{Ricdy one-shot} Happy Valentine - {Ricdy one-shot} Happy Valentine นิยาย {Ricdy one-shot} Happy Valentine : Dek-D.com - Writer

    {Ricdy one-shot} Happy Valentine

    Ricdy

    ผู้เข้าชมรวม

    1,185

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    1.18K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 ก.พ. 51 / 07:38 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    Happy
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ยะฮู้! อันยอง เมืองจีน

       

                      ผมตะโกนร้องเสียงดังพร้อมกับชูมือทั้งสองขึ้นเหนือหัวด้วยความดีใจทันทีที่เท้าทั้งสองข้างแตะลงบนพื้นสนามบิน

       

                      นายคิดว่าลำพังแค่หน้าตานาย มันยังเดนไม่พอหรือไง

       

                      ชายอีกคนที่เดินอยู่ข้างๆถัดจากผมบ่นอุบอิบด้วยเสียงเหมือนกับโมโห  แต่จริงๆเขาไม่ได้โมโหหรอกครับ..เขาก็แค่พยายามกลบเกลื่อนอาการเมาเครื่องบินค้างก็แค่นั้น... ผมก็เลยได้แต่ส่งยิ้มหวานๆแทนคำตอบให้ซะเลย ซึ่งนั้นก็ทำให้ผู้จัดการสุดเฮี้ยบของผมคนนี้ได้แต่ถอนหายใจแบบหน่ายๆ

       

                      ผมชอบครับ...เวลาที่ผู้จัดการผมทำหน้าแบบนี้   แอบสะใจ!

       

                      แต่อย่าพึ่งไปสนใจเขาเลยครับ..นี่ๆ พวกคุณรู้ไหมวันนี้วันอะไร? ...วันนี้วันที่ 13 กุมภาพันธ์ครับ..หนึ่งวันก่อนวันวาเลนไทน์ และตอนนี้ผมก็อยู่ที่เมืองจีนซะด้วย...  

       

                      อา...ปีนี้ผมจะได้ฉลองวันวาเลนไทน์กับแฟนๆชาวจีนซะด้วย น่าตื่นเต้นจังครับ  ไม่รู้นอกจากดอกไม้ ช็อกโกแลต แล้วก็ของขวัญ พวกเขาจะมีแต๊ะเอียให้ผมบ้างไหมนะ ?  ชักอยากรู้แล้วซิ..

       

                      ล้อเล่นครับ..ผมล้อเล่น...ก็แหม..พึ่งเลยตรุษจีนไปหน่อยเดียวเอง..ก็เลยลองเล่นมุขนี้ดู   อ่ะ...อะไรนะครับ ไม่ขำเหรอ  ว้า...แอนดี้ถึงกับเซ็ง

       

                      แต่ไม่เป็นไรครับ..เดี๋ยวผมจะแอบไปคิดมุขมาใหม่

       

                      อืม...พรุ่งนี้วาเลนไทน์แล้ว...ไม่รู้ชาวจีนเขาฉลองวาเลนไทน์แบบที่เกาหลีหรือเปล่านา.... แต่คงเหมือนละมั้ง ให้ดอกไม้ ให้ของขวัญ และก็กินดินเนอร์ แล้วก็อาน่ะ...ที่เหลือก็รู้ๆกัน แต่จะว่าไป...เหมือนผมจะลืมอะไรบางอย่างหรือเปล่านะ...เหมือนจะ...

       

                      แอนดี้...โทรศัพท์นาย

       

                      แล้วอยู่ๆผู้จัดการสุดที่รักก็ยื่นโทรศัพท์มือถือรุ่นบางเฉียบของเขามาให้ผมด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายอีกเช่นเคย...พี่ๆเปลี่ยนสีหน้าบ้างก็ได้  ทำหน้าแบบนี้เดี๋ยวต.ม.ไม่ให้ผ่านนะพี่ 

       

                      เออ...แล้วใครกันนะ โทรมาตั้งแต่ผมพึ่งแตะสนามบินยังไม่ทันจะได้เดินออกไปข้างนอกเลยเนี่ย ใครกันนะ....

       

                      ผมรับโทรศัพท์ในมือพี่เขามา..พลางดูชื่อที่แสดงบนหน้าจอ  เอ่อ..คือว่า..ผมไม่รับได้ไหมเนี่ย

       

                      ทันทีที่ผมเห็นชื่อก็ได้แต่ทำหน้าเบะแบบคนรู้ชาตะกรรม พลางส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังผู้จัดการที่รัก..แต่พี่เขาก็เอาแต่โบกมือเป็นเชิงให้รับๆไปเถอะลูกเดียว

       

                      เอาเถอะครับ...ไม่รับตอนนี้...มีหวังโทรศัพท์ได้ดังทั้งวันแน่เลย

       

                      ฮัลโหล...

       

                      แอนดี้! ทำไมนายไม่บอกฉันว่านายไปเมืองจีน...แล้วแถมนายไม่บอกฉันอีกตั้งหากว่านายไปตอนวันวาเลนไทน์  แล้วนี่ฉันจะไปกินกับใครล่ะ แอนดี้ยา..นี่นายทิ้งฉันอย่างนี้ได้ยังไงอ่ะ... ทั้งที่สัญญากันไว้แล้วนะ  นายนิสัยไม่ดีเลย ผิดสัญญากับเอริคโอปาคนนี้ได้ไง?..

       

                  แล้วทันทีที่ปลายเสียงได้ยินเสียงผมก็ตั้งต้นบ่นเป็นชุดทันที จนผมได้แต่เอามือถือออกห่างหูและทำท่าเหนื่อยหน่ายครับ... นี่ละครับ..สิ่งที่ผมกำลังคิดว่าลืม.. ผมลืมบอกพี่เอริคเรื่องที่ผมจะมาเมืองจีนช่วงวันวาเลนไทน์อ่ะดิ!

       

                  งานนี้ผมต้องหูชาแน่ๆกว่าพี่เอริคจะบ่นเสร็จ...แต่เดี๋ยวนะเมื่อกี้เหมือนจะได้ยินเขาเรียกตัวเองว่า เอริคโอปา งั้นเหรอ?

       

                  ทำไมเมื่อกี้พี่เรียกตัวว่าเอริคโอปาล่ะ?

       

                      ผมเอ่ยขัดการบ่นที่ดูไม่มีที่สิ้นสุดเขาขึ้นมาด้วยความสงสัย..ก็โอปา..มันใช้สำหรับน้องสาวเรียกน้องชายนี่นา..ไม่งั้นก็ต้องแฟนสาวใช้เรียกแฟนดิ

       

                      ว้าว..นี่แปลว่านายตั้งใจฟังฉันนะเนี่ย

       

                      ใช่ซะที่ไหน..ก็ไอ้คำนี้มันมาสะดุดหูผมพอดีตั้งหากเล่า!

       

                      ก็ตอนนี้ฉันยังไม่มีใครสักคนมาเรียกเอริคโอปา...ดังนั้นนายก็เรียกฉันว่าโอปาแล้วกันนะ แอนดี้ยา

       

                      ไม่ใช่แล้วละพี่เอริค...นี่พี่เห็นผมเป็นตัวสำรองขนาดนั้นเชียว

       

                      งั้นก็แค่นี้ล่ะกันนะ..เอริคโอปา

       

                      ผมพูดอย่างหมดอารมณ์คุยโดยแกล้งเน้นเสียงเรียกชื่อเขาให้มันชัดๆ อยากฟังนักก็ฟังไปเลยล่ะกัน...

       

                      อ๊า...อย่านะแอนดี้ยา...

       

                      พี่มีสิทธิ์ห้ามผมด้วยเหรอ....ได้ข่าวว่าค่าโทรคราวนี้ ปลายสายอย่างผมจ่ายนิ...

       

                      แอนดี้ยา..นายทิ้งฉันวันวาเลนไทน์แล้วฉันจะไปกินกับใคร????

       

                  เริ่มอีกแล้วการบ่นงองแงงแบบเด็กๆของพี่เอริคที่ดูไม่สมกับหน้าตาและอายุ

       

                      พี่ก็ไปกินกับพี่ซอง ไม่ก็พี่ดงวานซิ  ไม่งั้นก็ไอ้จอนจิน

       

                      ผมพยายามเสนอคนที่พอจะเป็นตัวเลือกให้พี่เอริคได้..แต่..พี่เขาไม่เคยจะคิดล่ะว่ามันดี

       

                      ไอ้ดงวานมันไม่โผล่หัวมาเจอฉันหรอกน่า...มันกำลังง่วนกับการอัดอัลบั้มใหม่มัน  ส่วนไอ้จอนจิน...นายคิดจะให้ฉันไปเป็นก้างขวางคอมันหรือไง?  ป่านนี้มันโทรนัดสาวๆเรียบร้อยแล้วแหง ส่วนเฮซอง...

       

                      ไม่ต้องต่อแหละ...ผมรู้..ถ้าพี่ไปด้วยกัน...ผมว่า...ไม่ไปชวนกันทะเลาะก็คงเมากันหัวราน้ำแหง

       

                      แอนดี้ยา..นายไม่ควรทิ้งฉันแบบนี้นะ..นายสัญญากับฉันแล้วนิ

       

                      และเขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องมาอ้อนผมทันที  เอาซิครับ..อ้อนได้อ้อนไป..ถ้าอยู่ต่อหน้าผมคงหวั่นสายตาที่เขามองผมแน่..แต่อันนี้แค่เสียง...ไม่ได้ผลหรอกครับ

       

                      แล้วพี่จะให้ผมทำไงล่ะ?..ก็ผมติดงานนิฮะ?...ไว้เดี๋ยวกลับไปผมไปเลี้ยงพี่ก็ได้

       

                      ผมพยายามเอ่ยอย่างประนีประนอมที่สุด...เออ..ถ้าจะให้พูดที่พี่เอริคพูดมันก็ถูก...คือผมไปสัญญากับเขาว่าจะไปเป็นเพื่อนกินดินเนอร์กับเขาทุกวาเลนไทน์ที่เขาไม่มีใคร.. สัญญาออกไปเพียงเพราะ...เห็นเขาเหงาเมื่อไม่มีใคร..ใครจะไปคิดล่ะ ผ่านไปหลายปีเอริค มุนคนนี้ก็ยังคงหาคนไปกินไม่ได้...ผมล่ะชักสงสัย...เขาหาไม่ได้หรือไม่ได้หากันแน่นะ!

       

                  ไม่เอาอ่ะ....เลยวันวาเลนไทน์ไป มันก็หมดความหมายซิ

       

                      เขายังคงไม่เลิกทำเสียงน่ารักต่อไป...

       

                      งั้นพี่ก็มาที่เมืองจีนดิ

       

                      ผมแกล้งบอกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นที่แฝงไปด้วยการประชดประชันเล็กๆ

       

                      ไม่มีตังค์

       

                      เอ่อ..โทษนะครับพี่เอริค  ถ้าพี่ไม่มีตังค์  งั้นผมคงหมดตัวเลยล่ะพี่...

       

                      ผมคุยกับเขาไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาต่อคิวตรงด่านตรวจคนเข้าเมือง...อีกไม่กี่คนก็จะถึงคิวผมแล้ว...ผมควรจะวางสายซักที

       

                      พี่ฮะ..ผมต้องวางสายแล้ว..กำลังจะผ่านด่านตรวจ  ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะ  แล้วผมจะซื้อของไปฝาก

       

                      ซึ่งพี่เขาก็ยอมวางสายไปอย่างโดยดี แม้จะมีเสียงบ่นนิดๆหน่อยๆ...เหอ...เมื่อไหร่เขาจะรู้ตัวซะทีนะว่านั้นมันไม่ใช่เสียงที่คนวัยสามสิบเขาทำกัน

       

                  หลังจากที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย เดินฝ่าแฟนๆที่มารอรับอย่างแน่นขนัด..ผมและทีมงานก็ตรงดิ่งไปยังโรงแรมอันเป็นที่พัก

       

                      ทันทีที่ถึงยังห้องพัก...ผมก็รีบทิ้งตัวลงนอนไปบนเตียงใหญ่นุ่ม    

       

      เหนื่อย..เหนื่อยเหลือเกิน ตอนนี้อยากจะนอน..นอน..แล้วก็นอนจริงๆเลย  แต่พอผมหลับตาลงก็กลับเห็นแต่ภาพของคนที่โทรมาคุยกับผมเมื่อชั่วโมงก่อน... ป่านนี้ไม่รู้งอนผมไปหรือยัง  แล้วไอ้หน้าหล่อนั่นของเขาจะกำลังทำหน้ายังไง? ยิ่งคิดก็ภาพของเขาก็ยิ่งชัดขึ้น...

       

      ทำไมกันนะ..เขาก็แค่พี่ชาย..ทำไมเราถึงต้องคิดถึงเรื่องของเขาด้วย? ทำไมต้องแคร์ขนาดนี้...

       

      และแล้วผมก็เผลอเข้าห้วงนิทราไปทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ พร้อมกับภาพของพี่เอริคที่ผมกำลัง จินตนาการอยู่

       

                      แล้วเช้าวันใหม่อันสดใสของวันวาเลนไทน์ก็มาถึง...นี่ผมเผลอหลับไปทั้งอย่างนี้เลยเหรอเนี่ยเมื่อคืน...เฮ้อ..พอมาคนเดียวแบบไม่มีพวกชินฮวาแล้ว...มันก็เงียบเกินไปแบบนี้ซินะ...เหอ...

       

                      ขณะที่ผมกำลังลุกขึ้นมาส่องกระจกพลางจับลูบหัวตัวเองที่ชี้โด่...ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น

       

                      นายตื่นหรือยังแอนดี้?

       

                      คิดว่าตื่นแล้ว

       

                      ผมตอบแบบกวนกลับไปยังปลายสายซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล..ผู้จัดการส่วนตัวของผมนั้นเอง..

       

                      งั้นก็รีบลงมากินได้แล้ว...อ๋อ..มีคนฝากของไว้ให้นายที่ฟร้อนท์ด้วย อย่าลืมและไปเอา

       

                      พอพูดจบเขาก็วางสายในทันที ไม่คิดที่จะเปิดโอกาสให้ผมถามต่อเลยใช่ไหมเนี่ย? เอาเถอะ..ลงไปดูเองก็ได้..ชิ 

       

                      พอคิดได้เช่นนั้น ผมก็รีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าจนเรียบร้อย แล้วลงไปยังชั้นแรกมุ่งตรงไปยังฟร้อนท์อันเป็นเป้าหมาย...

       

                      Sorry, someone tell me that...

       

                      ยังไม่ทันทีผมจะเอ่ยถามจบ..พนักงานต้อนรับตรงหน้าฟร้อนท์ก็รีบพงกหัวแล้วเดินไปเอาบางสิ่งบางอย่างนั้นให้ผมทันที

       

                      ทันทีที่ได้เห็นเจ้าของที่ว่า ผมก็ถึงกับอ้าปากค้าง...คือแบบว่ามันคือ.....

       

                      ...ช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่มากพร้อมกับมีการ์ดวาเลนไทนติดมาด้วย แล้วยังมีโน้ตเล็กๆอีกหนึ่งแผ่น  ถ้าผู้จัดการผมเรียกมาให้รับเองอย่างนี้ แสดงว่าคงม่ใช่ของแฟนคลับ..ถ้าอย่างนั้นมันก็ต้องของเขาคนนั้นแน่

       

      ...พี่เอริค...

       

      ผมรับมันมาไว้ในอ้อมกอด พลางเปิดอ่านการ์ดที่แนบมา...การ์ดสีสวยเป็นรูปหมีถือรูปหัวใจหวานแหวว ข้างในเขียนเพียงประโยคสั้นๆแค่ว่า

       

      ซารางเฮ แอนดี้ยา!

       

      ผมอ่านข้อความเดิมๆที่ถูกเขียนลงการ์ดวาเลนไทน์ทุกปี ไม่เคยเปลี่ยน ไม่เคยมีเพิ่ม...และไม่เคยสั้นลงอย่างยิ้มๆ แม้มันจะเป็นข้อความเดิมทุกปี แต่มันก็ยังคงเรียกรอยยิ้มจากผมได้เสมอ...ถึงแม้มันจะเป็นคำที่เขาชอบพูดจนชินปากก็เถอะ...

       

      เมื่ออ่านการ์ดจบ ผมก็จัดการเก็บมันลงในซองตามเดิม ก่อนที่จะเปลี่ยนไปสนใจกับโน้ตสั้นๆอีกอันที่ติดมากับช่อดอกไม้

       

      ถึง แอนดี้ยา...

       

      Happy Valentine’s day ! การที่นายไม่อยู่เกาหลีมันช่างสร้างความลำบากในการส่งดอกไม้ให้ของเอริคปาคนนี้ซะจริง...แต่เอาเถอะ..ให้อภัย..เห็นแก่ว่าช่วงนี้ทำงานหนักหรอกนะ..ขอบอก..ขอบอก

       

      ดอกไม้ช่อนี้ฉันอุตส่าห์สั่งแบบไม่มีวันตายให้  นายต้องถือกลับมาด้วยนะแอนดี้ยา...  หานายไม่ถือกลับมา...นายตายแน่! 

       

      แล้วกลับมานายสัญญาจะเลี้ยงข้าวฉันแล้วนะ...ห้ามเบี้ยวล่ะ

       

      ไว้เจอกันวันพรุ่งนี้นะ...ซารางเฮ แอนดี้ยา...!

       

      จาก

       

      เอริคโอปาสุดหล่อ

       

       

      โน้ตนี่มันช่างทำลายความรู้สึกดีๆเมื่อครู่ได้อย่างรวดเร็วจริง...เหอ...

       

      ผมได้แต่ถอนหายใจกับโน้ตในมือพลางมองไปที่ช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ในอ้อมแขนผม...ผมได้รับแบบนี้ทุกปีแหละครับ...แล้วความรู้สึกตอนที่รับก็เหมือนกันทุกปี....ทั้งรู้สึกดีใจแล้วก็เสียใจในเวลาเดียวกัน...ก็ปกติเขาซื้อดอกไม้ให้ผู้หญิงกันไม่ใช่เหรอเนี่ย...ผมล่ะสงสัยจริงๆพี่เขาคิดอะไรของเขากันแน่..คิดอย่างนั้น..หรือเปล่า?

       

      แอนดี้..ลงมาแล้วก็ไปกินข้าวสักทีซิ

       

      ไม่ทันที่ผมจะได้คิดไปไกลกว่านั้น ผู้จัดการส่วนของผมก็เดินมาเรียกซะก่อน  ใช่แล้ว...เวลานี้ไม่ควรมาคิดฟุ้งซ่านแบบนี้ ผมต้องรีบไปกิน..วันนี้มีคิวงานยาวเหยียดเลยด้วย ถ้าไม่ได้กินตอนนี้มีหวังน็อคไปก่อนแน่...

       

      หลังจากตอนนั้น วันนั้นทั้งวันก็ไม่มีช่วงเวลาใดหลงเหลือให้ผมฟุ้งซ่านอีกเลย...ด้วยตารางที่แน่นขนัดเพราะเวลาอันจำกัดที่ผมจะอยู่ในจีน...จึงมีงานมากมายให้ผมทำ...ทั้งแจกลายเซนต์  ออกรายการ ถ่ายปกนิตยสาร สัมภาษณ์ และยังอื่นๆอีกมากมาย  ถึงแม้จะเหนื่อยแต่ก็สนุกที่ได้ทำ

       

      จนในที่สุดตารางงานสัมภาษณ์ชิ้นสุดท้ายก็จบลง ไม่อยากจะเชื่อว่าวันหนึ่งคนเราจะทำงานได้เยอะขนาดนี้...เหอ..เหนื่อยจริงๆเลย

       

      โอเค..ตารางงานของวันนี้หมดแล้ว...พรุ่งนี้มีสัมภาษณ์กับนิตยสารอีกนิดหน่อย...แล้วก็บินกลับตอนเย็นนะแอนดี้

       

                      ไม่ต้องห่วงฮะพี่...ผมจำตารางงานได้หมดแล้ว...แต่ตอนนี้ผมหิวจังเลย...

       

                      ...หิวจัง..

       

                      ผมแกล้งส่งเสียงบ่นโอดครวญออกมาดังๆหมายจะให้อีกคนได้ยิน ซึ่งก็ไม่ได้พลาดไปจากความคาดหมาย

       

                      เดี๋ยวไปกินที่โรงแรมแล้วกัน...ฉันจองโต๊ะไว้ให้นายแล้ว

       

                      ว้าว...สมแล้วที่เป็นผู้จัดการสุดที่รักของผม....รู้ใจผมจริงๆ

       

                      และทันทีที่ถึงโรงแรม ผมก็รีบตรงแน่วไปยังห้องอาหารของโรงแรมทันที อ๋อ..แต่แน่นอนผมเป็นนักร้องที่ดีครับ ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มและเอ่ยทักทายเหล่าแฟนๆที่มายืนรอเจอผม

       

                      อาหาร..อาหาร..พระเจ้าหิวมากๆเลย  เมื่อเที่ยงผมก็ไม่ได้กินอะไรเพราะตารางงานมันต่อกันยาวเลย...แบบว่าตอนนี้กินหมีทั้งตัวเป็นอาหารก็ยังไว้

       

                      คุณแอนดี้เชิญทางนี้ครับ

       

                      ทันทีที่ผมไปถึงด้านหน้าห้องอาหาร พนักงานเสริฟ์หนุ่มคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาเชิญผมในทันทีอย่างรู้งาน...และแน่นอนไม่จำเป็นต้องถามเลยด้วยซ้ำว่าใช่ผมไหม..ก็คนหน้าตาดีแบบผมคงมีไม่เยอะ..ถ้าไม่นับสมาชิกคนอื่นในชินฮวานะ

       

                      เขาเดินนำผมไปยังโต๊ะให้เตรียมไว้... โต๊ะตัวนี้มันแอบซ่อนอยู่ในมุมในสุดของห้องอาหาร แทบจะเรียกว่าปลีกวิเวกได้ดีทีเดียว ซึ่งก็นับว่าดี  เพราะผมก็ไม่อยากกินไปมีคนจ้องไปเท่าไหร่นักหรอก...แต่เอ๊ะ! ไอ้ดำๆบนโต๊ะนั่นมันอะไร..หน้าตาคล้ายๆกับ...

       

                      ..โน้ตบุ๊คผมเลยอ่ะ...

       

                      ไม่ใช่เหมือนแหละ...มันใช่เลยนิหว่า..ไหงมันมาอยู่ตรงนี้ล่ะเนี่ย

       

                      เออ..ทำไมโน้ตบุ๊คผมมาอยู่ตรงนี้ละครับ...

       

                      ผมเอ่ยถามอย่างสงสัยแต่เขาก็หาได้ตอบผมไม่ ยังคงปล่อยให้ผมทำหน้างงต่อไป บนหัวก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

       

                      ...นี่มันอะไรกันเนี่ย...

       

                      ผมนั่งลงพลางกวาดสายตาไปบนโต๊ะจนทั่ว....อ่ะ...มีโน้ตอีกแล้ว

       

                      เปิดคอม แล้วเล่นเอ็มคุยกับฉันนะ แอนดี้ยา

       

       

                      ...เอริคโอปา..

       

                      พี่เอริคงั้นเหรอ....นี่เขาเล่นอะไรของเขาเนี่ย

       

                      และความสงสัยก็ชักนำให้ผมรีบกดเปิดเครื่องและเปิดเอ็มเอสเอ็มขึ้นมาทันที...ซึ่งผมก็ได้พบว่า เจ้าบุรุษผู้ซึ่งทิ้งโน้ตให้ผมงงงวยกำลังออนอยู่พอดี

       

      I’m Andy! ## Let’s go to China! : พี่เอริคคคคคค...

       

      Andy Yaa!  Don’t forget my pizza!! : ไงแอนดี้ยา...

       

      I’m Andy! ## Let’s go to China! : ไม่ต้องมาไงเลยพี่..นี่มันอะไรกัน?

       

      Andy Yaa!  Don’t forget my pizza!! : ก็วันนี้วันวาเลนไทน์ก็ต้องกินข้าวเย็นด้วยกันไง

       

                      พอพี่เขาพิมพ์ประโยคนี้ขึ้นเสร็จพี่แกก็เปิดระบบกล้องขึ้นมา เผยให้เห็นหนุ่มหล่อหน้าตาดีในชุดที่โคตรดูดี...กำลังส่งรอยยิ้มตามแบบฉบับของเขามายังผม

       

      Andy Yaa!  Don’t forget my pizza!! : นายเปิดระบบกล้องดิแอนดี้  อย่าให้ฉันเหมือนคุยคนเดียวดิ

       

                      ผมก็ได้แต่อมยิ้มขำๆ  ไม่น่าเชื่อเขาคิดได้ไงเนี่ย..ความคิดแบบนี้  สมแล้วที่เป็นอีที...

       

                     

       

      I’m Andy! ## Let’s go to China! : พอใจยัง?

       

      Andy Yaa!  Don’t forget my pizza!! : เยี่ยม!

       

                      ผมได้แต่ยิ้มกับประโยคที่เขาพิมพ์ตอบมากับท่าทางยกนิ้วแบบตลกๆที่เขาส่งมาให้

       

      I’m Andy! ## Let’s go to China! : พี่คิดได้ไงอ่ะ?

       

      Andy Yaa!  Don’t forget my pizza!! : หมายถึงอะไรล่ะ?

       

      I’m Andy! ## Let’s go to China! : ก็ไอ้ข้าวเย็นมื้อนี้เนี่ย

       

      Andy Yaa!  Don’t forget my pizza!! : ก็คนมันฉลาด หุหุ

       

                      หือ..คนมันฉลาดงั้นเหรอ..น่าเกลียดจริงๆ แล้วยังไอ้ท่าหัวเราะนั่นอีก

       

      Andy Yaa!  Don’t forget my pizza!! :  แอนดี้ยา..นายมองปากฉันนะ...

       

                      แล้วผมก็จับจ้องไปที่ปากเขาอย่างสนใจ...วันนี้เขากะจะทำให้ผมผระหลาดใจทั้งวันเลยหรือไงนะ

       

                      และสิ่งที่ผมเห็นก็ถึงกับทำให้ผมน้ำตาซึม

       

                      เอริค มุนที่ปกติจะแลดูนิ่งเวลาอยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก (ที่ไม่ใช่ชินฮวา) กำลังเอ่ยคำว่า ซารางเฮ ให้ผม พร้อมกับเอามือสองข้างปักไปที่หัวทำเป็นรูปหัวใจน่ารักๆ

       

                      แม้จะไม่ได้ยินว่าเขาพูด..แต่ก็มั่นใจว่าใช่คำนั้นอย่างแน่นอน..คำ..ที่เขาชอบมากอดและกระซิบบอกผม

       

                      คำที่ผมก็ไม่รู้ว่า..จริงๆเขาหมายความว่าไงกันแน่...

       

                      คำพูดที่คลุมเครือ..และแอบทำใจผมหวั่นไหวได้เสมอ

       

      Andy Yaa!  Don’t forget my pizza!! : แอนดี้ยา..นายเป็นอะไรหรือเปล่า?

       

                      ตายแล้ว...ผมลืมไปว่าเขามองเห็นผมนี่นา...

       

                      ผมลืมยกมือขวาขึ้นมาปาดน้ำตาที่คลออยู่ในเบ้าออก แล้วส่งยิ้มแก้มป่องตามสไตล์กลับไป

       

      I’m Andy! ## Let’s go to China! : เปล่า แค่ปลาบปลื้มใจ..มื้อนี้พี่จะเลี้ยงผม

       

      Andy Yaa!  Don’t forget my pizza!! : ใครบอก..ฉันให้เขาเรียกเก็บเงินในชื่อนายแล้ว แอนดี้ยา...

       

                      คำพูดนั้นถึงกับทำเอาผมอ้าปากค้าง...ความรู้สึกดีๆที่เอ่อล้นเมื่อครู่หายไปแล้ว ตอนนี้ผมจะแปลงร่างเป็นปีศาจไปงับหัวพี่เอริคแทนดีกว่า...

       

                      แต่ถ้าไอ้ข้อความนั้นไม่ขึ้นซะก่อน

       

      Andy Yaa!  Don’t forget my pizza!! : ฉันรักนายนะแอนดี้  นายเป็นคนสำคัญของฉัน...ถึงแม้ว่าวาเลนไทน์นี้นายจะหนีฉันไปจีนโดยไม่บอก..แต่ฉันก็ดีใจนะที่อย่างน้อยเราก็ยังได้กินข้าวด้วยกัน แม้จะอยู่คนละที่... ฉันอยากบอกนายว่า..ดีใจที่เราได้พบเจอกัน...ดีใจที่นายมักมาอยู่เคียงข้างฉัน...ดีใจที่นายเป็นห่วงฉัน...ดีใจที่ฉันได้รักนาย....

       

                      คำพูดเหล่านี้..มันใช่คำสารภาพรักไหม...หรือแค่บอกเรื่อยๆเปื่อยเพราะอารมณ์พาไปกัน...

       

                      กังวลใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ

       

      Andy Yaa!  Don’t forget my pizza!! : ทุกอย่างที่พิมพ์ออกมาจากใจฉันทั้งหมดนะ แอนดี้ยา  ซารางเฮ!

       

                      แล้วเขาก็ทำท่าหัวใจน่ารักๆอีกครั้ง ซึ่งนั่นก็ทำให้อารมณ์ซึ้งหายไปในทันที แปรเปลี่ยนกลายเป็นเรียกเสียงหัวเราะจากผมแทน...

       

                      ตอนนี้ผมว่าเรื่องความกังวลที่ว่าช่างมันไปก่อนเถอะ....

       

      อดีตคือสิ่งที่ผ่านมาแล้วไม่มีใครสามารถแก้ไขได้

       

      อนาคตคืออะไรไม่มีใครรู้

       

      ตอนนี้ผมสนเพียงแค่..ปัจจุบันคือกาลเวลาของเรา

       

      เอริค...และ...แอนดี้

       

      ก็พอแล้ว

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×