าของเธอ 
    ทำเอาเพื่อนที่จ้องมองอยู่ถึงกับตาค้างเพราะจำนวนนั้นมันมากพอที่จะให้พวกเขาไปเที่ยวต่อได้อย่างสบายๆ

    “ฟานี่เราไปต่อกันป่ะ”
    “ไม่เอาแล้ว ฉันจะขับรถไม่ไหว”
    “เห้ย ไปเถอะเดี๋ยวพวกฉันไปส่ง”

    หญิงสาวขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันเพื่อใช้ความคิดมากมายในหัว สติของเธอเริ่มเจือจางหายไป 
    เพราะกินเหล้าเข้าไปไม่น้อยเลยทีเดียว นี่ก็เกือบจะเช้าแล้วถ้าไปต่อคงจะถึงเช้าแล้วถ้าพ่อเธอรู้ล่ะก็
    คงจะเกิดเรื่องใหญ่อีกแน่ๆ สเตฟานี่ตัดสินใจกลับบ้านดีกว่าเพราะอย่างไงครั้งหน้าก็มาได้อีก 
    แต่ก็ยังอยากให้เพื่อนๆสนุกกับต่อ มือบางหยิบเงินก้อนหนึ่งให้กับเพื่อนๆที่เมากันจนลืมตาไม่ไหว

    “เอาไปเที่ยวต่อกันเถอะ ฉันต้องกลับบ้านแล้ว”
    “ก็ได้ๆ ฉันจะไปส่งเธอเองนะ”

    เพื่อนชายตัวสูงรับเงินเข้ากระเป๋าไปก่อนที่จะจับแขนประคองร่างเล็กไปที่รถของเธอกลิ่นกายของฟานี่
    แม้งจะเต้นจนเหงื่ออกบ้างแต่ก็ยังหอมชวนให้เคลิ้นแท้ๆ เมื่อชายใกล้หญิงสาวสวยขนาดนี้จะไม่รู้สึกก็คงจะไม่ใช่ผู้ชายแท้ๆ

    “ฟานี่เธอนี่หอมดีจังเลยนะ”

    เพื่อนชายซุกหน้าเข้ากับซอกคอของเธอจนสเตฟานี่ต้องห่อไหล่หนี

    “นายจะทำอะไรน่ะ”
    “ก็ตัวเธอหอมมากนี่นา ฉันชอบนะไหนขอฉันอีกหน่อยสิ”

    พูดจบชายร่างใหญ่ก็รั้งร่างกายสเตฟานี่ให้เข้ามาใกล้ๆตัวทันที แรงผู้ชาย ผสมความเมามันมีมากกว่าแรงผู้หญิงตอนเมาหลายเท่า 
    สเตฟานี่ไม่อาจดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนนั้นได้เลย ริมฝีปากหนาค่อยๆเลื่อนไปยังซอกคอขาว มือข้างหนึ่งลูบไร้บริเวณก้นของเธอ 
    ไม่คิดว่าคนที่บอกว่าเป็นเพื่อนเธอจะร้ายกับเธอขนาดนี้ หญิงสาวพยายามดิ้นให้หลุดแต่ก็ไร้ผล จึงตัดสินใจส่งเสียงร้องให้คนมาช่วย 
    ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีจึงบดขยี้ปากตัวเองเข้ากับปากของสเตฟานี่จนกลิ่นคาว รสชาติของเลือดเต็มปากเธอไปหมด 
    ไม่มีทางใดที่เธอจะหนีออกไปจากตรงนี้ได้เลย น้ำตาไหลนองหน้าหวังให้มีใครมาเห็นและช่วยเธอจากความบ้ากามครั้งนี้ 
    มือสากๆค่อยๆคลืบคลานเข้ามายังด้านหน้าของเธอ มืออีกข้างรวบแขนทั้งสองของเธอไว้ด้านหลัง 
    ร่างบางหลับตาหยี่เมื่อมือนั้นลุกล้ำเส้นเข้ามาเรื่อยๆ แต่จู่ๆ

    โป๊ก !!! เสียงท่อนเหล็กกระทบเข้ากับบางอย่าง ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนกอบกับพื้น 
    มันดูง่ายดายอาจจะเพราะชายคนนี้ยังคงอยู่ในอาการเมามาก สเตฟานี่ได้สติเมื่อร่างกายของเธอเป็นอิสระ 
    เนื้อตัวที่สั่นเทามองตามหาผู้หวังดีของที่มาช่วยเธอในครั้งนี้ เขาไม่ใช่ผู้ชายตัวใหญ่ ไม่ได้มีก้ามไม่ใช่พระเอกหน้าหล่อ 
    สเตฟานี่จ้องมองเขาอยู่พักหนึ่งเพื่อรวบรวมสตินั้นให้มาอยู่กับเธอ

    “น้ำตาไม่เหมาะกับเธอเลยนะ”

    ผู้ช่วยเหลือยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้กับสเตฟานี่ แก้มของเธอแดงเพราะเหล้า น้ำตาไหลนอกหน้าแต่ก็ยังสวยอยู่ดี

    “ระวังด้วยนะเวลาไปไหนมาไหนน่ะ เธอเป็นผู้หญิงเพื่อนที่ไม่ดีก็อย่าไปคบมันเลย”
    “ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนสิ”
    “ฉันชื่อ…เจสสิก้า ยินดีที่ได้รู้จักเธอนะ ยัยขี้เมา”

    เธอเดินจากไปทันทีเมื่อเอ่ยชื่อตัวเองจบ ร่างบางรีบขับรถกลับบ้านทันที ในหัวคิดแต่ใบหน้าของผู้ที่มาช่วยเหลือ 
    เขาเป็นใครกัน ถ้าไม่ได้เขาเธอก็คงจะต้องตกเป็นเหยื่อกามของชายผู้นั้นเป็นแน่นอยากจะเจอเขาอีกซักครั้ง 
    อยากจะขอบคุณและตอบแทนที่เขาช่วยเหลือเธอ ขับรถมาจนถึงบ้านร่างเล็กค่อยๆเดินช้าๆเข้าห้องนอนโดยไม่มีใครรู้ตัว 
    ทิ้งตัวลงนอนด้วยความอ่อนล้าทันทีเมื่อยามเช้าเธอคงจะดีขึ้นจากเรื่องทั้งหมด

    แต่ดูเหมือนเธอจะโชคร้าย ในเช้าวันนี้… สเตฟานี่เดินลงมาจากห้องนอนในสภาพแฮงค์อย่างหนัก มือกุมหัวลงมาจากบันได

    “งามหน้านักนะ”
    “ฟานี่ปวดหัว ไม่อยากทะเลาะกับพ่อแต่เช้านะค่ะ”
    “ปวดหัว ไปนอนกับผู้ชายมาเลยปวดหัวงั้นหรอฟานี่”

    คุณฮวังส่งเสียงดังตะคอกใส่หน้าเธอพร้อมกับปาหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่ใส่เธอ สเตฟานี่งงกับอาการของผู้เป็นพ่อ
    ก่อนที่จะหยิบหนังสือพิมพ์นั้นมาอ่านพาดหัวข่าวตัวใหญ่ ‘ลูกสาวธุรกิจดังโชว์ฉากรักกลางลานจอดรถ 
    หญิงสาวเบิกตากว้างแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ถูกถ่ายอย่างชัดเจนเป็นเธอกับชายคนนั้น

    “พ่อค่ะ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะค่ะ ฟังฟานี่อธิบายก่อน”
    “แกไม่ต้องมาอธิบายอะไรทั้งนั้น ภาพมันฟ้องอยู่คาตา อยากได้ผัวจนตัวสั่นหรือไงฉันไม่เคยสอนให้เธอเป็นคนแบบนี้นะฟานี่ 
    ทำไมแกมันชั่วขนาดนี้”

    เพี๊ยะ !! ครั้งที่เท่าไรไม่รู้ ที่สเตฟานี่ถูกพ่อตบหน้าอย่างนี้ แต่ครั้งนี้มันเจ็บเกินกว่าที่เธอจะทนไหว 
    ถ้าเธอไม่ออกมาไปเที่ยวในคืนนั้นเธอคงไม่โดนทำร้ายแบบนี้ ถ้ารู้จักระวังตัวให้ดีเธอคงจะไม่โดนถ่ายภาพนั้น 
    น้ำตาไหลออกมาสุดจะกลั้นไหว อาบแก้มใสจนแดงบวมไปทั้งหน้า ลอยฝ่ามือแดงเป็นเส้น

    “แกออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
    “พ่อค่ะ พ่อฟังฟานี่ก่อน”
    “ฟานี่ ต่อไปนี้แกไม่ใช่ลูกของฉัน ออกไป!!!”
    “พ่อค่ะ พ่อ พ่อฟังฟานี่ก่อน พ่อค่ะ พ่อ”

    คุณฮวังผลักหัวสเตฟานี่ที่คานมาเกาะขาของเขาออกอย่างไม่มีเยื่อใย เดินหนีเข้าไปยังห้องทำงานส่วนตัวและ
    สั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาเด็ดขาดจนกว่าจะได้รับอนุญาต ส่วนสเตฟานี่ให้ทิ้งเธอไว้แบบนั้นห้ามใครเข้าไปให้ความช่วยเหลือเธอ 
    สเตฟานี่ทิ้งตัวนอนร้องไห้กับพื้นบ้าน เสียงโฮ่ร้องดังก่องไปทั่วบริเวณผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งร้องไห้สุดเสียง
    ไม่มีใครเข้ามาช่วยหรือปลอบโยนเธอแม้แต่คนเดียว

    หลังจากเหตุการณ์นั้นสเตฟานี่ไม่เคยกลับมาที่บ้านและหายตัวไปโดยไม่ส่งข่าวมาทางบ้านนี้อีกเลย…
    เธอหนีทุกอย่างมาอยู่ที่อเมริกา บ้านเกิดของแม่ ที่แห่งนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่และจะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำให้สำเร็จ 
    เพื่อลบคำพูดจาดูถูกต่างๆที่ผ่านมา โดยเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกาและพักอาศัยอยู่บ้านพักไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก 
    แช่บ้านพักกับเพื่อนที่ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอกันขนาดนี้ เจสสิก้า เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ปีเดียวกัน 
    ทั้งสองพูดคุยถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของตัวเองหลายเรื่อง สเตฟานี่มีโอกาสได้ขอบคุณและ
    ทำความสนิทสนมกับเพื่อนคนนี้และเป็นเพื่อนคนเดียวที่เธอจะไว้ใจมอบให้ทุกอย่าง….

    “ฟานี่ๆ ดูนี่สิสวยมั้ย”

    เจสสิก้าดึงมือเพื่อนสาวเข้ามาดูเครื่องประดับแวววาวในตู้โชว์ร้านดัง แต่เธอไม่ได้ใช้เงินของพ่ออีกแล้ว 
    เธอทำงานเก็บเงินเรียนหนังสือและใช้ส่วนตัวเอง ของชิ้นนี้จึงมีราคาแพงเกินไปสำหรับเธอแม้ว่ามันจะสวยแค่ไหนก็ตาม

    “ฟานี่ฉันไปดูของตรงนั้นนะ”
    “อืม”

    เจสสิก้าแยกตัวออกไปเดินเลือกซื้อของในร้านเล็กๆแห่งนี้ เป็นช่วงฤดูหนาวที่หิมะตกโปรยลงมาเล็กๆ 
    เธอไม่คิดว่าหิมะจะมาตกตอนนี้จึงไม่ได้หยิบผ้าพันคอมา อากาศในร้านถึงจะอบอุ่นเพียงพอแต่ถ้าออกไปข้างนอกเธอคงจะหนาวจับแน่ๆ

    “ไม่น่าลืมเอาผ้าพันคอมาเลย”

    หญิงสาวบ่นกับตัวเอง พร้อมกับเงยหน้ามองหิมะสีขาวที่โปรยลงจากท้องฟ้า ไอเย็นออกมาตามลมหายใจของเธอ 
    สเตฟานี่คงจะต้องเลือกซื้อผ้าพันคอร้านข้างหน้าแต่พอหญิงสาวล้วงกระเป๋าหยิบเงินขึ้นมาดูก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ 
    เธอมีเงินพอที่จะซื้อผ้าพันคอ แต่มีไม่พอที่จะซื้ออะไรกับเข้าไปกินที่บ้านและก็ไม่อยากรบกวนเจสสิก้าอีก 
    ตั้งแต่อยู่ที่นี่มามีหลายเรื่องที่เธอรบกวนเจสสิก้าอยู่บ่อยครั้งถึงแม้ว่าเพื่อนสนิทคนนี้จะเต็มใจให้ก็ตาม

    “เธอไม่ควรออกจากร้านนี้ไปทั้งที่หิมะยังตกอยู่แบบนี้นะ”

    ขณะที่ร่างเล็กมองเงินในมืออยู่นั้น ใครบางคนนำผ้าพันคอผืนหนามาพันรอบคอของเธอ
    ให้ความอบอุ่นจากสภาพอากาศด้านนอกเป็นอย่างดี ดวงตากลมใส เงยหน้ามองเจ้าของผ้าพันคอนั้นด้วยสายตาสงสัย 
    ผู้หญิงตัวเล็ก ปากแดง ผมหน้าม้าดูเข้ากับใบหน้าของเธอ เสื้อโค้ทสีน้ำตาลอ่อน กางเกงยาวกับรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ 
    ดวงตาที่ยิ้มให้กับสเตฟานี่ดูอ่อนโยนอย่างไม่เคยได้พบมาก่อน

    “เอ่อ คือฉันไม่มีเงินที่จะซื้อของในร้านนี้หรอกค่ะ”

    สเตฟานี่เอ่ยพูดตรงๆ ทำเอาคนที่ยืนตรงหน้าถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่

    “หะ หัวเราะอะไรคะ”
    “เปล่าหรอก ฉันให้เธอนะผ้าพันคอผืนนี้ สีชมพูเหมาะกับเธอด้วย”

    ร่างสวยรู้สึกอุ่นที่ใบหน้าเมื่อเลือดสูบฉีดขึ้นมาจนร้อนผ่าวไปทั่ว ทำไมถึงต้องรู้สึกเขินอายทั้งๆที่เธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน 
    เธอถูกจับจ้องอยู่พักหนึ่งพูดอะไรไม่ออกเพราะความเขินอาย

    “ขะ ขอบคุณนะค่ะ”
    “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันเต็มใจให้เธอมานี่สิ”

    ร่างเล็กจับมือสเตฟานี่เดินไปนอกร้าน มือเรียวเย็นเฉียบเพราะอากาศที่เย็นจัด 
    เขาพาเธอเดินไปตรงข้ามกับร้านเมื่อครู่ซึ่งเป็นร้านคอฟฟี่ช็อปเล็กๆ มันคงจะดีถ้าเธอได้ดื่มอะไรอุ่นๆซักแก้ว

    “มือเธอเย็นจัง”
    “อากาศมันเย็นน่ะ”
    “งั้นต้องทำแบบนี้นะ”

    มือเล็กที่กุมอยู่นั้นยกขึ้นมาเป่าไออุ่นจากปากของเขาใส่มือของเธอ การกระทำของคนตรงหน้าทำเอาเจ้าของมือบางนั้น
    หน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นหอมจากฝ่ามือของเธอทำให้หลงใหลได้พักหนึ่ง 
    ก่อนที่เขาจะจับมือเธอใส่กระเป๋าเสื้อโค้ทตัวหนาของตัวเองให้มือสเตฟานี่อุ่นขึ้นมาอีกหน่อย

    “นี่ เธอดื่มนี่นะ โกโก้ร้อนๆกับมัชเมโล่เธอจะได้ดีขึ้น”

    เขายื่นแก้วน้ำอุ่นให้กับเธอ สเตฟานี่รับไว้แต่โดยดีคงเป็นความหวังดีที่เธอไม่เคยได้รับจากใครนอกจากเจสสิก้าอีก

    “ดื่มสิหรือว่าจะให้ฉันป้อนให้เธอ”
    “ไม่ต้องๆ ฉันดื่มเองได้”

    พูดจบสเตฟานี่ก็ยกแก้วโกโก้ร้อนๆขึ้นมาดื่มจนหมด หันไปหาคนข้างๆแสดงให้เห็นว่าเธอดื่มจนหมดแก้วแล้ว 
    แต่ก็ทำให้เขาหัวเราะออกมาสุดเสียง ท่าทางจะขำมากทีเดียว

    “ขำอะไรของเธอ”
    “เธอนี่ เธอนี่ตลกดีนะ”

    เขายังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดขำ ทำเอาสเตฟานี่ถึงกับหัวเสียไปพักหนึ่ง ก้าวขาเดินหนีออกไปจากเขาทันที 
    เธอไม่ใช่ตัวตลกที่เขาจะต้องมาหัวเราะการกระทำของเธอแต่ละอย่าง

    “เดี๋ยวสิ

    ร่างบางถูกฉุดรั้งเอาไว้ก่อนที่จะเดินไปไกล

    “ฉันขอโทษนะ แค่โกโก้มันติดปากเธอเหมือนหนวดเท่านั้นเอง”

    เขาพูดพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดโกโก้ที่ติดปากของเธออก แววตาใสที่แสนบริสุทธิ์ของเขาทำให้เธอหวั่นไหว 
    หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาทำให้ความรู้สึกที่มันหายไปแสนนานกับมาเมื่อได้สบตา

    “เธอชื่ออะไรหรอ”
    “ทิฟฟานี่”
    “เธอสวยจังเลยทิฟฟานี่……ฉันชื่อ แทยอน”


    -----------------------------



    วันนี้อัพให้ 2 ตอนค่ะแต่ตอนที่ 3 ไม่ได้ตรวจตำผิดนะค่ะ ขออภัยล่วงหน้าด้วย 
    พอดีวันนี้วันอาทิตย์ว่างด้วยเลยเอามาส่งให้เห็นว่าสเตฟานี่ก็มีความหลังเหมือนกัน
    แต่ละคนก็มีแตกต่างกันออกไปในมุมมองของตัวละครนั้นๆค่ะ ตอนที่ 3 นี้ก็ค่อนข้างที่จะยาวเหมือนกัน
    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นนะค่ะ ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×