ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเร่

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่09 ลอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.11K
      85
      28 ก.พ. 59



    Dahlia 09



    เสียงเคาะประตูในช่วงเช้าของวันสั่งผมให้ถ่างเปลือกตาตื่นขึ้นมารับแขกในวันหยุดอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อคืนฟึดฟัดๆเข้าห้องมา อาบน้ำแต่งตัวสงบสติอารมณ์ ล้มตัวลงนอนก็เป็นเวลาค่อนคืนเหมือนปกติ ผมนิสัยเสียครับ ชอบนอนดึก วันทำงานตื่นเช้าไปทำงานก็มาลงเอากับวันเสาร์อาทิตย์ด้วยการทำตัวเปื่อยเป็นทิชชู่เปียกเต็มที่ตลอดวัน แต่ไม่ใช่เสาร์นี้  ไม่ใช่วันนี้แน่ๆ



    “พี่มากวนหรือเปล่า?”


    คนรบกวนที่ไม่ได้มีสีหน้าลำบากใจเลยสักนิดยืนหล่ออยู่หน้าประตูห้อง ในมือมีถุงโจ๊กกับน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ติดมาฝากตามนิสัย ยิ้มอ่อนโยนให้ผมตอบไม่ลงว่า‘โคตรจะกวนเลยครับ’ 


    “มาแต่เช้า ไม่เข้าเวรเหรอพี่เอิร์ธ?”


    “วันนี้หยุด พี่มาหาเราตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่เห็นว่าไม่อยู่เลยกลับไปก่อน ไปเที่ยวเหรอ?”


    หมอยาถามยิ้มๆ ผมพยักหน้าเดินกลับห้อง หาวหวอดพลางยีหัวยุ่งๆของตัวเองปล่อยให้อาคันตุกะเดินตามเข้ามาและปิดประตูห้องเผื่อ พอทิ้งตัวลงบนโซฟาได้ก็คว้าหมอนสีส้มใบโปรดมานั่งกอด หยิบรีโมทย์ทีวีขึ้นมาเปิดหนังจักรๆวงศ์ๆที่ปกติแล้วตื่นมาไม่ค่อยจะทันดูค่อยใส่ใจตอบคำถาม



    “ไปเอ็กซ์คลับกับมินมา”


    “พูดจริง?” พี่เอิร์ธถามย้ำเสียงนิ่ง ท่าทางจะรู้จักสถานบันเทิงนั้นดี มีแต่กูใช่ไหม เกย์ฝึกหัดเนี่ย “แล้วเป็นไง มีใครลากเข้าห้องน้ำหรือเปล่า?”


    “เพ้อแล้วพี่ ใครจะมายุ่งกับกันต์วะ”


    “น่ารักขนาดนี้ไม่มีจริงอะ? อำรึเปล่า”


    ที่จริงก็มีอะ แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องพูดมั้ง ผมหัวเราะในลำคอ พี่เอิร์ธโยกไหล่ไหว วางถุงกับข้าวบนโต๊ะเล็กหน้าทีวีแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างกัน



    “ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยไหม ค่อยกลับมาดู คราบน้ำลายยังเปื้อนแก้มอยู่เลย”


    “โม้ละๆ แล้วซื้ออะไรมาเยอะแยะ ทีหลังไม่ต้องก็ได้”


    "ไม่อยากกินมาม่าห้องกันต์" 


    นั่น รู้เมนูทีเด็ดกูอีก ผมหัวเราะแห้งๆ ส่วนแขกมองตาฉ่ำ พาลให้ผมนึกถึงวันนั้น  ที่จริงก็นึกขอบใจมันนะที่หายหัวไปสักวันสองวัน ไม่งั้นผมคงคิดไม่ออกจริงๆว่าจะทำหน้ายังไง นี่กำลังเนียนๆทำเป็นลืมไปอยู่ มันไม่เหมือนกับที่จูบกับมินแล้วด่ามันต่อได้ อาจเป็นเพราะนี่คือพี่เอิร์ธ พี่เอิร์ธที่ชอบทำให้ผมรู้สึกอะไรแปลกๆเสมอๆ



    “ไปแปรงฟันไป เดี๋ยวพี่เตรียมของกินให้ จะกินโจ๊กหรือน้ำเต้าหู้?”


    “น้ำเต้าหู้ดีกว่า”


    เลือกเสร็จผมก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน กลับออกมาอีกทีด้วยกางเกงบอลตัวเดียวไม่สวมเสื้อ พี่เอิร์ธจ้องผมอยู่พักใหญ่กระทั่งผมกระแอมไอ อีกฝ่ายเลยยิ้มเก้อ



    “หุ่นดีกว่าเมื่อก่อนเนอะ”


    แหงล่ะ นอกจากหุ่นดีกว่าเมื่อก่อนแล้วยังขาวขึ้นด้วย เมื่อก่อนว่ายน้ำไงครับ ผิวจะดำคลอรีนนิดหน่อย พอโตขึ้นก็ไม่ค่อยได้ว่ายแล้ว แต่วันไหนนึกครึ้มก็ไปวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเช้าบ้าง บางเย็นก็มีตีแบดหรือเข้าฟิตเนสกับไอ้เหยา แต่เพราะไม่ได้ออกกำลังสม่ำเสมอช่วยได้อย่างมากก็แค่ไม่ให้มีพุง กล้ามอกกล้ามท้องอะไรนั่นยังน้อยเต็มที ไม่กล้าหยิบมาพูดสักเท่าไหร่แต่ยังตัวใหญ่กว่าเมื่อก่อน ตอนมัธยมผมค่อนข้างแห้ง อย่างงี้แหละ วัยทำงานระบบเผาผลาญมันเปลี่ยน คนปกติจะอ้วนขึ้น ส่วนผมนี่สมส่วนมากกว่าเมื่อก่อน แต่ถ้าเทียบกับพี่เอิร์ธหรือมินก็ยังถือว่าเล็กกว่านิดหน่อย ผมยักคิ้วให้คนทัก นั่งลงบนเก้าอี้แล้วหยิบแก้วน้ำเต้าหู้หวานน้อยมากินสลับกับปาท่องโก๋ ส่วนพี่เอิร์ธก็กินโจ๊กไปมองผมไป สายตามันวาววับมาก ขนาดมีแว่นกั้นผมยังสัมผัสได้ถึงความหื่นแบบไม่ปิดบัง ลุกไปเอาเสื้อมาใส่ดีไหมวะ



    “คิดอะไรอยู่พี่เอิร์ธ”


    ถามตรงๆเลยดีกว่า พี่เอิร์ธหัวเราะในลำคอ จิบน้ำล้างปากก่อนตอบหน้าทะเล้น “กันต์น่าปล้ำ”


    “เฮ้ย! กันต์เป็นผู้ชาย”


    “แต่พี่เป็นเกย์”


    ผมทำหน้าปุเลี่ยนๆ ใจเด็ดมากที่พูดคำขาดขนาดนั้น “นึกยังไงถึงเป็นอะพี่ ไอ้ขุนบอกพี่เอิร์ธคบผู้หญิงแค่คนเดียว ที่เหลือก็....”


    “ไม่รู้สิ พยายามหาคนที่ให้ความรู้สึกเหมือนสมัยอยู่กับกันต์ล่ะมั้ง รู้ตัวอีกทีก็ไม่ใช่นิสัยผู้หญิงแล้วที่พี่ชอบ”


    “แล้วทำไมไม่รีบกลับมาจีบ?”


    “พอพี่เลิกกับจิ๊บ กันต์ก็มีแฟนไปแล้ว ช่วงนั้นพี่ก็เฮิร์ทเหมือนกันนะ ทำเป็นเล่นไป”


    จิ๊บคงเป็นผู้หญิงคนนั้นที่เป็นดาวคณะ ว่าแต่ “แล้วพี่รู้ได้ไงว่ากันต์มีแฟน?”


    พี่เอิร์ธหัวเราะแต่ไม่ตอบ ผมกินน้ำเต้าหู้หมดแล้ว พร้อมกับอีกฝ่ายที่วางช้อนคว่ำลงบนถ้วยเป็นสัญลักษณ์ว่าอิ่มพอดีเหมือนกัน ผมคบกับพี่หญิง ติวเตอร์สอนพิเศษตอน ม.หก เป็นแฟนคนแรกโดยได้รับการแนะนำจากไอ้ใหญ่  ไอ้เพื่อนซี้ตัวแสบนี่แหละที่ลากผมไปมัวเมาทั้งเหล้า บุหรี่ เรื่องผู้หญิงนี่ก็ด้วย แรกๆไปเรียนพิเศษก็ไม่คิดอะไรหรอกครับ ลงเรียนไปตามกระแส พี่หญิงเป็นติวเตอร์ที่เด็กที่สุดแต่ยังแก่กว่าผมหลายปี พักหลังไอ้เชี่ยใหญ่เริ่มเป่าหูว่าพี่เค้าเอ็กซ์อย่างนั้นเอ็กซ์อย่างนี้ก็เริ่มกล้าปีนเกลียว ปีนจนได้’ขึ้นครู’ของจริงนั่นแหละครับ พูดถึงไอ้ใหญ่แล้วก็คิดถึงมัน พอจบม.หกได้ตัวแสบก็ถูกเตี่ยมันส่งไปเรียนอังกฤษ เรื่องเหล้าเรื่องยาผมก็เลยเพลาๆลงโดยปริยาย แต่ผู้หญิงเนี่ย ขาดไม่ได้ เป็นคนขี้เหงาครับ เจ๊าะแจ๊ะไปทั่ว จะว่าไปก็คงไม่แปลกหรอกถ้าพี่เอิร์ธจะรู้เรื่องพี่หญิง น่าจะมีรุ่นน้องที่โรงเรียนพอเป็นสายให้มันบ้าง ตอนนั้นเรื่องผมยิ่งดังๆอยู่ด้วยที่ไปจีบติวเตอร์ทรงโต ประเด็นคือ เสือกจีบติด

    ผมมองแผ่นหลังของคนที่ยกจานไปล้างที่ซิงค์ แล้วถอนหายใจ เดินกลับมานั่งบนโซฟากอดหมอนเน่าใบเก่าไว้ ไม่นานพี่เอิร์ธก็มานั่งด้วย กวาดมือโอบไหล่ผมเหมือนเคย แต่ประทานโทษเถอะ ครั้งนี้ผมเปลือยครึ่งตัวนะท่าน



    “พี่เอิร์ธแม่งมือโคตรไว”


    ผมเบี่ยงตัวออก แต่ยังไม่พ้น คนถูกต่อว่ายิ่งดึงผมเข้าไปหา ไอ้บ้านี่ชักจะเยอะ



    “ไวอะไร นี่ถ้าไวป่านนี้กันต์เสร็จพี่ไปแล้ว อยู่ด้วยกันสองคนในห้องแบบนี้นะ" แก้ตัวก็พอ สัตว์! ไม่ต้องทำตาเป็นประกายประกอบคำรับสารภาพ


    “ไอ้บ้า แม่ง พูดออกมาได้” 


    “เอ้า พี่พูดเรื่องจริง”


    “ถามจริง เคยนอนกับผู้ชายรึเปล่า?”


    รุ่นพี่หัวเราะ มันไม่ตอบ แต่ผมพอจะเดาได้ คราวนี้เลยเปลี่ยนคำถาม “นอนกับแฟนทุกคนรึเปล่า?”


    “บางทีก็ไม่ได้เป็นแฟน”


    แรว๊ง! บอกได้คำเดียว แม่งแรงกว่าผมก็ตรงนี้ เรื่องชู้สาวยอมรับครับว่าเยอะ แต่ผมจะมีอะไรด้วยเฉพาะแฟนเท่านั้น คนอื่นส่วนมากจะคุยกิ๊กๆกั๊กๆพอหอมปากหอมคอ ส่วนใหญ่เป็นคนรู้จักๆกันด้วย อย่างเช่นเพื่อนของน้องรหัส เพื่อนของเพื่อน เพื่อนของแฟน หรือแฟนของเพื่อน จะไปลามปามมากเดี๋ยวจะเป็นบ่วงคล้องคอตัวเองเสียเปล่าๆ  แค่คุยแก้เหงา กินข้าวกันบ้าง ดูหนังกันบ้าง ไม่ลึกซึ้ง ไอ้เรื่องกี้ขี้ปันที่เป็นฉายานั่นสำหรับพวกปากปีจอครับ ผมน่ะหน้าใหญ่ใจหมา บอกเลย ไม่กล้าทำอะไรคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนหรอก



    “พวกชั่วคราวก็หามาจากร้านที่กันต์ไปเมื่อคืนนั่นแหละ ทีหลังอย่าไปอีกนะ มันอันตราย”


    พูดจบก็เอามือมาเขี่ยหน้าเขี่ยตาผม นิ้วชี้นี่ลากผ่านแก้มครั้งแล้วครั้งเล่า ผมสะบัดหางตาไปมอง คนก่อกวนเลยได้โอกาสฉวยจูบที่หน้าผากผมเต็มๆ 



    “เรื่องมินด้วย พี่ไม่ไว้ใจมัน”


    ผมมองเห็นแววตาจริงจังผ่านเลนส์ใส พอจะเดาอาการแปลกๆตอนที่ผมเล่าเรื่องไปผับเกย์กับไอ้มินให้พี่เอิร์ธฟังออกแล้ว ไม่ชอบ แต่ไม่อยากพูด อาจเป็นเพราะพี่เอิร์ธรู้ว่าผมไม่ชอบให้อีกฝ่ายงี่เง่าใส่ หรือบางที พี่เอิร์ธอาจเข้าใจว่าเขายังไม่มีสิทธิ์ที่จะแสดงอาการเกรี้ยวกราด ผมไม่ตอบรับ เช่นกัน ไม่ได้ปฏิเสธ มองมือตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายฉวยไว้แล้วยอมรับกับตัวเองว่าใจมันสั่น



    “แล้วที่บอกว่าตามหาคนที่อยู่ด้วยแล้วให้ความรู้สึกแบบกันต์เนี่ย แสดงว่าตอน ม.หกนี่ชอบกันต์จริงๆใช่ไหม?” ถามไปงั้น แกล้งเปลี่ยนเรื่อง ส่วนคำตอบอะรู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว แค่อยากได้ยินจากปากสักครั้งเท่านั้นเอง


    “แล้วกันต์คิดว่าไงล่ะ”


    “อย่าตอบด้วยคำถามสิวะ”


    พี่เอิร์ธหัวเราะ เป็นคนอารมณ์ดีที่สุดในโลกเลยเนอะ ขนาดผมนั่งหน้ามุ่ยอยู่นี่มันยังวางท่าด้วยท่าทีสบายๆ “ก็ตามที่กันต์เข้าใจนั่นแหละ”


    “ทีตอนนั้นถามไม่เห็นจะตอบ”


    “ก็มันเขินนี่”


    “แล้วนี่ไม่เขินแล้ว?”


    “โถ่ กันต์ เราอายุเท่าไหร่กันแล้ว ไม่ใช่เด็กๆนะ ชอบพี่ก็บอกว่าชอบ”


    หมายความว่าความด้านนี่แปรผันตามอายุ? ผมหัวเราะในลำคอ เอนตัวพิงที่ท้าวแขนโซฟา แต่กลับถูกดึงไหล่ให้เอนมาทางที่อีกคนนั่งอยู่กลายเป็นผมตกอยู่ในอ้อมกอดมันเต็มๆ



    “พี่ดีใจมากเลยนะตอนที่เห็นรูปกันต์ในเฟสบุ๊คขุน  ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ยิ่งเจอกันตอนที่เราไม่มีใครด้วย โคตรแจคพอตเลย”


    “ไม่ใช่ว่ารู้สึกเหมือนเจอของเล่นที่ทำหล่นหายหรอกเหรอ?”


    บางทีเราอาจจะรู้สึกกันแค่นั้นก็ได้ ใครจะไปรู้ ผมเองยังไม่แน่ใจเลยว่าที่ใจเต้นเนี่ยเพราะพี่เอิร์ธมันหล่อ หรือเพราะไอ้คนหล่อข้างๆนี่เป็นพี่เอิร์ธ’ของผม’ เมื่อหกปีก่อนกำลังเรียกร้องให้ใจผมโหยหาของที่เคยทำหายกันแน่

    สำหรับผมแล้วของชิ้นนั้นไม่ใช่ของเล่น แต่ผมไม่รู้ ไม่รู้เลยจริงๆว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นของอีกฝ่ายมาตลอดหรือเปล่า



    “ที่บอกว่าอยู่กับกันต์แล้วสบายใจน่ะ กันต์บอกตรงๆนะ กันต์ไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว พี่ก็เห็น”


    คู่สนทนาลูบหัวผมเป็นลูกหมา ก่อนฝังจมูกลงบนเรือนผมนุ่ม “กันต์แน่ใจเหรอว่ากันต์เปลี่ยน? ตอนนี้พี่เห็นแค่กันต์คนเดิมที่มีกำแพงสูงเพื่อปกป้องตัวเองจากอะไรสักอย่างเท่านั้นเอง”



    “พี่ไม่รู้หรอกนะว่ากำแพงกันต์จะเป็นแบบไหน ไม่รู้ด้วยว่าใครจะเป็นคนทำลายกำแพงของกันต์ได้ แต่ถ้ากันต์ให้โอกาส พี่ก็อยากลอง”


    หูยยยย ลุยมาถึงขั้นนี้แล้วเพิ่งมาบอกกูว่าอยากลองเนี่ยนะ มึงมาตามสเต๊ปมากครับไอ้พี่เอิร์ธ ผมขืนตัวออกจากแขนมัน มือปลาหมึกเหี้ยๆ แล้วแบบนี้เนี่ยนะบอกว่าไม่ได้มือไว ถ้ากูเป็นผู้หญิงมึงโดนตบไปแล้ว ตอดนิดตอดหน่อยอยู่นั่น


    “ไม่รู้ว่ะ จะลองดูก็ได้... แต่บอกไว้ก่อนเลยนะ จะจับกันต์ให้อยู่อะ ยาก”


    “เรื่องนั้นขุนศึกพอเล่าให้ฟังบ้างแล้ว ไม่เป็นไร แค่กันต์บอกว่าให้พี่ลองดูก็ได้ก็พอแล้ว คราวนี้ต้องวัดสกิลกันหน่อยว่าใครจะเจ๋งกว่า”


    “เหอะ พูดเป็นเรื่องเล่นๆ บอกไว้ก่อนนะเว้ย ถึงกันต์จะเคยรู้สึกดีๆกับพี่แต่นั่นไม่ใช่แบคกราวด์ที่ดีเลยนะ คะแนนพี่ติดลบอยู่ แผลแรกมันเจ็บ บอกไว้เลย”


    ก็ตามนั้นแหละครับ พี่เอิร์ธฉีกยิ้มกว้าง ยิ้มให้ผม ให้ละครจักรๆวงศ์ๆตอนสาย ให้ทีวี โซฟา บ้าบออะไรไม่รู้ แต่ผมไม่ได้สนใจหรอก นึกถึงแค่ตัวเองตอนนี้ บางที อาจหมดเวลาหลบอยู่ในเกราะของตัวเองได้แล้ว ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าผมใจอ่อนชอบพี่เอิร์ธไปแล้วนะ แค่ไม่อยากปิดตัวเองในเมื่อนานมาแล้ว นานมากแล้วที่ไม่มีใครสามารถทำให้ใจผมรู้สึกอะไรได้อีก 

    ถ้าหากมันคือความรัก ผมก็จะลอง หรือถ้าไม่ใช่ก็คิดเสียว่าไปเคลียร์ปัญหาคาใจที่เราติดค้างกันตลอดหกปีที่ผ่านมา สุดท้ายผมกับมันถ้าเราไปด้วยกันได้ จูนกันติดก็ถือเป็นกำไรชีวิต หรือถ้าไม่ ก็คิดเสียว่ามันความทรงจำครั้งหนึ่ง บางทีผมอาจได้พี่ชายดีๆ หรือเป็นบทเรียนอันแสบสันต์ แต่ก็นั่นแหละ ทุกอย่างมันคือชีวิต และผมเองก็ชอบที่จะเรียนรู้เสียด้วย

    เสียงจากโทรทัศน์ยังเปิดคลอ ผมมองมือตัวเองที่ถูกกุมไว้แป๊บเดียวก็แสร้งทำเป็นติดตามละครเรื่องยาวช่อง7 ไม่มีคำพูดใดๆระหว่างเรา เหลือเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกของคนสองคนและภาพในความทรงจำ ผมเคยมีความสุขมากตอนที่พี่เอิร์ธอยู่ข้างๆกาย มันคงดีถ้าเราได้ดำเนินเรื่องต่อกันไปตั้งแต่วันนั้น แต่ท้ายที่สุดแล้วทั้งผมและมันก็ต่างรู้ เราต่างเข้าใจกันดีว่าไม่มีใครไม่เคยทำผิด และไม่มีใครสามารถย้อนเวลากลับไปทำตัวใหม่ได้อีกแล้ว

    ผมมองมือที่ถูกจับประสานกันไว้อีกครั้ง ความสับสนตีรวนอยู่ในอก ถามซ้ำๆว่าดีแล้วหรือครั้งแล้วครั้งเล่าแต่คำตอบยังคงเป็นเหมือนเดิม


    ลองดู...


    ลองดูกับมันสักตั้ง เป็นไรไป...



    TBC
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×