เสือสมิงที่งานวิ่ง - เสือสมิงที่งานวิ่ง นิยาย เสือสมิงที่งานวิ่ง : Dek-D.com - Writer

    เสือสมิงที่งานวิ่ง

    คุณน้ำชวนวิทยาไปแข่งวิ่งเทรลที่กาญจนบุรี แต่แล้วทั้งคู่ก็ได้พบกับเสือสมิง?

    ผู้เข้าชมรวม

    54

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    54

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ส.ค. 67 / 11:18 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    *** เรื่องสั้นนี้เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องมาจากนิยายเรื่อง "ไปต่างโลกยังต้องเอางานไปทำด้วยอีกเหรอเนี่ย" ดังนั้นเพื่ออรรถรสที่ครบถ้วน ขอแนะนำให้ไปอ่านนิยายเรื่องดังกล่าวก่อนนะครับ***

     

    เสือสมิงที่งานวิ่ง

    ดาวแฟรี่เทล ระยะห่างหกล้านปีแสงจากโลก

    หุบเขาฮันนู

    ที่แห่งนี้เป็นภูเขาที่มีรูปร่างเหมือนมือกำลังไขว่คว้าบางสิ่งบนท้องฟ้า ที่ปลายนิ้วทั้งห้าเป็นจุดกำเนิดของน้ำตกที่จะไหลรวมลงมาเป็นทะเลสาบตรงกลาง และไหลลงไปยังข้อมือ สู่พื้นดินเพื่อเป็นแม่น้ำหล่อเลี้ยงชีวิตคนที่นี่ ในนามของแม่น้ำอินกาโล ส่วนทะเลสาบกลางอุ้งมือมีชื่อเรียกว่า “คลู” ใจกลางนั้นมีเกาะอยู่แห่งหนึ่ง เกาะแห่งนี้เองเป็นที่พำนักของหัวหน้าเผ่าพยัคฆ์ ผู้ปกครองพื้นที่แถบนี้มานานหลายศตวรรษ

    พวกพยัคฆ์เป็นเผ่าพันธุ์มอนสเตอร์ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ทว่ามีใบหน้าของเสือ รวมถึงขนที่ปกคลุมตามร่างกายนั้นก็เป็นลายพาดกลอน ส่วนใหญ่จะเป็นสีส้มแต่บางคนจะมีสีขนเป็นสีขาว ซึ่งหาได้ยากมาก

    และวันนี้ ชาวพยัคฆ์รวมตัวกันที่เกาะผู้นำ เนื่องจากมีผู้ขอท้าประลองท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าเผ่า ทุกคนต่างตื่นเต้นเพราะเหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ชากา หัวหน้าเผ่าคนปัจจุบันก็แข็งแกร่งและปกครองได้อย่างราบรื่น ชาวเผ่าต่างพอใจกับชีวิตของตนจนไม่แน่ใจว่าผู้ท้าชิงที่เป็นเสือขาวตรงหน้านี้เขามีวัตถุประสงค์อะไร

    “ชากา ข้าขอประลองกับท่าน” เสือขาวนั่งคุกเข่าอยู่กลางลานประลองทรงกลม ตามประเพณีแล้วเมื่อมีผู้มาท้าประลอง หัวหน้าเผ่าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ

    ชากาเดินออกจากบ้านของตนออกมายืนกอดอกตรงหน้าผู้ท้าทาย ชาวพยัคฆ์ทั่วไปก็ว่าสูงใหญ่แล้ว แต่ร่างกายของเขาใหญ่กว่านั้นเกือบสองเท่า

    “คานู หลังมนุษย์มาปลดปล่อยเรา เจ้าก็ออกพเนจรตามลำพัง กลับมาทำไมถึงทำแบบนี้”

    คานูแสยะยิ้ม “ไม่มีอะไร ก็แค่มันน่าลองดู ถึงแพ้ก็ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้อยากเป็นหัวหน้าเผ่า”

    ชากาถอนหายใจ “ข้าว่าแล้ว นิสัยแปลกๆ ของเจ้า”

    เขาเปลี่ยนท่าทางเป็นตั้งรับการต่อสู้ “เข้ามา!”

    คานูยิ้มรับก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาฝ่ายตรงข้าม ทว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

    พอร์ทัลปรากฏ!

    มันคือประตูที่ทุกผู้ในแฟรี่เทลล้วนรู้จัก การเดินทางตามสัญญาทาสเพื่อไปสละชีวิตแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    แต่วิทยากับพรรคพวกมาปลดปล่อยพวกเราแล้ว ไม่น่าจะมีพอร์ทัลอีกแล้วนี่

    คานูได้แต่คิดพร้อมกับยอมให้ร่างกายพุ่งเข้าไปในพอร์ทัลนั้นด้วยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่จะหยุดได้ทัน

    …………….

    “การทำงานแบบเอจายล์ (agile) คือการทำงานในสำนักงานยุคใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับแผนกอีกต่อไป แต่เป็นการทำงานร่วมกันชั่วคราวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยเป็นแนวคิดที่เน้นความคล่องตัวและละทิ้งสิ่งจำเป็น”

    เสียงคีย์บอร์ดอันใหม่ดังรัวเป็นข้าวตอกแตกไม่หยุดมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ฟรีแลนซ์หนุ่มนาม “วิทยา” ยังเห่อกับของขวัญวันเกิดที่คนรักของเขาเพิ่งซื้อมาให้ไม่หาย มันเป็นคีย์บอร์ดแมคคานิคอลที่ทนทานและพิมพ์สนุกมาก จนเขาอดปลื้มใจที่มีคนรู้ใจไม่ได้

    [ทำงานมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถ]

    ข้อความจากโปรแกรมรักษาสุขภาพขึ้นเตือนตามหน้าที่ของมัน ชายหนุ่มอยากจะปิดทิ้งแล้วทำงานต่อตามนิสัย แต่เมื่อใบหน้าของวารินหรือ “คุณน้ำ” คนรักที่เพิ่งคบกันหมาดๆ ลอยขึ้นมา เขาก็ขยับตัวลุกขึ้นอย่างอิดออด เดินไปที่หน้าต่างดูฝนที่กำลังตกปรอยๆ เอาโทรศัพท์มาเช็คข้อความ วันนี้นอกจากกลุ่มโอเพนแชทที่คุยกันมหาศาลเป็นปกติแล้วก็ค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงแชทจากคุณน้ำที่ขึ้นมาว่า “ส่งรูปภาพ”

    ไปถ่ายแบบอะไรอีกหรือเปล่านะ

    เขากดข้อความนั้นดู ไม่ใช่รูปภาพหญิงสาวที่ไปถ่ายแบบ (คุณน้ำมีอาชีพเป็นนางแบบสายกีฬา) แต่เป็นภาพรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่กาญจนบุรี ดูร่มรื่นอยู่ริมแม่น้ำ

    [คุณวิทย์ สปอนเซอร์ให้น้ำไปแข่งวิ่งเทรล มีผู้ติดตามได้หนึ่งคน คุณวิทย์มานะคะ]

    ไม่ใช่ประโยคคำถาม “มานะคะ” ปกติเวลาคุณน้ำจะชวนไปไหนก็มักจะถามให้มีตัวเลือกเสมอ เพราะเธอรู้ว่าวิทยาบ้างานเป็นชีวิตจิตใจ แต่คราวนี้ดูจะไม่มีช่องให้ปฏิเสธ

    [เขาว่ามีเสือสมิงอยู่แถวนี้ น้ำกลัว]

    วิทยาแทบจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อคิดว่าวารินต่อสู้เก่งขนาดไหนในเกม Alterwind ที่พวกเขาไปผจญภัยร่วมกันมา ถึงมันจะเป็น “เกม” แต่ก็เป็นเกมเสมือนจริงที่ต้องออกแรงเท่ากับไปสู้จริงๆ แม้แต่มังกรร้ายหรือสัตว์ประหลาดที่ร้ายกาจขนาดแทบจะทำลายโลกได้ พวกเขาก็พิชิตมันมาแล้ว

    [ถ้ามีจริงคุณน้ำก็อัดมันให้น่วมเลยครับ 5555 อีกอย่าง ผมจะไปวิ่งตามคุณน้ำทันได้ยังไง]

    [ไม่รู้ล่ะ ถ้าคุณวิทย์ไม่มา น้ำจะ…]

    การเว้นจุดจุดจุดที่น่าสะพรึงกลัว อาจเป็นการบังคับเข้าคอร์สออกกำลังกายสุดหฤโหดประดุจนักรบสปาร์ตัน ที่เขาไม่ขอต้องเจอมันอีกครั้ง เขารีบพิมพ์ตอบแทบไม่ทัน

    [เดี๋ยวผมดูตารางแป๊บ… พอจะเลื่อนได้อยู่ครับ]

    [เย้]

    ตามมาด้วยสติกเกอร์ดีใจและหอมแก้ม

    [ไว้เจอกันนะคะ]

     

    …………..

     

    ผ่านมาได้สามวันแล้ว การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรนัก ดีที่ข้าเป็นพราน พอจะล่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยแถวนี้ประทังชีพได้

    … แต่เราจะกลับบ้าน กลับไปที่แฟรี่เทลได้ยังไง ถึงออกจากป่านี่ไป พวกมนุษย์ก็คงมีแต่หวาดกลัวเรา เห็นว่านอกจากเพลเยอร์ (ผู้เล่นเกม Alterwind) ก็ไม่มีมนุษย์อื่นที่รู้จักเผ่าพันธุ์ของพวกเราอีก

    … ไว้ค่อยหาวิธีก็แล้วกัน

    คานูคิดขณะกบดานอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ มองเห็นลำธารที่ไหลลงมาจากน้ำตก เผื่อว่าจะมีสัตว์ลงมากินน้ำให้ล่า แต่วันนี้ก็ได้อาหารไปแล้ว คงยังไม่ต้องล่าอะไรเพิ่ม เขามองอาณาบริเวณรอบๆ หาทางหนีทีไล่ ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นป่า อาจมีสัตว์ใหญ่ดุร้าย แม้ชาวพยัคฆ์จะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ควรประมาท

    เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของมนุษย์สามคนกำลังใกล้เข้ามา คานูไม่ขยับตัว พยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด

    มนุษย์ที่นี่ร่างเล็กกว่าที่เราเคยเห็น เด็กเหรอ

    เด็กสามคนนั้นมาเล่นน้ำ พวกเขาพูดกันด้วยภาษาที่เพลเยอร์พูดกัน คานูฟังเข้าใจ เกี่ยวกับการจัดงานแข่งขันวิ่งในป่า เด็กพวกนี้ไม่เข้าใจว่ามันสนุกตรงไหน จะเหนื่อยเปล่าๆ

    เราลองออกไปคุยแล้วกัน เผื่อจะมีเบาะแสอะไร

    ชาวพยัคฆ์ขนสีขาวลายพาดกลอนค่อยๆ เดินออกไปหาเด็กๆ อย่างช้าๆ เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่ามาอย่างสันติ เด็กคนหนึ่งสังเกตเห็นเขาเข้าแล้ว

    “สะ สะ เสือสมิง! เผ่นเร็ว!”

    “เดี๋ยว!” เขาร้อง ทว่าด้วยกล่องเสียงที่ไม่เหมือนมนุษย์ ทำให้ชาวพยัคฆ์เลียนแบบเสียงมนุษย์ไม่ได้เลย มันกลายเป็นเสียงเสือคำราม กู่ก้องไปทั้งป่า

    โฮกกกก!

    แล้วข่าวลือเรื่องเสือสมิงก็เริ่มตั้งแต่วันนั้น

    ………….

    คืนก่อนวันแข่งขันวิ่งเทรล ที่รีสอร์ท

    วิทยานอนเอนหลังอยู่บนเตียง ใจอยากจะทำงานเสียเหลือเกินแต่ถูกห้ามเอาคอมพิวเตอร์มา เขาจึงได้แต่เล่นโทรศัพท์ ในหน้าจอมีรูปแมวที่ประสิทธิ์ พี่ชายของเขาถ่ายรูปส่งมาให้ดู ชายหนุ่มเหลือบไปมองนาฬิกาที่มุมซ้ายของหน้าจอ มันบอกเวลา 21.00 น. แล้ว

    เมื่อไหร่คุณน้ำจะกลับนะ ว่าแต่เราบ้างาน ตัวเองก็บ้าเหมือนกันล่ะน่า

    ที่ฟรีแลนซ์นักแปลคิดอย่างนั้นเพราะวารินต้องไปประชุมบรีฟงานกับสปอนเซอร์ที่เป็นเสื้อผ้ากีฬา นัดแนะกับช่างภาพ และปรึกษาเรื่องท่วงท่าต่างๆ ที่จะใช้ในการวิ่ง

    “ก็งานวิ่งฟรี ที่พักฟรี ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันบ้างล่ะค่ะ น้ำไปไม่นานหรอก” วารินใช้สองมือจับที่แก้มของเขาพูดปลอบใจ

    ไม่นานแต่ก็สองชั่วโมงแล้วนะ

    เขาหันมาที่เสื้อวิ่งสีฉูดฉาดของตนเอง จัดแจงเอาบิบ (Bib : หมายเลขวิ่ง) มาติดที่เสื้อ ตรวจสอบเสื้อผ้าและอุปกรณ์ต่างๆ อีกครั้ง เนื่องจากคราวนี้เป็นการวิ่งเทรล จึงต้องมีไฟฉายคาดศีรษะด้วยเพราะเป็นการวิ่งไปในป่าตอนเช้ามืด แสงยังน้อยเกินกว่าที่จะมองเห็น ส่วนอุปกรณ์ของวารินนั้น สปอนเซอร์จัดเตรียมให้เรียบร้อยแล้ว และตอนเช้าเธอยังต้องออกไปก่อนใครเพื่อไปแต่งตัวและแต่งหน้าด้วย

    รู้งี้ทำงานอยู่ที่ห้องดีกว่า

    ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออก วารินทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง

    “โอ๊ย เหนื่อยมากเลย เถียงกันนานมากเรื่องสีรองเท้า” แล้วเธอก็หันมาที่วิทยา ทำตาเป็นประกาย “คุณวิทย์คะ!”

    “อะไรครับ” เขาสะดุ้ง

    “จำเรื่องเสือสมิงได้ป่าว น้ำนี่แหละ เสือสมิง! เมี้ยว!” หญิงสาวทำท่าหมอบเหมือนแมวก่อนจะกระโจนเข้าโผกอดวิทยา ทำท่าจะถอดเสื้อของเขาออก เธอเลิกชายเสื้อยืดสีขาวของเขาขึ้น เผยให้เห็นหน้าท้องที่เริ่มมีมัดกล้ามจางๆ จากการออกกำลังกายที่ถูกบังคับ

    “คุณน้ำ เดี๋ยว! ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลย!”

    “ไม่เป็นไรหรอกน่า เมี้ยว!” เสือสมิงยังรุกต่อไม่หยุด เลิกชายเสื้อขึ้นมาถึงหน้าอกแล้วประพรมจูบไปทั่ว วิทยาเริ่มทนไม่ไหวถอดเสื้อของเขาออก “เห็นแบบนี้ผมก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนะ” ชายหนุ่มพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน ใช้มือขวาลูบที่แก้มของเธอไว้ แล้วโน้มศีรษะลงมา ริมฝีปากของเขาอยู่ใกล้กับริมฝีปากของเธอ วารินหน้าแดงก่ำ ปากเธอเผยอขึ้น

    …แต่แล้วชายหนุ่มก็หยุดกลางคัน สายตาของเขามองไปที่หน้าต่าง

    “มีอะไรเหรอคะ” วิทยาไม่ตอบ วารินจึงมองตามสายตาของเขา แล้วสิ่งที่มองเห็นก็ทำให้เธอต้องนิ่งอึ้งเช่นกัน

    “เสือ…”

    มันไม่ใช่เพียงเสือธรรมดา แต่เป็นพญาเสือขาวในร่างครึ่งมนุษย์ เขายืนจังก้าอยู่ที่หน้าต่าง ปากอ้ากว้างส่งเสียงคำราม

    “โฮกกก!”

    เสียงนั้นน่าจะดังไปหลายสิบเมตร แต่คนอื่นๆ กำลังสังสรรค์กันอยู่ที่ห้องประชุม และที่ตึกโซนนี้ของรีสอร์ทก็ไม่มีผู้พักอื่น เนื่องจากผู้จัดงานวิ่งได้เหมารีสอร์ทไว้เพื่อความสะดวกและความเป็นส่วนตัว จึงไม่มีใครได้ยินเสียงเลย

    วารินเอื้อมมืออย่างช้าๆ ไปที่โทรศัพท์ ตั้งใจจะโทรขอความช่วยเหลือ แต่วิทยาจับมือของเธอไว้เป็นเชิงห้าม

    “เขาเรียกชื่อผม”

    “อะไรนะคะ หรือว่า…” คุณวิทย์เป็นผู้เดียวในเกมที่สื่อสารโต้ตอบกับเหล่ามอนสเตอร์ได้ แต่นี่ก็ไม่ได้อยู่ในเกม ทำไมเขาถึงฟังรู้เรื่องอยู่อีก

    “ครับ เขาเป็นชาวแฟรี่เทล”

    “คุณเป็นใคร มาที่นี่ได้ยังไง” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร วิทยาก็ค่อยคลายความกลัวและความตื่นเต้นลง เขาถามด้วยน้ำเสียงปกติ เสียงคำรามของเสือดังออกมาอีก วารินที่เมื่อครู่กลัวพยัคฆ์ร้าย ตอนนี้เริ่มกลัวว่าคนอื่นๆ จะเลิกสังสรรค์แล้วกลับมาเจอเข้า จึงได้แต่หวังว่าทั้งสองคนจะคุยกันจบเร็วๆ สักพักฟรีแลนซ์หนุ่มก็หันมาหาวารินแล้วบอกเล่าให้ฟังสั้นๆ ว่าคานูเข้ามาในพอร์ทัลโดยบังเอิญ

    “แต่พอร์ทัลมันน่าจะไม่มีแล้วนี่”

    “ผมก็สงสัยเหมือนกัน เดี๋ยวจะลองติดต่อเวลม่าดู” เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที “สวัสดีครับคุณเวลม่า ผมวิทยานะ พวกเราเจอชาวแฟรี่เทลที่นี่”

    มีเสียงอุทานด้วยความตื่นเต้นดังออกมาจากโทรศัพท์ หลังจากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงพูดของอดีตหัวหน้าโปรแกรมเมอร์เกม Alterwind “ขอโทษด้วยค่ะ เราเพิ่งกลับมาทดลองใช้พอร์ทัลที่แฟรี่เทลครั้งแรกเมื่อหลายวันก่อน พิกัดอาจผิดพลาด เพราะพิกัดปลายทางที่แฟรี่เทลที่เราทดลองไม่มีผู้อาศัย ทางเรายินดีจะส่งคุณคานูกลับไปโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่การเปิดพอร์ทัลอีกครั้งต้องใช้เวลาอีกประมาณสองสามวัน คงต้องขอฝากเขาไว้กับคุณก่อนค่ะ แล้วจะไปรับที่กรุงเทพ”

    “ฝากไว้ที่ผม!?” ทั้งสองคนจ้องมองไปที่คานู แน่นอนว่าการให้เพื่อนมาอยู่ด้วยสักสองสามวันคงไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่เพื่อนที่เป็น “เสือสมิง” พวกเขาจะเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน จะให้อยู่ป่าต่อไปก็คงไม่ได้เพราะต้องพากลับไปกรุงเทพด้วยอีก

    มีเสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยดังเข้ามาใกล้ คนอื่นๆ คงจะกลับมากันแล้ว

    วิทยากับวารินมองตากันเลิกลั่ก แต่ทันใดนั้นหญิงสาวก็นึกออก

    “ให้เขาเป็น “เกม” ของนักวิ่งก็แล้วกันค่ะ อาจจะแก้ข่าวลือเรื่องเสือสมิงได้ด้วย ให้คุณคานูเข้ามาในห้องก่อน เดี๋ยวน้ำจะพาเขาไปอธิบายกับคนอื่นๆ เอง” หญิงสาวรีบจัดการตัวเองให้ดูเรียบร้อยพอที่จะออกไปพูดคุยได้ ส่วนวิทยาก็รีบหยิบเสื้อมาสวม “คุณวิทย์เอาผ้าห่มมาคลุมตัวเขาไว้ก่อนค่ะ ออกไปทั้งอย่างนี้เดี๋ยวแตกตื่นกันหมด” ชายหนุ่มทำตาม

    ทั้งสามคนออกมาที่ทางเดิน มีทีมงานคนอื่นๆ เดินเข้ามาจริงๆ วารินรีบไปพูดคุยกับพวกเขา จังหวะที่เลิกผ้าห่มออก ทุกคนดูตกใจแต่แล้วก็สงบลงเมื่อนึกถึงคำอธิบายจากหญิงสาวเมื่อสักครู่ได้ว่าเสือสมิงที่เห็นตรงหน้าเป็น “หุ่นยนต์ทดลอง” ที่บริษัท Light Rabbit ผู้ออกทุนให้กับงานวิ่งเทรลส่งมาให้เป็นเซอร์ไพรส์ และเป็นการโปรโมทเกม Alterwind ที่กลับมาให้บริการอีกครั้ง ที่หญิงสาวต้องอธิบายอย่างนี้เป็นเพราะเรื่องของพอร์ทัลยังเป็นความลับของบริษัท

    “อะ… อ้อ สมจริงมากเลยนะครับ แต่ทำไมต้องเอามาแอบในป่าตั้งหลายวันจนมีข่าวลือแปลกๆ ด้วย ผมล่ะกลัวว่าคนจะยกเลิกการสมัครวิ่ง” หนึ่งในทีมงานว่าอย่างนั้น

    …………..

    เช้ามืดวันงานวิ่ง ก่อนออกตัว

    เหล่านักวิ่งที่สมัครไว้ต่างพากันมารวมตัวที่จุดสตาร์ทเพื่อรอเวลาออกตัว ไม่ห่างกันนักมีเวทีที่มีพิธีกรชายหญิงนำกิจกรรมต่างๆ ก่อนถึงเวลาวิ่งจริง ส่วนมากจะเป็นการวอร์มอัพและการเล่าถึงประวัติของงานนี้ และพูดถึงสปอนเซอร์ต่างๆ ของงาน เมื่อมีการพูดถึง Light Rabbit วารินกับคานูก็ขึ้นไปบนเวทีและแนะนำตัว ก่อนที่วารินจะประกาศว่า “ทาง Light Rabbit ผู้สนับสนุนงานนี้อย่างเป็นทางการ ได้เพิ่มเงินรางวัลให้กับทุกคนที่เข้าเส้นชัยก่อนคานู ท่านละหนึ่งหมื่นบาทค่ะ! ไม่จำกัดจำนวนนะคะ! ใครขาแรงใส่ให้สุดฝีเท้าเลยค่า!”

    คานูดูหน้าเหวอๆ แฮะ แต่คงไม่มีใครดูออกมั้ง

    วิทยาคิด อันที่จริงเงินหมื่นเขาก็อยากได้อยู่เหมือนกัน แต่ฝีเท้าระดับนี้คงจะไม่มีหวัง ชายหนุ่มล้วงกระเป๋าหยิบคุกกี้ในซองพลาสติกที่ได้ฟรีขึ้นมากินเพื่อเพิ่มกำลังงาน

    “และแล้วก็ใกล้จะถึงเวลาออกตัวแล้วนะครับ ขอเชิญนักวิ่งเข้ามาที่จุดสตาร์ทได้เลยครับ เราจะนับถอยหลังไปด้วยกัน หุ่นเสือสมิง เราจะปล่อยหลังจากออกตัวไปแล้วห้านาทีนะครับ เชิญหนีกันให้เต็มที่ได้เลย ขอให้ทุกคนโชคดีครับ!”

    “5”

    “4”

    “3”

    “2”

    “1”

    สัญญาณออกตัวดังขึ้น เหล่านักวิ่งพุ่งทะยานออกไปในแสงสลัวของเวลาห้านาฬิกา “หุ่นยนต์ทดลอง” เริ่มรู้สึกสนุก เขาร้องคำรามลั่น ก่อนควบตะบึงไล่ล่าเหยื่อฝูงใหญ่ที่วิ่งออกตัวไปล่วงหน้าแล้ว

    ………

    สามวันถัดมา

    “ขอโทษจริงๆ ค่ะ พอเราดีลเรื่องพลังงานกับมังกรแห่งความมืดได้ เราก็ทดลองกับพื้นที่ว่าง ไม่นึกเลยว่าจะมีปัญหาเรื่องพิกัดผิดพลาด” เวลม่าพูด พวกเขานั่งอยู่ที่ร้านกาแฟกลางแจ้งแห่งหนึ่งในกรุงเทพ คานูนั่งอย่างสง่าผ่าเผยเพราะทุกคนนึกว่าเขาเป็นหุ่นยนต์ ชาวพยัคฆ์ผู้นี้ไม่พอใจที่ต้องเดินทางมาต่างดาวโดยอุบัติเหตุ แต่เขาก็ได้รับค่าชดเชยและความสนุกจากงานวิ่ง ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะทัดเทียมกับการประลองชิงตำแหน่งหัวหน้าเผ่าเลยทีเดียว วิทยากับวารินก็มาส่งคานูถึงที่ด้วย พวกเขาแนะนำอาหารของชาวไทยและชาวโลกให้ชาวดาวแฟรี่เทลได้ลิ้มลอง

    “อร่อยดี” เขาหัวเราะ แต่ผู้ที่ฟังไม่ออกก็ยังคงได้ยินเป็นเสียงคำราม เมื่อเห็นผู้คนรอบข้างแตกตื่น คานูก็ทำหน้าแหยๆ ที่ไม่มีใครมองออกยกเว้นวิทยา ก่อนที่เขาจะเดินไปขึ้นรถพร้อมกับเวลม่าเพื่อเดินทางกลับบ้าน วารินได้กำชับกับเวลม่าเรื่องพิกัดการวาร์ปว่าอยากให้แม่นยำที่สุด เพราะถ้าวาร์ปผิด จะมาโอกาสไปปรากฏในจุดที่อันตราย เช่น ปากปล่องภูเขาไฟ หรือใต้ทะเลลึก ซึ่งเวลม่าก็ได้รับปากว่าจะพยายามอย่างดีที่สุด และในหลายวันที่ผ่านมาก็ได้ปรับแก้ระบบจนน่าจะใช้งานได้แล้ว วารินกับวิทยายืนมองรถแท็กซี่ค่อยขับจากไป ทั้งสองโบกมือให้กับเพื่อนจากต่างดาวที่ไม่รู้ว่าเมื่อใดถึงจะมีโอกาสได้พบกันอีก





     


     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×