คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เข้าใจผิด [chanyeol x suho]
“เรียกคุณคิมจุนมยอนมาพบผมที่ห้อง ด่วน!"
เลขาสาวสวยยังไม่ทันได้ตอบกลับไปเมื่อโดนปลายสายวางหูใส่เสียงดังจนเผลอสะดุ้ง ถอนหายใจออกมาแรงๆให้กับความเอาแต่ใจของลูกชายเจ้าของบริษัทก่อนที่นิ้วเรียวจะกดสายต่อแล้วกรอกน้ำเสียงใสลงไปอย่างมืออาชีพราวกับลืมความหงุดหงิดเมื่อครู่ไปอย่างสิ้นเชิง
"คุณจุนมยอนคะ รองประธานปาร์คเชิญพบที่ห้องทำงานค่ะ"
ไม่นานคนถูกตามก็เดินมาถึงหน้าห้องคนที่ต้องการพบตัวเขา ยิ้มรับเลขาสาวที่โค้งศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูห้องให้เขาเข้าไป
"ดูเหมือนรองประธานปาร์คจะกำลังอารมณ์ไม่ดีนะคะ"
เลขาสาวกระซิบเตือนด้วยความหวังดีให้ได้ยินกันสองคนก่อนจะหันไปหาเจ้านายหนุ่ม
"คุณจุนมยอนมาแล้วคะ"
น้ำเสียงสดใสไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นพอเลขาสาวออกไปทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบชวนอึดอัด จุนมยอนมองหน้าเจ้าของห้องที่เอาแต่นั่งกอดอกนิ่งอยู่ที่โต๊ะประจำตำแหน่ง แค่เห็นสายตาดุๆที่ส่งมานั้นก็รู้แล้วว่าปาร์คชานยอลกำลังไม่พอใจ
"คราวนี้เรื่องอะไรอีกหละครับคุณรองประธาน"
จุนมยอนเองก็ไม่พอใจอยู่เหมือนกัน แต่ลูกน้องอย่างเขาคงจะไปถือโทษโกรธเจ้านายไม่ได้ แต่ถ้าในฐานนะแฟนขอบอกเลยว่าเขากำลังเริ่มโกรธแฟนตัวสูงตรงหน้าขึ้นมานิดๆแล้ว เขาถูกเรียกให้มาพบรองประธานปาร์คที่ห้องเป็นรอบที่สามของวัน ครั้งแรกอีกฝ่ายให้เหตุผลว่าที่เรียกมาพบเพราะอยากเห็นหน้า ครั้งที่สองบอกว่าคิดถึง ถ้าเป็นในเวลาปกติคงจะดีใจอยู่หรอกแต่ไม่ใช่เวลาที่ต้องรีบเคลียงานท่วมหัวแบบนี้ หรือเขาจะโกรธตัวเองดีทั้งๆที่ตั้งใจจะไม่มาหากถูกเรียกอีกแต่เอาเข้าจริงสองเท้ากลับดื้อพาเจ้าของมาหน้าห้องคนที่ตนก็คิดถึงเหมือนกันจนได้
"พี่มีอะไรจะบอกผมไหม"
จุนมยอนถอนหายใจเบาๆก่อนจะตอบกลับไป
"พี่คิดถึงนาย พี่รักนาย พอใจรึยัง ขอร้องหละชานยอลอย่าเล่นเป็นเด็กๆด้วยการเรียกพี่มาพบบ่อยๆแบบนี้เลยนะ พี่ยังมีงานค้างอีกเพียบที่ต้องรีบทำให้เสร็จ"
"ขอโทษละกันที่ผมมันก็แค่คนที่ชอบเล่นเป็นเด็กๆไม่ใช่คนเก่งอย่างพี่ที่จะได้ไปทำงานไกลถึงต่างประเทศ"
"ชะ...ชานยอล นายรู้แล้วหรอ"
"พี่คิดจะบอกผมเมื่อไหร่ ช่างเถอะเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้พี่ต้องบอกผมมาก่อนว่าใครเป็นคนเสนอชื่อพี่ไป ภรรยาท่านประธานใช่ไหมเพราะเขารู้เรื่องของเราเลยทำแบบนี้ใช่ไหม ต่อหน้าก็บอกว่าถ้าผมรักใครก็จะรักด้วยแต่ลับหลังกลับมาแกล้งพี่แบบนี้ เหอะ ผมจะไปจัดการเอง"
ร่างสูงลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกจากห้องไปแต่กลับโดนมือเรียวคว้าแขนไว้เสียก่อน
"ไม่ต้องกลัวนะผมจะปกป้องพี่เอง ต่อให้ต้องเสียตำแหน่งรองประธานนี้ไปผมก็จะไม่ยอมให้พี่ต้องห่างจากผมเด็ดขาด"
รอยยิ้มที่หวังจะทำให้อีกฝ่ายอุ่นใจเป็นต้องหายไปเมื่อได้ยินประโยคต่อมาของจุนมยอน
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่นาย คือ... คือพี่... เป็นคนตัดสินใจไปเอง"
"ผู้หญิงคนนั้นบังคับให้พี่บอกผมแบบนี้ใช่ไหม"
"เลิกว่าแม่ตัวเองสักทีนะชานยอล! พี่เป็นคนอยากไปเอง พี่เสนอตัวไปเป็นผู้ช่วยคุณชอยเอาโครงการไปนำเสนอกับเครือข่ายทางโน้นเอง นายก็รู้ว่าช่วงสิ้นปีแบบนี้ใครๆก็เร่งทำผลงานเพื่อให้ได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นในปีหน้ากันทั้งนั้น ถ้าพี่ทำให้พวกเขาสนใจโครงการของทางเราได้ปีหน้าพี่ต้องได้เลื่อนขึ้นแน่นอน"
จุนมยอนเริ่มขึ้นเสียงเมื่ออารมณ์เสียที่คนตรงหน้ายังคงเข้าใจคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่แบบผิดๆส่วนคนอารมณ์ร้อนอย่างชานยอลถือคติแรงมาก็แรงกลับเลยตะคอกใส่อีกฝ่ายเสียงดัง
“อยากไปมากนักหรออเมริกา พี่อยากอยู่ห่างจากผมนักหรือไง! การเลื่อนตำแหน่งมันสำคัญกับพี่มากกว่าผมใช่ไหม! หรือว่าอยากหาแฟนใหม่ เอาแบบฝรั่งผมบลอนด์ตาสีฟ้าเลยเป็นไง!"
เสียงโวยวายหยุดลงเมื่อเจ้าของวาจาร้ายกาจโดนฝ่ามือจุนมยอนฝาดลงเต็มแรงจนแก้มขึ้นรอยแดง ราวกับได้สติชานยอลสวมกอดเข้าด้านหลังคนที่ตบเขาแล้วหันหลังกลับเตรียมจะเปิดประตูออกจากห้องไป จุนมยอนก็แค่ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาร้องไห้ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตา แต่ความอบอุ่นที่ได้รับจากอ้อมแขนนั้นก็พาลให้หยดน้ำใสที่พยายามกลั้นพรั่งพรูออกมาจากดวงตากลมอย่างห้ามไม่ได้ ร่างเล็กสะอื้นจนตัวโยนอยู่ในอ้อมกอดอีกฝ่าย ข้างหูก็ได้ยินเสียงพร่ำเอ่ยขอโทษไม่ขาดสายจนสุดท้ายก็ยอมใจอ่อนอย่างทุกที ในเมื่อเขาพร้อมที่จะให้อภัยอีกฝ่ายได้เสมอ ตั้งแต่เลือกที่จะรักคนอารมณ์ร้อน ปากร้าย แถมเอาแต่ใจอย่างปาร์คชานยอล
จนกระทั่งร่างเล็กเริ่มนิ่งชานยอลคลายอ้อมกอดออกก่อนจะพลิกตัวอีกฝ่ายให้หันกลับไปมองหน้ากัน จุนมยอนสูดน้ำมูกเสียงดังขณะถูกมือหนาลูบเช็ดคราบน้ำตาที่สองข้างแก้ม
"ผมขอโทษนะครับ"
หน้าหงอยๆอย่างคนรู้สึกผิดของคุณหนูชานยอลลูกชายท่านประธานที่ปกติเอาแต่เก็กหล่อกับทำหน้าดุทำเอาจุนมยอนหลุดขำออกมา ก็ของแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นกันบ่อยสักหน่อย
"เปลี่ยนอารมณ์เร็วจัง พี่หายโกรธผมแล้วใช่ไหมครับ"
"อืม"
จุนมยอนตอบรับในลำคอก่อนจะเอียงหน้าหลบริมฝีปากได้รูปที่ยื่นเข้ามาใกล้ ฝ่ายนั้นเลยเลือกที่จะกดจมูกลงกับพวงแก้มใสแล้วสูดหายใจเข้าเสียงดังแทน
"ไหนว่าหายโกรธแล้วไง แล้วทำไมไม่ยอมให้จูบหละครับ"
"ก็...”
เพียงแค่ใบหน้าหวานที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อหันไปมองประตูห้องทางด้านหลัง เขาก็พอจะเดาคำตอบได้ รอยยิ้มกริ่มปรากฎขึ้นบนในหน้าหล่อก่อนชานยอลจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นเกาะไหล่ร่างบางแล้วดันให้เดินถอยหลังไปช้าๆจนแผ่นหลังขอจุนมยอนทาบลงกับบานประตู ชานยอลเอื่อมมือผ่านคนตรงหน้าไปกดล็อคประตูอย่างรวดเร็ว
“โอเคแล้วนะ”
ไม่ต้อรอให้อีกฝ่ายตอบตกลงชานยอลประกบริมฝีปากลงบนกลีบปากบางที่เขาโหยหา สำผัสที่แผ่วเบาชวนเคลิบเคลิ้มเปลี่ยนเป็นดูดดึงจนเกิดเสียงดังก่อนลิ้นร้อนจะสอดแทรกเข้าในในโพรงปากเล็กไล่กวาดชิมความหวานจนพอใจแล้วจึงผละออกมาเมื่อถูกกำปั้นเล็กทุบลงบนอกด้วยแรงที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด
จุนมยอนโกยอากาศเข้าปอดอย่างเร่งรีบก่อนตกใจเมื่อโดนความเย็นวาบเล่นงาน พอก้มลงไปมองก็เห็นว่ากระดุมเสื้อโดนอีกฝ่ายริดออกจากรางดุมครบทุกเม็ดจนแผ่นอกขาวเนียนปรากฎสู่สายตาคนตรงหน้า
“ชะ...ชานยอล”
มือเรียกยกขึ้นกุมมืออีกฝ่ายที่เริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นอกซ้ำยังแกล้งลากปลายนิ้วผ่านยอดอกสีหวานไปมา
“ดะ...เดี๋ยวสิ นายจะไม่ฟังก่อนหรอว่าทำไมพี่ถึงได้อยากทำงานนี้แล้วก็อยากจะเลื่อนตำแหน่ง”
"ก็ได้... แต่ถ้าเหตุผลไม่ดีพอผมจะไม่ยอมให้พี่ไปอเมริกาเด็ดขาด จุนมยอน"
ชานยอลกลืนน้ำลายเหนียวลงคอก่อนะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงติดแหบเล็กน้อยก่อนจะจ้องคนตรงหน้านิ่งรอฟังคำอธิบาย
"แล้วเหตุผลที่ว่าพี่อยากลดระยะห่างของพี่กับคนที่พี่รักมันดีพอไหมชานยอล"
"ลดระยะห่างด้วยการหนีผมไปทำงานเมืองนอกเนี่ยนะ! พี่คิดอะไรของพี่..."
ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าเผลอขึ้นเสียงออกไปอีกรอบประโยคหลังของร่างสูงจึงเบาลงอย่างเห็นได้ชัดทำเอาจุนมยอนผุดยิ้มบางๆออกมาก่อนจะพูดต่อ
"พี่หมายถึงฐานะระหว่างเราต่างหาก ถึงพี่จะไม่อาจเทียบเท่านายได้ทั้งด้านชื่อเสียง วงตระกูล ทรัพสินทร์เงินทอง รวมถึงหน้าที่การงาน แต่พี่ก็อยากจะพยายามเข้าใกล้กับคำว่าคู่ควรกับนายให้มากที่สุดเท่าที่พี่จะทำได้"
"พะ...พี่จุนมยอน ขอบคุณนะครับที่พี่ทำเพื่อผมขนาดนี้ ขอบคุณที่รักผม ผมรักพี่นะครับ"
ชานยอลคุกเข่าลงซบใบหน้าลงบนหน้าท้องอีกฝ่ายโดยมีจุนมยอนยกมือขึ้นลูบผมสีดำสนิทเล่นเบาๆแต่ไม่นานก็ต้องรีบผลักหัวอีกฝ่ายออกไปเมื่อสัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะบริเวณสะดือ พอเงยหน้าขึ้นมาก็โดยค้อนใส่จนต้องรีบขอโทษแล้วลุกขึ้นมาติดกระดุมเสื้อให้อีกฝ่ายตามเดิม
“เฮ้อ... ผมไม่อยากให้พี่ไปเลย แต่ถึงจะห้ามพี่ก็คงไม่ล้มเลิกความตั้งใจหรอกใช่ไหม... งั้นมานี่เลยเด็กดื้อ”
เมื่อได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าขึ้นลงร่างสูงก็จัดการคว้ามือร่างบางแล้วลากออกจากห้องไปตามที่ตัวเองต้องการ จุนมยอนได้แต่คิดในใจว่าใครกันแน่ที่เป็นเด็กดื้อขณะที่ก้าวเท้าตามคนตรงหน้าไปอย่างเต็มใจ
คนเอาแต่ใจจัดการบอกเลขาของตนว่าวันนี้จะไม่กลับเข้าบริษัทอีกแถมด้วยการลางานพรุ่งนี้ แน่นอนว่าเลขาสาวท้วงขึ้นเนื่องจากยังมีกำหนดงานและเอกสารที่ต้องเซ็นต์แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจ ไม่นานชานยอลก็มายืนกอดอกเก็กมาดขรึมรอคนตัวเล็กเก็บของอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย ซ้ำยังเอ่ยปากสั่งให้ลูกน้องในแผนกของจุนมยอนช่วยสะสางงานที่หัวหน้าคั่งค้างอยู่ให้เรียบร้อยเรียกเสียงบ่นอุบอิบอยู่เนื่องๆแต่ใครจะกล้าขัดคำสั่งลูกเจ้าของบริษัทหละ จุนมยอนที่พึ่งเก็บของเสร็จส่งยิ้มแห้งๆให้กับเหล่าลูกน้องให้แผนกก่อนจะส่งสายตาคาดโทษให้ร่างสูงที่ทำเพียงยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะคว้ามือเขาไปกระชับแน่นแล้วพาออกจากบริษัทไปด้วยกัน
“จะซื้ออะไรนักหนาก็ไม่รู้ เป็นไง หนักหละสิ”
จุนมยอนที่บ่นงุบงิบตลอดทางเดินนำลิ่วมาจนถึงหน้าห้อง หันไปส่งเสียงแหย่คนที่กำลังเดินใกล้เข้ามาพร้อมถุงสินค้าพะรุงพะรังเต็มสองมือ มือเรียวกดรหัสเปิดประตูให้อีกฝ่ายเข้าไปก่อนแล้วจึงเดินตามเข้ามา ชานยอลวางบรรดาถุงเสื้อผ้า รองเท้า แบรนด์ดังลงบนโต๊ะก่อนจะยกมือขึ้นปาดเหงือโดยมีจุนมยอนแอบขำให้กับการกระทำนั้น
“ซื้อเยอะขนาดนี้พี่ขนไปทั้งหมดไม่ไหวหรอกนะ”
“ทีตอนพาไปซื้อไม่เห็นพูดงี้เลย ชี้เอาชี้เอา”
“ก็มันสวยนี่หน่า แล้วนายก็บอกเองว่าให้พี่เลือกได้ตามสบาย”
“ก็พี่ต้องไปอยู่ที่นู่นเป็นปีแค่นี้ผมว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ ผมไม่อยากให้พี่ไปเลย เฮ้อ...”
คนที่กำลังเศร้าแต่กลับโดนหัวเราะส่งสายตาดุดุไปให้จุนมยอนที่ยังคงส่งเสียงคิกคักออกมาจนไหล่เล็กสั่นไหว
“ใครบอกนายว่าพี่จะไปอเมริกาเป็นปี ห๊า”
“ผมคุยกับคุณชอยหมดแล้ว คุณชอยจะย้ายไปประจำที่สาขาย่อยที่อเมริกาปีนึง ส่วนพี่ก็จะตามไปเป็นผู้ช่วยเขาเสนองานกับพวกฝรั่ง”
“มิน่าหละนายถึงได้โมโหพี่ขนาดนั้น”
“เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ ผมจะบอกแม่ว่าให้หาคนอื่นไปแทนพี่เองนะ น้า...”
ชานยอลลากเก้าอี้ใต้โต๊ะออกมานั่ง คว้ามือนุ่มของจุนมยอนที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามขึ้นมากุมแล้วแกว่งไปมาก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“แล้วถ้าพี่บอกว่าอาทิตย์เดียวหละ ถ้าพี่ไปแค่อาทิตย์เดียวนายจะยอมให้พี่ไปแล้วทนคิดถึงพี่ไหวไหม”
“พี่หมายความว่าไง”
ชานยอนเผลอบีบมือคนตรงข้ามแน่น ยื่นหน้างงๆ ตาโตๆ คิ้วชนกันเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่พูดในสิ่งที่เขาไม่ค่อยเข้าใจออกมา จุนมยอนหัวเราะให้กับท่าทีของคนรักอีกครั้งก่อนจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจโดยไม่ลืมแขวะคนที่โมโหเขาทั้งๆที่เป็นฝ่ายเข้าใจผิดเอง
“คือคุณชอยเขาย้ายไปประจำที่นั่นหนึ่งปี ส่วนพี่แค่ไปช่วยเขาเสนอโครงการในตอนแรก ถ้าการเจรจาเรียบร้อย ไม่เกินสัปดาห์พี่ก็ได้กลับมาก่อนแล้ว พาโบ”
“พี่พูดจริงใช่ไหม ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”
“อืม”
“เย้! พี่ไม่ต้องจากผมไปนานๆแล้ว เย้ วู้”
ทำเอาเจ้าของห้องได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆให้กับคนที่ผุดลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นพร้อมส่งเสียงดังไปรอบห้องแต่บนใบหน้าหวานกลับปรากฏรอยยิ้มกว้าง อยากจะอัดคลิปชานยอลตอนนี้แล้วเอาไปแชร์ให้พนักงานทุกคนที่บริษัทดูจัง อยากจะรู้จริงๆว่าเจ้านายจอมวางมาดจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“จุนมยอน คืนนี้ผมขอค้างที่นี่นะ”
“พ่อแม่นายจะไม่ว่ารึไงที่นายไม่กลับบ้าน”
“พ่อไม่เคยสนใจผมอยู่แล้ว ส่วนคุณนายหญิงหนะช่างเถอะ คืนนี้ก็คงสนุกอยู่กับงานประมูลเครื่องเพชรอีกตามเคย ตกลงผมค้างกับพี่ได้ไหมครับ”
“ค้างที่นี่ก็ได้...”
สายตาเป็นประกายหมองลงอย่างรวดเร็วเมื่อจุนมยอนเอ่ยขัดสิ่งที่เขากำลังคิดอย่างรู้ทัน
“แต่นายต้องรับปากก่อนว่าจะนอนเฉยๆไม่ทำอย่างอื่น”
“โธ่ ทำไมจุนมยอนของผมใจร้ายจัง”
“พี่มันคนใจร้าย งั้นขอเชิญคุณปาร์คชานยอลกลับไปนอนคฤหาสน์ของตัวเองเลยนะครับ”
“โอเค นอนเฉยๆก็ได้...”
จุนมยอนหลุดหัวเราะเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่รู้เมื่ออีกคนตอบกลับมาเสียงแผ่วพร้อมกลับหน้าบูดบึ้งเหมือนเด็กอดกินขนม แต่ที่รู้ก็คือพอได้แกล้งคนที่ชอบแกล้งตัวเองกลับมันก็สนุกดีนะ
จุนมยอนลงมือจัดกระเป๋าเดินทางเตรียมพร้อมสำหรับไฟลท์บินพรุ่งนี้หลังจากที่ไล่ร่างสูงที่ดึงดันจะช่วยจัดกระเป๋าไปอาบน้ำ ต้องให้ขู่จะไล่กลับไปนอนบ้านชานยอลถึงได้ยอมรีบรุดเข้าห้องน้ำไปแทบไม่ทัน หลังจากนั้นไม่นานจึงเป็นเขาที่ได้ผ่อนคลายกับกระแสน้ำอุ่นที่ไหลผ่านร่างกายชำระความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจมาทั้งวันอย่างหมดสิ้นบ้าง
“ชานยอล หยิบผ้าเช็ดตัวในตู้มาให้หน่อยสิ พี่ลืมเอาเข้ามา”
จุนมยอนแง้มประตูห้องน้ำโผล่หน้าออกมาเรียกอีกฝ่าย ผมที่เปียกน้ำลู่ไปตามใบหน้าหวานที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ประปรายทำเอาคนที่ถือผ้าเช็ดตัวมาให้เผลอกลืนน้ำลายเสียงดัง คนที่ยื่นมือออกมารับผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดเป็นต้องร้องหวือเมื่อคว้าไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการแถมยังโดนดึงให้ออกมายืนเปลือยเปล่าต่อหน้าอีกฝ่าย ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เมื่อรับรู้ถึงสายตาที่โลมเลียไปทั่วร่างกาย จุนมยอนพยายามจะสะบัดข้อมือให้หลุดจากมือหนาแต่นอกจากจะไม่หลุดแล้วมือนั้นยังดึงรั้งร่างเขาเข้าไปกอดอีก
“พะ...พี่ตัวเปียกอยู่นะ”
นอกจากจะไม่ฟังกันแล้วชานยอลยังกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นจมูกโด่งกดลงบนพวงแก้มใสซ้ายทีขวาทีจนชื่นใจแล้วเลื่อนไปกระซิบที่ข้างหูด้วยเสียงแหบพร่า
“มะ...ไม่ได้จริงหรอ”
“พรุ่งนี้พี่มีบินแต่เช้า พี่อยากพักผ่อน”
“โอเคครับ”
เล่นเอาจุนมยอนงงเมื่อคนอย่างปาร์คชานยอลยอมฟังกันง่ายๆ คลายอ้อมกอดออก ส่งผ้าเช็ดตัวมาให้แล้วหันหลังควับเดินไปทางประตูห้อง ซ้ำยังทำงอนโดยการหันกลับมาบอกว่าจะกลับบ้าน เสื้อผ้าที่เอาของเขาไปใส่จะคืนให้ทีหลังแล้วทำท่าจะเปิดประตูห้องออกไป
“เฮ้อ! โอเค ไว้พี่ไปนอนพักบนเครื่องก็ได้”
จุนมยอนจงใจถอนหายใจเสียงดังก่อนจะหัวเราะพรืดเมื่ออีกฝ่ายทำตาเป็นประกายแล้วพุ่งเข้ามาเหมือนเด็กหิวขนม
“ขอโทษนะที่ผมมันเอาแต่ใจ ปากเสีย อารมณ์ร้อน แล้วก็ชอบเล่นเป็นเด็กๆ แต่ผมก็รักพี่มากนะจุนมยอน”
“อือ รู้แล้ว จะทำอะไรก็รีบทำสิ พูดมากอยู่ได้...”
สุดท้ายคิมจุนมยอนก็ยอมทำตามใจปาร์คชานยอลอีกจนได้ ก็ในเมื่อการทำตามใจคนๆนี้มันก็เท่ากับว่าเขาได้ทำตามใจตัวเอง
ความคิดเห็น