คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 3
ดวงใจมาเฟีย
อี้ชิงรีบลงจากรถลิมูซีนสีดำด้วยความรวดเร็วเมื่อมาถึงโรงแรมที่พัก ร่างเล็กไม่แม้แต่จะกล่าวขอบคุณคนที่มาส่ง ถึงแม้ว่าเลขาของลู่หานจะดูใจดีกว่าเจ้านายแต่ท่าทีเย็นชาและถือตัวของคยองซูทำให้เขาไม่คิดที่จะสานสัมพันธ์ไปมากกว่านี้
กระเป๋าMCMถูกเหวี่ยงลงเตียงพร้อมกับเจ้าของที่ล้มตัวลงนอนด้านข้าง ร่างเล็กถอนหายใจออกมาเมื่อรู้สึกเหนื่อย ทั้งที่เขาอุตส่าห์จะลองไปหาประสบการณ์แบบที่ผู้ใหญ่เขาทำกันแต่ก็ดันต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นอีกจนได้
‘สัญญากับป๊านะว่าต้องดูแลตัวเองดีๆ ถ้าเกิดเรื่อง ป๊าเรียกกลับเลยนะ’
ถ้าป๊ารู้เรื่องวันนี้เข้า ..
ร่างบางสะลัดความคิดทั้งหลายออกจากหัวก่อนจะซุกตัวเข้าหาผ้าห่มเตรียมตัวนอน เปลือกตาบางปิดลงอย่างอ่อนแรง ใบหน้าของพ่อและแม่ลอยเข้ามาในหัวตามความคิดถึงที่มักเกิดขึ้นประจำก่อนนอน
Poor Bunny ….
ลู่หานเงยหน้าขึ้นมองเลขาส่วนตัวของตนที่เดินเข้าห้องทำงานมา มือหนายื่นออกไปรับซองเอกสารสีน้ำตาลเข้มก่อนจะเปิดดูข้อมูลด้านใน รูปถ่ายของคนที่เขาเพิ่งเจอไปโชว์เด่นหราอยู่บนหน้ากระดาษแผ่นแรก ตาคมไล่อ่านตัวอักษรทีละบรรทัดอย่างตั้งใจ
“ผมเคยลองให้คนไปตามสืบเรื่องคุณอี้ชิงตั้งแต่วันแรกที่มาอิตาลี่แล้วเพราะรู้สึกแปลกใจที่คุณฮันเกิงยอมปล่อยให้มาคนเดียว แถมยังมาในช่วงที่กำลังมีเรื่องกับฝั่งเราอยู่อีก”
ลู่หานพยักหน้าฟังเลขาตนพูดพลางนึกชมอีกฝ่ายในใจที่เป็นคนรอบคอบทำงานไวและเรียบร้อยเสมอ ร่างสูงวางเอกสารลงก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ใช้ความคิดในสิ่งที่จะทำต่อไป
“พรุ่งนี้ฉันอยากกินข้าวเช้ากับอี้ชิง”
เปลือกตาบางเปิดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือที่เขาตั้งเอาไว้ ร่างเล็กขยับตัวเอื้อมมือไปกดปิดก่อนจะลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจไล่ความง่วงออกไป รอยยิ้มเล็กเผยขึ้นบนใบหน้าหวานเหมือนที่เขาชอบทำเพื่อให้กำลังใจตัวเองในทุกเช้า
วันนี้ต้องเป็นวันที่ดี
อี้ชิงรีบจัดการอาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่ชุดลำลองสบายๆ เหมาะกับอากาศช่วงฤดูร้อนในตอนนี้ ร่างเล็กเดินลงจากห้องของโรงแรมไปยังห้องอาหารเช้าที่ตอนนี้เริ่มเต็มไปด้วยแขกทั้งหลายลงมาขจัดความหิวกันแล้ว
“ขะ..ขอโทษครับ” อี้ชิงเผลอพูดภาษาบ้านเกิดออกมาเมื่อมัวแต่เดินเลือกอาหารทำให้เผลอไปชนคนข้างหน้าเข้า ร่างเล็กเงยขึ้นมองคู่กรณีก่อนจะเผลอมือไม้อ่อนปล่อยจานตกจากมือหล่นแตกกระจาย
“คุณลู่หานอยากพบคุณครับ” คยองซูพูดเสียงนิ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่ออี้ชิงเริ่มวิ่งหนีตนออกไป เลขาคนเก่งเดินตามไปช้าๆ ปล่อยให้คนที่พามาวิ่งไล่ตามจับร่างเล็กแสนดื้อที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะหนีพ้น
เขาล่ะไม่เข้าใจเลยว่าจะหนีไปทำไม ดูไม่ออกเหรอว่ายังไงก็ไม่รอด
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น คยองซูหยิบไอโฟนสีขาวของตนออกมาก่อนจะกดรับเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามา
“ทุกอย่างกำลังจะเรียบร้อยครับคุณลู่หาน” ร่างเล็กรายงานด้วยประโยคที่มักใช้ประจำ เขามั่นใจในทุกงานที่ทำว่าไม่มีทางจะเกิดสิ่งผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย
กึก ..
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ครั้งนี้
ฝูงคนที่มุงอยู่หน้าโรงแรมกำลังซุบซิบพูดกันด้วยภาษาอิตาลี่ที่คยองซูฝึกเรียนมาเกือบหกปี ร่างเล็กเดินเข้าไปใกล้โดยที่ยังไม่วางสายโทรศัพท์จากเจ้านาย หัวใจในอกด้านซ้ายเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นเลือดที่ไหลนองอยู่บนพื้น มือเรียวกำโทรศัพท์แน่นจนรู้สึกเจ็บ
“คะ..คุณลู่หานครับ..”
[มีอะไร]
“คุณอี้ชิง..ถูกรถชนครับ”
ออดี้สีดำขับมาจอดที่หน้าโรงพยาบาลเอกชนชั้นหนึ่ง ร่างสูงไม่เสียเวลารอคนเปิดประตูรถให้ ลู่หานรีบก้าวลงก่อนจะเดินเข้าไปข้างในตรงหาเลขาตัวเล็กของตนที่ยืนหน้าซีดรออยู่
“อี้ชิงเป็นยังไงบ้าง” ลู่หานถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกเช่นเคย ถึงแม้ท่าทางจะดูรีบร้อนแต่ก็อย่าได้ด่วนตัดสินไปเขาก็แค่กลัวว่าหมากที่วางตัวไว้จะทำให้งานสะดวกขึ้นมันพังไปเสียก่อน คยองซูไม่ตอบแต่เดินนำเจ้านายตนไปนั่งที่ค็อฟฟี่ช็อปตรงชั้นรับรองของโรงพยาบาลแทน
‘ผมเป็นใคร...’
คำถามแรกที่หลุดออกมาจากปากคนถูกรถชนทำเอาคยองซูแทบเข่าอ่อนลงตรงนั้น ใบหน้าหวานของคนอายุน้อยกว่าแสดงความ ‘ไม่รู้’ ออกมาอย่างชัดเจน น้ำตาเม็ดใสที่ไหลออกมาด้วยความกลัวเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าอีกฝ่ายสูญเสียความทรงจำไปกับอุบัติเหตุนั่นแล้ว
“ผมขอโทษที่ทำพลาดครับ” คยองซูโค้งเสียจนหัวเกือบจะติดพื้นโต๊ะ ลู่หานถอนหายใจออกมาเมื่อแผนที่หวังไว้ต้องล้มเลิกไปกลางคัน ร่างสูงยกแก้วกาแฟที่บรรจุอเมริกาโน่ไว้ขึ้นดื่มไม่สนใจว่าเลขาของตนนี้จะรู้สึกผิดแค่ไหน
“ถ้างั้นก็ไม่มีไรต้องทำแล้วล่ะ เด็กนั่นไม่มีประโยชน์แล้ว”
ลู่หานพูดออกมา ตอนแรกเขากะทำเป็นผูกมิตรตีสนิทเผื่ออะไรๆ มันจะง่ายขึ้นในทางธุรกิจแต่กลับกลายเป็นว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน เพราะฉะนั้นมันก็ไร้ประโยชน์ที่จะต้องมาสนใจเรื่องของเด็กผู้ชายอายุ17คนนึง ร่างสูงดื่มกาแฟจนหมดก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เตรียมกลับไปสะสางงานที่คั่งค้างอยู่
“ความจริง..มันก็ยังไม่หมดประโยชน์ไปสักทีเดียวนะครับ”
มาเฟียปักกิ่งชะงักขาที่กำลังก้าวออกไป ร่างสูงหันกลับมองเลขาที่ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก ลู่หานยกมือขึ้นก่อนอกพลางเลิกคิ้วขึ้นเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายพูดต่อ
“ตอนนี้คุณอี้ชิงก็เหมือนกระดาษสีขาวที่ไม่มีการแต่งเติมขีดเขียนเรื่องราวอะไรลงไป เขาไม่มีแม้แต่ความทรงจำเกี่ยวกับตัวเองและครอบครัว”
“...”
“มันจะดีมั้ยครับถ้าเราจะลองเขียนอะไรบางอย่างลงไป..ผมว่าเด็กคนนี้ยังมีประโยชน์กับเราอยู่นะครับ”
“ลองเขียนคำว่าHelloลงในกระดาษสิครับ” ร่างบางรับปากกาหมึกซึมจากคุณหมอมาก่อนจะเขียนตามคำบอกลงไปในกระดาษ คนตัวเล็กรู้สึกเกร็งเล็กน้อยกับสายตาที่มองมา นัยน์ตาหวานแอบเหลือบมองร่างสูงเจ้าของผมสีน้ำตาลเข้มในชุดสูทที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“ความรู้ทั่วไปในการใช้ชีวิตประจำวันยังอยู่ดีครับ ที่หายไปก็คงเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้น” คุณหมอชาวจีนที่ลู่หานลงทุนให้คยองซูไปพาตัวมารักษาเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะประหม่าถ้าหากเป็นหมออิตาลี ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปลูบหัวร่างเล็ก รอยยิ้มอ่อนโยนที่ไม่เคยถูกใช้มาก่อนเผยขึ้นบนใบหน้าหล่อ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ความทรงจำน่ะมันสร้างใหม่ขึ้นมาได้”
ลู่หานมองร่างเล็กที่หลับไปอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยา ร่างสูงหยิบกองเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับอี้ชิงที่วางอยู่บนตักขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจแล้วเริ่มเปิดอ่านอีกครั้ง มีข้อมูลมากมายเหลือเกินที่เขาต้องจำเกี่ยวกับอี้ชิงในฐานะ ‘คนรัก’
‘ถ้าเราดึงตัวคุณอี้ชิงมาฝั่งเราได้ มันจะไม่ง่ายขึ้นเหรอครับ’
คำพูดของเลขาเป็นต้นเหตุให้เขาฉุกคิดแผนขึ้นมาได้ ถ้าจำไม่ผิดฮันเกิงเป็นคนที่ค่อนข้างหวงลูกแถมตามใจเก่งใช่เล่น ถ้าเกิดอี้ชิงขออะไรก็ต้องได้ยิ่งเป็นลูกคนเดียวด้วยแล้ว
การสร้างโรงแรมเกยทับที่ของฮันเกิงก็คงไม่มีปัญหาอะไร
ลู่หานวางเอกสารลงเมื่อได้ยินเสียงขยับที่เตียง ร่างสูงเงยหน้ามองก็พบคนตัวเล็กค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ตาหวานหันมองเขาด้วยความงุนงงปนหวาดกลัว ยิ่งเห็นว่าลู่หานลุกขึ้นเดินเข้าไปหาด้วยแล้วอีกฝ่ายก็ถอยร่นเสียจนชนกับพนักเตียง
“จะกลัวฉันทำไมล่ะ” ลู่หานใช้มือจับข้อเท้าเล็กไว้เบาๆ แต่ก็เพียงพอจะให้อีกฝ่ายหยุดนิ่งได้ ร่างเล็กยกผ้าห่มขึ้นมาปิดคลุมจนมิดโผล่มาเหลือแค่ตากับจมูกเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนที่มองได้
“คะ..คุณเป็นแฟนผมจริงเหรอ” อี้ชิงถามเสียงอู้อี้จนอีกฝ่ายเกือบจำใจความไม่ได้ ลู่หานพยักหน้ารับเป็นคำตอบแต่ร่างเล็กก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเชื่อ
ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกคุ้นเคยกับคนตรงหน้าเลย
“ฉันจะโกหกไปทำไม” ร่างสูงตอบก่อนจะนั่งลงบนเตียงข้างอี้ชิง นัยน์ตาคมไล่สำรวจใบหน้าหวานที่ถึงจะซีดเผือดแต่ก็ไม่ได้ลดความน่ารักลงไปเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเรียวสวยจมูกโด่งเชิดรั้นเหมือนเด็กดื้อเอาแต่ใจสมกับเป็นลูกมาเฟียแห่งเกาะฮ่องกง
“เจ็บมากมั้ย” น้ำเสียงที่ไร้ความอ่อนโยนสวนทางกับการกระทำอย่างเห็นได้ชัด นิ้วเรียวไล้ไปบนผ้าก็อตสีขาวที่พันปิดรอบแผลที่ข้อมือ คนตัวเล็กนั่งตัวนิ่งไม่กล้าขยับหัวใจในหน้าอกเต้นรัวขึ้นมาจนอี้ชิงคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะได้ยินเข้า
ไม่ใช่ความเขิน
“จำฉันไม่ได้สักนิดเลยเหรอหืม คนเก่ง”
แต่มันคือความกลัว
“ถือว่ายังดีนะครับที่โชคเข้าข้างเรา” คยองซูพูดขณะที่กำลังนั่งอยู่บนเบาะหน้าของรถโรลอยซ์สีดำคันโปรดของเจ้านาย “โชคดีที่คุณอี้ชิงกับคุณฮันเกิงติดต่อกันแค่ผ่านข้อความเท่านั้น”
ลู่หานพยักหน้ารับเล็กน้อย ตอนแรกเขาก็กังวลเหมือนกันว่าจะปิดเรื่องยังไงไม่ให้คนเป็นพ่อรู้เข้าว่าลูกชายตนกลายเป็นคนความจำเสื่อมไปแล้ว โชคดีที่เหมือนเด็กน้อยอายุ17จะทำตัวปีกกล้าขาแข็งต่อรองกับมาเฟียใหญ่ว่าขอมาเที่ยวแบบไร้การคุ้มครองและติดต่อกับทางบ้านเพียงแค่ข้อความ
ความผิดของนายเองนะอี้ชิง
“บอกให้แม่บ้านจัดห้องไว้ให้อี้ชิงด้วย” ร่างสูงสั่งก่อนจะใช้มือเลื่อนปิดที่กั้นระหว่างส่วนคนขับด้านหน้ากับเบาะด้านหลัง ลู่หานเอนตัวพิงเบาะก่อนจะถอนหายใจออกมา มือหนาเลื่อนขึ้นคลายเนคไทด์ออกก่อนจะหลับตาลง
‘เมื่อไหร่หานเกอเก้อจะจำชื่อชิงได้ เรียกอยู่นั่นแหละนายๆ บอกว่าชื่ออี้ชิงไงเล่า!’
I know you
I walked with you once upon a dream
ครั้งหนึ่งในความฝัน ฉันและคุณ เราเคยเดินจับมือเดินเคียงข้างกัน
ฉันรู้ ฉันจำได้ ว่าคุณคือคนนั้น
ความคิดเห็น