ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Bad Butler

    ลำดับตอนที่ #1 : พ่อบ้าน....

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 56


    I

    ชายหนุ่มวัยยี่สิบสี่มองผ่านประตูรั้วและสนามหญ้าไปยังคฤหาสน์ที่อาจจะเรียกว่าปราสาทได้อย่างไม่ต้องสงสัย เขาก้มอ่านบางสิ่งที่อยู่ในเศษกระดาษเล็กๆและหันไปมองป้ายขึ้นสนิมตรงประตูรั้วซ้ำไปซ้ำมาด้วยความไม่มั่นใจนัก

    ชายหนุ่มหันหลังให้กับสถานที่นี้ก่อนจะหยิบมือถือจากกระเป๋าเสื้อโค๊ดกดเบอร์โทรที่คุ้นเคยก่อนจะแนบมันไปกับหูและรอคอยการตอบรับจากปลายสาย ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพอสมควรบวกกับความฉงนที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ

    [ยอโบเซโย...]

    เสียงเรียบดังมาตามสายทำให้คนรอคลายความตึงเครียดบนใบหน้าลงไปได้บ้าง อย่างน้อยตอนนี้คิ้วที่ผูกกันเป็นปมก็คลายออก

    “ย่าห์ แอลนี่ฮยองเอง”

    [ซองกยูฮยอง...ว่าไงครับไปถึงแล้วใช่มั้ยครับ ลอนดอนน่ะ”

    “อื้ม ถึงแล้วละ แต่ฮยองมีปัญหาเรื่องที่พักนิดหน่อยน่ะ”

    [ที่พัก?? ฮยองหาบ้านที่ผมจดที่อยู่ให้ไม่เจอยังงั้นหรอครับ ผมว่ามันก็ไม่ได้หายากอะไรเลยนี่นะ ออกจะโดดเด่นจะตายไปด้วยซ้ำน่ะ]

    ซองกยูหันไปมองคฤหาสน์หลังใหญ่อีกครั้ง กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากพลางภาวนาเสียงดังอยู่ในใจอย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย

    “แอล นายแน่ใจนะว่านายไม่ได้จดที่อยู่ให้ฮยองผิด”

    [แน่ใจครับ...มีอะไรรึป่าวครับ]

    ซองกยูถึงกับต้องเดินกลับไปมองแผนที่ๆตัวเองใช้นำทางมาจนถึงที่นี่และเช็กที่อยู่ที่ได้มาจากแอลและป้ายหน้าคฤหาสน์อย่างเอาจริงเอาจัง ในหัวคิดแค่ว่าเขากำลังหลงทางแน่ๆแต่ทุกอย่างก็ยืนยันว่าเขาเดินทางถูกต้องทุกประการ

    “แอล นายแน่ใจนะ...”

    [แน่ใจครับฮยอง ฮยองมีอะไรรึป่าว]

    “นี่นาย...นายจะให้ฉันมาอยู่ในปราสาทผีดิบรึไง!!!

    เมื่อเขาตะโกนเสียงดังใส่โทรศัพท์ปลายสายก็เงียบเสียงลงไปทันที ก่อนความเงียบจะกลายเป็นเสียงหัวเราะแบบหยุดไม่อยู่ของน้องชายตัวแสบแทน

    “ย่าห์!! ไม่ตลกนะ!!

    [ฮยองดูหนังเกินไปแล้ว มันจะไปมีปราสาทผีดิบได้ยังไงแต่ถ้าฮยองพูดแบบนี้ก็แปลว่าฮยองไปถูกที่แล้วละครับ เป็นไงฮยองน่าอยู่มากเลยใช่มั้ย]

    “น่าอยู่กะผีแกน่ะสิ แล้วฮยองต้องมาอยู่ที่นี่จริงๆหรอ”

    [เอาน่าฮยองไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลขนาดนั้นเลยนี่นา แค่เดือนเดียวอีกอย่างมันก็ไม่มีผีดิบดูดเลือดแบบที่ฮยองคิดหรอกฮะ ที่นั้นมีคนดูแลอยู่คนหนึ่งด้วยนะเป็นคนที่ดีเลยละ ยังไงก็ตั้งใจทำงานให้คุณลุงด้วยนะครับ อันนยอง]

    “ดะ..เดี๋ยว แอล แอล!!

    ไม่มีเสียงตอบรับจากบุคคลที่ท่านเรียก ซองกยูแทบอยากจะกลับไปกระทืบน้องชายตัวดีให้จมดินซะเดี๋ยวนี้ แต่สิ่งที่เขาต้องกังวลคงไม่พ้นสถานที่ที่เขาต้องอาศัยซุกหัวนอนไปอีกหนึ่งเดือนเต็ม

    “แล้วฉันจะทำยังไงดีละเนี่ย!!

    มือเรียวบางยกขึ้นขยี้ผมสีน้ำตาลอัลมอนด์จนยุ่ง ก่อนจะตัดสินใจกดกริ่งของคฤหาสน์อย่างจนปัญญา ไอ้จะหาที่อยู่ใหม่ก็ดูจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาซึ่งมีเพียงตัวคนเดียวกับสถานที่ๆไม่คุ้นเคย โชคร้ายเป็นที่หนึ่งจริงๆ คิม ซองกยู T^T

    “คุณ...คิมซองกยู”

    เขาเลิกสนใจปลายเท้าที่เขี่ยไปมาอยู่บนพื้นของตัวเอง เงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มผมดำที่เป็นคนมาเปิดประตูต้อนรับเขา...รึป่าว?? ซองกยูโดนสายตาของชายหนุ่มมองตั้งแต่หัวจรดเท้าซึ่งเขาก็กำลังทำมันเหมือนกัน

    เขามองชายหนุ่มที่สูงกว่าเขาเล็กน้อย ซองกยูสาบานว่ารองเท้าหนังคู่นั้นคงเป็นส่วนช่วยไม่น้อยเลยทีเดียว -_-;; วกกลับมาที่ใบหน้าหล่อเหลาไม่ว่ารอยยิ้มที่ส่งมาจะสมบูรณ์แบบแค่ไหนแต่สายตาแบบนั้นมันก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี

    ดูเจ้าเล่ห์ชะมัด!

    “ยินดีต้อนรับนะครับ ผมจะยกกระเป๋าไปให้เอง...”

    ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นคนดูแลที่นี่ตามที่แอลบอกเดินไปยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่อยู่ข้างหลังของเขา จังหวะที่ร่างนั้นผ่านไปกลิ่นกุหลาบแดงทำให้ซองกยูเผลอหลับตารับกลิ่นที่เหมือนมีมนต์เสน่ห์ลึกลับนั่นอย่างลืมตัวไปชั่วขณะ

    “คุณควรจะรีบนะครับ ใกล้เวลามื้อค่ำแล้ว...”

    “ชิ ขี้เก็กชะมัด”

    ซองกยูบ่นอุบอิบก่อนจะเดินตามชายหนุ่มเข้าไปยังคฤหาสน์ผีสิงหรือปราสารทผีดิบในความรู้สึกของเขา ยังไงซะสถานที่นี้ในเวลาพลบค่ำมันก็ไม่ได้ดูดีเหมือนในหนังรักโรแมนติกออกจะดูเหมือนคฤหาสน์ร้างในหนังสยองขวัญซะมากกว่า

    -------------------------

    “ห้องที่คุณจะพักคือห้องนี้นะครับ เชิญ”

    ซองกยูเดินเข้าไปยังห้องนอนแห่งใหม่แต่ดูแล้วท่าจะไม่ได้ใหม่สมชื่อ ดูแล้วเหมือนห้องนอนของพวกราชวงศ์อังกฤษสมัยก่อนยังไงยังงั้น เตียงใหญ่ที่นอนได้สักสามสี่คนถูกวางไว้กลางห้อง นาฬิกาโบราณเรือนใหญ่แขวนไว้บนผนังใกล้กับโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ ชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยตำราโบราณแต่ไร้ฝุ่นแสดงให้เห็นว่าที่แห่งนี้มีคนคอยทำความสะอาดตลอด บนเพดานมีแซนนาเรียขนาดใหญ่ที่คิมซองกยูไม่ค่อยมั่นใจนักว่ามันจะไม่หล่นมาทับเขา แต่สิ่งที่สะดุดตาเขาคือแจกันหลายใบที่ใส่ดอกกุหลาบแดงสดถูกวางไว้เกือบจะทุกมุมของห้อง

    “เออ...ไม่คิดว่าห้องนี้มันจะกว้างไปสำหรับหนึ่งคนหรอ อีกอย่างกุหลาบนั่นมันเยอะไปรึป่าว”

    “คุณไม่ชอบกุลาบยังงั้นหรอ มันเป็นองค์ประกอบที่สมบูรณ์สำหรับห้องนี้แล้วครับ อ๋อ และถ้าห้องนี้มันจะกว้างเกินไปสำหรับหนึ่งคนละก็ ผมยินดีจะมาอยู่ที่ห้องนี้กับคุณ ถ้าหากคุณต้องการจริงๆน่ะ...”

    เขาจะถือว่าคำพูดนั่นเป็นการล้อเล่นละกันนะ ถ้าช่วยสนิทกันมากกว่านี้สักนิดคงถูกเขาเตะปากไปแล้วละ รู้สึกไม่ถูกชะตากับนายคนนี้เลยสักนิด ให้ตายสิ!

    “อีกหนึ่งชั่วโมงจะถึงเวลามื้อค่ำ ช่วยไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารด้วยนะครับ มีปัญหาอะไรก็ในเวลาย่ำค่ำเรียกได้เลย แต่ช่วยกรุณามีปัญหาให้มันน้อยๆละกันครับ เพราะผมเองก็มีหน้าที่ต้องทำหลายอย่าง และอย่าทำลายข้าวของที่อยู่ในคฤหาสน์นะครับไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม นี่เป็นของที่คุณท่านฝากไว้ให้คุณดูแล้วมันจะเป็นของที่มีประโยชน์กับคุณมากทีเดียว...”

    ซองกยูรู้สึกว่าเวลานี้เขาอยากจะถีบไอ้คนดูแลคฤหาสน์หน้าตาและคำพูดกวนส้นเท้านี่ให้ตกบันไดคอหักตายจริงๆ ถ้าได้เจอคุณลุงน่ะพ่อจะทำทุกวิถีทางให้แกโดนไล่ออกเลยคอยดู!!

    เขาพยายามที่จะระงับอารมณ์ไม่กระโดดงับคอคนตรงหน้าคว้าเอากระดาษสีซีดเหลืองมาแกะดูก็พบว่ามันเป็นแผนที่ ดูแล้วเขาเดาว่ามันคงเป็นแผนที่ของคฤหาสน์นี้แน่ๆ ไม่อยากจะยอมรับคำพูดของหมอนี้หรอกแต่ก็พูดถูกมันมีประโยชน์ต่อเขามาก เพราะให้เขาเดินในคฤหาสน์หลังนี้ไม่เกินห้านาทีเขาคงหลงทางแล้ว อีกอย่างสามวันไม่รู้จะเดินรอบคฤหาสน์รึป่าว

    “ผมขอตัวนะครับ”

    เอาหัวด้วยไหมละ! เขาได้แต่ประชดเสียงดังอยู่ในใจไม่ใช่ว่าไม่กล้านะ แต่การสร้างศัตรูในสถานที่ๆไม่มีเพื่อนหรือแม้แต่คนรู้จักเนี่ยไม่ใช่ความคิดที่ดีนักหรอก หรือไม่จริง...

    “ขออภัยครับ ผมลืมไปเรื่องหนึ่ง”

    “ระ..เรื่องอะไร”

    “ผมคงยังไม่ได้แนะนำตัวให้คุณรู้จักสินะ ขออภัยด้วยเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมาก”

    อ๋อ จริงด้วยเห็นหน้ามาตั้งเกือบครึ่งชั่วโมงยังไม่รู้จักชื่อหมอนี้เลย อันที่จริงก็ไม่อยากจะรู้จักสักเท่าไหร่หรอกคือไม่อยากจะพานพบกันด้วยซ้ำและความจริงของจริงอีกเรื่องคือการที่หมอนี้ไม่ได้แนะนำตัวมันไม่ได้เสียมารยาทอะไรเล้ยถ้าเทียบกับสารพัดคำหยาบทางอ้อมที่คุยกันมาน่ะนะ

    “ผมเป็นพ่อบ้านที่คอยดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์นี้ครับ ผมชื่อว่า นัม อูฮยอน เรียกผมว่าอูฮยอนละกันนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณคิมซองกยู ^^

    “ยินดีที่ได้รู้จัก..”กัดฟันพูดสุดๆ

    “หวังว่าหนึ่งเดือนต่อจากนี้เราสองคนจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุขนะครับ”

    อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขงั้นหรอ! ขอบอกตามตรงนะถ้าเราสองคนอยู่ร่วมกันหนึ่งเดือนต่อจากนี้อย่าได้คิดจะเอ่ยคำว่าสงบสุขเล้ย ไม่มีทาง!!

    เลวร้ายที่สุด!!

     

    ::To be 
    continue

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×