คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : สิ่งที่คุณยังไม่เคยรู้ 2
เหล็กในผึ้ง
เหล็กในของผึ้งมีพิษ บางชนิดมีพิษร้ายแรง ถ้าใครถูกต่อยแล้วไม่รักษาทันควัน อาจทำให้ถึงตายได้
แต่หมอในสมัยก่อน กลับใช้เหล็กในของผึ้งในการรักษาคน ตำราแพทย์มีเขียนไว้ ใช้พิษต้านพิษ
ถ้าร่างกายของเรามีพิษอยู่ ก็ใช้เหล็กในของผึ้งที่มีพิษ บวกกับการฝังเข็มแบบจีนในการรักษา
แต่การรักษาแบบนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนทดลอง ถ้าหมอคนนั้นไม่มีความชำนาญ อันตรายก็ยังมีอยู่ ธรรมเนียมปฏิบัติที่ควรระวัง การอยู่กับผู้ใหญ่ มีธรรมเนียมปฏิบัติที่ควรระวัง เช่น งานเลี้ยงวังหลวง อาหารของพระราชาเรียกว่าเครื่องเสวย แต่ถ้าเป็นงานใหญ่ก็จะเรียกว่า " งานเลี้ยงวังหลวง " แล้วงานเลี้ยงวังหลวงจะจัดเมื่อไหร่หรือครับ ส่วนใหญ่จะเป็นวันประสูติของพระราชา มเหสี หรือ โดยมากเหล่าขุนนางจะเป็นฝ่ายทูลเสนอก่อน แล้วให้มีราชโองการลงมาให้จัด กิมจิ อาหารเกาหลีต้องคู่กับกิมจิ เหมือนอาหารอินเดียจะต้องใส่ผงกระหรี่ สมัยก่อน หน้าหนาวที่หนาวเหน็บ จะไม่มีผักสดให้บริโภค บางคนจึงคิดวิธีเอาผักมาดองไว้ จนถึงเดี๋ยวนี้ อาหารทุกมื้อของชาวเกาหลี จะต้องมีผักดองมาเป็นเครื่องแกล้ม และทุกปี ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับผักดองมากมาย อีกอย่างที่สำคัญ ผู้หญิงเกาหลี ถ้าทำผักดองไม่อร่อยละก้อ จะถูกญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงดูถูกได้
ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน กิมจิ อาหารเกาหลีต้องคู่กับกิมจิ เหมือนอาหารอินเดียจะต้องใส่ผงกระหรี่ สมัยก่อน หน้าหนาวที่หนาวเหน็บ จะไม่มีผักสดให้บริโภค บางคนจึงคิดวิธีเอาผักมาดองไว้ จนถึงเดี๋ยวนี้ อาหารทุกมื้อของชาวเกาหลี จะต้องมีผักดองมาเป็นเครื่องแกล้ม และทุกปี ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับผักดองมากมาย อีกอย่างที่สำคัญ ผู้หญิงเกาหลี ถ้าทำผักดองไม่อร่อยละก้อ จะถูกญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงดูถูกได้
ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน งานเลี้ยงวังหลวง อาหารของพระราชาเรียกว่าเครื่องเสวย แต่ถ้าเป็นงานใหญ่ก็จะเรียกว่า " งานเลี้ยงวังหลวง " แล้วงานเลี้ยงวังหลวงจะจัดเมื่อไหร่หรือครับ ส่วนใหญ่จะเป็นวันประสูติของพระราชา มเหสี หรือ โดยมากเหล่าขุนนางจะเป็นฝ่ายทูลเสนอก่อน แล้วให้มีราชโองการลงมาให้จัด กิมจิ อาหารเกาหลีต้องคู่กับกิมจิ เหมือนอาหารอินเดียจะต้องใส่ผงกระหรี่ สมัยก่อน หน้าหนาวที่หนาวเหน็บ จะไม่มีผักสดให้บริโภค บางคนจึงคิดวิธีเอาผักมาดองไว้ จนถึงเดี๋ยวนี้ อาหารทุกมื้อของชาวเกาหลี จะต้องมีผักดองมาเป็นเครื่องแกล้ม และทุกปี ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับผักดองมากมาย อีกอย่างที่สำคัญ ผู้หญิงเกาหลี ถ้าทำผักดองไม่อร่อยละก้อ จะถูกญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงดูถูกได้
ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน กิมจิ อาหารเกาหลีต้องคู่กับกิมจิ เหมือนอาหารอินเดียจะต้องใส่ผงกระหรี่ สมัยก่อน หน้าหนาวที่หนาวเหน็บ จะไม่มีผักสดให้บริโภค บางคนจึงคิดวิธีเอาผักมาดองไว้ จนถึงเดี๋ยวนี้ อาหารทุกมื้อของชาวเกาหลี จะต้องมีผักดองมาเป็นเครื่องแกล้ม และทุกปี ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับผักดองมากมาย อีกอย่างที่สำคัญ ผู้หญิงเกาหลี ถ้าทำผักดองไม่อร่อยละก้อ จะถูกญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงดูถูกได้
ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน
ตำราแพทย์ในอดีตก็ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับวิธีรักษาด้วยเหล็กในผึ้ง ใช้ส่งเดชก็ไม่รับรองผล
เวลาดื่มเหล้า เด็กต้องหันหลังให้ผู้ใหญ่,ห้ามดื่มซึ่งหน้า เป็นธรรมเนียมที่สืบทอดมาถึงทุกวันนี้
พระพันปี ครบสี่รอบ ห้ารอบ หรือ 55 , 66 ชันษา หรือ ได้รับปูนบำเหน็จจากเมืองจีนถึงมีการจัดขึ้น
ส่วนพระราชาก็จะแกล้งทำอิดออดเล็กน้อย,จากนั้นก็อนุญาต ทันทีที่มีงานเลี้ยงแบบนี้ ก็ต้องมีขุนนางที่รับผิดชอบโดยเฉพาะ เพื่อตระเตรียมเกี่ยวกับพิธีการด้านต่างๆ ทั้งอาหารและความบันเทิง
จัดงานแต่ละครั้งใช้เวลาหลายเดือน ทำเอาใครต่อใครวิ่งวุ่นไปหมด
แล้วเก็บรักษาไว้ในหม้อดิน ทำให้มีผักกินอยู่ตลอดเวลา,ไม่เกี่ยงฤดูกาล....
บางคนก็เอา หัวไชเท้า, ต้นหอม และ แตงกวา ทำเป็นผักดองชนิดต่าง ๆ
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
แล้วเก็บรักษาไว้ในหม้อดิน ทำให้มีผักกินอยู่ตลอดเวลา,ไม่เกี่ยงฤดูกาล....
บางคนก็เอา หัวไชเท้า, ต้นหอม และ แตงกวา ทำเป็นผักดองชนิดต่าง ๆ
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
พระพันปี ครบสี่รอบ ห้ารอบ หรือ 55 , 66 ชันษา หรือ ได้รับปูนบำเหน็จจากเมืองจีนถึงมีการจัดขึ้น
ส่วนพระราชาก็จะแกล้งทำอิดออดเล็กน้อย,จากนั้นก็อนุญาต ทันทีที่มีงานเลี้ยงแบบนี้ ก็ต้องมีขุนนางที่รับผิดชอบโดยเฉพาะ เพื่อตระเตรียมเกี่ยวกับพิธีการด้านต่างๆ ทั้งอาหารและความบันเทิง
จัดงานแต่ละครั้งใช้เวลาหลายเดือน ทำเอาใครต่อใครวิ่งวุ่นไปหมด
แล้วเก็บรักษาไว้ในหม้อดิน ทำให้มีผักกินอยู่ตลอดเวลา,ไม่เกี่ยงฤดูกาล....
บางคนก็เอา หัวไชเท้า, ต้นหอม และ แตงกวา ทำเป็นผักดองชนิดต่าง ๆ
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
แล้วเก็บรักษาไว้ในหม้อดิน ทำให้มีผักกินอยู่ตลอดเวลา,ไม่เกี่ยงฤดูกาล....
บางคนก็เอา หัวไชเท้า, ต้นหอม และ แตงกวา ทำเป็นผักดองชนิดต่าง ๆ
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
ธรรมเนียมปฏิบัติที่ควรระวัง
การอยู่กับผู้ใหญ่ มีธรรมเนียมปฏิบัติที่ควรระวัง เช่น งานเลี้ยงวังหลวง อาหารของพระราชาเรียกว่าเครื่องเสวย แต่ถ้าเป็นงานใหญ่ก็จะเรียกว่า " งานเลี้ยงวังหลวง " แล้วงานเลี้ยงวังหลวงจะจัดเมื่อไหร่หรือครับ ส่วนใหญ่จะเป็นวันประสูติของพระราชา มเหสี หรือ โดยมากเหล่าขุนนางจะเป็นฝ่ายทูลเสนอก่อน แล้วให้มีราชโองการลงมาให้จัด กิมจิ อาหารเกาหลีต้องคู่กับกิมจิ เหมือนอาหารอินเดียจะต้องใส่ผงกระหรี่ สมัยก่อน หน้าหนาวที่หนาวเหน็บ จะไม่มีผักสดให้บริโภค บางคนจึงคิดวิธีเอาผักมาดองไว้ จนถึงเดี๋ยวนี้ อาหารทุกมื้อของชาวเกาหลี จะต้องมีผักดองมาเป็นเครื่องแกล้ม และทุกปี ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับผักดองมากมาย อีกอย่างที่สำคัญ ผู้หญิงเกาหลี ถ้าทำผักดองไม่อร่อยละก้อ จะถูกญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงดูถูกได้
ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน กิมจิ อาหารเกาหลีต้องคู่กับกิมจิ เหมือนอาหารอินเดียจะต้องใส่ผงกระหรี่ สมัยก่อน หน้าหนาวที่หนาวเหน็บ จะไม่มีผักสดให้บริโภค บางคนจึงคิดวิธีเอาผักมาดองไว้ จนถึงเดี๋ยวนี้ อาหารทุกมื้อของชาวเกาหลี จะต้องมีผักดองมาเป็นเครื่องแกล้ม และทุกปี ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับผักดองมากมาย อีกอย่างที่สำคัญ ผู้หญิงเกาหลี ถ้าทำผักดองไม่อร่อยละก้อ จะถูกญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงดูถูกได้
ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน
เวลาดื่มเหล้า เด็กต้องหันหลังให้ผู้ใหญ่,ห้ามดื่มซึ่งหน้า เป็นธรรมเนียมที่สืบทอดมาถึงทุกวันนี้
พระพันปี ครบสี่รอบ ห้ารอบ หรือ 55 , 66 ชันษา หรือ ได้รับปูนบำเหน็จจากเมืองจีนถึงมีการจัดขึ้น
ส่วนพระราชาก็จะแกล้งทำอิดออดเล็กน้อย,จากนั้นก็อนุญาต ทันทีที่มีงานเลี้ยงแบบนี้ ก็ต้องมีขุนนางที่รับผิดชอบโดยเฉพาะ เพื่อตระเตรียมเกี่ยวกับพิธีการด้านต่างๆ ทั้งอาหารและความบันเทิง
จัดงานแต่ละครั้งใช้เวลาหลายเดือน ทำเอาใครต่อใครวิ่งวุ่นไปหมด
แล้วเก็บรักษาไว้ในหม้อดิน ทำให้มีผักกินอยู่ตลอดเวลา,ไม่เกี่ยงฤดูกาล....
บางคนก็เอา หัวไชเท้า, ต้นหอม และ แตงกวา ทำเป็นผักดองชนิดต่าง ๆ
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
แล้วเก็บรักษาไว้ในหม้อดิน ทำให้มีผักกินอยู่ตลอดเวลา,ไม่เกี่ยงฤดูกาล....
บางคนก็เอา หัวไชเท้า, ต้นหอม และ แตงกวา ทำเป็นผักดองชนิดต่าง ๆ
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
งานเลี้ยงวังหลวง
อาหารของพระราชาเรียกว่าเครื่องเสวย แต่ถ้าเป็นงานใหญ่ก็จะเรียกว่า " งานเลี้ยงวังหลวง "
แล้วงานเลี้ยงวังหลวงจะจัดเมื่อไหร่หรือครับ ส่วนใหญ่จะเป็นวันประสูติของพระราชา มเหสี หรือ
พระพันปี ครบสี่รอบ ห้ารอบ หรือ 55 , 66 ชันษา หรือ ได้รับปูนบำเหน็จจากเมืองจีนถึงมีการจัดขึ้น
โดยมากเหล่าขุนนางจะเป็นฝ่ายทูลเสนอก่อน แล้วให้มีราชโองการลงมาให้จัด กิมจิ อาหารเกาหลีต้องคู่กับกิมจิ เหมือนอาหารอินเดียจะต้องใส่ผงกระหรี่ สมัยก่อน หน้าหนาวที่หนาวเหน็บ จะไม่มีผักสดให้บริโภค บางคนจึงคิดวิธีเอาผักมาดองไว้ จนถึงเดี๋ยวนี้ อาหารทุกมื้อของชาวเกาหลี จะต้องมีผักดองมาเป็นเครื่องแกล้ม และทุกปี ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับผักดองมากมาย อีกอย่างที่สำคัญ ผู้หญิงเกาหลี ถ้าทำผักดองไม่อร่อยละก้อ จะถูกญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงดูถูกได้
ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน
ส่วนพระราชาก็จะแกล้งทำอิดออดเล็กน้อย,จากนั้นก็อนุญาต ทันทีที่มีงานเลี้ยงแบบนี้ ก็ต้องมีขุนนางที่รับผิดชอบโดยเฉพาะ เพื่อตระเตรียมเกี่ยวกับพิธีการด้านต่างๆ ทั้งอาหารและความบันเทิง
จัดงานแต่ละครั้งใช้เวลาหลายเดือน ทำเอาใครต่อใครวิ่งวุ่นไปหมด
แล้วเก็บรักษาไว้ในหม้อดิน ทำให้มีผักกินอยู่ตลอดเวลา,ไม่เกี่ยงฤดูกาล....
บางคนก็เอา หัวไชเท้า, ต้นหอม และ แตงกวา ทำเป็นผักดองชนิดต่าง ๆ
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
กิมจิ
อาหารเกาหลีต้องคู่กับกิมจิ เหมือนอาหารอินเดียจะต้องใส่ผงกระหรี่
สมัยก่อน หน้าหนาวที่หนาวเหน็บ จะไม่มีผักสดให้บริโภค บางคนจึงคิดวิธีเอาผักมาดองไว้
แล้วเก็บรักษาไว้ในหม้อดิน ทำให้มีผักกินอยู่ตลอดเวลา,ไม่เกี่ยงฤดูกาล....
จนถึงเดี๋ยวนี้ อาหารทุกมื้อของชาวเกาหลี จะต้องมีผักดองมาเป็นเครื่องแกล้ม
และทุกปี ยังมีกิจกรรมเกี่ยวกับผักดองมากมาย
บางคนก็เอา หัวไชเท้า, ต้นหอม และ แตงกวา ทำเป็นผักดองชนิดต่าง ๆ
อีกอย่างที่สำคัญ ผู้หญิงเกาหลี ถ้าทำผักดองไม่อร่อยละก้อ จะถูกญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงดูถูกได้
ภาษาเกาหลี เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่ จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
ภาษาเกาหลี
เกาหลีในสมัยโบราณ รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากจีนมากมาย เช่นอักษรที่จารึก เกาหลีไม่เคยมีอักษรที่
เป็นของตัวเอง จึงต้องใช้อักษรฮั่นของจีน คนธรรมดากว่าจะเรียนรู้ได้ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ชนชั้นสูง
มีทั้งเวลาและเงินทองย่อมเรียนรู้ได้ง่าย ส่วนผู้หญิง อย่าหวังได้ศึกษาเด็ดขาด
จนถึงรัชกาลพระเจ้า "เซ จง" ในปี 1397 มีรับสั่งให้ประดิษฐ์พยัญชนะเกาหลี 24 ตัวอักษรขึ้น เพื่อง่าย นางกำนัล นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน
ต่อการเรียนรู้ ทำให้ชาวบ้านทั่วไปมีโอกาสศึกษาเล่าเรียน สมัยนั้นชนชั้นสูงและเหล่าบัณฑิต ต่างมอง
ว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่ต่ำต้อย จึงไม่ยอมใช้ จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
นางกำนัล
นางกำนัล ก็คือ หญิงรับใช้ในวังหลวง มีแบ่งเป็น "นางใน" กับ "ซังกุง" หน้าที่ของนางในก็คือดูแลเรื่อง
เครื่องเสวยต่างๆ....เด็กหญิงที่ถูกส่งเข้าวัง จะเริ่มเรียนรู้ขนบประเพณีเมื่ออายุ 7-8 ขวบ อยู่ครบ 15 ปี,
จะได้เลื่อนเป็นนางใน จากนั้น ไปอีก 15 ปีก็จะได้เป็นข้าหลวง ภาษาเกาหลีเรียกว่า "ซังกุง"
แต่ระหว่างนั้นต้องมีการทดสอบและแข่งขันรุนแรง ใครได้เป็น "ซังกุง" ก็จะมีอิทธิพลมากขึ้น แน่นอน
ว่าตำแหน่งนี้ย่อมมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เช่นนอกจากมีห้องส่วนตัวแล้ว ยังมีนางกำนัลคอยรับใช้ และเป้า-
หมายของนางกำนัลเหล่านี้ ก็คือเป็นซังกุงในวันหน้า
ความคิดเห็น