คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อยากรู้
อยากรู้-เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์
ตอบคำถามซะ ตอบให้มันเคลียร์
เรื่องราวของฉันกับคนนั้นอยากจะรู้คิดอย่างไร
ตอบคำถามฉัน ตอบให้ฉันนั้นเข้าใจ
แค่อยากจะรู้สิ่งเหล่านั้น มันยังคาในหัวใจ
* เคยรักกันมา เคยคบกันมา
มีสัญญาใจตั้งมากมายที่เธอเคยให้กับฉัน
**จับมือซ้ายฉันไว้ มือขวาฉันไว้
และมัดไว้ด้วยใจของเธอ
ไม่ให้ฉันหนีไปไหน
เธอขังฉันไว้ ด้วยคำว่ารักๆฉันคนเดียว
จับความรักฉันไว้ เธอยื้อฉันไว้
และเธอก็มีอีกคนเข้ามา
เธอกลับหันหลังช้าๆ ไม่มีคำลา
เธอทำกับฉันอย่างนั้นทำไม
ตอบคำถามซะ จบเรื่องกันไป จะได้คลี่คลายหมดสงสัย
และเลิกแล้วกันด้วยดี
ตอบกันตาม และพูดจากันดีดี
อย่าทำเป็นหนีบอกกับฉัน
ให้กระจ่างให้เข้าใจ (ซ้ำ*/**)
ฉันเพิ่งรู้ว่า คนบางคนก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไม่จริงใจ
ฉันเพิ่งรู้คนที่มัวจริงใจไม่ระแวงก็อาจถูกทำร้าย
จับความรักฉันไว้..ไม่ให้ฉันหนีไปไหน (ซ้ำ**/**)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“เย็นนี้ผมจะไปรับคุณที่ทำงานนะที่รัก ผมเอง...ตฤน”
ชายหนุ่มรูปหล่อในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกำลังใจจดใจจ่อกดข้อความตรงหน้าอย่างตั้งใจพร้อมทั้งโปรยยิ้มหวานให้กับมือถือ หารู้เลยว่ารอยยิ้มนั่นกำลังทำให้สาวๆในแผนกถึงกับใจละลาย ก็นะ...คนกำลังมีความสุข สุขแบบที่ไม่เคยสุขมากเท่านี้มาก่อน
วันนี้สำหรับคนอื่นๆมันก็คงเป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่ง แต่สำหรับเขาและเธอ วันนี้คือวันที่สำคัญที่สุด สำคัญยิ่งกว่าวันเกิด หรือวันหยุดไหนๆ เพราะมันก็คือวันที่เราได้พบกัน... วันที่ทำให้เราสองคนได้รักกันเช่นวันนี้ และมันกำลังจะเป็นวันที่เขาจะขอเธอแต่งงาน
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เวลาแห่งการเลิกงาน ทันทีที่นาฬิกาบอกเวลาห้าโมงเย็น ชายหนุ่มก็ลุกออกจากโต๊ะประจำตำแหน่งทันที ปล่อยให้บรรดาสาวๆในแผนกที่หวังจะชวนไปกินข้าวด้วยถึงกับจ๋อยกันไปตามระเบียบได้แต่อ้าปากค้างมองตามตาละห้อย
++++++
จากนาทีกลายเป็นชั่วโมง ตอนนี้มันก็เลยเวลาเลิกงานของเธอตั้งนานทำไมเธอถึงยังไม่ออกมากัน หรือว่าวันนี้จะมีทำโอที เออ...หรือเธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า เวลาที่ผ่านไปแต่ละนาทีเริ่มทำให้ชายหนุ่มในรถกระป๋องที่แสนจะเล็กและเก่าที่จอดอยู่ข้างตึกที่ทำงานของสาวเจ้าที่กำลังเฝ้ารอเธออยู่เริ่มคิดไปต่างๆนานา จนเจ้าตัวเริ่มทนไม่ไหวหยิบมือถือหมุนเบอร์ที่คุ้นเคย แต่ก็กลับไม่มีใครรับสาย...มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่
สถานการณ์ตรงหน้ายิ่งทำให้คนๆนี้ใจไม่ดี จิตใจที่เบิกบานตอนแรกเริ่มหม่นหมอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นตึงเครียดอย่างชัดเจน สมองอันชาญฉลาดของเขาเริ่มประมวลผลหาคำตอบ ซึ่งก็มีอยู่เพียงหนทางเดียวที่คิดออกในเวลานี้ ‘ ไปหาเธอที่ออฟฟิศ’
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ชายหนุ่มก็ไม่รีรออะไรรีบตรงเดินตรงดิ่งเข้าไปในตัวตึก มุ่งตรงไปยังประชาสัมพันธ์สาวสวยที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขะมักขะเม้น
“ขอโทษนะครับ คือ...รบกวนช่วยโทรไปที่แผนกการตลาด ถามหาผู้หญิงที่ชื่อ หนึ่งฤทัย ให้หน่อยได้ไหมครับ คือผมมีธุระสำคัญมากกับเธอ แล้วคือ...ผมไม่รู้จะติดต่อยังไงนะครับ เออ...คือ ”
ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก พยายามจะอธิบายถึงความจำเป็นของเขา ซึ่งประชาสัมพันธ์สาวสวยหาได้สนใจไม่ เธอเอ่ยรับคำอย่างสุภาพและติดต่อไปยังแผนกการตลาดตามที่ชายหนุ่มต้องการ
“ขอโทษนะ คนที่คุณต้องการติดต่อ ตอนนี้เธอกลับบ้านไปแล้วนะคะ ไม่ทราบว่าคุณจะฝากข้อความไว้หรือจะคุยกับคนอื่นแทนไหมคะ”
หญิงสาวเอ่ยบอกอย่างสุภาพ แต่ดูเหมือนชายหนุ่มตรงหน้าจะน๊อตหลุดไปซะแล้ว เขาเอาแต่แน่นิ่งไม่พูดจาจนหญิงสาวต้องพยายามเอ่ยเรียกซ้ำอีกครั้ง
“เออ...คุณค่ะ คุณค่ะ ได้ยินที่ฉันพูดไหม”
“ครับ... ขอบคุณมากครับ เออ...ผมไม่รบกวนแล้ว...”’
ชายหนุ่มที่สะดุ้งไปกับคำเรียกของประชาสัมพันธ์สาวได้แต่ยิ้มน้อยๆพร้อมกับกล่าวขอบคุณและบอกลาเสียงอ่อย ก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ประชาสัมพันธ์สาวได้แต่งงงัน
++++++
เมื่อเป้าหมายที่เขาจะมารับไม่อยู่ ทุกอย่างที่ตั้งใจไว้ดูมืดมนไปซะทุกอย่าง เขาได้แต่ขับรถไปอย่างไร้จุดหมาย ในใจก็นึกเสียดายโอกาสดีๆที่จะขอเธอแต่งงาน แต่ในใจลึกๆก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอคงจะไม่ได้รับข้อความของเขา ไม่ก็มีธุระสำคัญมากสักอย่าง แต่ทำไมเธอลืมวันนี้ของเราแล้วอย่างนั้นหรือ...
ความคิดต่างๆค่อยๆแล่นผ่านสมองไป ภาพมากมายเริ่มวนเวียนมาให้เธอคิดถึง คำพูดนั้น...คำรักที่เธอบอกเขา มันสะท้อนก้องในใจ
‘ฉันรักนาย รักนายคนเดียวเท่านั้น ตฤน’
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาถูกพันธนาการไปด้วยคำรักที่เธอเฝ้าบอกเขา ทุกครั้งที่เธอบอกรักเขา...ร่างทั้งร่างก็ยิ่งโดนพันธนาการ เธอขังเขาไว้ด้วยความรักที่เธอมอบให้ และแน่นอนเขาเองก็ยินยอมรับมัน เพราะตอนนี้ทั้งร่างกายและจิตใจของเขามันเป็นของเธอคนเดียว
แม้ตอนนี้ชายหนุ่มจะถอดใจจากการขอแต่งงาน แต่เขาก็ยังอดห่วงเธอไม่ได้ เขาลองโทรไปที่บ้าน เขาก็บอกว่าเธอยังไม่กลับ โทรถามบรรดาเพื่อนสนิทของเธอก็ไม่มีใครรู้ แล้วนี่เธอไปไหนกันนะ... เธอไปไหนกัน
แล้วภาพๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัวสมองของเขา ใช่แล้ว...บางทีเธออาจกำลังรอเขาอยู่ที่นั่น ที่ที่เราเจอกันครั้งแรก เมื่อคิดได้เช่นนั้นชายหนุ่มที่หน้าตาซังกะตายก็เริ่มมีชีวิตชีวา แต่ว่า...
ไม่มีแล้ว ร้านนั้นที่เราเคยมานั่งกินกันทุกวันนี้ของทุกปี มันกลับกลายเป็นโรงเรียนกวดวิชาชื่อแปลกๆไปซะแล้ว ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจเบาๆ แล้วเดินทอดน่องไปยังถนนสายที่คุ้นเคยแต่ทุกอย่างรอบด้านกลับเปลี่ยนไปทั้งตึกแถวเก่าๆก็กลับกลายเป็นร้านค้าสุดหรู สวนสาธารณะที่พวกเขาเคยมาชอบนั่งก็กลายเป็นคอนโอมิเนียมราคาแพง ไม่มีอะไรเหลือเค้าเดิม มีเพียงแค่เขาและเธอเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยน แต่มันจริงหรือ...
ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกว่าพักหลังมานี้ เธอดูแปลกไป เวลาโทรหาก็ไม่รับสาย พอจะไปหาที่บ้านก็บอกว่าวันนี้ไม่สะดวก แต่เขาก็ไม่เคยคิดระแวงเธอ เพราะเขาเชื่อมั่นในความจำเป็นที่เธอมี เหมือนที่เธอเชื่อมั่นในตัวเขา
ชายหนุ่มก้าวเดินไปอย่างสบายอารมณ์ แม้วันนี้อะไรก็ดูไม่สมบูรณ์แบบดังใจสักอย่าง แต่การได้มาคิดถึงเรื่องเก่าๆมันก็ทำให้เขามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ทุกย่างก้าวที่นี่ ล้วนแต่มีความทรงจำที่มีความหมาย สัญญามากมายที่เขาและเธอมอบให้แก่กันก็เริ่มที่นี่ และความรักของเราเองก็เช่นกัน
“พี่เรียว ชิ้นนี้สวยจังเลยคะ”
หญิงสาวในชุดสีชมพูสวยกล่าวกระซิบกับแฟนหนุ่มที่เธอกำลังเกาะแขนอยู่พลางชี้ไปยังแหวนวงสวยในตู้กระจก ภาพนี้หวนให้คิดถึงสมัยที่สาวเจ้าเคยออดอ้อนให้เขาซื้อแหวนให้ ยิ่งเขามองคนทั้งคู่ก็ยิ่งเห็นภาพของตัวเองกับแฟนสาวซ้อนลงไป ทำเอาเขาอดยิ้มกับความทรงจำเหล่านั้นไม่ได้ถ้าเพียงแต่ไม่ได้ยินเสียงหนึ่งเข้า...
“อ่ะ อ้าปากกว้างๆซิ เดี๋ยวฉันจะป้อนให้พี่ไง อ้าปากซิ อ้า...”
เสียงหวานคุ้นหูที่แม้ไม่หันไปมองก็รู้ว่าคือเสียง...เธอ แต่คนที่เธอเรียกพี่ล่ะคือใคร ชายหนุ่มรีบกวาดสายตามองรอบๆหาต้นตอของเสียง ก่อนจะไปเจอภาพที่บาดใจ
เธอกับผู้ชายที่เธอเรียกว่าพี่กำลังผลัดกันป้อนไอติมเข้าปากให้แก่กันอย่างหวานซึ้ง แววตาที่เธอมองชายคนนั้น มันเหมือนกับที่เธอมองให้เขา รอยยิ้มนั่นก็เหมือนรอยยิ้มที่เธอชอบใช้อ้อนเขา แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นของชายตรงหน้าที่เขาไม่รู้จัก มันช่าง...เจ็บปวดใจเหลือเกิน
ชายหนุ่มได้แต่จับจ้องภาพตรงนั้นอย่างเลือนลอย เขาพยายามสรรหาคำแก้ตัวดีๆมอบให้แก่ตัวเอง แต่มันดูจะไม่มีเหลือให้เขาเลย ไม่มีสักคำตอบเดียวที่บอกว่าภาพตรงหน้ามันไม่จริง...ไม่มีเลย
และดูเหมือนหญิงสาวผู้ถูกจับจ้องจะรู้สึกตัว เธอหันออกมองมานอกร้าน สบตากับเขาที่เธอเคยรัก แต่ก็ได้แต่เบือนตาหนี เหมือนกับเขาคนนั้นไม่เคยอยู่ในสายตา
จากแววตาที่เคยมองเขาอย่างอ่อนโยนกลับกลายเป็นทิ่มแทงไปถึงหัวใจ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทุกสิ่งที่เขาคิดมันเป็นจริง ภาพตรงหน้านั้นก็เป็นของจริง แต่แล้วเหมือนอะไรสักอย่างผลักดันให้ขาของเขาย่างก้าวไปหาเธอและเขาคนนั้น เผชิญหน้ากับภาพบาดใจตรงหน้า ซึ่งดูจะเหนือความคาดคิดของหญิงสาวเช่นกัน
“หนึ่ง...คุณ”
เพียงแค่สองคำที่หลุดจากปากตฤน หญิงสาวก็รีบดึงมือชายอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามให้ลุกจากโต๊ะออกไปด้วยกัน
“คุณต้องตอบคำถามผมก่อน หนึ่ง ตอบให้ผมเข้าใจ...เรื่องราวของผม...กับเขาคนนั้น”
ชายหนุ่มสั่งหญิงสาวด้วยท่าทีจริงจังแต่ก็ยังคงความอ่อนโยนไว้เช่นเดิม แต่เธอก็ยังคงหลบตาเขาและพยายามเดินเบี่ยงตัวหลบไป แต่ไหนเลยเขาจะยอมให้เธอหนีไป
“หนึ่ง คุณตอบผมซิ ตอบผมคุณคิดยังไงกับผม แล้วก็เขาคนนั้น บอกซิสัญญาใจของเราสองคนที่ผ่านมามันไม่เคยมีความหมายกับคุณเลยใช่ไหม...บอกผม อย่าทำ...อย่าทำให้มันคาใจผมอีก...ตอบผมที บอกซิว่าทุกอย่างระหว่างเรามันจบแล้ว”
ชายหนุ่มเอ่ยสั่งด้วยเสียงสั่นเทา น้ำตาลูกผู้ชายที่ว่ายากจะรินไหลค่อยๆคลอที่อยู่ที่ตาทั้งสองข้าง ขาที่เคยรับน้ำหนักตัวเริ่มไร้เรียวแรง พาให้ร่างๆทั้งร่างทรุดลงกองกับพื้น มือทั้งสองพยายามรั้งเธอตรงหน้าไว้ไม่ให้จากกไป แต่แล้ว...แทนคำตอบของทุกอย่าง เธอแกะมือชายหนุ่มออกและจูงมือเขาอีกคนของเธอไป เหลือเพียงภาพแผ่นหลังของคนสองคน คนหนึ่งที่เขารักกับอีกคนที่ก้าวเข้ามาแทนที่ สะท้อนเข้านัยน์ตาคลอหยดน้ำใสของชายยหนุ่มที่ได้แต่เพียงจ้องมองและรำพึงตามหลังคนทั้งคู่
“เมื่อไม่รักกัน ทำไม...เธอถึงทำอย่างนี้ ทำไมต้องพันธนาการฉันด้วยความรักของเธอ ทำไมกัน...ทำไม”
เขาที่เธอรัก ความรักที่เคยมีให้กันนับจากวันนี้มันก็เหลือเพียง...ความทรงจำที่ข่มขื่นที่ตฤนไม่มีวันลืม
ความคิดเห็น