ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเร่

    ลำดับตอนที่ #19 : ตอนที่19 คนขี้หึง 

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.04K
      72
      28 ก.พ. 59


    Dahlia 19



    สุดท้าย ใหญ่ก็เพลียจิตกับชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างผมครับ มันโทรมาบอกเช้าวันเสาร์ว่าจะไปเที่ยวเกาะสักสองสามวันก่อนกลับอังกฤษกับลูกพี่ลูกน้องแก้เซ็ง เดิมกำหนดการณ์ที่ใหญ่มาไทยแค่สองสัปดาห์ แต่เอาเข้าจริงก็ล่อไปเกือบเดือน ยังบ่นกระปอดกระแปดว่าเพราะกลับมาแล้วเตี่ยจะหาสารพัดวิธีรั้งให้มันอยู่ด้วยนานๆเลยไม่ค่อยอยากกลับเท่าไหร่ ส่วนผมน่ะเหรอ ก็ใช้ชิวิตแบบเดิมๆไปวันๆ ตื่นมา ไปทำงาน เย็นวันไหนพี่เอิร์ธเลิกเร็วก็จะมารับผมไปกินข้าว บางวันไอ้มินโทรมาบ้าง เล่าเรื่องที่ญี่ปุ่นให้ฟังก่อนนอนจนผมหลับคาโทรศัพท์ไปเลยก็มี แรกๆมันอยู่ห้องเดียวกับเจมส์ครับ แต่ตั้งแต่ที่มันทะเลาะกันตอนนั้น เห็นมินว่าเจมส์ก็ย้ายไปอยู่ห้องเดียวกับพี่ที่ทำงานด้วยกัน ส่วนมันนอนคนเดียวเลยโทรมาคุยกับผมได้ตลอด มันบอกว่าพี่คนนั้นของเจมส์เป็นคนดี มีแฟนอยู่ไทย แต่เวลาทำงานที่ไหนด้วยกันก็ไม่เคยวอกแวกเลยสักนิด เจมส์คงเจ็บไปจากมันมากเลยอยากได้เขานักหนา ส่วนมันก็ได้แต่มองห่างๆ บางทีที่คิวว่างตรงกันมันก็ยังแอบตามเจมส์ไปข้างนอกบ้าง หลายครั้งที่มันเห็นเจมส์ร้องไห้ แต่มันก็ไม่กล้าจะเดินเข้าไปหา ผมก็ฟังมันเฉยๆ ไม่ได้เสนอความเห็นอะไรออกไป เหมือนกับว่าระหว่างมันสองคนมีเรื่องอะไรมากกว่านี้ที่ผมไม่รู้ ที่มินเอาแต่โทษตัวเองผมก็ไม่ได้ซักว่าเรื่องอะไรบ้างที่มินทำร้ายให้เจมส์เสียใจเพราะคิดว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นของผม ไม่ใช่ธุระจะไปปลอบโยนอะไรมินหรือเป็นห่วงเจมส์ อย่างน้อยไอ้เปี๊ยกนั่นก็เคยต่อยหน้าผม ถึงตอนนั้นผมผิดแต่มันใช่เรื่องที่จะมาใช้กำลังกันหรือยังไง ยิ่งกับผมที่เป็นรุ่นพี่ด้วยมันเหมือนถูกหยามพิกล

    ส่วนตัวผมกับดาราหนุ่มจากวันนั้นก็ไม่ได้คุยกันในทางชู้สาวอีก มินไม่เคยถามถึงพี่เอิร์ธเหมือนกับที่ผมไม่เคยเล่า ช่วงนี้พี่เอิร์ธก็เหมือนเดิม คือถ้ามีเวลาก็มาหา ถ้ายุ่งๆก็จะทิ้งข้อความบอกไว้ สัปดาห์นี้พี่แกดูยุ่งหนัก เห็นว่าเดือนหน้าจะลาออกจากโรงพยาบาลจริงๆเพราะเริ่มทำไม่ไหวแล้ว ออเดอร์ที่โรงงานมีเข้ามาเยอะมาก กิจการกำลังขยายตัวไปเรื่อยๆเลยรีบเคลียร์งาน ผมน่ะไม่ได้เซ้าซี้งอแงอะไรหรอก แต่ที่ใหญ่พูดก็ถูก ผมยังลังเล โลเล และไม่เชื่อมั่นตลอดเวลา



    “พี่รออยู่ข้างล่างนะ กันต์เคลียร์งานเสร็จหรือยัง?”


    “ครับ กำลังรอลิฟท์อยู่”


    ผมตอบคนปลายสายก่อนกดวาง วันนี้พี่เอิร์ธชวนไปหาอะไรกินแถวเยาวราช ผมชวนขุนกับต้นไปด้วยแต่สองรายนั้นขอบาย ไอ้ต้นรู้แล้วครับว่าสาวหมวยที่ไอ้ขุนเคยพูดดให้มโนไปไกลน่ะเป็นบุรุษเพศ ตอนแรกไอ้ต้นแทบพ่นพรวดชาเย็นออกทางจมูก มันชอคนิดหน่อยครับเพราะผมไม่ได้มีทีท่าว่าจะเป็น’แนวนั้น’ได้เลย จากนั้นก็ขำ มันบอกอยากเห็นหน้าพี่เอิร์ธนักหนา แต่เอาเข้าจริงก็ไม่กล้าไปเจอสักครั้ง มันกลัวจะเป็นเกย์กล้ามปู ไอ้ต้นมันฝังใจครับ เคยเสร่อโดนน้องสาวลากไปเอ็กซ์คลับครั้งหนึ่งแล้วโดนเกย์กล้ามปูลวนลามเข้าให้ ไม่ได้รังเกียจนะ แต่ไม่ถนัดแนวนี้ มันว่าแบบนั้น

    ผมเดินออกจากลิฟท์ที่ถูกแยกเป็น high zone มายังลานจอดรถซึ่งมีแคมรีไฮบริดจ์ขาวจอดอยู่ เปิดประตูมานั่งแล้วเห็นสารถีขมวดคิ้วมุ่นคุยโทรศัพท์ก็ผงกหัวทักเงียบๆ ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังมันคุยโทรศัพท์นะ แต่อยู่กันแค่นี้ก็ต้องได้ยินเป็นธรรมดา



    “....งั้นเดี๋ยวผมจะเข้าไปดูแล้วกัน คุณหนิงอยู่ถึงกี่โมงครับ?”


    “ครับ ผมจะรีบไป”


    พอตัดสาย พี่เอิร์ธก็ถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นลูบหัวผมแล้วลากปาดมายันแก้ม หนุ่มแว่นยิ้มโชว์ลักยิ้มถาม “เหนื่อยไหม ? วันนี้เงียบทั้งวันเลย พี่ไลน์ไปก็ไม่ตอบ”


    “ช่วงเช้าประชุมครับ ตอนบ่ายก็รีบเคลียร์งาน เมื่อกี๊อะไรเหรอ ถ้ามีธุระไว้วันหลังก็ได้นะ”


    “อ้อ มีเรื่องที่โรง’บาลนิดหน่อยให้พี่เข้าไปดู เดี๋ยววนไปเอาเสื้อผ้ากันต์ก่อน แล้วพี่เข้าไปดูที่โรง’บาลค่อยออกมาหาอะไรกินกัน แล้วคืนนี้ก็อยู่ค้างบ้านพี่เลย พรุ่งนี้เช้าพี่มาส่ง”


    “แต่ว่า....”


    “ไม่ต้องแต่ ไม่ได้เจอหน้ากันหลายวัน ไม่คิดถึงพี่เลยหรือไง?”


    พี่เอิร์ธหัวเราะพอเห็นผมเบือนหน้าหนีไม่ยอมตอบ ก่อนเคลื่อนรถออกไปยังคอนโดผมซึ่งอยู่ห่างจากออฟฟิศไม่เท่าไหร่ ผมใช้เวลาเก็บเสื้อผ้าไม่นาน แล้วลงมาหาพี่เอิร์ธที่รออยู่ข้างล่าง เภสัชกรหนุ่มเปิดเพลงจากวิทยุคลอไปด้วย ฮัมเพลงไปด้วยอารมณ์ดี พาผมขึ้นทางด่วนแป๊บเดียวก็มาถึงโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่เจ้าตัวทำงานอยู่ ผมเดินตามเภสัชกรหนุ่มที่ดึงแขนเสื้อเชิร์ทที่พับไว้ลง พยาบาลอายุน้อยกว่าหลายคนยกมือไหว้ ส่วนบางคนก็ยิ้มรับ พี่เอิร์ธยิ้มตอบบ้างผงกหัวให้บ้างจากนั้นสาวๆก็หันไปกระซิบกระซาบกันเอง พี่เอิร์ธบอกให้ผมรอแถวๆบริเวณที่นั่งผู้ป่วย ส่วนตัวเองหายไปหลังเคาท์เตอร์ยาที่มีห้องอยู่ด้านในอีกที



    “น่าเสียดายคุณเอิร์ธเนาะ เดือนหน้าก็จะออกแล้ว ทีนี้ที่โรงบาลเลยไม่มีใครหล่อๆให้มองเลย”


    เสียงพูดคุยของพยาบาลสองคนดังขึ้นเนือยๆ ผมเหลือบตาไปมอง หน้าตาสวยสะเอาเรื่อง 
    “แกว่าเขาลาออกไปแต่งงานหรือเปล่า?”


    “ไม่หรอก คุณเอิร์ธไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ?”


    “ไม่รู้จะหวงความเพอร์เฟคไปถึงไหน แต่ก็นั่นแหละ ประวัติดีขนาดนั้นใครๆก็อยากได้ ตัวเลือกมีเยอะแยะไป”


    “พูดถึงลาออกไปก็ดีนะ ฉันล่ะรำคาญยัยคุณหนิง สนิทกับคุณเอิร์ธแล้วชอบทำท่าหวงก้างตลอด ยิ่งเดือนสุดท้ายนี่นิ่งเร่งสปีด ตามคุณเอิร์ธแจยังกับอะไรดี”


    ผมกระพริบตาปริบ สายตามองเข้าไปยังเคาท์เตอร์จ่ายยาเพื่อหาใครบางคนโดยอัตโนมัติ พี่เอิร์ธเป็นคนโดดเด่นทำไมจะไม่รู้ แค่สมัยเรียนยังมีคนมาชอบเยอะแยะ ยิ่งอายุมากขึ้นโลกก็ยิ่งกว้างกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แน่นอนว่าคนเข้าหาต้องมีหลากหลายและลวดลายแพรวพราวมากกว่าตอนนั้นเป็นไหนๆ ตอนนั้นที่ผมเกิดคำถามในอก พี่เอิร์ธหวั่นไหวบ้างหรือเปล่า ในวันที่ไม่เจอผม ในห้องสี่เหลี่ยมที่ต้องจ้องหน้าใครสักคนตลอดเวลา


    ผมนั่งบีบมือตัวเองพักใหญ่ พยาบาลสาวสวยสองคนนั้นหายไปทำงานตอนไหนผมก็ไม่รู้ พอหมดเรื่องพี่เอิร์ธเหมือนจะคุยกันต่อเรื่องคุณหมอคนอื่นผมเลยไม่ใส่ใจ สุดท้ายพี่เอิร์ธก็เดินออกมาจากเคาท์เตอร์ยาโดยมีใครบางคนยิ้มพราวติดตามมาด้วย



    “กันต์ เดี๋ยวคุณหนิงเพื่อนพี่จะติดรถไปลงที่บีทีเอสนะ คุณหนิงนี่กันต์รุ่นน้องที่โรงเรียนผมครับ”


    ผมสบตากับผู้หญิงผมยาวซึ่งรวบผมไว้สะอาดสะอ้าน คุณหนิงยิ้มเขินๆให้หนึ่งทีแล้วเอื้อมมือมาแตะข้อศอกพี่เอิร์ธ “น้องหล่อนะคะ มีแฟนหรือยัง หนิงจีบได้หรือเปล่า?”


    “อย่าเลยครับคุณหนิง”


    “อะไรกัน แค่นี้ก็หวง” พี่เอิร์ธหัวเราะพลางโปรยยิ้ม ผมไม่เคยหมั่นไส้รอยยิ้มพี่เอิร์ธที่มีให้คนอื่นได้เท่านี้ หนุ่มแว่นล้วงมือซุกไว้ในกางเกงตัวเองทั้งสองข้างพูดหน้าตาเฉย หวงสิครับ...” ซึ่งมันทำให้ควันกรุ่นๆในอกผมลอยคลุ้งขึ้นมา 

    ที่บอกว่าหวงน่ะ หวงใคร...?


    สุดท้ายคุณหนิงก็ลงจากเบาะหลังของรถเมื่อถึงที่หมาย ผมนั่งฟังบทสนทนาเกี่ยวกับงานเฉพาะทางมากมายตรงที่นั่งข้างคนขับ พี่เอิร์ธพยายามสบตาผมผ่านกระจกหลายครั้งแต่เป็นผมเองที่ทำเป็นเบือนหน้าหนี บางทีผมก็ไม่ใช่คนมีเหตุผลอะไรมากมาย อย่างเช่นตอนนี้ที่ผมหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆว่าทำไมต้องคุยอะไรกันนักหนา



    “....กันต์เป็นอะไรหรือเปล่า?”


    พอผู้หญิงคนนั้นลงจากรถพี่เอิร์ธก็ถามเสียงนุ่ม มือที่จับเกียร์ไว้เลื่อนมาดึงมือผมไปกุมไว้หลวมๆ ผมจะดึงออกก็ได้ แต่กลับไม่ดึง ถึงใจจะประท้วงอยู่แต่ผมยังปล่อยให้อีกฝ่ายสัมผัสตามใจชอบ



    “ชอบเขาเหรอ?”


    “หมายถึงอะไร? คุณหนิงเหรอ?”


    “จะให้หมายถึงใครล่ะ”


    แทนที่จะอธิบาย พีเอิร์ธกลับหัวเราะแล้วขับรถมือเดียวไปตามถนนสายหลักของเมือง “ดุใช้ได้เลยแฮะ”


    “มันขำนักหรือไง ชอบนักนี่ผู้หญิงสวยๆน่ะ เหมือนกับ....”


    “พี่ชอบกันต์”


    พี่เอิร์ธพูดชัดตอนติดไฟแดง หันมามองผมที่หน้าร้อนฉ่าขึ้นมาอีกรอบ ไอ้หน้าด้านเอ๊ย อยู่ๆก็พูดมาหน้าตาเฉย ผมดึงมือตัวเองกลับขึ้นมากอดอกทำเป็นหันหน้าหนีอีกครั้ง พี่เอิร์ธถอนหายใจกลั้วเสียงหัวเราะ “คิดอะไรของเราเนี่ย พี่ก็บอกแล้วว่าพี่เป็นเกย์ พี่ไม่ได้ชอบผู้หญิง”


    “แต่พี่เอิร์ธก็เคยคบผู้หญิง ที่พี่เอิร์ธทิ้งกันต์ไปก็เพราะผู้หญิง”


    “พี่ว่าเราพูดเรื่องนี้ไปหลายรอบแล้วนะกันต์ ทำไมเหรอ? พี่ไม่ชัดเจนตรงไหน หรือพี่ผิดเองที่พยายามไม่พอ...”


    “แล้วมันผิดหรือไงที่กันต์จะกลัวเวลาเห็นพี่เอิร์ธสนิทกับใคร ดูไม่ออกเหรอว่าเพื่อนคนนั้นของพี่ไม่ได้คิดกับพี่แค่เพื่อน”


    “สำคัญด้วยเหรอกันต์ว่าเขาจะคิดอะไร ในเมื่อพี่คิดกับเขาแค่เพื่อนแล้วคนที่พี่รักก็เป็นกันต์”


    ครั้งนี้พี่เอิร์ธเถียงผมชนะอีกตามเคย พี่เอิร์ธพูดถูก มันไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยที่ใครจะมาชอบคนของเรา แต่ผมก็เป็นแบบนี้ ผมยอมรับว่าเป็นคนขี้หึง ผมหึงแฟนทุกคนเวลาที่มีคนอื่นมาพัวพัน กับพี่เอิร์ธก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ผมเคยไว้ใจ ผมเคยเชื่อใจ และผมก็กลายเป็นคนที่ถูกทิ้งบ่อยพอๆกับผมที่เป็นคนนอกใจคนอื่น ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้ควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

    เกิดความเงียบขึ้นบนรถขึ้นหลังจากวิทยุถูกปิดไปแล้ว แคมรีสีขาวมุกจอดบริเวณริมถนนย่านคนจีน พี่เอิร์ธจ่ายเงินค่าที่จอดให้คนแถวนั้นเมื่อลงจากรถ แต่ผมกลับนั่งนิ่งกอดอกไม่ยอมขยับตัวไปไหนจนคนมาด้วยต้องมาเปิดประตูให้



    “ลงมาสิ จะมาหาของกินเยาวราชไม่ใช่เหรอ?”


    “กันต์ไม่หิว...”


    “ชนกันต์ โตแล้วนะ”


    “กันต์อยากกลับแล้ว”


    ผมยังพูดทั้งๆที่ไม่มองหน้า หมอยาทรุดตัวลงนั่งยองๆริมฟุตบาท ถอนหายใจยาวแล้วดึงแขนที่ผมใช้กอดตัวเองคลายออกจากกัน ผมปรายหางตามองพี่เอิร์ธที่ส่งสายตามาให้ 



    “พี่ขอโทษ....” 

    ชายหนุ่มเอ่ยทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ผิด เป็นผมเองที่หงุดหงิดไม่มีเหตุผล แต่พี่เอิร์ธก็ยอมเพียงเพราะไม่อยากให้เราตั้งแง่ใส่กัน พี่เอิร์ธไม่พูดอะไรต่อจากนั้น มีเพียงความคิดที่ดุด่ากันเองในหัวผมที่แล่นริ้วจนยอมแพ้ สุดท้ายผมก็พยักหน้ายอมลงจากรถให้หนุ่มแว่นกุมมือตัวเองเดินไปยังย่านการค้าช่วงหัวค่ำที่มีร้านนั่งตั้งเรียงราย 

    ผมไม่ได้มาแถวนี้บ่อยนัก ถือว่าค่อนข้างไกลจากบ้านและคอนโดที่ผมอยู่ แต่ตอนสมัยมหาวิทยาลัยมากับไอ้เหยาบ่อยเหมือนกัน ขณะที่พี่เอิร์ธดูชินทางมากกว่า พาผมไปนั่งกินก๋วยจั๊บน้ำใสใต้โรงหนังชามใหญ่ใส่น้อย จากนั้นก็ต่อด้วยขนมปังเจ้าดัง ตลอดจนถึงบัวลอยงาดำน้ำขิง ส่วนพี่เอิร์ธสั่งเป็นแปะก๊วยนมสดมาแบ่งกันกินบริเวณร้านหัวมุมที่ไกลจากตัวรถพอสมควร



    “อยากกินหูฉลามไหม? พี่ว่าจะซื้อกลับไปฝากแม่ด้วย”


    เภสัชกรท่าทางสุภาพยังชวนกินไม่หยุด ผมเริ่มอิ่มแล้วเลยส่ายหัวดิก 



    “พี่เอิร์ธมาแถวนี้บ่อยเหรอ?”


    “ก็บ่อยนะ พี่ชอบกินก๋วยจั๊บร้านนั้น ที่จริงมีผัดไทในตรอกโน้นอีกที่อร่อย ขึ้นชื่อของเยาวราชเลยแหละ”


    “ก๋วยจั๊บพริกไทย... เผ็ดจะตายห่า”


    “พูดจาไม่เพราะ”


    “กันต์เป็นผู้ชายนะพี่เอิร์ธ พูดแบบนั้นไม่เห็นจะแปลก”


    “พี่ก็ผู้ชาย ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดคำหยาบ”


    “กันต์จบวิดวะ”


    “ไม่ต้องมาอ้างเลย มีวิชาคำหยาบศาสตร์ด้วยหรือไง? คณะเขาไม่ได้สอนให้เป็นแบบนั้นนี่ จะเคยชินหรืออะไรพี่ไม่สนหรอก แต่พูดกับพี่ให้มันดีๆหน่อย เดี๋ยวหยิกให้พุงเขียว”


    “โอยย ขู่แบบนั้นกันต์กลัวไข่หดเลย”


    “ยังจะมาทะเล้นอีก เดี๋ยวจะโดน หลายรอบแล้วนะวันนี้ เดี๋ยวพี่จะจดลงบัญชีหนังหมา”


    ผมเบะปาก ตักแปะก๊วยในถ้วยของพี่เอิร์ธมากิน ถามพาซื่อ “โดนอะไร? จะต่อยกันต์หรือไง?”


    “จะต่อยทำไมเจ็บมือพี่เปล่าๆ...” พี่เอิร์ธว่า ผมทำเป็นแลบลิ้นใส่ว่าเห็นมะ สุดท้ายพี่เอิร์ธก็ไม่กล้าอยู่ดี กระทั่งประโยคต่อมาของพี่เอิร์ธกลับสยบผมได้เงียบ ดวงตาใต้กรอบดำส่อแววหลุกหลิกแพรวพราว “จับปล้ำเลยดีกว่า กันต์จะได้สิ้นฤทธิ์ แถมพี่ยังสบายตัวอีกด้วย”
    .
    .
    .
    .
    “ไอ้ทุเรศ!”



    หลังจากกินอิ่มเราเดินเล่นย่อยกันสักพัก สุดท้ายกว่าจะกลับบ้านก็ปาไปเกือบห้าทุ่ม แม่พี่เอิร์ธนอนแล้ว ลูกชายคนเดียวจึงเอาหูฉลามที่ซื้อมาฝากแช่ตู้เย็นไว้ก่อน พี่เอิร์ธไล่ผมขึ้นมาอาบน้ำในห้องน้ำบนห้องนอนชั้นสอง ส่วนมันใช้ห้องน้ำใหญ่ชั้นล่าง เจ้าบ้านปิดไฟดูแลความเรียบร้อยทั้งบ้านเป็นคนสุดท้าย ขึ้นมาอีกทีผมก็นอนเอามือก่ายหน้าผากรอบนเตียงอยู่ก่อนแล้ว แรงยวบบนเบาะเกิดขึ้นเบาๆ แสงไฟนีออนถูกปิดสนิทเหลือเพียงแสงสีส้มเรืองออกมาจากโคมใกล้หัวเตียงเท่านั้น พี่เอิร์ธ ชะโงกหน้ามองว่าผมหลับหรือยังโดยใช้มือข้างหนึ่งยันเตียงไว้เหมือนคร่อมผมอยู่กลายๆ



    “เป็นอะไรหรือเปล่า?”


    ผมส่ายหัวดิก วันนี้ผมมีความสุขมากจนกลัวว่ามันจะหายไป พี่เอิร์ธเหมือนพีเอิร์ธคนที่ผมรอมาตลอด ผมก็กลายเป็นกันต์ที่ไม่ต้องมีกำแพงอะไรมากมาย ผมหงุดหงิด ผมโมโห ผมกวนตีน ผมไร้สาระ สุดท้ายก็เป็นผมที่วางไพ่ทุกใบลงเวลาที่อยู่กับหนุ่มแว่น มันเป็นชีวิตที่ผมฝันถึงเมื่อหกปีที่แล้ว แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดแล้วมองเจ้าของรอยยิ้มสวยนิ่ง มือที่ก่ายหน้าผากเมื่อครู่ค่อยๆเลื่อนไปถอดแว่นตากรอบดำของเภสัชกรหนุ่มออกไปวางไว้ข้างหมอน พี่เอิร์ธยกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเหมือนตั้งคำถามก่อนจะผงะตัวเล็กน้อยเมื่อผมคล้องแขนทั้งสองข้างรอบคอลงมาประกบปาก ผมอยากให้พี่เอิร์ธอยู่ตรงนี้ หลงผมมากกว่านี้ รักผมมากกว่านี้ อะไรก็ได้ที่ทำให้พี่เอิร์ธไม่มีวันถอยหนีผมไปอีก กลิ่นมินต์ของยาสีฟันชัดเจนอยู่ในปากของพี่เอิร์ธ สิ่งที่ยันเตียงไว้เมื่อครู่เปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นข้อศอกทำให้ระยะห่างของผมกับพี่เอิร์ธลดลง พี่เอิร์ธสอดมือเข้ามาระหว่างท้ายทอยผมกับหมอน ผมขยับจูบตามความรู้สึก พยายามถ่ายทอดคำตอบที่พี่เอิร์ธถามที่ว่าเป็นอะไรด้วยภาษากาย ผมจูบพี่เอิร์ธย้ำๆและผมก็ชอบที่ได้จูบ ไม่ได้รู้สึกว่าจูบก็ได้ แต่มันเป็นจูบที่ทำให้โลกของผมลอยคว้าง เป็นจูบที่ผมกำลังบอกรัก ผมกัดริมฝีปากของคนเบื้องบน จากนั้นเภสัชกรหนุ่มก็เปลียนจากตั้งรับมาเป็นรุกไล่คุมเกม ลิ้นอุ่นที่ถูกผมไล่ล่าเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นรุกราน เกี่ยวกระหวัดฟัดกรูรุนแรง แต่ก็อ่อนโยนอยู่ในที บางจังหวะพี่เอิร์ธถอยห่างเนิบนาบ แต่บางจังหวะก็เร่งเร้าขึ้นมาอีก มือผมเริ่มป่ายเปะปะไปบนหลังกว้าง ขณะที่มือข้างที่มีได้ช้อนคอผมเอาไว้ของพี่เอิร์ธนวดเฟ้นรอบเอวให้ผ่อนคลาย ผมรู้สึกถึงอุณหภูมิอุ่นที่แตะตรงบนผิวเนื้อ กว่าพี่เอิร์ธจะถอนจูบ เสื้อนอนผมก็เลิกขึ้นมาจนถึงยอดอกแล้ว



    “...กันต์รู้ใช่ไหม พี่คิดยังไงกับกันต์”


    ผมไม่ตอบ สบตากับพี่เอิร์ธแน่นิ่ง พี่เอิร์ธขยับตัวขึ้นจูบผมที่หน้าผากแล้วเอื้อมไปปิดไฟโคม ผมใช้จังหวะนั้นพลิกตัวนอนหันหลัง พี่เอิร์ธไม่ได้ว่าอะไร แต่กลับล้มตัวลงนอนอีกทีโดยกอดผมซ้อนให้แผ่นอกชิดแผ่นหลัง พลางก้มลงจูบท้ายทอยที่ปกรกด้วยไรผมสีอ่อนซ้ำๆ



    “ขอบคุณนะพี่เอิร์ธที่กลับมา....”


    พี่เอิร์ธไม่ตอบ  หยุดจูบผมแล้วแต่วงแขนกลับกระชับผมเข้าชิดยิ่งขึ้น “อะไรก็ตามที่กังวลอยู่.... พี่จะพูดให้กันต์เชื่อพี่อีกแล้ว แต่พี่จะทำให้กันต์เห็น ว่าพี่จะไม่ทำร้ายกันต์อีก...”


    “พี่จะไม่ทำให้กันต์เสียใจ... “



    tbc
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×