คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 ...อย่าทำอย่างนั้นกับชุดของผมนะ....
บทที่ 4 ...อย่าทำอย่างนั้นกับชุดของผมนะ....
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น...ผมก็ได้แต่รอ..รอ...รอ..แล้วก็รอโดยฝากความหวังอันน้อยนิดไว้กับแอนดี้ที่มาบัดนี้ก็หายหน้าไปจวนจะครบสามวันแล้ว...
พอยิ่งเห็นเจ้าลูกนกมันลองชุดที่แม่นกรีบไปสั่งตัดมาให้มันแล้ว...ผมยิ่งที่ทั้งเครียด ทั้งอิจฉา ทั้งกังวล... ก็ชุดเจ้านั่นมันโคตรเท่ห์ สูทตัวนอกสีดำเงาตัดกับเสื้อที่ขาวที่จับจีบตรงสาบเสื้อ เข็มขัดหนังจระเข้แวววับ...รับกับหัวเข็มขัดรูปหัวกะโหลก..ที่ดูแล้วยิ่งโคตรแมน แล้วยังไอ้รองเท้าหนังที่มันใส่ พระเจ้า...ของพวกนี้มันน่าจะเป็นผมใส่มากกว่านะ...ผมหล่อกว่ามันตั้งเยอะ
พอได้ชมเชยชุดของเจ้าลูกนก..ใจผมก็เริ่มอยู่ไม่สุข...ไม่รู้แอนดี้จะทำไปถึงไหนแล้ว..หรือว่ามันจะงอนผมแล้วเลิกทำไปแล้วก็ไม่รู้... ความกังวลค่อยๆทวีคูณขึ้น..เรื่อยๆ...เรื่อยๆ
“อืม...ใช้ได้..ใช้ได้ ไหนลองโพสท่าซิ”
ครอบครัวนกที่หลงตัวเองรีบกดชัตเตอร์ถ่ายรูปลูกนกเก็บไว้ในทันที และแน่นอนเจ้าลูกนกมันก็ท่าเดิมไง..สองนิ้ว...คือ...ชุดมันก็ดูดีอยู่หรอกนะ แต่ท่าทางมันเนี่ยซิ...ไม่ได้เรื่อง!
“อืม...ไอ้ลูกนก นายควรจะไปทำผมอีกซะหน่อยก็จะเข้าท่ามาก”
เอ้า..แต่งกันให้พอเลย...เอาลูกนกยักษ์ให้กลายเป็นหงส์เลยไป๊
ยิ่งมอง..และยิ่งฟังไอ้สองพ่อลูกคู่นี้ ผมก็ยิ่ง....หงุดหงิด ชิ!...ที่พวกแกสองตัวหล่อได้หล่อดีขนาดนี้มันก็เพราะเงินฉันทั้งนั้นแหละเฟ้ย..ไอ้ชุบมือเปิบ!
แต่พวกนั้นหาได้รู้ถึงคำด่าในใจของผมเลย.....ผมจึงจำต้องเป็นฝ่ายเดินละจากภาพบาดตานั้นแทน....ไปไหนดีนะ...
ผมเดินมาหยุดตรงข้างบ้านซึ่งติดกับบ้านอีกหลังที่ขนาดไม่ใหญ่ไม่โตเท่าไหร่นัก...บ้านของแอนดี้
ใช่แล้ว...ผมไปหาเขาดีกว่า ยังไงซะตอนนี้ไอ้ครอบครัวนกนั่นก็คงไม่มีเวลามาสนใจผมหรอก งั้นตอนนี้ผมสู้ย่องไปหาแอนดี้ดีกว่า...
เมื่อคิดได้เช่นนั้นผมก็จัดการเดินตรงไปยังรั้วที่กั้นระหว่างสองบ้านนี้ไว้ ก่อนจะหมุดลอดผ่านไปตรงทางที่หมาที่ไหนไม่รู้คุ้ยไว้....ทางเดียวกับที่เจ้าแอนดี้ใช้ลอดมา...
อ้า...สำเร็จ
ตอนนี้ผมก็มายืนอยู่ยังอีกฟากของกำแพงแล้ว....นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ผมได้มาที่นี่..แบบว่าบ้านตรงหน้ามันช่าง..เลิศจริงๆ สร้างในสไตล์ตะวันตก...ราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยายยังไงอย่างงั้น สวนก็เช่นกัน..แม้ที่จะมีเพียงนิดเดียว แต่ก็ยังจัดไว้อย่างสวยงาม ชวนให้นึกถึงภาพฉากสวนในหนังฝรั่ง..พระเจ้า...มันสุดยอด เจ้าแอนดี้มันอยู่ในบ้านที่โคตรสวยขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?
หลังจากตกตะลึงกับภาพบรรยากาศตรงหน้าอยู่สักพักหนึ่ง..ขาสั้นๆของผมก็เริมก้าวต่อเพื่อหาทางเข้าไปในตัวบ้าน...ว่าแต่..บ้านแบบตะวันตกเนี่ยเขาไม่มีประตูบ้านหรือไงกัน?!
“Yes! เสร็จแล้ว!”
ระหว่างนั้นเองเสียงของใครบางคนก็ลอดออกมากจากตัวบ้าน...เสียงมันช่างคุ้นหูเหลือเกิน หรือว่าจะเป็นแอนดี้!
ผมรีบวิ่งตรงไปยังที่ที่คาดว่าเป็นต้นเสียงและได้พบกระจกใสบานหนึ่งตรงนั้น...พร้อมๆกับเห็นภาพแอนดี้กำลังยืนหันหลังมองเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวหุ่น...ก่อนที่เขาจะเอาผ้าผืนใหญ่ไปคลุมมันจนมิด
อ่ะ..อะไรกัน...ชุดในหุ่นนั้นมันของผมใช่ไหมอ่ะ....อ่ะ....งั้นแสดงว่าที่เสร็จเมื่อกี้ก็ชุดผมนะซิ....อึ๊ย....อยากเห็นจัง แอนดี้!...แอนดี้ นายมาพาฉันเข้าไปหน่อย..ฉันอยากเห็นชุดฉันนน......
แล้วผมก็เริ่มเคาะกระจกอย่างบ้าคลั่งโดยหวังว่ามันคงจะพอทำให้เขาหันมาสนใจผมที่กำลังเป็นตุ๊กแกเกาะกระจกอยู่บ้าง
และมันก็...สำเร็จ
“มินเดอเรลล่า”
แอนดี้เดินมาเปิดกระจกออกพลางเรียกชื่อที่ผมสุดแสนจะไม่ปลื้มด้วยใบหน้าประหลาดใจต่อการปรากฏตัวของผม...
“หยุดเรียกฉันอย่างนั้นเลย แอนดี้!”
แต่เขาก็ไม่สนใจเสียงขู่ของผม...เขายังคงส่งยิ้มหวานแก้มป่องมาให้พร้อมกัยเอ่ยถามในคำถามที่ผมฟังแล้วอยากจะ....
“ทำไมพี่ไม่เข้ามาข้างในล่ะ?”
“ไม่ใช่ไม่อยาก...แต่เข้าไม่ได้โว้ย! นายก็มาเปิดให้ฉันซิฟ่ะ!”
ผมตะคอกกลับไปอย่างฉุนๆ....แต่แอนดี้ก็ยังคงยิ้มเช่นเดิม..วันนี้ถ้ามันไม่อารมณ์ดีมาก ผมว่ามันก็ต้องกินยาผิดแหงๆ
“พี่ปีนเข้ามาทางนี้เลยละกัน...ง่ายกว่า”
คำพูดของเขาเล่นเอาผมเอ๋อ...เออคือ...มีเจ้าบ้านคนไหนเขาเชิญชวนแขกเข้าบ้านด้วยการปีนหน้าต่างกันบ้างเนี่ย....
“เข้ามาเร็วพี่..ผมมีอะไรให้ดู”
ด้วยสิ่งตรงหน้าที่ดูน่าเชิญชวนมากกว่า...ผมจึงละความสนใจจากวิธีการชวนเข้าบ้านอันแปลกประหลาดของแอนดี้และลักษณะของคนดีในสังคมทิ้งแล้วตัดสินใจปีนข้ามหน้าต่างไป....
ว้าว....ห้องนี้มันหวาน...หวานมากๆ มีแต่เศษผ้าปะเต็มห้องเลย จะบอกว่าไงดีมันมีทุกเชดสีเลยอ่ะ
“นิพี่....ต่อไปนี้ แอนดี้จะขอนำเสนอผลงานชิ้นโบว์แดงที่มีหนึ่งเดียวในโลกและก็ไม่มีทางสร้างใหม่ได้...ในชื่อผลงาน....มินเดอเรลล่าสุดหล่อผู้จะเด่นที่สุดในฟลอร์เต้นรำ....ขอเชิญรับชมได้เลยครับบบบบ....”
ผมเฝ้าฟังคำพูดของเขาอย่างใจจดใจจ่อ...จริงๆก็ไม่รู้หรอกว่าเขาพูดอะไร แต่ผมรู้อย่างเดียวว่ามันต้องเกี่ยวกับชุดของผมแน่ก็เขากำลังจับผ้าที่คลุมหุ่นไว้เตรียมเปิดให้นะซิ.....
เขาลากเสียงท้ายอย่างยาว..แล้วผ้าผืนนั้นก็หลุดออกจากหุ่นเผยเห็นชุดที่แอนดี้สุดแสนจะภูมิใจ....
...เออ...ใช่ชุดนี้แน่เหรอ? แอนดี้...
ทันทีที่เห็นชุดตรงหน้าผมเอียงคอและอ้าปากเอ๋อเล็กน้อยไปทางแอนดี้อย่างงงงวย คือ..มันใช่ชุดนี้แน่เหรอ...
ชุดสไตล์ตะวันตกสมัยยุควิคตอเรียน....เออ...ถ้าคุณนึกไม่ออก..ผมจะจำกัดความง่ายๆให้.มันเหมือนกับเอ่อ...ชุดเจ้าชายในเทพนิยายเลยครับ..ทั้งสีสันที่โดดเด่น ลูกไม้ที่เล่นอย่างมีชั้นเชิง....นี่มัน...
“เลิศใช่ไหมล่ะครับ? พี่เอาไปลองใส่เร็วเข้า เพื่อมีอะไรให้แก้จะได้แก้เลย....”
แอนดี้ผู้ไม่รับรู้ถึงความแปลกใจของผมเอาซะเลยพูดขึ้นแบบภูมิใจ ก่อนจะดุ้นหลังผมให้เข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ในห้องพร้อมกับชุดที่เขาตัดให้...
ซึ่งผมก็ได้แต่จำใจสวมออกมา....
“ว้าว...หล่อ..หล่อเลิศ....ผมรับรองว่าพี่ไปถึงงาน..พี่จะต้องเด่นกว่าใครแน่...ไอ้ครอบครัวนกของพี่มันต้องชิดซ้ายชัวร์”
แน่นอนเลยละแอนดี้..รับรองได้..ไม่มีใครเด่นเกินหน้าฉันหรอก...แม้แต่ไอ้ครอบครัวนกนั้นก็เถอะ...คือ...ผมไม่ปฏิเสธนะ เรื่องที่ใส่แล้วมันทำให้ผมดูหล่อ...แต่แบบว่า..ฉันจะไปงานเต้นรำนะแอนดี้ ไม่ใช่งานแฟนซีถึงจะได้ต้องหล่อแบบยุควิคตอเรียนขนาดนี้
ผมจึงได้แต่ส่งยิ้มแห้งไปให้แอนดี้...ด้วยความซาบซึ้งจนน้ำตาพราก....ด้วยความดีใจและความเศร้าใจ
ดีใจที่มีชุดสำหรับใส่ไปงานที่เกิดจากความทุ่มเทของแอนดี้....แต่ก็เศร้าใจเมื่อนึกถึงภาพทุกคนตอนมองผมเมื่ออยู่ในงาน
..แต่ ณ เวลานี้แล้ว...ต้องด้านเท่านั้นครับที่ครองโลก!
“ผมยังมีอุปกรณ์เสริมให้พี่ด้วยครับ...”
แล้วแอนดี้ก็ยกเจ้าอุปกรณ์เสริมที่ว่ามาให้....รองเท้าบูทหนังคู่ใหญ่และหมวกปีบานที่ติดขนนกสวย...ที่ช่างรับกับชุดที่ตัด
“สองอันนี้จะช่วยให้พี่สูงขึ้นได้มากเลยฮะ...อันนี้ผมแอบเสริมส้นไว้ให้พี่เกือบนิ้วข้างใน.....ไม่คงพอจะช่วยได้เยอะ..แถมมรองเท้าแบบนี้มันจะช่วยให้ขาพี่ดูยาวขึ้น ส่วนหมวกเนี่ย..จะช่วยทำให้หน้าพี่ดูเรียวเล็กลง แถมผมก็จัดการเสริมนุ่นลงไปตรงร่องหัว..เวลาพี่ใส่ระวังหน่อยนะต้องเอากิ๊ฟมาติดไม่งั้นเวลาพี่ก้มหัวขอผู้หญิงเต้นมันจะหลุดได้อ่ะ”
เขายื่นของทั้งสองสิ่งให้ผมพร้อมกับอธิบายสรรพคุณและวิธีใช้อย่างดิบดี นี่ผมควรจะขอบคุณเขาดีไหม...หรือจะโกรธที่มาพูดจี้จุดความสูงของผมดีเนี่ย!
“เอ้า..ใส่ดิพี่จะรออะไร....ใส่แล้วก็ไปประจันหน้ากับไอ้ครอบครัวนกให้มันเห็นเลย..ว่าอย่างนี้ซิของจริง”
ใช่..ของจริง จริงๆด้วย T-T
แล้วผมก็จัดการสวมใส่อุปกรณ์เสริมความสูงทั้งสองชิ้นให้เรียบร้อยก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังบ้านตัวเองที่อยู่ข้างๆโดยมีดีไซเนอร์เจ้าของชุดยิ้มอย่างแก้มปริด้วยความภูมิใจโดยไม่รู้ซะเลยว่าตอนนี้ผมกำลัง...อายโคตร
อีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้เจ้าครอบครัวนกมันก็จะเห็นชุดผมแล้ว...พวกนั้นจะทำหน้ายังไงกัน..อึ้ง...ตะลึง..ช็อก..หรือว่าหัวเราะกันนะ...ยิ่งนึกก็ยิ่งหวั่น ขาที่ก้าวสั้นอยู่แล้วก็ยิ่งก้าวสั้นลงไปอีก....จนในที่สุดก็หยุดลง
“มีอะไรเหรอฮะพี่?”
แอนดี้ที่เดินอยู่ข้างผมเอ่ยถามอย่างสงสัยด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย
“เปล่า..คือฉันกลัว...กลัวว่า...”
ผมจะเอ่ยไงดีว่าผมกลัวพวกนั้นหัวเราะชุด...ก็ถ้าพวกนั้นหัวเราะ...ผมก็คงอับอาย ส่วนแอนดี้ก็คงเสียใจแย่เลย...ผมควรทำไงดี...
“พี่กลัวสองพ่อลูกนั่นอิจฉาอ่ะดิ ไม่ต้องห่วงผมจัดการให้”
ฉันจะบอกให้นะแอนดี้..นั่นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะเกิดเลย T-T
แล้วเขาก็ออกเดินนำผมไปกดกริ่งบ้านผม...เนื่องจากชุดที่แสนหรูหราชุดนี้ทำให้ผมไม่สามารถที่จะมุดกลับทางเดิมได้..เลยจำต้องไปกดกริ่งขอเข้าบ้านแทน....คือความจริง กุญแจสำรองก็มีครับ แต่ผมทำหายไปแล้วอ่ะ....T-T
“ดิ้งด่อง ดิ้งด่อง ดิ้งด่อง”
เสียงกริ่งบ้านผมก็ถูกกดซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ยอมหยุด...แต่ก็ยังไม่มีใครคิดที่จะเปิดต้อนรับเราทั้งสิ้น...ก็นะ..พวกนั้นคงคิดว่าผมกำลังกระวีกระวาดวิ่งมาเปิดล่ะซิ...ขอโทษล่ะ เสียใจด้วย เพราะผมเนี่ยแหละที่เป็นคนรอให้มาเปิดให้อยู่
และแล้วเสียงกริ่งก็ดังไปเรื่อยไม่ยอมหยุดด้วยฝีมือของแอนดี้ จนมีใครบางคนที่ทนไม่ได้ยอมกดเปิดรั้วให้เราเข้าไป
รั้วอัตโนมัติค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ...เหมือนดั่งเป็นการต้อนรับผมที่อยู่ในชุดเจ้าชายยุควิคตอเรียน...
แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนอีกสองคนเดินออกมาจากตัวบ้านพร้อมกับตาโตราวกับไข่ห่าน ไม่ใช่เพราะว่ามีลาภลอยมาตรงหน้า..แต่น่าจะเป็นอาการตกตะลึงในชุดผมมากกว่า..ซึ่งสองคนที่ว่าก็ไม่ใช่ใครไกล...พ่อลูกผู้มายึดบ้านผมนั่นเอง...
“มินเดอเรลล่า....”
เจ้าลูกนกที่อยู่ในชุดหรูที่โดนหม่นรัศมีไปทันทีเมื่อมาเจอชุดผมเอ่ยเรียกชื่ออันน่ารังเกียจอย่างช้าๆพร้อมกับปากที่ค่อยๆห้อยลงเรื่อยๆไปตามความยาวของชื่อที่เรียก
“พวกคุณอิจฉาล่ะซิ...แหมๆ..ชุดแบบนี้มันเชยไปแล้ว...เขาต้องชุดมีสไตล์อย่างนี้ตั้งหาก เห็นไหม? คนหล่อก็ต้องคู่กับชุดดูดีอย่างนี้”
ขณะที่ทั้งผมและครอบครัวนกกำลังอึ้งตะลึงในกันและกันก็มีคนๆหนึ่งที่ดูสติดีกว่าเพื่อน(หรือว่าแย่กว่าเพื่อนก็ไม่รู้)ก็เอ่ยขัดขึ้นมาด้วยเสียงที่มั่นใจในตัวเองสูง!
ซึ่งนั้นยิ่งทำให้เราสามคนยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่...
“ไอ้ที่นายบอกว่าดูดี..หมายถึงชุดนี้นะเหรอ?”
เจ้าแม่นกเดินมาจับชุดผมด้วยปลายเล็บอย่างขยะแขยงพร้อมกับสีหน้าที่แสดงถึงความไม่ปลื้มในชุดอย่างชัดเจน
“ใช่ซิ...อย่าจับอย่างนั้นนะ การใช้เล็บจิกเนื้อผ้าอย่างนี้จะทำให้ผ้าเสียนะ”
และแอนดี้ก็ยังไม่รู้ถึงน้ำเสียงที่ประชดประชันของแม่นกอยู่ดี แต่ดันไปสนแต่...ไอ้ผ้าบ้านั่นซะได้...เหอ..ผมละเหนื่อยใจ...
“นี่ฟอร์มทำงานใหม่ของนายเหรอ....มินเดอเรลล่า”
แล้วไอ้ลูกนกตัวกวนเมื่อได้ทีเห็นแม่นกทำก็เอาตามอย่างบ้าง....เจ้าบ้านั่นเอามือปัดๆไปบนชุดผมพร้อมกับพูดจาถากถางแบบเจ็บแสบ..
“นายไม่มีตาหรือไง...ชุดดูดีอย่างนี้ใครเขาจะเอาไปใส่เป็นเมด”
แล้วแอนดี้ก็ด่ากลับไปอย่างเจ็บแสบไม่แพ้กัน..ไม่รู้เขาโกรธแทนผม..หรือโกรธเพราะโดนดูถูกเรื่องชุดกันแน่..ผมล่ะสงสัยจริง
“อ่ะ...ไม่ใช่เหรอ...งั้นฉันยืมผ้านายไปเช็ดโต๊ะหน่อยนะ มินเดอเรลล่า”
เจ้าแม่นกก็รีบพูดต่อแทนลูกนกที่โดนตอกหน้าหงายไป พร้อมกับเอามือลากไปบนเนื้อผ้าบนตัวผมก่อนที่จะ....
“ฉึก!”
เสียงสั้นๆเสียงเดียว..ถึงกับทำเอาทั้งผมและแอนดี้ถึงกับอ้าปากข้าง
ไอ้เจ้าแม่นกบ้านั่นดึงปอยเสื้อที่ทำตกแต่งไว้อย่างสวยงามจนขาดเป็นชิ้นๆติดคามือ....และมันก็ไม่ได้หยุดแค่นั้นไอ้เจ้าลูกนกบ้าก็รีบทำตามแม่นกอีกเช่นเคย
“แขวก!”
“ผ้าเช็ดโต๊ะผืนใหม่นิสวยจังนะฮะ แม่นก”
ผมยังคงอึ้งและตะลึงงัน..เท้าสองเท้าไม่ขยับเช่นเดียวกับมือ...เหมือนกับว่ามันโดนสต๊าฟไปซะแล้ว...
“เจ้าหนูนายเป็นคนตัดชุดเหรอ...ขอบใจนะสำหรับผ้าเช็ดโต๊ะสีสวย”
แม่นกหันไปยิ้มหวานที่แสนสยองให้กับแอนดี้ที่ตอนนี้ก็กำลังค้างไม่ต่างไปจากผม...ปากที่เคยเก่งตอนนี้ก็ได้เพียงแต่อ้าทำปากพะงาบๆแบบพูดอะไรไม่ออก...
“แหม..ที่แท้นายนี่เองนะ มินเดอเรลล่าที่มาแกะจดหมายฉัน..หึ..คิดจะไปงานเต้นรำนะ..มันยังเร็วไปสำหรับแก!”
แล้วครอบครัวนกทั้งสองก็พากันเดินกลับเข้าบ้านไป..ในมือก็ถือเศษผ้าที่ฉีกได้มาจากเสื้อผมแกว่งไปมาพร้อมกับกอดคอครวญเพลงอย่างมีความสุข ทิ้งเราทั้งสองที่แข็งกลายเป็นรูปปั้นอยู่เบื้องหลัง
ความคิดเห็น