คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เรื่องของสายฟ้า
เรื่องของสายฟ้า
บ้าชะมัด!ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่ดันไปหลงรักลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง แถมยังเป็นผู้หญิงเหมือนกันอีก=O=; อ๊าก! ทำยังไงดีๆ ฉันลืมยัยบ้านั่นไม่ได้อ่ะ T^T ในขณะที่ฉันกำลังเฮิร์ตสุดขีด เพื่อนรักผู้แสนดีก็เข้ามาเสนอเงื่อนไขบ้าๆให้ โดยการให้ฉันลองไปคบกับมันจนกว่าจะลืมลูกพี่ลูกน้องของตัวเองคนนั้นที่ตอนนี้โดนศัตรูคู่อาฆาตงาบไปเป็นแฟนได้=[]=; นะ...นี่แกพูดจริงหรอวะ? ไม่มีทางอ่ะ!อย่างฉันกับแกเนี่ยนะ มันนรกกับนรกชัดๆ แล้วอีกอย่าง...แกลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าที่เรามาคบกันเป็นเพื่อนได้เพราะอะไร? แก...เป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่หรือไงฮะ ฉัน-ห้าม-ทำ-ตัว-เป็น-ผู้-หญิง!!!!
เรื่องของไกด์
อืม...ผมว่าผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่ไปขอเป็นแฟนกับยัยนั่นน่ะ-_-^ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงข้อตกลงเพื่อให้มันลืมลูกพี่ลูกน้องของตัวเองที่ดันแอบไปหลงรักก็เถอะ น่าเสียดายและก็น่าดีใจที่ลูกพี่ลูกน้องยัยนั่นถูกไอ้ศัตรูคู่แค้นของผมแย่งไปเป็นแฟนได้สำเร็จ แต่ผมเชื่อว่าสักวันพวกมันต้องเลิกกันแน่ ว่าแต่ทำไมผมถึงทำแบบนี้นะ=_=ทั้งๆที่ก็รู้ว่าเพราะมันไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงทำให้มันมาคบกับพวกผมได้ แล้วถ้าผมเป็นแฟนกับมันจริงๆ...มีหวังคงไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่ แต่ช่างเถอะ! ใครจะว่ายังไงผมก็ไม่สนอยู่แล้วนี่นา ผม...ไม่อยากเห็นมันบ้าไปมากกว่านี้แล้วจริงๆ ก็หวังแค่ว่าระหว่างเรา...จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปนะ...?
บทนำ
คนอ่อนแอ
แสงอะไร?เช้าแล้วหรอ? เซ็งจัง...ไม่อยากตื่นเลยแฮะ เมื่อคืนซัดไปซะหลายขวด ปวดหัวเป็นบ้า...อ่า แต่ทำไมถึงยังไม่ลืมหน้ายัยนั่นซะที่นะ บ้าเอ้ย!เมื่อไหร่เธอจะไปจากฉันซะทีฮะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีกแล้วนะ ไหนๆเธอก็ทิ้งฉันไปแล้ว
เธอก็ควร...ออกไปจากหัวใจฉันซะที
“โอ้โห~OoOเกิดอะไรกับห้องของมันวะเนี่ย?”
“เฮ้ยๆท่าทางจะอาการหนักจริงๆด้วยล่ะ>_<”
“มันบ้าไปแล้วมั้ง...ยังมีชีวิตอยู่รึเปล่าวะ?”
“......”
เสียงอะไรวะ? หนวกหูแต่เช้าเลย เตียงนอนของฉันยุบตัวลงเมื่อใครบางคนนั่งลงบนนั้น ฉันพยายามจะลืมตาขึ้นมองผู้บุกรุกที่มาสร้างความรำคาญให้ฉันแต่เช้า แต่เปลือกตาก็คล้ายกับหนักอึ้งจนไม่อาจยกขึ้นได้ เหมือนหัวกำลังจะระเบิด...
“โหๆๆสภาพไม่เหลือเคล้าโครงมนุษย์เลยแฮะ>^<ดูมันเหอะ ทำตัวซกมกแบบนี้ได้ไงอ่ะ ขนาดฉันเป็นผู้ชายแท้ๆฉันยังไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้เลยนะ”
“เฮ้ย!แกจะเอาชีวิตเจ้าสำอางของแกไปเปรียบกับคนอย่างไอ้ฟ้าได้ไง=_=”
“ฮ่าๆๆ นั่นสิ ไอ้ฟ้ามันแมนกว่าแกอีก”
“....แต่บางทีพวกแกอาจลืมไปก็ได้นะว่า...ที่มันเป็นแบบนี่เพราะพวกแก” อืม....เสียงนี้คุ้นจังเลย
“.....?”
“...ยังไงมันก็เป็นผู้หญิง พวกแกควรหยุดกฎบ้าๆนั่นได้แล้ว”เหมือนกับ....
“ช่วยไม่ได้วะ...เธอทำตามกฏได้เจ๋งเกินไปเอง”
เสียงสนทนาคุ้นหูดังขึ้นใกล้ๆ แต่ฉันกลับจับใจความอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่เพราะรู้สึกปวดหูตุบๆ แต่ดูเหมือนกำลังพูดถึงฉันอยู่นะ... ฉันขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกตัวชาไปซีกหนึ่ง โอย~ฉันนอนแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย ดูเหมือนหนึ่งในผู้บุกรุกนั่นจะเห็นว่าฉันตื่นแล้ว ฉันลืมตาขึ้นมาช้าๆ ใครบางคนนั่งอยู่ที่ปลายเตียง เขาหันมามองและขยับเข้ามาดูฉันใกล้ๆ
“เฮ้!ตื่นแล้วหรอ ไหนดูซิ? ยังมีชีวิตอยู่นี่นา...โอ็ย!>o<”
และฉันพอจะรู้แล้วว่าพวกนี้เป็นใคร-_-
เมื่อใบหน้าของใครบางคนซึ่งนั่งอยู่บนเตียงของฉันยื่นเข้ามาซะใกล้จนเกือบจะจูบกัน ฉันก็รวบรวมแรงส่วนหนึ่งยกมือขึ้นกระแทกบริเวณกึ่งกลางระหว่างปากกับจมูกของเขา และใช้แรงอีกส่วนยันคนๆนั้นตกลงไปข้างล่างก่อนจะพยุงตัวเองขึ้นมานั่ง
“อ๊าก!TOTไอ้บ้า ต่อยฉันทำไมวะ?”
ฉันยกมือขึ้นเสยผมยุ่งๆของตัวเองและกวาดตามองผู้ชายสี่คนในชุดนักเรียนซึ่งยืนมองฉันด้วยสายตาประหลาด แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาทางประตูที่เปิดกว้าง พวกเขาทั้งหมดยืนย้อนแสงเข้ามาทำให้ฉันเห็นหน้าไม่ถนัด แต่ไม่ต้องเห็นถนัดฉันก็รู้ว่าพวกเขาคือใคร และหนึ่งในนั้นคือผู้ชายที่ฉันเพิ่งถีบเขาตกลงไปข้างเตียง ซึ่งเขาเองก็กำลังยืนกุมปากของตัวเองที่ถูกต่อยไปเมื่อกี้และมองฉันด้วยสายตาฆาตโทษ
“ช่วยไม่ได้...แกอยากยื่นหน้าเข้ามาทำไมล่ะ=_=”ฉันแยกเขี้ยวใส่เขา ก่อนจะล้มตัวนอนอีกครั้งเพราะความมึน
“อ้าว!เฮ้ย เพื่อนอุส่ามาหาถึงห้อง แกไม่คิดจะตื่นขึ้นมาต้อนรับเลยรึไงวะ”เสียงแข็งๆของคอนโดชายหนุ่มผู้บ้าพลังดังขึ้นทันที ก่อนจะเกิดเสียงเหมือนกับขวดแก้วถูกเตะล้มดังขึ้นตามมา
“เย้ย!นี่แกกินเองคนเดียวหมดเลยหรอวะOoOไอ้ฟ้า บ้าไปแล้ว! นี่มันไม่ใช่ปริมาณของคนๆเดียวจะกินหมดนะเว้ย” ฉันคิดว่าวอสก้าคงบังเอิญไปเตะขวดเบีย ร์ที่วางเรียงรายอยู่ที่พื้นนั่นแน่ๆ ก็แล้วไงล่ะ...ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกินเข้าไปได้ไง
“อือ...แกคิดว่าฉันจะหาใครมาช่วยกินได้อีกล่ะ เพราะงั้น...ฉันคงไม่มีปัญญาลุกขึ้นไปต้อนรับ...พวกแกหรอก...”ฉันส่งเสียงครางเบาๆก่อนจะหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน
ความจริงแล้วฉันไม่ได้อยากให้พวกมันมาเห็นฉันในสภาพนี้เท่าไหร่ ฉันไม่อยากให้มันเห็นว่าฉันอ่อนแอ...เป็นผู้หญิง... ฉันกลัวว่า...พวกมันจะไม่ต้อนรับฉันเข้ากลุ่มอีก ฉันไม่มีเพื่อนที่ไหน และไม่มีใครยอมรับฉันเท่าพวกนี้อีกแล้ว
ภายในห้องเงียบสนิท แต่ขณะที่ฉันกำลังเคลิ้มๆจะหลับมิหลับแหล่อยู่นั้น การเคลื่อนไหวของใครบางคนก็ทำให้ฉันค่อยๆดึงสติกลับมา มันค่อยๆเข้ามาใกล้...จนกระทั่งหายไป
“...ยังไงซะ เธอก็เป็นผู้หญิง!”
เสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างๆหูทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก
กะ...ไกด์!!!!O_O
“กะ...แก!!!”
อยู่ๆตัวฉันก็ลอยขึ้นเหนือพื้น ฉันลืมตาโพล่งมองไกด์ที่อุ้มฉันขึ้นมาจากเตียง ใบหน้าเขานิ่งสนิทไม่แสดงอารมณ์ แต่ฉันรู้สึกว่าเขากำลังโกรธ ฉันอ้าปากจะด่าเขา แต่เพราะรู้ว่าเขากำลังโกรธ ฉันจึงไม่กล้าโวยวาย เพราะเวลาที่เขาโกรธ...ฉันรู้ดีว่ามันเป็นยังไง
“ปะ...ปล่อย!!!”
แต่สิ่งที่ทำให้ฉันแตกตื่นยิ่งกว่าความโกรธของเพื่อนสนิทกลับเป็น...ใบหน้าสงสัยแกมอึ้งของอีกสามคนที่เหลือซึ่งจ้องมาทางพวกเรานิ่งๆ
“นะ...นี่>O<ปล่อยนะเว้ย! แกจะมาอุ้มฉันทำไมวะ? ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะโว้ย!!!”ฉันโวยวายเสียงแข็งทันที
“หุปปากเถอะน่า...”
ไกด์อุ้มฉันผ่านหน้าของวีซ่า คอนโด และวอสก้า เข้าไปในห้องน้ำโดยไม่สนใจสายตาของสามคนนั้น เขาวางฉันลงกับพื้นก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดฝักบัวและเอามันมาฉีดทั่วตัวฉัน
“ยะ หยุดนะ>O<หยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ย นายทำบ้าอะไรเนี่ย!!!?”
ฉันโวยวายและดิ้นหนีเขาอย่างสุดกำลัง แต่ต่อให้ฉันแข็งแรงมากแค่ไหน ฉันก็ไม่มีวันสู้เขาได้ แถมตอนนี้...ฉันยังไม่หายมึนจากอาการแฮ็งค์อีก ไกด์ไม่สนใจฉันที่ขัดขืน เขาเอาน้ำรดทั่วจนฉันตัวเปียกไปทั้งตัว ก่อนจะกระชากเสื้อผ้าฉันออกอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจว่าฉันกำลังจะขาดอากาศหายใจและหมดสติอยู่รอมร่อ
“อะ ไอ้บ้า!!! แกจะทำอะไร หยุดนะ!ไกด์O_O หยุดนะ ยะ หยุด....”
ในขณะที่ฉันเริ่มอ่อนแรงลงเพราะพิษไข้บวกกับการกระทำอันรุนแรงของไกด์และทรุดตัวลงไปกองกับพื้น ไกด์ก็หยุดมือที่กำลังดึงเสื้อฉันออก กระดุมเสื้อเชิ้ตสีซีดตัวโปรดของฉัน...ตัวที่ ‘ยัยนั่น’ เป็นคนซื้อให้ หลุดกลิ้งหายไปตามพื้น ตัวเสื้อหลุดร่นลงมาอยู่ที่แขนสองข้างเผยให้เห็นเรือนร่างส่วนบนและเสื้อชั้นในตัวจิ๋วที่ ‘ยัยนั่น’ เป็นคนเลือกให้ ไกด์หยุดนิ่งในขณะที่ตัวของฉันสั่นระริก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาจับฉันไว้ ฉันคงลงไปกองกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย
“....ไหนว่าไม่ใช่ผู้หญิงไงล่ะ”ลมหายใจร้อนๆที่รดต้นคอทำให้ฉันแทบจะหมดสติ เมื่อไกด์ปล่อยมือจากฉัน ฉันก็ร่วงลงไปกับพื้นทันที
อย่านะ....อย่าอ่อนแอนะ!
น้ำเสียงเยาะเย้ยทำให้ฉันต้องกัดริมฝีปากจนมันห้อเลือด น้ำตาค่อยๆไหลออกมาช้าๆอย่างไม่อาจห้ามได้อยู่...แม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม เสื้อสีซีดหลุดออกไปจากตัวฉันแล้ว แต่ฉันไม่มีแรงพอที่จะดึงมันขึ้นมาเพื่อปกปิดร่างกาย ทำได้เพียงแค่พยายามประคองตัวเองไม่ให้ล้มลงไปนอนกับพื้นเท่านั้น ...ไม่ให้น่าสมเพชไปมากกว่านี้เท่านั้น
ฉันก้มหน้าลงด้วยความขมขื่น สายตาพร่าเรือนมองอะไรแทบไม่เห็นเพราะน้ำตาที่ไหลออกมามากมาย ไกด์เดินออกไปจากห้องน้ำโดยไม่หันมาเหลียวแลฉันอีก ไม่นานเขาก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับเสื้อผ้าของฉันที่ถืออยู่ในมือ เขาวางมันลงบนอ่างอาบน้ำ แล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า
“รีบๆอาบ แล้วก็รีบๆออกมาซะ แกกับฉัน...มีเรื่องต้องคุยกัน!”
จบคำร่างสูงก็เดินออกไปและปิดประตูห้องน้ำให้ฉัน เขาคงรู้สินะว่าฉัน...ไม่มีแรงเหลือจะเดินไปปิดเองได้น่ะ บ้าชะมัด...ทำไมนะ? ทำไมฉันถึงได้อ่อนแอแบบนี้ เพราะแบบนี้หรือเปล่าที่ทำให้ ‘ยัยนั่น’ ทิ้งฉันไป เพราะฉัน...อ่อนแอ คอยแต่ให้เธอต้องเป็นห่วง เพราะอย่างนั้นใช่ไหม?
ถ้าฉันเข้มแข็งขึ้น...เธอจะกลับมาหาฉันไหมนะ?!!
น้ำจากฝักบัวยังคงไหลไปเรื่อยๆไม่ยอมหยุด แต่...น้ำตาของฉันหยุดลงแล้ว
บทที่ 1
ข้อเสนอของเพื่อนสนิท
ป้าง!
ฉันใช้เท้าเปิดประตูห้องน้ำออก และเดินออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่คนบางคนทิ้งไว้ให้ น้ำจากฝักบัวที่เย็นสดชื่นทำให้ฉันสร่างเมาได้เป็นปลิดทิ้ง และมันก็เย็นพอจะทำให้พิษของบาดแผลทั้งภายนอกและภายในใจทรุดหนักเข้าไปใหญ่ ตัวของฉันร้อนระอุราวกับว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้มันอาจจะระเบิด...
“โฮ่~ ค่อยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย^^”ฉันมองวีซ่าที่ส่งเสียงทักคนแรก เขากำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงของฉัน อืม....ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาฉันเพิ่งจะได้ยินเสียงวีซ่าแฮะ
“แกเป็นอะไรไปวะ?”ฉันมองคอนโดที่นั่งไขว่ห้างมองมาที่ฉันอย่างไม่สบอารมณ์ เขาเป็นพวกไม่ชอบให้ใครปิดบังอะไรเขาซะด้วยสิ
“เปล่า....”ฉันไม่ได้ปิดบัง แค่ไม่อยากให้เขารู้....เท่านั้นเอง
“ไอ้สายฟ้า!”คอนโดเสียงเข้มขึ้นมาทันที
“เฮ้ๆๆๆ>_<สายฟ้าๆ ทำไมห้องแกถึงได้รกแบบนี้ฮะ อุส่าสะอาดสะอ้านอยู่ได้ตั้งนาน ยัยลูกไม้ลูกหมาอะไรนั่นหายไปไหนซะล่ะ”
...ลูกไม้!
วอสก้าโพล่งขึ้นมา ทำให้ทุกคนต้องหันไปมองเขาซึ่งเดินกระสับกระส่ายอยู่ตรงระเบียงห้อง ทุกคนเงียบ ฉันเบิกตาค้าง หัวใจเหมือนหยุดเต้น
“อ่า...ฉันลืมไป โทษๆ ยัยลูกไม้นั่นโดนไอ้กู๊ดคาบไปแล้วนี่หว่า>< เสียดายซะแล้วสิ! ยัยนั่นไม่อยู่คงไม่มีใครเก็บห้องให้พวกเราแล้วอ่ะดิ”
...ลูกไม้
ทำไม? ทำไมเธอไม่เลือกฉัน เพราะฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอหรอ เธอถึงได้เลือกหมอนั่น...
ทำไมถึงทิ้งฉันไป...ทำ...ไม...?
“เฮ้!-O-^ สายฟ้า สีหน้าแกไม่ค่อยดีเลยนะเว้ย เป็นอะไรรึเปล่า?”วีซ่าที่นั่งอยู่บนที่นอนถามฉันอย่างเป็นห่วง ก่อนทำท่าว่าจะลุกขึ้นมาดูฉัน ... แต่ก็ช้ากว่าใครบางคน
“นี่!กินเข้าไป”
น้ำถูกยื่นมาตรงหน้าฉันพร้อมกับยาแก้ไข้สองเม็ด ฉันมองเจ้าของมือนั่นก็คือไกด์อย่างอึ้งๆ ก่อนจะก้มหน้าลงหลบสายตาของเขา เมื่อนึกถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆ ...ฉันเกลียดสายตาดูถูกของเขาที่สุด
“ฉันไม่เป็นอะไร...”ฉันบอกปัดก่อนจะเดินหนี แต่ก็ถูกมือขาวๆดึงเอาไว้
“ไข้แกขึ้นขนาดนั้น ถ้าไม่กินยานี่ล่ะก็...ตายแน่”เขาดันยาใส่มือพร้อมกับแก้วน้ำ และมองฉันด้วยสายตาที่คมกริบ
ฉันอดแยกเขี้ยวใส่เขาไม่ได้ ทำไมถึงต้องทำเหมือนเขาเป็นห่วงฉันด้วยนะ...ฉันไม่อยากให้ใครมาดูแลและคอยเป็นห่วงฉันอีกแล้ว ไกด์เดินหายเข้าไปในครัว ก่อนจะออกมาอีกครั้งพร้อมกับจานข้าวผัดที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง เมื่อเขาหันมาเห็นว่าฉันยังไม่ยอมกินยาเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงยียวน
“คงไม่ต้องให้ป้อนหรอกนะ”
ฉันแยกเขี้ยวใส่เขาอีกรอบ แทบจะอยากหายไข้ซะเดียวนั้นเพื่อวิ่งไปกระโดดถีบเขาด้วยความหมั่นไส้ แต่อย่างว่าตอนนี้ฉันแทบจะไม่มีแรงยืนอยู่แล้ว โชคดีแค่ไหนที่ไม่ต้องให้เขามาป้อนน่ะ ฉันกลืนยาเข้าไปก่อนจะตามด้วยน้ำเปล่าหมดแก้ว
“อั่นแน่~สองคนนี้ล่ะห่วงใยกันจั๊ง><”เสียงหยอกล้อของวอสก้าทำเอาฉันแทบสำลักน้ำที่กำลังดื่ม รู้สึกว่าใบหน้าร้อนฉ่ากว่าเดิม โอ๊ย! ไข้ขึ้นอีกซะล่ะมั้ง แย่จัง
“หุบปากเหอะ-_-“ไกด์หันไปส่งสายตาอาฆาตให้วอสก้า เขายักไหล่แบบไม่ใส่ใจก่อนจะเดินเข้ามาในห้องโดยเปิดประตูระเบียงทิ้งไว้ กระแสลมเย็นๆจากภายนอกพัดเข้ามาปะทะกับร่างกายของฉันจนสั่นสะท้าน นะ...หนาวแฮะ
“หรือไม่จริง เมื่อกี้ฉันยังไม่ได้ถามเลยนะว่าแกเข้าไปทำอะไรกันในห้องน้ำน่ะ”ฉันสะดุ้ง เหลือบมองไปทางคอนโดที่นั่งนิ่ง แต่สายตาของเขาก็บ่งบอกถึงความสงสัยเช่นกัน
“วอสก้า....”
“...?”
“ปิดประตูระเบียงซะ...”ไกด์พูดเสียงเรียบ
ทั้งฉัน วอสก้า และอีกสองคนที่เหลือถึงกับชะงักกึกเพราะคำพูดและสีหน้าจริงจังของคนที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดโต๊ะอาหารที่รกและเลอะเทอะอย่างรุนแรงเนื่องจากไม่ได้ทำความสะอาดมานาน...นานมาก เมื่อตั้งสติได้วอสก้าก็ทำหน้าเหยเกแต่ยอมเดินไปปิดประตูระเบียงแต่โดยดี คอนโดถอนหายใจเซ็งๆ ส่วนวีซ่าหัวเราะขำ
“มากินข้าว....”ไกด์สั่งเสียงเข้ม
ฉันหันไปก็พบว่าเขาจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ข้าวผัดหน้าตาหน้ากินซึ่งเป็นอาหารโปรดของฉันถูกวางไว้บนโต๊ะ...เขายังไม่ลืมสินะ ว่าฉันไม่ชอบกินข้าวต้มน่ะ แถมยังจำได้อีกว่าฉัน...ชอบกินข้าวผัด แสนดีเกินไปแล้วล่ะมั้งเพื่อนคนนี้น่ะ ฉันถอนหายใจเบาๆอย่างอ่อนใจ ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะอาหาร วินาทีนี้...ฉันลืมไปเลยว่ามีคนอีกสามคนอยู่ที่นี่ด้วย
“อะไรของแกเนี่ย?เป็นพ่อฉันรึไง”ฉันว่ายิ้มๆ
“ถ้าฉันมีลูกอย่างแก...คงปวดหัวมากกว่านี้”
ในที่สุดฉันก็อดขำออกมาไม่ได้ อืม...ยังอร่อยไม่เปลี่ยนจริงๆด้วย ฉันรู้สึกว่าตัวเองจะไม่ได้ทานอาหารจนอิ่มแบบนี้มานานมากๆ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...ที่ทุกวันๆของฉันมีแต่น้ำที่เป็นพิษไหลลงสู่กระเพาะ และย่อยเอาความคิดอ่านของฉันจนมันเหลือแค่ศูนย์
“แล้ว...ตกลงว่าพวกแกมาทำอะไรที่นี่หล่ะ?”ฉันถามหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ตามด้วยน้ำอีกสองแก้ว ตลอดเวลาที่ฉันกินข้าวแทบจะไม่มีใครพูดอะไรเลย นอกจากวอสก้าที่บ่นออกมาสองสามประโยคเกี่ยวกับความสกปรกของห้องและความซกมก-*-ของฉัน กับประโยคเดียวของไกด์ที่บอกให้วอสก้าหุบปากซะ
“แล้วทำไมพวกเราจะมาที่นี่ไม่ได้ล่ะ?”คอนโดเอ่ยเสียงเรียบ ท่าทางเขาจะไม่สบอารมณ์จริงๆแหละ แต่โชคดีที่เป็นเขา เพราะถ้าเป็นอีกคน....
“ก็...ไม่ใช่อย่างนั้น”
“ความจริงไม่มีอะไรหรอก พวกเราแค่มาเยี่ยม^^”ฉันมองวีซ่าที่ยิ้มน้อยๆ ด้วยท่าทางเป็นห่วง ดูเหมือนเขาจะเป็นคนเดียวที่ไม่เคยกดดันอะไรฉันเลย แต่เพราะเขาเป็นแบบนี้แหละยิ่งทำให้ฉันหนักใจ แม้จะรู้ว่าเขาเป็นห่วงฉันก็ตาม
“เอ่อ...ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย พวกแกจะมาเยี่ยมกันทำไมล่ะ?”
“แล้วถ้างั้นทำไมแกไม่ไปที่กลุ่ม? “คำถามของคอนโดทำให้ฉันหุบปากสนิทอย่างไม่อาจให้คำตอบได้ แค่ฉัน...ตอนนี้ฉันไม่อาจพบเจอใครๆจริงๆ ถ้าให้พวกเขาเห็นฉันในสภาพนี้...มันก็คงไม่ดีเท่าไหร่ แม้จะเห็นไปแล้วก็เหอะ-*-ใครใช้ให้ฉันยกห้องตัวเองให้พวกมันแล้วก็ปั๊มกุญแจแจกให้ไปคนละดอกล่ะ
“แถมนี่ถ้าพวกเราไม่แอบพวกนั้นมาเยี่ยมแก พวกเราก็คงไม่รู้หรอกว่าแกอาการหนักขนาดนี้น่ะ”วอสก้าตีสีหน้าหงุดหงิด เขาเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงข้างๆวีซ่า ใบหน้าของคนทั้งสองแทบจะเหมือนกันจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร และถ้าหากพวกเขาตั้งใจทำให้ดูไม่ออก แม้แต่ฉันที่ว่าสนิทแล้วก็อาจจะแยกไม่ได้ว่าคนไหนวอสก้าคนไหนวีซ่า ทั้งสองเป็นฝาแฝดที่เหมือนกันจริงๆนะ ถ้าวีซ่าไม่ยิ้มล่ะก็...><พวกเขาคงดูเหมือนคนๆเดียวกันแน่ๆ ไหนจะผมสีน้ำตาลอ่อนที่เหมือนกันเปี๊ยบนั่นอีกล่ะ
ในจำนวนสมาชิกทั้งหมดสิบสี่คน....มีแค่พวกเขาสี่คนนี้แหละที่ฉันสนิทที่สุด คอนโดเป็นคนที่อารมณ์ร้อน แต่เขาก็ยังใจเย็นมากกว่าเฮาส์พี่ชายของเขา ผมเกรียนๆของคอนโดย้อมเป็นสีส้มทั้งหัว ท่าทางเหมือนอัลธพาลแต่นิสัยต่างกันโดยสิ้นเชิง คอนโดเป็นจริงใจและรักเพื่อนมาก สำหรับเขาเพื่อนถือว่าคือที่ 1 แต่เขาก็มีข้อเสียตรงที่...ถ้าไม่ใช่เพื่อน ต่อให้กำลังจะตายอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่คิดจะช่วย
เพราะฉะนั้น...สำหรับฉันแล้ว คอนโดน่ากลัวพอๆกับพี่ชายของเขาที่เกลียดฉันมากๆและพยายามหาทางเตะฉันออกจากกลุ่มให้ได้ทุกครั้งที่เจอหน้า=_=
และคนสุดท้าย...เพื่อนที่ฉันสนิทที่สุด
ไกด์!!!
ไกด์เป็นคนชวนฉันเข้ากลุ่มคนแรกโดยบังเอิญ=*=ความจริงแล้วกลุ่มของเขาไม่มีนโยบายรับผู้หญิงเข้ากลุ่มหรอก แต่ไกด์ของพาฉันเขากลุ่มเขาจนได้โดยมีข้อแม้ว่า...
ฉันห้ามทำตัวเป็นผู้หญิง!
และเพราะเขาเห็นว่าฉันเป็นคนลุยๆและไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงอยู่แล้วล่ะมั้ง เขาเลยคิดว่าฉันต้องทำแบบนั้นได้แน่ๆ แต่เขาก็ไม่ได้รู้เลยว่าพันธะสัญญานั้นจะกลายเป็นบ่วงบีบรัดฉันมาจนทุกวันนี้ และมันก็ค่อยๆรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งฉันสนิทกับพวกเขาฉันก็ยิ่งกลัวว่าสักวันเขาจะทอดทิ้งฉันเพราะความแตกต่างระหว่างเพศของเรา แม้ว่าฉันจะไมได้ฝืนทำตัวห้าวๆหรือคบกับพวกเขาราวกับเป็นเพื่อนร่วมเพศก็ตาม
ไกด์อยู่คนละโรงเรียนกับฉัน แต่เราก็สนิทกันที่สุด คงเพราะไกด์เป็นคนขี้หงุดหงิด แล้วก็อารมณ์ร้าย ผิดกับฉันที่ง่ายๆสบายๆรองรับอารมณ์เขาได้ทุกเวลาและนานที ไกด์จึงยอมพูดดีๆกับฉันมากกว่าพูดกับคนอื่น ที่สำคัญ....ไกด์ทำทำอาหารอร่อยมั่กๆ^^ฉันจึงมักจะฝากท้องไว้ที่เขานี่ล่ะ แถมไกด์ไม่ทำอาหารให้ใครกินบ่อยๆหรอกนะนอกจากฉันคนเดียวด้วย จะมีก็แต่...ยัยนั่นล่ะมั้ง ที่ไกด์เคยพาไปกินข้าวที่บ้านของเขาเพราะฉันขอร้อง ยัยนั่นโชคดีสุดๆไปเลยล่ะ^^
...ฉันคิดถึงยัยนั่นอีกแล้วสินะ
ฉันลบภาพใครบางคนออกจากหัวและหันไปมองไกด์ที่ตอนนี้กำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บของในห้อง ซึ่งฉันเป็นคนทำมันเละแท้ๆ ผมสีดำสนิทยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ดวงตารีเล็กเจ้าอารมณ์บวกกับคิ้วโก่งที่เชิดปลายขึ้นทำให้เขาดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลอย่างร้ายกาจ แต่สาวๆส่วนใหญ่มักจะร้องไห้เพราะฝีปากของเจ้าของใบหน้าหล่อๆนั้นทุกทีไป
ฉันเคยสงสัยว่าไกด์ชอบผู้หญิงรึเปล่า?-_-^
และถ้าเขาไม่ชอบ...งั้นใครสักคนในกลุ่มคงอาจจะเป็นกิ๊กของเขา=_=
“เหม่ออะไรวะ?=o=”เสียงของวอสก้าทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ และหันไปมองเขาก่อนจะยิ้มแหยๆ เอ่อ...เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ ฉันจำไม่ได้ซะแล้วสิ ฉันเหลือบมองวีซ่ากะคอนโดที่มองฉันด้วยสายตาสงสัยนิดหน่อยก่อนจะเสมองไปทางอื่น และบังเอิญไปสบตากับไกด์เข้าพอดี
“มองอะไร?-O-“
“ไม่ได้มองแกละกัน=_=”
“ปากดีขึ้นแล้วนี่ งั้นก็แปลว่าหายแล้วสินะ-_-^”
“TOTฉันปวดหัวจะตายอยู่แล้ว”
“งั้นก็ไปนอนสิ มานั่งเจ๋ออยู่ทำไม”
“เออT^T”
ตอนนี้ฉันปวดหัวจริงๆนะ อยากจะนอนหลับพักผ่อนยาวๆซักรอบ ลืมๆเรื่องน่าปวดหัวนี่ไปชั่วคราว และหันมาสนใจกับความเป็นจริงที่เผชิญอยู่และเลิกหันหลังหนีปัญหาซะที ฉันเดินสะเปะสะปะไปยังเตียงนอนที่มีสองแฝดหน้าเหมือนนอนเล่นอยู่บนนั้นก่อนแล้ว
“หลบ”
ฉันไม่รอให้มันทำตามคำสั่ง และล้มตัวลงไปนอนทับพวกมันโดยไม่สนใจว่าทั้งสองคนจะมีสีหน้ายังไง เอ่อ..ความจริงก็ไม่แปลกหรอก=_=พวกมันมานอนห้องฉันบ่อยกว่ากลับไปนอนที่บ้านอีก แต่เพราะความที่ฉันไมได้เปิดห้องให้พวกมันมานอนนาน วีซ่าและวอสก้าก็เลยโวยวายนิดหน่อย และกระโดดลงเตียงหลบฉันแทบไม่ทัน
“เฮ้ย!>O<นอนมาได้ไงฟะ ไอ้ซกมก”แกยังไม่ชินอีกหรอวอสก้า-_-ไอ้คุณชายขี้สำอางเอ้ย!
“เหวอOoO”วีซ่าโดดหลบ แต่ฉันสามารถคว้าคอของเขาไว้ได้
“ขอหมอนข้างหน่อย^*^”ว่าแล้วฉันก็ซุกหน้าลงที่ท่อนแขนนุ่มๆ ก่อนจะยกขาก่ายราวกับกำลังกอดหมอนข้างจริงๆ
“คิกๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิมน่ะดีแล้ว^^ไม่ว่ายังไงแกก็ยังมีพวกเราอยู่”วีซ่าพึมพำ
“ชิ” ให้เดา วอสก้ากำลังมองฉันอย่างหมันไส้นิดๆแหงๆ
“....”
ฉันไม่กลัวเสียอะไร
...นอกจากเสียพวกนี้อีกแล้ว
ฉันตื่นมาอีกทีก็พบว่า เพื่อนๆตัวแสบหายไปกันหมด แถมห้องก็สะอาดเอี่ยมเหมือนเมื่อสามเดือนก่อนอีกด้วย...ไกด์สินะ ฉันถอนหายใจเบาๆ มองไปรอบๆห้องแต่ไม่พบคนที่อยากพบ นี่มันกี่โมงกันแล้วล่ะเนี่ย ชักหิวขึ้นมาแล้วแฮะ เมื่อมองไปที่นาฬิกาเรือนโตบนผนังก็พบว่าเป็นเวลาเกือบๆทุ่มครึ่งแล้ว อะไรจะนอนนานขนาดนั้นฟระ
ฉันลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวและเตรียมออกไปหาของกินข้างนอก ไม่รู้ว่าพวกนั้นกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ=_=บ้าจริง แล้วนี่ฉันต้องทำอะไรบ้างล่ะเนี่ย รู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดใหม่เลยง่า งงไปหมด=O= ปกติอยู่ห้องฉันทำอะไรบ้างวะ ทำไมถึงจำได้แค่ว่า ดื่มเหล้า ดื่มเหล้า แล้วก็ดื่มเหล้า คิดแล้วก็อยากจะอ้วก ปกติฉันไม่ชอบกินเท่าไหร่หรอกนะ แค่บางครั้งที่เครียดๆเซ็งๆหรือไม่ก็ฉลองกับไอ้พวกนั้นเท่านั้นแหละ
เมื่อตัดสินใจได้ฉันก็ขี่รถออกมาจากหอ ขี่ไปตามทางเรื่อยๆ มีจุดหมายแต่ไม่รู้ว่าสมควรไปรึเปล่า ?
แม้ว่าพิษไข้จะทุเลาลงแล้วแต่ตัวก็ยังร้อนๆอยู่ดี ขืนตากลมมากๆสงสัยชาตินี้คงจะไม่หายแน่ๆ=_=^ เมื่อไหร่ไม่รู้ที่รอบๆตัวฉันกลายเป็นยานแสงสีที่มีผับบาร์เปิดบริการอยู่เต็มไปหมด จำได้ว่าฉันขี่รถออกมากินข้าวนี่นา แล้วโผล่มาที่นี่ได้ไงอ่ะ สงสัยจะเคยชินมากไปหน่อย -_-; แต่ไหนๆก็มาแล้ว...
ฉันเลี้ยวรถเข้าไปในซอยเปลี่ยวซอยหนึ่งในยานแสงสีที่มีผู้คนพลุพ่าน มันเป็นซอยเล็กๆอยู่ระหว่างบาร์และผับชื่อดังของยานนี้ ซึ่งมีป้ายติดอยู่หน้าซอยว่า...
‘ถนนส่วนบุคคล’
และตัวอักษรเล็กๆ ด้านล่างของป้าย...
‘ห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต!’
=_=; ...นึกถึงวันแรกที่ฉันเหยียบเข้ามาที่นี่แล้วก็ขำไม่ออก ตอนนั้นฉันยังเป็นแค่ยัยผู้หญิงแสบซ่าคนหนึ่งที่บังเอิญเดินผ่านมาโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลยเท่านั้น แต่พอมาตอนนี้...ฉันกลับมีสิทธิเข้าออกที่นี่ได้สบายๆ ความจริงก็ไม่สบายเท่าไหร่ ไม่ว่าใครก็ตามที่เดินเข้ามาเหยียบที่นี่สาบานได้ว่าไม่มีใครสบายทั้งนั้นแหละ=_=
รถช็อปเปอร์คันงามของฉันหยุดอยู่หลังตึกสูงที่มีทางเข้าด้านหลังเป็นโรงจอดรถ ผับเล็กๆ แต่หรูหราที่เปิดตลอด24 ชม. แฝงตัวอยู่ภายในตึกนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เพราะที่นี่บริการแต่แขกVIP เท่านั้น แต่ฉันไม่ได้เป็นแขกVIP หรอกนะ ฉันก็แค่เป็นเพื่อนน้องชายของเจ้าของผับเท่านั้นเอง^^
“ไง สายฟ้า หายหน้าหายตาไปเลยนะ” พี่เบิ้มผู้ดูแลประตูทางเข้าผับทักฉันทันทีที่ฉันโผล่หน้าเข้าไปในตึก
“หวัดดีพี่ สบายดีป่ะ พอดีมีเรื่องนิดหน่อยอ่ะ “ ฉันหยุดทักพี่เบิ้มเล็กน้อย ก่อนจะขอผ่านประตูเข้าไป แขกวีไอพีทุกคนจะต้องมีบัตรผ่านประตู แต่จะมีเฉพาะบางคนที่ได้รับข้อยกเว้น และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น ฉันไม่จำเป็นต้องมีบัตรวีไอพีก็สามารถเข้าออกที่นี่ได้ทุกช่วงเวลา
“อืม กิจการดีขึ้นทุกวันๆ มีแขกหน้าใหม่มาบ่อยๆ รีบเข้าไปสิ ได้ข่าวว่ามีประชุมนะ หน้าซูบลงนะเราอ่ะ มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกล่ะ”
“ขอบคุณจ้ะ” ฉันบอกลาพี่เบิ้มก่อนจะรีบเดินเข้ามาข้างใน บรรยากาศที่แตกต่างจากภายนอกโดยสิ้นเชิงทำให้ฉันต้องกระชับเสื้อคลุมเล็กน้อย พรมแดงยาวลาดตั้งแต่หน้าประตูไปจนถึงตัวผับและเวที ซึ่งทุกอาทิตย์จะโชว์พิเศษ เสียงเพลงนุ่มๆดังคลอเบาๆทำให้บรรยากาศดูอบอุ่น ชวนให้เคลิบเคลิ้ม
ตอนนี้มีแขกไม่มากนักเพราะเป็นช่วงกลางวัน บรรยากาศภายในจึงสบายๆเหมาะแก่การหลบร้อนและรถติดมาพักผ่อน จิบไวท์เบาๆพร้อมกับนั่งฟังบทเพลงเพราะๆ และข้างๆคือสาวสวย ที่นี่เป็นเหมือนสววรค์ของพวกไฮโซ ฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่จึงได้ชื่อว่า แอสการ์ด
ความคิดเห็น