ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจมาเฟีย ( lulay kaihun )

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 3

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 57







    ดวงใจมาเฟีย

                อี้ชิงรีบลงจากรถลิมูซีนสีดำด้วยความรวดเร็วเมื่อมาถึงโรงแรมที่พัก ร่างเล็กไม่แม้แต่จะกล่าวขอบคุณคนที่มาส่ง ถึงแม้ว่าเลขาของลู่หานจะดูใจดีกว่าเจ้านายแต่ท่าทีเย็นชาและถือตัวของคยองซูทำให้เขาไม่คิดที่จะสานสัมพันธ์ไปมากกว่านี้

     

                กระเป๋าMCMถูกเหวี่ยงลงเตียงพร้อมกับเจ้าของที่ล้มตัวลงนอนด้านข้าง ร่างเล็กถอนหายใจออกมาเมื่อรู้สึกเหนื่อย ทั้งที่เขาอุตส่าห์จะลองไปหาประสบการณ์แบบที่ผู้ใหญ่เขาทำกันแต่ก็ดันต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นอีกจนได้

     

                สัญญากับป๊านะว่าต้องดูแลตัวเองดีๆ ถ้าเกิดเรื่อง ป๊าเรียกกลับเลยนะ

     

                ถ้าป๊ารู้เรื่องวันนี้เข้า ..

     

                ร่างบางสะลัดความคิดทั้งหลายออกจากหัวก่อนจะซุกตัวเข้าหาผ้าห่มเตรียมตัวนอน เปลือกตาบางปิดลงอย่างอ่อนแรง ใบหน้าของพ่อและแม่ลอยเข้ามาในหัวตามความคิดถึงที่มักเกิดขึ้นประจำก่อนนอน

     

                Poor Bunny ….

     

                ลู่หานเงยหน้าขึ้นมองเลขาส่วนตัวของตนที่เดินเข้าห้องทำงานมา มือหนายื่นออกไปรับซองเอกสารสีน้ำตาลเข้มก่อนจะเปิดดูข้อมูลด้านใน รูปถ่ายของคนที่เขาเพิ่งเจอไปโชว์เด่นหราอยู่บนหน้ากระดาษแผ่นแรก ตาคมไล่อ่านตัวอักษรทีละบรรทัดอย่างตั้งใจ

     

                “ผมเคยลองให้คนไปตามสืบเรื่องคุณอี้ชิงตั้งแต่วันแรกที่มาอิตาลี่แล้วเพราะรู้สึกแปลกใจที่คุณฮันเกิงยอมปล่อยให้มาคนเดียว แถมยังมาในช่วงที่กำลังมีเรื่องกับฝั่งเราอยู่อีก”

                ลู่หานพยักหน้าฟังเลขาตนพูดพลางนึกชมอีกฝ่ายในใจที่เป็นคนรอบคอบทำงานไวและเรียบร้อยเสมอ ร่างสูงวางเอกสารลงก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ใช้ความคิดในสิ่งที่จะทำต่อไป

     

                “พรุ่งนี้ฉันอยากกินข้าวเช้ากับอี้ชิง”

     

                เปลือกตาบางเปิดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือที่เขาตั้งเอาไว้  ร่างเล็กขยับตัวเอื้อมมือไปกดปิดก่อนจะลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจไล่ความง่วงออกไป รอยยิ้มเล็กเผยขึ้นบนใบหน้าหวานเหมือนที่เขาชอบทำเพื่อให้กำลังใจตัวเองในทุกเช้า

     

                วันนี้ต้องเป็นวันที่ดี

     

                อี้ชิงรีบจัดการอาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่ชุดลำลองสบายๆ เหมาะกับอากาศช่วงฤดูร้อนในตอนนี้ ร่างเล็กเดินลงจากห้องของโรงแรมไปยังห้องอาหารเช้าที่ตอนนี้เริ่มเต็มไปด้วยแขกทั้งหลายลงมาขจัดความหิวกันแล้ว

     

                “ขะ..ขอโทษครับ” อี้ชิงเผลอพูดภาษาบ้านเกิดออกมาเมื่อมัวแต่เดินเลือกอาหารทำให้เผลอไปชนคนข้างหน้าเข้า ร่างเล็กเงยขึ้นมองคู่กรณีก่อนจะเผลอมือไม้อ่อนปล่อยจานตกจากมือหล่นแตกกระจาย

               

                “คุณลู่หานอยากพบคุณครับ” คยองซูพูดเสียงนิ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่ออี้ชิงเริ่มวิ่งหนีตนออกไป เลขาคนเก่งเดินตามไปช้าๆ ปล่อยให้คนที่พามาวิ่งไล่ตามจับร่างเล็กแสนดื้อที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะหนีพ้น

     

                เขาล่ะไม่เข้าใจเลยว่าจะหนีไปทำไม ดูไม่ออกเหรอว่ายังไงก็ไม่รอด

                เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น คยองซูหยิบไอโฟนสีขาวของตนออกมาก่อนจะกดรับเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามา

                “ทุกอย่างกำลังจะเรียบร้อยครับคุณลู่หาน” ร่างเล็กรายงานด้วยประโยคที่มักใช้ประจำ เขามั่นใจในทุกงานที่ทำว่าไม่มีทางจะเกิดสิ่งผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย

     

                กึก ..

     

              แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ครั้งนี้

     

                ฝูงคนที่มุงอยู่หน้าโรงแรมกำลังซุบซิบพูดกันด้วยภาษาอิตาลี่ที่คยองซูฝึกเรียนมาเกือบหกปี ร่างเล็กเดินเข้าไปใกล้โดยที่ยังไม่วางสายโทรศัพท์จากเจ้านาย หัวใจในอกด้านซ้ายเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นเลือดที่ไหลนองอยู่บนพื้น มือเรียวกำโทรศัพท์แน่นจนรู้สึกเจ็บ

     

                “คะ..คุณลู่หานครับ..”

     

                [มีอะไร]

     

                “คุณอี้ชิง..ถูกรถชนครับ”

     

                ออดี้สีดำขับมาจอดที่หน้าโรงพยาบาลเอกชนชั้นหนึ่ง ร่างสูงไม่เสียเวลารอคนเปิดประตูรถให้ ลู่หานรีบก้าวลงก่อนจะเดินเข้าไปข้างในตรงหาเลขาตัวเล็กของตนที่ยืนหน้าซีดรออยู่

     

                “อี้ชิงเป็นยังไงบ้าง” ลู่หานถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกเช่นเคย ถึงแม้ท่าทางจะดูรีบร้อนแต่ก็อย่าได้ด่วนตัดสินไปเขาก็แค่กลัวว่าหมากที่วางตัวไว้จะทำให้งานสะดวกขึ้นมันพังไปเสียก่อน คยองซูไม่ตอบแต่เดินนำเจ้านายตนไปนั่งที่ค็อฟฟี่ช็อปตรงชั้นรับรองของโรงพยาบาลแทน

     

                ผมเป็นใคร...

     

                คำถามแรกที่หลุดออกมาจากปากคนถูกรถชนทำเอาคยองซูแทบเข่าอ่อนลงตรงนั้น ใบหน้าหวานของคนอายุน้อยกว่าแสดงความ ไม่รู้ออกมาอย่างชัดเจน น้ำตาเม็ดใสที่ไหลออกมาด้วยความกลัวเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าอีกฝ่ายสูญเสียความทรงจำไปกับอุบัติเหตุนั่นแล้ว

     

                “ผมขอโทษที่ทำพลาดครับ” คยองซูโค้งเสียจนหัวเกือบจะติดพื้นโต๊ะ ลู่หานถอนหายใจออกมาเมื่อแผนที่หวังไว้ต้องล้มเลิกไปกลางคัน ร่างสูงยกแก้วกาแฟที่บรรจุอเมริกาโน่ไว้ขึ้นดื่มไม่สนใจว่าเลขาของตนนี้จะรู้สึกผิดแค่ไหน

     

                “ถ้างั้นก็ไม่มีไรต้องทำแล้วล่ะ เด็กนั่นไม่มีประโยชน์แล้ว”

               

    ลู่หานพูดออกมา ตอนแรกเขากะทำเป็นผูกมิตรตีสนิทเผื่ออะไรๆ มันจะง่ายขึ้นในทางธุรกิจแต่กลับกลายเป็นว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน เพราะฉะนั้นมันก็ไร้ประโยชน์ที่จะต้องมาสนใจเรื่องของเด็กผู้ชายอายุ17คนนึง ร่างสูงดื่มกาแฟจนหมดก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เตรียมกลับไปสะสางงานที่คั่งค้างอยู่

     

                “ความจริง..มันก็ยังไม่หมดประโยชน์ไปสักทีเดียวนะครับ”

     

                มาเฟียปักกิ่งชะงักขาที่กำลังก้าวออกไป ร่างสูงหันกลับมองเลขาที่ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก ลู่หานยกมือขึ้นก่อนอกพลางเลิกคิ้วขึ้นเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายพูดต่อ

                “ตอนนี้คุณอี้ชิงก็เหมือนกระดาษสีขาวที่ไม่มีการแต่งเติมขีดเขียนเรื่องราวอะไรลงไป เขาไม่มีแม้แต่ความทรงจำเกี่ยวกับตัวเองและครอบครัว”

     

                “...”

     

                “มันจะดีมั้ยครับถ้าเราจะลองเขียนอะไรบางอย่างลงไป..ผมว่าเด็กคนนี้ยังมีประโยชน์กับเราอยู่นะครับ”

     

               

                “ลองเขียนคำว่าHelloลงในกระดาษสิครับ” ร่างบางรับปากกาหมึกซึมจากคุณหมอมาก่อนจะเขียนตามคำบอกลงไปในกระดาษ คนตัวเล็กรู้สึกเกร็งเล็กน้อยกับสายตาที่มองมา นัยน์ตาหวานแอบเหลือบมองร่างสูงเจ้าของผมสีน้ำตาลเข้มในชุดสูทที่ยืนอยู่ข้างเตียง

     

                “ความรู้ทั่วไปในการใช้ชีวิตประจำวันยังอยู่ดีครับ ที่หายไปก็คงเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น” คุณหมอชาวจีนที่ลู่หานลงทุนให้คยองซูไปพาตัวมารักษาเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะประหม่าถ้าหากเป็นหมออิตาลี ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปลูบหัวร่างเล็ก รอยยิ้มอ่อนโยนที่ไม่เคยถูกใช้มาก่อนเผยขึ้นบนใบหน้าหล่อ

     

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ ความทรงจำน่ะมันสร้างใหม่ขึ้นมาได้”

     

     

                ลู่หานมองร่างเล็กที่หลับไปอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยา ร่างสูงหยิบกองเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับอี้ชิงที่วางอยู่บนตักขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจแล้วเริ่มเปิดอ่านอีกครั้ง มีข้อมูลมากมายเหลือเกินที่เขาต้องจำเกี่ยวกับอี้ชิงในฐานะ คนรัก

                ‘ถ้าเราดึงตัวคุณอี้ชิงมาฝั่งเราได้ มันจะไม่ง่ายขึ้นเหรอครับ

     

                คำพูดของเลขาเป็นต้นเหตุให้เขาฉุกคิดแผนขึ้นมาได้ ถ้าจำไม่ผิดฮันเกิงเป็นคนที่ค่อนข้างหวงลูกแถมตามใจเก่งใช่เล่น ถ้าเกิดอี้ชิงขออะไรก็ต้องได้ยิ่งเป็นลูกคนเดียวด้วยแล้ว

     

                การสร้างโรงแรมเกยทับที่ของฮันเกิงก็คงไม่มีปัญหาอะไร

     

                ลู่หานวางเอกสารลงเมื่อได้ยินเสียงขยับที่เตียง ร่างสูงเงยหน้ามองก็พบคนตัวเล็กค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ตาหวานหันมองเขาด้วยความงุนงงปนหวาดกลัว ยิ่งเห็นว่าลู่หานลุกขึ้นเดินเข้าไปหาด้วยแล้วอีกฝ่ายก็ถอยร่นเสียจนชนกับพนักเตียง

     

                “จะกลัวฉันทำไมล่ะ” ลู่หานใช้มือจับข้อเท้าเล็กไว้เบาๆ แต่ก็เพียงพอจะให้อีกฝ่ายหยุดนิ่งได้ ร่างเล็กยกผ้าห่มขึ้นมาปิดคลุมจนมิดโผล่มาเหลือแค่ตากับจมูกเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนที่มองได้

     

                “คะ..คุณเป็นแฟนผมจริงเหรอ” อี้ชิงถามเสียงอู้อี้จนอีกฝ่ายเกือบจำใจความไม่ได้ ลู่หานพยักหน้ารับเป็นคำตอบแต่ร่างเล็กก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเชื่อ

     

                ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกคุ้นเคยกับคนตรงหน้าเลย

     

                “ฉันจะโกหกไปทำไม” ร่างสูงตอบก่อนจะนั่งลงบนเตียงข้างอี้ชิง นัยน์ตาคมไล่สำรวจใบหน้าหวานที่ถึงจะซีดเผือดแต่ก็ไม่ได้ลดความน่ารักลงไปเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเรียวสวยจมูกโด่งเชิดรั้นเหมือนเด็กดื้อเอาแต่ใจสมกับเป็นลูกมาเฟียแห่งเกาะฮ่องกง

     

                “เจ็บมากมั้ย” น้ำเสียงที่ไร้ความอ่อนโยนสวนทางกับการกระทำอย่างเห็นได้ชัด นิ้วเรียวไล้ไปบนผ้าก็อตสีขาวที่พันปิดรอบแผลที่ข้อมือ คนตัวเล็กนั่งตัวนิ่งไม่กล้าขยับหัวใจในหน้าอกเต้นรัวขึ้นมาจนอี้ชิงคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะได้ยินเข้า

     

                ไม่ใช่ความเขิน

     

                “จำฉันไม่ได้สักนิดเลยเหรอหืม คนเก่ง”

     

                แต่มันคือความกลัว

     

               

                “ถือว่ายังดีนะครับที่โชคเข้าข้างเรา” คยองซูพูดขณะที่กำลังนั่งอยู่บนเบาะหน้าของรถโรลอยซ์สีดำคันโปรดของเจ้านาย “โชคดีที่คุณอี้ชิงกับคุณฮันเกิงติดต่อกันแค่ผ่านข้อความเท่านั้น”

     

                ลู่หานพยักหน้ารับเล็กน้อย ตอนแรกเขาก็กังวลเหมือนกันว่าจะปิดเรื่องยังไงไม่ให้คนเป็นพ่อรู้เข้าว่าลูกชายตนกลายเป็นคนความจำเสื่อมไปแล้ว โชคดีที่เหมือนเด็กน้อยอายุ17จะทำตัวปีกกล้าขาแข็งต่อรองกับมาเฟียใหญ่ว่าขอมาเที่ยวแบบไร้การคุ้มครองและติดต่อกับทางบ้านเพียงแค่ข้อความ

     

                ความผิดของนายเองนะอี้ชิง

     

                “บอกให้แม่บ้านจัดห้องไว้ให้อี้ชิงด้วย” ร่างสูงสั่งก่อนจะใช้มือเลื่อนปิดที่กั้นระหว่างส่วนคนขับด้านหน้ากับเบาะด้านหลัง ลู่หานเอนตัวพิงเบาะก่อนจะถอนหายใจออกมา มือหนาเลื่อนขึ้นคลายเนคไทด์ออกก่อนจะหลับตาลง

                เมื่อไหร่หานเกอเก้อจะจำชื่อชิงได้ เรียกอยู่นั่นแหละนายๆ บอกว่าชื่ออี้ชิงไงเล่า!’

     

    I know you

    I walked with you once upon a dream

    ครั้งหนึ่งในความฝัน ฉันและคุณ เราเคยเดินจับมือเดินเคียงข้างกัน

    ฉันรู้ ฉันจำได้ ว่าคุณคือคนนั้น

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×