ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเร่

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่07 จูบนั้น สำคัญไฉน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.35K
      82
      28 ก.พ. 59



    Dahlia 07



    ว่ากันว่าผู้ที่นอนไม่เพียงพอ มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเพราะโรคหัวใจถึงสองเท่า และไม่ควรชดเชยการนอนดึกด้วยการตื่นสาย เช่นกัน ไม่ควรใช้คาเฟอีนแก้ง่วง

    ฉะนั้น เช้าวันนี้ผมจึงดื่มน้ำโสมชง กรอกวิตามินบีและซีเม็ดก่อนออกจากคอนโดแทนกาแฟเจ้าประจำ ช่วงเช้ามีประชุมติดตามผลการทำงานประจำเดือนกับคอนซัลท์ ซึ่งข้อมูลการทำงานทั้งหมดอยู่ในไฟล์เอ็กเซลล์ที่ผมชอบเปิดมันขึ้นมาอ้างกับนายขุนศึกว่าอัพเดทโปรเกรส ดังนั้นเหตุผลง่ายๆที่ผมห้ามเบลอในวันนี้ก็คือ ถ้ามึงไม่อยากโดนคอนซัลท์สับเละ รวมถึงรักษาหน้าหัวหน้าซึ่งจะมาขยำขยี้เล่นงานอีกทีถ้าข้อมูลซึ่งนำเสนอออกไปไม่เคลียร์ มึงต้องเป๊ะมากที่สุดในรอบสามสิบวันทำงาน

    ปกติแล้วผมจะเตรียมตัวมาพร้อมกว่านี้ ข้อมูลแน่นกว่านี้ และพักผ่อนพอกว่านี้ ถ้าไม่มีเรื่องของใครบางคนกลับมาวันเวียนในชีวิตประจำวันราวกับเป็นบูมเมอแรงที่เคยถูกเขวี้ยงไปไกลจนลืมไปแล้วว่าเคยมีมันอยู่บินย้อนกลับมาเสยดั้งดังปั้ก!

    ทั้งๆที่... ไอ้บูมเมอแรงที่ว่า มันกระแดะจะหลุดมือผมไปเองแท้ๆ


    เมื่อคืนกว่าผมจะข่มตาหลับได้ก็ปาไปตีสองกว่า ผิดกับอาคันตุกะที่มันควรจะนอนไม่หลับเพราะอยู่ผิดที่ผิดทางซึ่งหลับสนิทพร้อมก่ายหมอนการ์ฟิวส์หน้าตาเฉย ทิ้งให้ผมใช้มือว่างๆที่เคยกอดหมอนใบนั้นยกขึ้นพาดหน้าผาก ในหัวไม่ได้คิดถึงคนที่นอนกรนแบบไม่รู้จักกาลเทศะแต่ดันพะวงถึงคนอีกคนที่กลับออกไปตั้งแต่หัวค่ำ 

    นับว่าเป็นกุศโลบายที่ดีเยี่ยมของเภสัชกรหนุ่มเลยทีเดียวที่ทำให้ผมวิ่งวนอยู่ในสมองตัวเองเป็นหนูติดจั่นไม่หลับไม่นอน



    “มึงไหวนะ?”


    ขุนศึกกระซิบถามเมื่อการประชุมดำเนินไปได้ครึ่งทาง ผมพยักหน้ายืนยันกับมันแล้วจับจ้องสายตาไปยังกระดานสไลด์ ตอนนี้ยังไม่ถึงเรื่องของผม แต่หลังจากพรีเซนท์รีพอร์ตฉบับนี่แหละชนกันต์ถูกเชือดแน่ ผมฟังรายละเอียดของแผนกอื่นคร่าวๆ จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวแต่ก็พยายามประคับประคองสติให้มากที่สุด กระทั่งวาระการประชุมผ่านพ้นไปด้วยดี ผมถึงพบว่าตัวเองมีความเป็นโรบอตอยู่ในตัวพอสมควร เพราะทันทีที่ถึงคราวต้องออกไปพรีเซนต์ปากมันก็พูดจ้อไปเรื่อยเปื่อยราวตั้งโปรแกรมเอาไว้ ทั้งๆที่สมองมันโล่งและกลวงไปหมด


    ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมายอมรับอย่างน่าชื่นตาบาน ต่อให้แค่ระแวงว่าตัวเองจะชอบเพศเดียวกันหรือเปล่านั่นก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่ายินดีหรอกครับ ผมคิดกับตัวเองตลอดว่าความสัมพันธ์ของผมกับพี่เอิร์ธในสมัยนั้นมันเป็นเพราะฮอร์โมนและสังคมแฟชั่น บางทีเราอาจไม่เคยรักกัน ไม่ได้รักกันเพราะต่างก็เป็นผู้ชาย เห็นได้จากพอหลุดจากวงการนั้นมาได้พี่เอิร์ธก็คบกับผู้หญิง แข็งตัวกับผู้หญิงจนทำให้นอนกับผู้หญิงได้ ซึ่งผมก็คล้ายกัน แตกต่างกันนิดหน่อยตรงที่ผมอาจสามารถมีอารมณ์กับผู้หญิงได้มากกว่าพี่เอิร์ธ เชื่อเถอะว่าเรื่องอย่างว่าผมผ่านยุทธจักรมามากกว่าหมอตี๋แน่ๆ แค่เทคนิคในการจู่โจมอาจจะต่างนิดหน่อย ผมจบวิศวะครับ ใส่เสื้อชอปเดินไปเหล่สาวแป็บๆก็ได้กลับมา ไม่ต้องลงทุนเข้าไปจีบเต็มตัว ประมาณว่าหยอดทิ้งไว้ ติดก็ติด ไม่ติดก็หาใหม่ แต่อย่างพี่เอิร์ธนี่คงยาก มันไม่ได้คารมดีแบบผมเวลาจีบใครคงต้องรุกฆาตนิดนึง ซึ่งผมว่ามันแย่มากที่คนที่กำลังถูกใช้วิธีนั้นอยู่ในวันนี้กลายเป็นผม เพราะผมแม่งรับมือมันไม่ถูก


    ใช่... เพราะผมรับมือไม่ถูก หัวใจมันเลยแกว่งไกวเหมือนเปลญวนแบบนี้ ขอตั้งหลักหน่อยเถอะ จะเสยมันให้หงายเงิบกลับไปเลย



    “วันนี้มึงดูลอยๆนะ ป่วยหรือเปล่า?”


    ไอ้ขุนถามย้ำในมื้อกลางวันที่แคนทีนบริษัท ผมส่ายหัว ตักข้าวราดแกงเข้าปาก 


    “เมื่อคืนนอนน้อย”


    “ทำอะไรวะ?”


    “พอดีน้องชายพี่เมมานอนด้วย เลยนอนไม่ค่อยหลับ”



    ผมแถ โยนความผิดให้พ่อนักแสดงดาวรุ่งที่กำลังเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณามันฝรั่งในทีวีที่แคนทีนฉายตอนนี้แทน ขุนศึกเกาหัวแกรก



    “ที่เป็นดาราอะนะ?”


    “อืม....”


    “ไหนว่าไม่สนิทกัน”


    ผมพยักหน้า ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าภูมินทร์เป็นคนที่ผมสนิทด้วย เมื่อก่อนเราเจอหน้ากันบ้างแบบผ่านๆ คุยทักทายก็ออกแนวประโยคธรรมดาทั่วๆไป มันเป็นพวกปากน่ามีสีเลยไม่อยากเสวนาด้วยมากนัก แต่น้องชายแฟนเก่าเสือกมีพฤติกรรมอย่างหนึ่งคือชอบทำตัวว่าสนิทกับคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย จนผมต้องรับขอเสนอมันงงๆว่านี่กูกับมึงไปซี้กันเมื่อไหร่

    แต่ตราบใดที่มันยังไม่มาเอาตูดผม กูยอมซี้ด้วยก็ไม่เดือดร้อนอะไรนี่วะ มีมิตรย่อมดีกว่าศัตรูเป็นไหนๆ อย่างน้อยก็เอาไว้ถามเรื่องพี่เมกับมันก็ได้ เห็นมะประโยชน์ล้วนๆ



    “เอิร์ธมันรู้หรือเปล่าว่ามึงพาผู้ชายเข้าห้อง” ไอ้เชี่ยขุนมองผมตาขวางเหมือนโกรธแทนเพื่อนไปด้วย 


    “รู้”  พอตอบออกไปก็ดื่มน้ำตาม ขุนศึกเบิกตาอ้าปากทั้งๆที่ยังไม่กลืนข้าวลงคอ อุบาทว์สุดๆอะไอ้อ้วน ดีนะผมอิ่มแล้ว ไม่งั้นได้กินข้าวไม่ลงแหงๆ 



    “ไอ้เอิร์ธมันไม่โกรธเอาเหรอ รายนั้นขี้หึงนะมึง กูบอกไว้ก่อน”


    “เออ”


    “เออ แล้วยังไง? มึงรู้ไหม กะแฟนเก่าๆของมันนี่ไม่ได้เลยนะ ทำอะไรให้มันระแวงนิดเดียวแม่งเลิกเลย ไอ้เชี่ยกันต์ กูรู้ว่ามึงเจ้าชู้ แต่นี่เพื่อนกูนะ มึงทำตัวดีๆหน่อยไม่ได้เหรอวะ”


    ไปกันใหญ่แล้ว..  ประเด็นแรกคือผมไม่ใช่แฟนพี่เอิร์ธ ประเด็นต่อมาคือผมไม่ได้ทำตัวเจ้าชู้ ไอ้ขุนก็บ้าจี้ตามเพื่อน ทำเหมือนผมเป็นลูกสาวอายุวัยเจริญเติบโตของมันไปได้ ไม่ให้ผู้ชายเข้าห้องแล้วจะให้พาผู้หญิงไปหรือไง บ้าแล้ว



    “เลอะเทอะใหญ่แล้วนะมึง แล้วแฟนเก่าๆของพี่เอิร์ธนี่อะไร มันมีแฟนมากี่คน”


    “คบตอนมหาลัยผู้หญิงคนนึง ที่เหลือผู้ชายหมด กูไม่รู้ว่ากี่คนแต่คบไม่นานก็เลิก บางคนมันจับได้ว่ากิ๊กกั๊กกับคนอื่น บางคนมันก็เบื่อของมันเอง แต่คบทีละคนนะ ไม่เหมือนมึง”


    “กูทำไม”


    “แฟนสอง กิ๊กเป็นล้าน”


    พูดจบมันก็ทำหน้าหน่าย ไอ้ขุนไม่ได้จบที่เดียวกับผมครับ แต่ไปเที่ยวด้วยกันกับนายยงยุทธบ่อย ไอ้เหยานี่ก็รักเพื่อน เผาหมดว่าทำไมผมถึงเลิกกับแฟนคนแรก สับรางไม่ทันครับตอนนั้น ยังไม่เซียน พอมาคบพี่เมนี่ค่อยเนียนหน่อย ไม่เคยถูกจับได้ว่าจิ๊จ๊ะกับคนอื่นคาหนังคาเขาแต่ก็ทะเลาะกันเรื่องพรรค์นี้ประจำ แต่เห็นผมแบบนี้ก็รักจริงหวังแต่งกับพี่เมนะครับ ถึงเจ้าชู้ก็รู้ว่าใครสำคัญ สโลแกนผม หล่อไหมล่ะ 



    “ระวังไว้เถอะ ไอ้เอิร์ธมันไม่เหมือนสาวๆในสต๊อกมึงนะ”


    ขุนศึกพูดจบก็ลุกเอาจานไปเก็บ ผมถอนหายใจหน่ายเดินตามันอาดๆ โชคดีที่วันนี้ไอ้ต้นไปกินข้าวกับแฟน ไม่งั้นเรื่องพี่เอิร์ธแดงแน่ รายนั้นยิ่งเป็นคนแรกที่สงสัยว่าผมเป็นเกย์อยู่ด้วย เวรของกู ชะตาฟ้าลิขิตอะไรให้เกิดเหตุการณ์ตาลปัตรกับเพลบอยอันดับต้นของเอเชียอยู่วะครับ ส่งสาวๆมารักผมทีเถอะ ขอร้องล่ะ



    ++++++++++++++++


    “พรุ่งนี้วันศุกร์ มึงไปเที่ยวไหน?”


    คำถามจากผู้ชายข้างห้องที่นั่งยึดโซฟาผมถามขึ้นในห้องสี่เหลี่ยม ผมลดหนังสือในมือที่อ่านอยู่ลง ภูมินทร์อมจุ๊บปาจุ๊บที่รื้อเจอในกระเป๋าหนังแดปเปอร์ของผม ซึ่งเป็นลูกอมที่มีสาวฝากมาวางให้บนโต๊ะเมื่อเดือนก่อนที่ผมลืมไปแล้วว่าเคยได้มาจนไอ้หน้าด้านตรงพื้นพรมบอกว่า ขอนะ หน้าตาเฉย


    อย่าถามครับว่าทำไมไอ้เหี้ยมินถึงมาสิงที่ห้องผม และผมก็นั่งอ่านหนังสือข้างๆมันที่เปิดการ์ตูนกอดผ้าห่มดูได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนอีกแล้ว ที่จริงผมจุดธูปอัญเชิญมันออกไปตั้งแต่กลับจากที่ทำงานมาเห็นมันรื้อตู้เย็นเอาแอปเปิ้ลออกมากินอย่างบ้าคลั่งแล้วแหละ เสื้อผ้าที่มินสวมเป็นคนละชุดกับเมื่อคืน แต่ยังคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นของผมอยู่ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันไม่ได้กลับบ้าน และไม่ได้คิดจะกลับบ้านเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้น ไล่มันไปให้คอแตกมันก็คงไม่กลับ ไอ้ห่านี่ดื้อจะตายชัก



    “หรือเลิกเที่ยวแล้ว?” มันถามซ้ำ เมื่อกี้ว่าไงนะ? ไม่ได้ฟัง


    “อะไร?”


    “กูถามว่าพรุ่งนี้มึงไปเที่ยวไหน”


    “ไม่รู้ ถามทำไม พรุ่งนี้มึงควรกลับห้องได้แล้วนะภูมินทร์ งานการไม่ทำบ้างหรือไง”


    ผมใช้สันหนังสือเคาะหัวมัน ไอ้มินบ่นอุบว่าเจ็บแล้วกระเถิบตัวจากพรมขึ้นมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน



    “ไปเที่ยวกับกูนะ”


    “ไปไหน?”


    “เอ็กซ์คลับ”


    ผมเลิกคิ้วขึ้น เป็นผับแบบไหนวะที่ไอ้ดาราหนุ่มมันจะเที่ยว



    “บาร์เกย์”


    “จวย มึงไปคนเดียวเถอะ ไอ้หอก”


    “เฮ้ย เดี๋ยวกูโดนงาบทำไง ไปเถอะ นะ ไปเป็นไม้กันหมาให้หน่อย”


    “ไม่ใช่ว่ามึงไปเพราะอยากได้หมามาเลี้ยงหรอกเหรอ ไม่ไปโว้ย ไอ้เหี้ย ผู้ชายที่ไหนเขาเที่ยวบาร์เกย์ มึงเมาจุ๊บปาจุ๊บหรือไง ไปไกลๆเลยไม่ต้องมาอ้อนตีนกู”


    “ก็มึงเป็นเกย์ ทำไมจะเที่ยวบาร์เกย์ไม่ได้”


    “กูไม่ได้เป็น!”


    “งั้นจูบ...”


    ห้ะ?!?

    ผมมองภูมินทร์ที่ยื่นหน้าหล่อๆมาใกล้ ไม่มีสิว ไม่มีรูขุมขน นี่หน้าคนหรือแผ่นกระเบื้อง เดี๋ยวก่อนนะ ไม่ใช่เวลามาชื่นชมในความหล่อใสของน้องแฟนเก่า ที่สำคัญกว่าน้องแฟนเก่าคือมันเป็นเกย์ ใช่ มันเป็นเกย์!



    “ถ้ามึงแน่ใจว่าตัวเองไม่ใช่เกย์ ก็จูบดิ แค่ปากชนกัน ถ้ามึงไม่ตั้ง กูยอมแพ้ แต่ถ้ามึงตั้ง พรุ่งนี้ไปกับกู”


    “มึงไม่ลากเด็กมึงไปด้วยล่ะวะ”


    “ถ้าเอาไปด้วยกูก็ไม่ได้เด็กใหม่ดิ เร็วๆ อย่าลีลา”


    ผมเหวอครับ มึงเถียงกันเองในใจก่อนได้นะภูมินทร์กูให้เวลา สรุปว่าอยากหรือไม่อยากแอ๊วเด็กกันแน่ เดี๋ยวบอกว่าเอากูไปเป็นไม้กันหมา เดี๋ยวบอกว่าถ้าเอาเด็กมันไปจะไม่ได้ลิตเติ้ลพัพพี่กลับมาเลี้ยง แต่จังหวะที่ผมยังไม่ทันถามให้ได้ความพระเอกหนุ่มก็ขยับตัวเข้ามา ใช้สองแขนกั้นเป็นกรงให้ผมตรึงติดกับโซฟาพลางโน้มตัวต่ำ 



    “มึงเองก็สับสนตัวเองกับพี่เอิร์ธอยู่ไม่ใช่เหรอ?”


    ผมค้อนขวับ ภูมินทร์มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นกว่าเดิม จะว่าไปมันก็ถูก ถ้าเพียงแต่ไม่ใช่วิธีงี่เง่าที่มันกำลังจะทำผมก็คงกล้าทดสอบง่ายๆอยู่ว่าสรุปกูนี่ยังไง เกย์ ไบ โบ๊ท  โถ่ว้อย ทำไมกูมีศัพท์พวกนี้เด้งอยู่ในหัวได้วะ ขอคิดแป๊บนึงแล้วกันว่าจะเสี่ยงลองจูบมันดีหรือเปล่า



    “น่า นะ จะไปกับกูดีๆหรือให้จูบ”


    แต่ด้วยความคิดที่ว่าผมค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองไม่ใช่เกย์ แหงล่ะ เกย์ที่ไหนจะชอบหอยชอบชะนี เพราะฉะนั้นจะเสี่ยงไปคลับเกย์กับมินแม่งอันตรายกว่าโดนจูบแน่ๆ จะได้เถียงคู่เก้งที่รายล้อมตัวผมตอนนี้ให้หงายเลยว่าอย่ามาเสียเวลากับกู ไม่มีทางกูมีอารมณ์ร่วมกับพวกมึงไปไปซะล่ะ ช่วงวัยต่อต้านมันเป็นไปตามฮอร์โมนจริงๆไม่ใช่เพราะรสนิยมชอบถูกเทคแคร์โดยผู้ชายด้วยกันแต่ประการใด กล้าพิสูจน์มาแล้วด้วยการจูบปากกับผู้ชายไม่เห็นรู้สึกต่างกับหมาเลียปาก เอาวะ ชิวๆไป คิดซะว่าเหมือนรับน้องปี1ที่คาบลูกมะนาวส่งต่อกันด้วยปากต่อปากของนักศึกษาชายก็แล้วกัน ดังนั้นหลังจากวินาทีตัดสินใจเฉียดตายผมก็คว้าคอไอ้คนยิ้มกริ่มที่คิดว่าตัวเองชนะโต้วาทีเป็นที่เรียบร้อยเข้ามาชิด กดริมฝีปากเข้ากับกลีบปากสีอ่อนอวดดีให้แนบสนิท หนวดเคราตอเล็กๆที่ขึ้นครึ้มรอบกลีบปากภูมินทร์จิ้มแก้มผมให้พอจั๊กกะจี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในต่อจากนั้น คือมันไม่ใช่แค่’ชนปาก’แล้วถอยตามคำให้การของพระเอกหนุ่ม หากแต่มันค่อยๆขยับริมฝีปากขึ้นลง ใช้ปลายจมูกมนกดที่ข้างแก้มคลอเคลียผมไม่ยอมผละออกไปสักที มิหนำซ้ำนอกจากแรงกระชากดึงตัวให้ภูมินทร์ล้มลงแล้ว พระเอกหนุ่มยิ่งทิ้งน้ำหนักตัวลงจูบปากผมเอาเป็นเอาตาย มือใหญ่เลื่อนมาบีบสันคางไม่ให้ผมถอยหนีก่อนปลายลิ้นจะแทรกเข้ามาด้วยความช่ำชอง


    ฉิบหายแล้วครับ... ชนกันต์



    TBC
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×