ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I Kill You [Taeny]

    ลำดับตอนที่ #4 : โกดังสินค้า

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ค. 57


    I Kill You...ฉันจะฆ่าเธอ [TAENY] 

    By.Whisky


    ตอนที่ 4 : โกดังสินค้า


    สเตฟานี่เดินผ่านลำธารน้ำใสใหลเอื่อยๆ ปล่อยความรู้สึกหงุดหงิดที่เกาะกุมหัวใจของเธอเมื่อครู่ 
    จะทำอย่างไงถึงจะผ่านพ้นเรื่องร้ายๆนี่ไปได้ จิตใจที่เหนื่อยอ่อน ความรู้สึกท้อถอยทำให้หวนคิดถึงแต่ใครบางคนที่หายไป 
    สองเท้าเดินไปเรื่อยจนมาหยุดอยู่ที่กระท่อมเล็กๆ บ้านคนสวนในเขตคฤหาสน์ฮวัง ที่แห่งนี้อยู่ท้ายสุดของพื้นที่กว้างใหญ่ 
    สายตากวาดมองไปยังคนงานที่เดินไปมามากมาย ควันจากกองไฟพวยพุ่งขึ้นฟ้า 
    หญ้าแห้งถูกเผากลิ่นเหม็นของควันไฟอบอวนไปทั่วบริเวณ เด็กตัวเล็กวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน
    จนไม่ทันได้มองเห็นหญิงสาวร่างสูงยืนขวางทางเด็กน้อยอยู่

    "โอ๊ย"

    เด็กชายวิ่งชนสเตฟานี่จนล้มลงกับพื้น แต่ไม่มีความช่วยเหลือใดๆจากคนตัวสูง 
    ผู้ปกครองเด็กจอมซนวิ่งเข้ามาประคองลูกชายตัวเองอย่างเร่งรีบ

    "คะ คุณสเตฟานี่"

    ทิฟฟานี่ก้มมองเด็กน้อยล้มลงอย่างไม่ใยดี ใบหน้าเรียบนิ่งดู เฉยชา ไม่มีเสียงใดออกจากปากสเตฟานี่เธอเดินห่างออกไป
    เด็กตัวเล็กมองอย่างสงสัยผู้มาใหม่คนนี้คือใครเพราะไม่เคยเห็นมาก่อน

    "แม่ครับ แม่เขาเป็นใครครับ"
    "คุณสเตฟานี่ลูก เขาเป็นเจ้าของคฤหาสน์นี้"
    "ทำไมเขาดูใจร้ายจัง"
    "ความจริงคุณสเตฟานี่เป็นคนที่ใจดีมาก แต่ว่ามีบางคนทำให้เธอเปลี่ยนไป"
    "บางคน ใครหรอครับแม่"
    "เรื่องของผู้ใหญ่เด็กอย่าไปรู้เลย"

    ผู้เป็นแม่อุ้มร่างเด็กน้อยขึ้นเดินกับไปยังบ้านหลังเล็ก ไม่ให้ห่างสายตาอีก
    สเตฟานี่ขมวดคิ้วหนาเข้าหากัน หันกับไปยังบ้านคนงานที่จากมาพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ 
    สองเท้าก้าวเดินไปเรื่อยๆไร้จุดหมายมือถือดอกหญ้าฟูเหมือนหางกระรอก เวลาผ่านไปบรรยากาศที่นี่เริ่มเย็นลง 
    ท้องฟ้าก็เริ่มมืดมิดสเตฟานี่กำลังเดินเข้าบ้านแต่เหมือนมีบางอย่างเดินตามเธอมาด้วย 
    หญิงสาวหันหลังไปมองซ้าย ขวาไม่พบใครหรือเงาอะไรด้านหลังมีเพียงความว่างเปล่า 
    อากาศเย็นจับใจจนควันจากไอเย็นออกมาพร้อมลมหายใจ สเตฟานี่ยกแขนกอดตัวเอง
    เดินต่อไปเช่นเดิมแต่ก็ยังได้ยินเสียงเท้าจากด้านหลังอีกครั้ง

    "นั่นใครน่ะ"

    ตัดสินใจเอ่ยปากถามไปแม้รู้ดีว่าจะไม่ได้คำตอบจากสิ่งที่ตาม สองตากวาดมองความว่างเปล่านั้นอีกครั้ง

    "มีใครอยู่ตรงนั่นมั้ย"

    หญิงร่างสูงตัดสินใจก้าวเดินกับไปตามหาบางสิ่งที่สงสัย เงาดำคลืบคลานมาด้านหลังโดยที่เธอไม่รู้ตัว 
    ร่างสูงก้มลงมองใต้พุ่มไม้ใหญ่ไม่ไกลนัก แสงจากในบ้านตกกระทบสแตนเลสยาวเป็นวาวเป็นเงาสว่าง
    ส่องไปยังแผ่นหลังคนที่นั่งอยู่ เงาดำยกมือขึ้นสูงหวังจะทำบางสิ่งกับคนที่ก้มเงยตรงนั้น

    "อ่ะ"

    จังหวะเดียวกับที่สเตฟานี่เจอสิ่งที่ค้นหา มันคือลูกหมาสีขาวตัวเล็กค่อนข้างมอมแมมไม่น้อย 
    หมาน้อยเดินออกมาอย่างรู้งาน สเตฟานี่อมยิ้มจนตาปิดอุ้มหมาน้อยขึ้นมาแนบอกแม้ตัวมันจะเปื้อนฝุ่นเธอก็ไม่ได้รังเกียจมัน

    "หมาน้อยตามฉันมาหรอ"

    ร่างสูงหันกับมาทางเดิมตรงเข้าบ้าน พร้อมกับเพื่อนใหม่ในอ้อมแขนหมาน้อยขนฟู

    ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ประดับไฟหรูหรา โคมระย้าห้อยลงจากผนัง ไฟกิ่งเปิดสลัว 
    แต่ที่นี่เงียบสงบผิดกับความใหญ่ของมันเป็นคฤหาสน์ที่คุณฮวังชอบและมักจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เสมอ
    ห่างไกลความวุ่นวายจากตัวเมือง สเตฟานี่ก้าวเท้าขึ้นบันไดแต่ก็ต้องหยุดเท้าเอาไว้ก่อนเมื่อสายตาต้องกับใครบางคน

    "สเตฟานี่"
    "......"
    "สเตฟานี่ผู้โด่งดัง ทายาทธุรกิจพันล้าน"

    ชายหนุ่มก้าวเดินลงจากบันไดช้าๆ ในมือถือแก้วบรั่นดีเกือบเต็มแก้ว ใบหน้าออกสีแดงจากพิษเหล้า

    "สเตฟานี่ผู้ร่ำรวยค้ำฟ้า จะต้องจ่ายกี่บาทถึงจะปิดข่าวเธอได้นะ"
    "....."
    "ฉันเป็นแค่นักถ่ายภาพเท่านั้นเอง เจออะไรดีๆฉันก็ถ่ายมาให้สื่อรับรู้ คนทั่วไปจะได้รู้ว่าความจริงคนในภาพนั้นเป็นอย่างไง"

    คลอลินกระดกบรั่นดีขึ้นดื่มกลิ่นแอลกอฮอร์ฟุ้งจนเหม็นถึงคนที่อยู่ใกล้ เขาดื่มมากเกินไปสำหรับครั้งนี้

    "พวกชั้นต่ำสินะ"
    "ถึงฉันจะต่ำแต่ฉันก็ทำสิ่งที่ถูกต้อง"
    "ถูกต้องโดยการทำร้ายคนอื่น หาผลประโยชน์จากคนอื่นพอเขาไม่ทำตามข้อตกลง ชั้นต่ำก็จะแฉสินะ"
    "เค้าเรียกว่าเปิดเผยต่างหาก"
    "เปิดเผยโดยไม่ถามว่าคนๆนั้นจะต้องการหรือไม่น่ะหรอ"
    "คนเราก็หวังที่จะได้ในสิ่งล้ำค่าที่ได้มาทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะคนเงินเยอะๆยิ่งกำไรเยอะ"
    "ฉันจะไม่เสียเวลามาคุยกับคนอย่างนาย"
    "กลัวฉันแฉเธอหรอสเตฟานี่ เธอรู้ว่าฉันมีบางอย่างที่สามารถทำให้เธอหลุดออกจากวงการนี้ไปได้ตลอดการ"
    "คลอลิน"
    "หืม ว่าไงสเตฟานี่ ฉันขอแค่....เป็นข้อเสนอที่เธอจะต้องรับไว้พิจารณาอย่างแน่นอน….หึหึหึ"

    ----------------------------------

    ซันนี่เด็กอัจฉริยะตัวน้อยลุกขึ้นจากเตียงนอน มือขยี้ตาด้วยความง่วงแต่เพราะความหิว
    ตามประสาเด็กจึงทำให้เธอต้องจำใจตื่น ตุ๊กตาหมีขนฟูสีน้ำตาลถูกโอบกอดขึ้นแนบอก 
    สองเท้าเดินออกจากห้องเงียบๆเกรงว่าคนดูแลห้องข้างๆจะได้ยินเธอแล้วมาห้ามไม่ให้เด็กเล็กกินขนมในตู้เย็นยามดึกดื่นเช่นนี้

    "ขนม ขนม ขนมซันนี่มาแล้ว"

    ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าจะเดินมาถึงบันไดเพราะคฤหาสน์ที่กว้างใหญ่ เด็กน้อยหยุดความเคลื่อนไหว
    ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนอย่างไม่เข้าใจ มือเล็กกำแขนตุ๊กตาแน่น 
    ฟันขบแน่นรู้สึกโมโห ซันนี่กับเข้าห้องนอนลืมแม้แต่ความหิวเมื่อในหัวมีแต่ความดำมืดที่ปกคลุมอยู่ในเหตุการณ์เมื่อครู่...

    "ซันนี่จะเป็นคนปลดปล่อยพี่เอง พี่จะได้สบายไม่ต้องมากังวลอะไรอีก"

    ตุ๊กตาหมีถูกบีบคอจนหัวเอียง เด็กอายุน้อยมีความหลังฝังใจจากคนที่แสนรักแต่การดูแลอย่างดีจากคุณฮวังช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดอย่างอบอุ่น

    -----------------------------------

    ยุนอายืนสวมเสื้อยืดสีขาวอยู่หน้ากระจกเงาใสบานใหญ่ เช้านี้อากาศเย็นเพราะเริ่มเข้าฤดูหนาวเรื่อยๆ 
    แสงแดดอ่อนๆสาดส่องเข้ามาผ่านม่านโปร่งขาวประทะร่างคนที่นอนอยู่บนเตียงจนต้องตื่น 
    เผยให้เห็นผิวขาวละเอียดเนียน ร่างกายกึ่งเปลือยเนื่องจากกระดุมเสื้อหลุดออกหมดทุกเม็ด

    "ยุน"
    "คุณเจส ตื่นแล้วหรอ"
    "จะไปไหนแต่เช้าเลย"
    "วันนี้ฟานี่จะเข้าไปดูโกดังสินค้า พี่ต้องไปดูแลเธอน่ะ พี่กลัวว่าจะเกิดอันตรายโกดังเกาๆ เหม็นๆ ฟานี่จะไปทำไมไม่รู้ อดเป็นห่วงไม่ได้"
    "อืม"

    เจสสิก้าลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำพร้อมประตูปิดกระแทกเสียงดังจนภายในห้องสั่นนิดหน่อย 
    ยุนอาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนแต่งตัวไปตามปกติอย่างอารมณ์ดี

    เจสสิก้าก้มล้างหน้าอยู่หน้ากระจกน้ำไหลย้อยลงจากปลายคางเรียว ใบหน้าไม่สดชื่นตามสภาพอากาศ 
    ดวงตาบวมปูดเพราะพึ่งตื่นนอน ริมฝีปากแดงบางเป็นรูป ภาพในกระจกไม่เคยโกหกใครรอยจูบแดงสองสามรอย
    บริเวณหน้าอกและลำคอ มือบางยกขึ้นลูบรอยรักจากเมื่อคืนเบาๆ เธอไม่อยากคิดอะไรอีกเรื่องนี้เกิดขึ้นด้วยความเต็มใจ 
    แม้ความจริงมันจะเป็นความเต็มใจจากเธอฝ่ายเดียว

    "คุณเจส คุณเจสพี่ไปก่อนนะ พี่ต้องไปดูฟานี่ก่อนแล้วตามมานะ"

    ยุนอาเอ่ยเรียกหน้าประตูห้องน้ำเสียงดัง เจสสิก้ากัดฟันข่มใจที่สั่นลง อาบน้ำและพยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ

    "ถ้าไม่มีเธอ....."

    ----------------------------------

    รถคันหรูสีดำเงาถูกจอดเตรียมไว้หน้าบ้าน ยุนอายิ้มแก้มปริเมื่อเห็นเจ้านายคนสวยเดินออกจากบ้านชุดสูทสีแดง 
    เสื้อก้ามสีขาว เนื้อบาง กางเกงขายาวเข้ารูปสีแดง พร้อมส้นสูงสีขาวเข้าชุด เธอดูโดดเด่นและสวยงามใบหน้าแดงอ่อนๆ 
    มีเสน่ห์ชวนให้คนมองหลงไปกับความงดงามของสเตฟานี่

    "พี่ยุน เจสล่ะค่ะ"
    "เอ่อ คงกำลังลงมาเจสน่ะต้องสวยถึงจะออกจากบ้านได้"

    พูดจบเจสสิก้าก็เดินออกมาพอดี ชุดสูทสีเหลืองเข้ารูปผมดัดเป็นลอนเกลียวทิ้งตัวสวยไม่แพ้กันกับสเตฟานี่แม้แต่น้อย

    "เจสเธอสวยจังเลย"
    "สวยไม่เท่าเธอหรอก"
    "เธอสวยมากสำหรับฉัน พี่ยุนว่าไงค่ะเจสสวยมากใช่มั้ย"

    เจสสิก้าหุบยิ้มเมื่อได้ยินคำถามจากบอดี้การ์ดหน้าสวยของสเตฟานี่

    "ฟานี่สวยกว่าใครในสายตาพี่ แต่เจสก็สวยนะ"

    คำตอบไม่ได้ทำให้หัวใจเบิกบานอย่างที่หวังซึ่งความจริงมันเป็นไปไม่ได้ เจสสิก้าพาสเตฟานี่ขึ้นรถออกจากบ้าน
    โดยมียุนอาเป็นคนขับรถตรงไปยังโกดังริมทะเลในเคลือฮวังคอร์เปอร์เรชั่น 
    เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและการขนส่งของบริษัท

    ใช้เวลานานกว่าจะมาถึงที่นี่ คนงานต่างก้มหัวต้อนรับทักทายเป็นอย่างดีเมื่อเจ้าของบริษัทมาถึงที่นี่
    โดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า เรือขนส่งลำใหญ่จอดเรียงลายเป็นแถวเดียวกัน ตู้คอนเทนเนอร์ซ้อนเป็นชั้นๆสูงสุดสายตา 
    สเตฟานี่กวาดสายตามองสถานที่ทรุดโทรมและเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอับของสนิมและความเก่า

    "ที่นี่เบิกงานประมาณบริษัทเพื่อปรับปรุงไปมากถึงสิบล้านแต่ทำไมถึงโสโครกได้ขนาดนี้!!!"

    สเตฟานี่กดเสียงเน้นความจากเลขาที่ตามมาทีหลังพร้อมแฟ้มเอกสารในมือ

    "เห็นทางพื้นที่แจ้งว่า งบประมาณบริษัทที่เบิกไปนั้นใช้ปรับปรุงเรือค่ะ"
    "ปรับปรุงเรือหรอ"

    สเตฟานี่สาวเท้าเดินขึ้นเรือไปทันทีเพื่อสำรวจด้านในโดยมีเจสสิก้าและยุนอาเดินตามอย่างเร่งรีบ
    เกรงว่าจะเกิดอันตรายเพราะพื้นลื่นคงไม่เหมาะกับส้นสูงส้นเล็กๆของทั้งสองสาวเจ้าของและหุ้นส่วนใหญ่เป็นแน่

    "คะ คุณสเตฟานี่"

    คนงานบนเรือขนส่งกำลังยุ่งกับการทำความสะอาดพื้นเรืออยู่ต้องหยุดการกระทำนั้นเพื่อเครพเจ้านายทันที

    "ส่วนไหนที่ปรับปรุงเรือ"

    ยูริเดินนำสเตฟานี่ไปยังใต้ท้องเรือใหญ่ ผ่านคนงาน ผ่านห้องต่างๆ กลิ่นใต้ท้องเรือไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
    มันอับจนแทบหายใจไม่ออกแต่คนหัวดื้อก็ต้องการดูให้เห็นกับตา ใต้ท้องเรือ...คนงานแสนจะอิดโรย
    จากการทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง เขากำลังซ่อมแซมเรือมันไม่ใช่รอยใหญ่อะไรมากมายเพียงแค่ปะเรือที่รั่วเท่านั้น 
    แต่สภาพคนงานเหมือนไม่ได้พักนานเกินกว่าที่จะทำเพียงแค่นี้

    "สิบล้านแค่ปะรูเท่านี้หรอยูริ"
    "เอ่อ ค่ะคุณฮวังให้คนงานรีบทำงานให้เสร็จ เพื่อส่งสินค้าให้ทันค่ะ"
    "สินค้าออกเมื่อไร"
    "อาทิตย์หน้าค่ะ"
    "อืม งั้นฉันขอประกาศตรงนี้เลยนะ ว่าให้ทุกคนหยุดพัก กินให้อิ่ม พรุ่งนี้ค่อยมาทำงานต่อใครขัดคำสั่งฉัน
    ก็เชิญออกไปจากที่นี่ได้เลย แล้วพรุ่งนี้กับมาทำไอ้รูหนูนี้ให้เสร็จ"

    เสียงดังก้องท้องเรือ สเตฟานี่ครุ่นคิดเรื่องมากมายในหัวเกี่ยวกับการดำเนินงานในบริษัท 
    ยูริก้มหน้าลงจดบันทึกอย่างเงียบเชียบใบหน้าเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ ยุนอากวาดมองไปรอบๆที่นี่ไม่เหมาะกับส้นสูง
    เพราะพื้นที่ลื่นและเปียกแฉะ กลิ่นอับจากความเก่า กลิ่นสนิทเหม็นอบอวน

    "สเตฟานี่เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ"

    ยุนอาเอ่ยชวนเจ้านาย ร่างสูงสะบัดกายเดินกับขึ้นไปยังด้านบนแต่ก็ต้องเสียการทรงตัวเมื่อก้าวพลาดลื่นล้มลง 
    โชคดีที่บอดี้การ์ดคนสนิทโอบอุ้มร่างไว้ทันจึงไม่เกิดอันตรายใดๆกับทายาทตระกูลฮวัง

    "เป็นอะไรหรือเปล่า"
    "ไม่ค่ะ ขอบคุณนะค่ะพี่ยุน"

    สองคนโอบกอดกันอยู่พักหนึ่งในสายตาที่เยือกเย็นและจ้องมองอยู่ตลอดแทบไม่กระพริบ

    "พี่ยุนค่ะ"

    สเตฟานี่ส่งเสียงให้ยุนอาปล่อยตัวเองจากอ้อมกอดนั้น แม้รู้ดีว่าเป็นห่วงแต่เธอเองก็ไม่ชอบอยู่ในอ้อมกอดของคนอื่นนานๆ
    ในสายตาของผู้คนมากมายเช่นนี้ ยุนอาปล่อยสเตฟานี่ให้ยืนปกติพร้อมรอยยิ้มหวาน 
    เมื่อสำรวจความเสียหายจากเรือส่งสินค้าด้านล่างจนเสร็จทั้งสามคนเดินขึ้นมาสูดอากาศด้านบนอย่างเต็มปอด 
    หิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยลงจากท้องฟ้า ความเย็นจากอากาศภายนอกทำให้ลมหายใจเปลี่ยนเป็นไอ 
    สเตฟานี่เงยหน้ามองท้องฟ้าสีหม่นเทาความทรงจำฤดูหนาวเมื่อครั้งก่อนทำให้หัวใจสั่นแต่ต้องข่มใจกัดฟันแน่น
    ไม่อาจแสดงหรือบ่งบอกถึงความรู้สึกของหัวใจตัวเองให้ใครรับรู้ได้

    "ฟานี่เราไปกันเถอะ เดี๋ยวเธอจะไม่สบายนะ"

    เจสสิก้าจับมือเพื่อนสนิทเดินลงเรือช้าๆ เกรงว่าจะเกิดอันตรายเช่นเมื่อครู่นี้อีก

    "คุณสเตฟานี่จะกับเข้าบริษัทเลยมั้ยค่ะ"
    "เธอคิดว่าไงล่ะยูริ"
    "เอ่อ ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะเตรียมรถไว้ให้นะค่ะ"
    "ฉันมากับพี่ยุนและหุ้นใหญ่ของบริษัทเธอจะจัดรถไว้ทำไม"
    "เอ่อ ค่ะ"
    "หาข้อมูลเอกสารเรื่องปรับปรุงเรือสินค้าให้ฉัน ทุกฉบับย้อนไปให้มากที่สุดฉันอยากรู้ว่า 
    งบหลายล้านที่เสียไปได้แค่นี้หรอ และอีกอย่างคนที่ยื่นเสนอมาไม่ตรวจสภาพงานบ้างหรือไง"
    "ค่ะ"
    "เธอเป็นคนฉลาดนะยูริ แต่จะฉลาดในเรื่องไหนก็ควรจะระวังตัวไว้บ้างนะ อย่าใช้สมองน้อยๆของเธอคิดแต่เรื่องโง่ๆ"

    ยูริหน้าซีดลงทันทีเมื่อหัวหน้า ทายาทบริษัทเอ่ยปากพูด หันขาวขบแน่นบังคับไม่ให้สั่น 
    สเตฟานี่เดินออกไปพร้อมผู้ติดตามทั้งสอง แววตาที่มองตามนั้นเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น
    ที่ต้องทนต่อคำพูดจาดูถูก มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน….

    แม้หิมะตกโปรยไม่หนักแต่อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ สเตฟานี่เดินสำรวจรอบพื้นที่อย่างไม่รู้สึกเหน็ดหนาวแม้มือนั้นจะเย็นจนสั่น

    "ฟานี่ เดี๋ยวฟานี่"
    "มีอะไรหรอเจส"
    "นี่มันก็เริ่มหนาวแล้วนะ เธอไปที่รถก่อนเถอะ"
    "ไม่เป็นไรหรอก ฉันมีผ้าพันคอมาด้วย"

    สเตฟานี่หยิบผ้าพันคอผืนหนา สีชมพูอ่อนขึ้นมาจากถุงกระดาษที่ถือติดมาด้วยพันรอบคอสองทบให้ดูอุ่นขึ้น 
    ผ้าพันคอผืนยาว ดูเก่าตามสภาพการใช้งานสเตฟานี่สูดกลิ่นหอมอย่างโหยหาความคิดถึงเจ้าของผ้าผืนนี้

    "สเตฟานี่พี่ว่าผืนนี้มันเก่าแล้วนะ พี่ไปเอาผืนใหม่ให้ดีกว่า"
    "ไม่ต้อง !!"

    ร่างสูงเผลอพูดปฏิเสธเสียงดังอย่างลืมตัว มือบางกำผ้าแน่นด้วยความรู้สึกหวงแหนแม้มันจะเก่า
    แต่เธอก็ไม่เคยเก็บมันไว้ห่างกาย ยุนอาชะงักเมื่อถูกปฏิเสธมองใบหน้าสีชมพูนั้นอย่างไม่เข้าใจ 
    สเตฟานี่ร่ำรวยเธอสามารถใช้เงินเท่าไรก็ได้เพื่อซื้อใหม่แต่ทำไมถึงยังเก็บผ้าเก่าๆผืนนี้ไว้

    "เอ่อ เจส พี่ยุน พวกเธอไปที่รถกันก่อนเถอะ ฟานี่ขอเดินไปดูตรงนั้นหน่อย"
    "แต่มันอันตรายนะ"
    "ที่นี่เป็นที่ของฉันไม่ต้องห่วงหรอกเจส ไปเถอะเธอนั่นแหละที่จะไม่สบาย"
    "แต่"
    "ไม่มีแต่เจส ถ้าเธอป่วยใครจะดูแลฉันล่ะ พี่ยุนฝากดูแลเจสด้วยนะค่ะ"
    "ค่ะ"

    เจสสิก้ายังคงทำท่างอแงเหมือนเด็กน้อย สเตฟานี่อดไม่ได้กับท่าทีของเพื่อนรักจับแก้มใสด้วยมือที่เย็นเฉียบ
    พร้อมฝังปลายจมูกลงบนแก้มเจสสิก้าอย่างเอ็นดู หญิงสาวยิ้มรับปกติเดินจากไปพร้อมผู้ดูแลสเตฟานี่แต่โดยดี 
    สองสาวห่างไปลับตาสเตฟานี่ถอนหายใจพักใหญ่ จับผ้าพันคอเข้าที่และเดินสำรวจต่อไปข้างหน้า

    ---------------------------------

    "ถ้างานนี้สำเร็จเงินเท่าไรฉันไม่อั้น"
    "แต่ว่า"
    "ถ้าจะให้ดี ก็อย่าทิ้งศพไว้แถวนี้ นี่เป็นโอกาสดีที่จะลงมือ อย่าปล่อยให้เสียไป"
    "ครับ"

    --------------------------------

    ระหว่างทางเดินไปยังรถ เจสสิก้าไม่เอ่ยปากพูดกับยุนอาแม้แต่คำเดียวจนทำให้คนที่อยู่ข้างๆอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

    "คุณเจส"
    "....."
    "เอ่อ คือ"
    "อะไรหรอ"
    "คุณเจสจะเข้าบริษัทด้วยมั้ย"
    "...."
    "พี่จะได้รู้ว่าจะไปส่งคุณเจสก่อนหรือจะไปพร้อมกันที่บริษัท"
    "ไปบริษัทค่ะ"

    ยุนอาพยักหน้าพร้อมเปิดประตูรถให้เจสสิก้า รถหรูคันใหญ่พื้นที่กว้าง มือบางหยิบเสื้อโค้ทตัวหนา
    ยื่นให้คนที่ทำหน้านิ่งอยู่ด้านใน เจสสิก้าไม่รับความหวังดีใดๆ นั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์เฉยเมือย

    "ถ้าคุณเจสไม่ใส่เสื้อจะไม่สบายนะ"
    "...."
    "ฟานี่บอกให้พี่ดูแลคุณ อย่าดื้อได้มั้ย"
    "...."
    "คุณเจส"

    เจสสิก้ากระชากร่างที่ยืนอยู่นอกรถเข้ามาด้านในพร้อมประกบจูบโดยไม่ให้ตั้งตัว 
    ทำเอาคนที่ถูกกระทำเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ปลายลิ้นแหลมแทรกเข้าหาโพรงปากอย่างร้อนแรงดูด 
    ดุนลิ้นอีกฝ่ายไม่เว้นจังหวะ ลมหายใจถี่ขึ้นเมื่ออารมณ์แผ่กระจายไปทั่วร่าง ยุนอาไม่ได้ขัดขืนอะไร
    ได้แต่ปล่อยให้จูบนั้นเป็นไปตามที่เจสสิก้าต้องการ

    ปาดขาว



    มือข้างหนึ่งจับมือยุนอาขึ้นมาประคองหน้าอกอวบอุ่มตัวเองไว้ เจสสิก้าขยับกายขึ้นนั่งบนตักยุนอาพรมจูบใบหน้า
    และซอกคอขาวไม่หยุด มือที่นั่งบนอกค่อยๆขยับเร้าอารมณ์คนด้านบน แววตาของทั้งสอง...นิ่งเฉย 
    สบตากันไม่มีใครรู้ถึงความคิดอีกคน

    "คุณเจส"

    ยุนอาไม่ใช่คนไร้ความรู้สึกเมื่อถูกกระตุ้นให้อารมณ์พุ่งกระจายไปทั่วร่าง จูบที่ร้อนแรงจากเจสสิก้า 
    ท่าทางยั่วอารมณ์เช่นนี้มีหรือจะห้ามใจไหว เจสสิก้าเป็นคนสวยและเพอร์เฟค ยุนอาโลมเลียบริเวณใบหู
    มือหนึ่งบีบเค้นทรวงอกเร้าอารมณ์ นาทีนี้ไม่มีความถูกต้องเหลือเพียงแค่ความต้องการจนไม่อาจหยุดได้

    "อืมมม"

    เจสสิก้าครางออกมาจากลำคอ หลับตาสนิทรับการตอบสนองจากยุนอา หัวใจเต้นรัวจนลืมหายใจ 
    หน้าท้องร้อนวูบเป็นจังหวะมือน้อยซุกซนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านในเผยให้เห็นอกอิ่มเบียดแน่นเป็นทรงกลม 
    คนด้านล่างสูดลมหายใจเข้าจนสุดดึงบลาสีดำขึ้นกองอยู่เหนืออกสวย เจสสิก้ากระดกยิ้มได้ใจยกมือบีบหน้าอกกระตุ้นอารมณ์คนที่มอง

    "จะรออะไรอีก มาสิ"

    คำเชิญชวนด้วยน้ำเสียงแหบ ยุนอากลืนน้ำลายลงคอก่อนที่จะครอบงำยอดอกสวยอย่างเมามัน

    "อ่าาา"

    เสียงแหบเล็กครางอย่างได้อารมณ์ เจสสิก้าขย่ำเส้นผมยุนอาเพื่อปล่อยอารมณ์จากสัมผัสบริเวณอกสวย 
    มือหนาลูบไร้ไปทั่วสะโพกคนด้านบนยุนอาหายใจถี่จากความหวานของเจสสิก้าขบเม้นอกนั้นไม่หยุดปาก

    "ยุน ยุนอ่ะ อ่า”

    เจสสิก้าโอบกอดรอบคอดึงตัวร่างยุนอาเข้ามาใกล้ชิดอกให้มากขึ้น มือที่ลูบไร้สะโพกอยู่นั้น
    เคลื่อนมาปลดกระดุมกางเกงด้านหน้า มือเรียวประคองใบหน้ายุนอาให้สบตาตัวเอง 
    เจสสิก้าไม่เอ่ยพูดอะไรเพียงแค่แววตานี้ที่อยากให้มองในเวลาเช่นนี้ 

    “คุณเจส”
    “ทำให้ฉัน มีความสุขสิ”

    ใบหน้าแดงกร่ำจนเห็นได้ชัด แม้จะเขินอายเล็กน้อยแต่จะปฏิเสธความสวยงามตรงหน้าได้อย่างไร 
    ร่างเล็กผลักเจสสิก้าลงนอนบนเบาะหลังรถอย่างถนุถนอม ร่างกายขาวเนียนจนน่าสัมผัส 
    รอยแดงที่คอของเธอยังคงชัดเจนเมื่อผ่านมาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ริมฝีปากสวยพรมจูบบนแก้มขาว 
    เคลื่อนที่ไปจนถึงยอดอกอวบอีกครั้ง แขนเล็กโอบรอบคอยุนอาพร้อมขย่ำเส้นผม แววตาเจสสิก้าเฉยชา
    และเรียบนิ่งประดุจเจ้าหญิงน้ำแข็งที่มีแต่ความเย็นชา กางเกงเข้ารูปถูกถอดออกช้าๆ เจสสิก้ายิ้มมุมปาก
    โดยปล่อยให้ร่างเล็กกลืนกินร่างกายของเธออย่างที่เธอต้องการเสมอมา….


    -----------------------------------------
    เมื่อทั้งสองจากไปรอเธอที่รถสเตฟานี่เดินดูไปรอบๆบริเวณท่าเรือขนส่ง การขนส่งทางเรือ
    เป็นการขนส่งสินค้าได้มากและคุ้มค่าที่สุดเธอจึงต้องรอบคอบเวลาตรวจเช็คเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทเอง 
    สายตาแหลมคมกวาดมองไปยังเรือหนึ่งท้ายท่า เรือลำใหญ่สีเขียวจากลักษณะเรือลำนี้คงไม่ได้ใช้งานมานานหลายปี
    เพราะไม่มีคนดูแล ไม่มีคนงาน ไม่มีแม้แต่สินค้าด้านบนเรือเก่า สองเท้าก้าวเดินเข้าไปเรื่อยๆใกล้เรือลำนั้นอย่างสงสัยแต่จู่ๆ 
    สเตฟานี่รู้สึกเหมือนมีคนมองเธออยู่จากด้านข้าง ร่างสูงหันมองหาแต่ไม่พบใคร ส้นสูงส่งเสียงเป็นจังหวะ
    ตามเจ้าของเวลาก้าวเดิน เสียงรองเท้าหนักและถี่ขึ้นจนเหมือนวิ่งเข้ามา และก็หยุดเมื่อเธอวิ่งมายังโกดังเก็บสินค้าชั่วคราว 
    ที่นี่มีแต่ลังสินค้าเก่าเปล่าๆ ไม่มีของใดอยู่เลย หนู แมลงสาบวิ่งหนีเสียงผู้มาเยือน กลิ่นอับชื้นเตะจมูกเธออีกครั้ง 
    เธอไม่ชอบกลิ่นเหม็นแบบนี้แต่ด้วยความสงสัยถึงใครที่แอบมองเธอจึงได้วิ่งตามมาถึงที่นี่ 
    เธอได้แต่ส่ายหัวไปมาคงจะคิดเรื่องงานมากเกินไปจนคิดไปเองถ้าหากจะมีบางสิ่งมองเธอก็คงจะเป็นหนู 
    แมลงสาบเหล่านี้เท่านั้น มือบางจับผ้าพันคออีกครั้งเดินหันหลังกับออกจากที่แห่งนี้แต่พบว่า…ประตูโกดังถูกปิดสนิท

    “อะ อะไรกันเนี้ย”

    ร่างสูงพยายามเปิดประตูเหล็กโกดังใหญ่และเก่า แต่ต่อให้ออกแรงเท่าไรก็ไม่เป็นผล 
    ประตูหนักอึ้งไม่ขยับแม้แต่น้อย สเตฟานี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กออกจากกระเป๋า
    เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเธอ…โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณไม่สามารถโทรหรือใช้งานได้ 

    “พี่ยุน เจส พี่ยุน เจสได้ยินฉันมั้ย”

    เธอตัดสินใจตะโกนจนสุดเสียงหวังว่าทั้งสองคนจะเดินตามมาหรือใครจะผ่านมาเจอเธอบ้าง 

    “มีใครอยู่แถวนี้มั้ย”

    เมื่อได้รับเพียงความเงียบเป็นคำตอบ สเตฟานี่ตัดสินใจหันไปด้านในเพื่อหาทางออกทางอื่น 
    แต่ด้านในนั้นมือและเงียบสนิท ใบหน้าสวยขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อสายตากระทบเงาบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ภายใน

    “มีใครอยู่ในนี้มั้ย”
    “…..”
    “สวัสดีฉันสเตฟานี่ ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ เอ่อ ฉันติดอยู่ในนี้บอกฉันทีว่าจะออกไปได้ทางไหน”
    “….”

    ร่างสูงค่อยๆก้าวเท้าเดินไปยังบริเวณเงาดำด้านในช้าๆ ในใจสั่นรัวไม่เป็นจังหวะ 
    มือที่เย็นเฉียบถูกประสานกันอยู่บริเวณหน้าอก ลมหายใจพ่นเป็นไอเย็น สายตาพยายามปรับสภาพความมืด
    ให้เข้าที่เพื่อมองให้ชัดว่าสิ่งที่อยู่หลังลังสินค้าใหญ่นั้นคืออะไร

    “สวัสดี เธออยู่ตรงนั้นใช่มั้ย”

    ห่างจากลังไม้เก่าเพียงแค่เอื่อมมือ สเตฟานี่เอียงตัวมองหาเจ้าของใต้เงามืด 
    กลิ่นเหม็นอับเริ่มฟุ้งเมื่อเข้ามาด้านใน สเตฟานี่ขมวดคิ้วเข้มชนกัน มองเท่าไรก็ไม่ชัดเจนสิ่งที่ซ่อนอยู่หรือใครบางคนในนั้น 

    “ฉันจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไง บอกฉันทีได้มั้ย”

    ร่างสูงค่อยๆเอื่อมมือเข้าไปใกล้ความสังสัยนั้น….แต่ก็ต้องเบิกตากว้าง จนลืมหายใจ…

    “กรี๊ดดดดด!!!”

    ปัง ปัง !!!!!!!!

    ----------------------------------------

    “ฉันขอเงินเล็กๆน้อยๆให้พอได้กินเที่ยวไปวันๆก็พอนะ”
    “แกจะเอาเท่าไร”
    “ซักร้อยล้านแล้วกัน สำหรับภาพถ่ายสวยๆของเธอ”
    “แล้วถ้าฉันไม่ให้ล่ะ”
    “เธอก็จะเห็นภาพของเธอบนหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารทุกฉบับ นักธุรกิจ 
    ทายาทพันล้านทำเรื่องฉาวจนเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมาไง มีลื้อฟื้นกันแน่ๆงานนี้”
    “มันไม่มากไปหน่อยหรอ ร้อยล้าน”
    “สำหรับทายาทอย่างเป็นทางการเช่นเธอแล้วมันไม่มากไปหรอก”
    “พินัยกรรมยังไม่เปิดครบทุกฉบับ ฉันไม่ใช่ผู้สืบทอดทั้งหมด”
    “ถ้าทายาทอย่างเธอเร่งให้เปิดพินัยกรรมซักหน่อยทนายจะไปขัดอะไรได้ 
    อย่านานนะสเตฟานี่คนสวยเพราะภาพของฉันมันไม่รอให้เธอพร้อมหรอกนะ”

    สเตฟานี่กัดฟันแน่นไม่มีข้อต่อลองไหนจะทำให้เธอต้องรู้สึกสับสนไปมากกว่านี้อีกแล้ว 
    ลมหายใจติดขัดด้วยความโกรธแค้นอยู่ภายใน ถ้าเธอสามารถสั่งทำได้เธอคงจะฆ่าพี่ชาย
    ที่ไม่นับญาติคนนี้ให้ตายหายไปจากโลกได้คงจะดี
    คลอลินกระดกบรั่นดีในมือจนหมดพร้อมกับหัวเราะเสียงดังก้องห้องโถงใหญ่ 
    เดินกับไปยังห้องของตัวเองเช่นเดิมทิ้งไว้ให้เจ้าของคฤหาสน์คิดทบทวนข้อเสนอนี้ให้ดีก่อนตัดสินใจ หมาน้อยตัวเล็กร้องคางเบาๆ
    เพราะตกใจเสียงหัวเราะของคนที่จากไป สเตฟานี่ก้มมองพร้อมลูบหัวหมาน้อยอย่างเอ็นดู

    “ฉันจะตั้งชื่อให้เธอนะ ชื่อ ปริ๊นซ์ เพราะดีนะว่ามั้ย”

    สเตฟานี่ยิ้มตาปิดให้หมาตัวเล็กที่หลงทางมาหาเธอ มันจะเป็นเพื่อนตัวน้อยในเวลาที่เธอโดดเดี่ยว 
    และไม่มีใคร สถานการณ์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายในห้องสีชมพูของสเตฟานี่ 
    เธออาบน้ำให้หมาตัวน้อยจนขาวสะอาดตาขึ้นบ้าง ร่างสูงยืนมองท้องฟ้าในค่ำคืนที่มืดมิดไม่มีแสงดาว 
    อากาศเย็นช่วงฤดูหนาวพัดผ่านร่างกายจนขนลุกไปทั้งตัว ปริ๊นซ์น้อยวิ่งมานอนข้างเท้าของเธอ 
    สเตฟานี่อุ้มหมาขึ้นในอ้อมแขนเธอ กลิ่นแชมพูหอมฟุ้ง ปริ๊นซ์แลบลิ้นเลียคางเจ้านายเหมือนขอบคุณที่รับมันเลี้ยงเอาไว้

    “ปริ๊นซ์เธอรู้จักแทยอนมั้ย ฉันคิดถึงเขาเหลือเกิน”

    สเตฟานี่โอบกอดปริ๊นซ์จนใบหน้าทั้งสองติดกัน หมาน้อยนิ่งสนิทน้ำตาใสไหลออกจากดวงตาที่เข้มแข็ง 
    ซึ่งตอนนี้มีเพียงแต่ความอ่อนแอและหมดทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอ


    “ฟานี่เธอจะคิดถึงฉันเสมอใช่มั้ย แม้ว่าฉันจะไม่มีลมหายใจอยู่ข้างๆเธอ”

    -----------------------------------------

    ตอนที่ 4 กับ I Kill You นะค่ะ หยกห่างเรื่องนี้ไปนานเลย เพราะไปอัพอีกเรื่องนึงก่อน
    ขอบคุณนะค่ะสำหรับคอมเม้นและก็กำลังใจที่น่ารัก หยกแอบยิ้มทุกทีเวลาอ่าน
    สำหรับเรื่องนี้เป็นแนวจิตนิดๆ 55555 เรื่องจะย้อนไป ย้อนมาให้ได้เห็นถึงมุมมองต่างๆของแต่ละตัวละคร
    ถ้าถามว่าเรื่องนี้มีเอ็นซีมั้ยเห็นถามมาในเฟชก็ มีบ้างค่ะ ตอนนี้ก็นิดๆหน่อยๆ แต่จะแทรกตรงไหนต้องรอดูเอง
    ฆาตกร คนที่คอยสั่งการ หรือแม้กระทั่งแผ่นต่างๆของแต่ละตัวละครเป็นอย่างไงบ้าง 
    ทุกคนหวังและต้องการอะไร แท้จริงลึกๆความรู้สึกแต่ละครเป็นไงต้องจับประเด็นเองนะค่ะ
    ขอโทษถ้าอักษรผิดหรือสะกดผิดบ้างค่ะเพราะท้ายๆไม่ได้ตรวจเลย แล้วก็ขอคุณอีกครั้งนะค่ะ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×