คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ดลใจ 1 ดอกฉัตรฟ้่า
สามเดือนต่อมา…..
“ฮัลโลค่ะแม่ หนูกำลังเอาต้นไม้ไปส่งลูกค้าค่ะ…ค่ะเดี๋ยวหนูกับตันหยงกลับไปกินข้าวที่บ้านค่ะ” ฟ้าขับรถยนต์คันใหญ่สีขาวสำหรับครอบครัว โดยมีเด็กสาวม.ต้น ผมหยักศก ผิวเข้ม นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า เธอหมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าซอยแคบเป็นถนนสองเลนให้พอสวนกันไปมา สุดซอยนั้นเป็นบ้านสวน แบบบ้านนั้นเป็นบ้านชั้นเดียวทรงสี่เหลี่ยมแนวยาวสีฟ้า รั้วบ้านล้อมด้วยลวดหนามอย่างลวกๆ บริเวณหน้าบ้านมีหญิงชราอายุราวๆ 60 ปี กำลังเปิดประตูบ้านออกมา ฟ้าหมุนพวงมาลัยรถอีกครั้งเลี้ยวเข้าบ้านสวน
“สวัสดีป้าแดง หนูเอาต้นกระบองเพชรจิ๋วมาส่งค่ะ” ฟ้าลงจากพร้อมตันหยงแล้วยกมือไหว้ตามมารยาท
“100ต้นครบนะหนู?” ป้าแดงรับไหว้ ก่อนจะถามเช็กของที่สั่ง
“ครบค่ะ 100 ต้น ให้หนูยกไว้ตรงไหนคะ” เธอเดินไปด้านท้ายรถพร้อมตันหยง ก่อนจะกดเปิดประตูหลัง ยกถาดต้นไม้ขนาดเล็กที่มีหลุมต้นไม้ออกมา
“หน้าบ้านเลยจ้ะ แล้วเมื่อไหร่จะขยายร้านสักทีละจะได้สั่งเยอะๆ นี้ได้แค่ 100 ต้นเองมันน้อยนะหนูฟ้า”
“คุณแม่เขายังหาที่ทำเลไม่ได้นะคะ ที่บ้านก็เปิดขายของเก่าอีก ก็เลยยิ่งไม่มีพื้นที่นะคะ ที่ผ่านมาคุณยายแกก็ทำแก้เหงา ขอโทษนะคะป้าแดง” ฟ้าตีหน้าเศร้าน้ำเสียงอ่อน
“ขยายได้เมื่อไหร่ก็บอกนะ จะได้สั่งเพิ่ม ต้นกล้าเรานะมันขึ้นงามมาก” ป้าแดงบอกก่อนหันไปโบกมือเรียกสามีแกให้มายกถาดต้นไม้ไปเก็บ
“หนูกับน้องกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” ฟ้าบอกลาลูกค้าประจำของคุณยาย แล้วขึ้นรถพร้อมน้องสาว
รถคันใหญ่ของฟ้าเคลื่อนตัวออกจากบ้านสวน
“พี่ฟ้าต้นรวยล้นฟ้านี้ไปส่งซอยใกล้ๆ บ้านเราใช่มั้ยคะ” ตันหยงถามพี่สาวถึงจุดหมายต่อไป
“อืม บ้านคุณณรงค์ที่ทำงานเป็นนายหน้าขายที่ ที่คุณแม่กำลังให้ช่วยหาที่ดินอยู่นะ”
“แต่ว่าไม่มีในออเดอร์ไม่ใช่หรอคะ? พี่ฟ้า”
“คุณยายท่านให้เป็นของสินน้ำใจนะ ก็คุณแม่นะสิ คุณณรงค์เสนอมากี่ที่คุณแม่ก็ไม่ถูกใจสักที จนคุณยายแกเกรงใจจนไม่รู้เกรงใจยังไงแล้วละ” เธอทำหน้าเพลียกับการกระทำของแม่เธอ ตันหยงก็ได้แต่พยักหน้าด้วยสีหน้าเดียวกับพี่สาวคนรอง
ปึง! เสียงประตูรถสีขาวถูกปิด เด็กสาวสองคนเดินลงจากรถ ตันหยงเดินไปเปิดประตูหลังบ้านเนื่องจากบริเวณหน้าบ้าน 2 คูหานั้นติดถนนใหญ่ ต้องอ้อมมาจอดรถด้านหลังบ้านแทน
“กลับมาแล้วค่าาาา!” ตันหยงส่งเสียงบอกคนในบ้าน
คุณบงกชที่กำลังเดินถือถาดอาหารจากครัวมาให้คุณยาย ท่านชอบรับประทานอาหารที่พื้นที่กลางบ้านพร้อมดูรายการโทรทัศน์เป็นประจำช่วงเวลา 6 โมงเย็น ส่วนพี่สาวคนโตนั้นกำลังทำรายการสินค้าภายในร้านของเก่าของสะสมแห่งนี้อยู่ที่ชั้นสอง
“มาๆ แม่ทำแกงจืด ไข่เจี๊ยว ของตันหยงเป็นไข่ดาวนะ แล้วก็มีข้าวผัดนะ เดี๋ยวแม่ตักให้ คิดว่าจะกลับมาช้ากว่านี้แม่เลยทำของยายก่อน ฟ้ามานั่งรอกับยายก่อน ตันหยงไปตามพี่พลับพลึงหน่อยทำงานจนลืมกินข้าวแล้ว” คุณบงกชสั่งลูกๆ ของเธอด้วยน้ำเสียงสดใส ตันหยงพยักหน้ารับคุณแม่แล้วเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง ส่วนฟ้าก็มานั่งข้างๆ คุณยายตามคำของคุณแม่ พร้อมยกโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนไปพลางๆ ขณะนั้นเองที่หัวข้อเรื่องเสือโคร่งขาวเด้งขึ้นหน้าฟีเจอร์ เธอกดเข้าไปอ่านพร้อมนึกถึงหน้าชายที่เธอพบเมื่อสามเดือนก่อน หน้าของฟ้าออกอาการเศร้าด้วยความคิดถึง ยายแก้วที่นั่งมองหลานสาวมาสักพักแล้ว
“อ่านอะไรอ่ะลูก ทำไมทำหน้าเศร้าจังละ หือ?” ยายแก้วถามฟ้าด้วยน้ำเสียงเรียบ
“อือ….เปล่าค่ะ หนูแค่กำลังอ่านเกี่ยวกับเสือโคร่งขาวนะคะ” ฟ้าตอบกลับด้วยยิ้มเจื่อน
“เสือโคร่งขาว? แล้วมันอย่างเดียวกับเสือโคร่งเผือกไหมล่ะลูก?”
“เสือโคร่งขาวก็คือเสือโคร่งเผือกละคะ แต่จริงๆ เขาเรียกว่าเสือโคร่งขาวค่ะ เห็นว่ามันไม่ใช่สัตว์เผือกโดยแท้จริงแต่เป็นภาวะด่างเฉยๆ อะค่ะ” ฟ้าอธิบาย
“อืม…แล้วคุณณรงค์เขาว่าไงบ้างละลูก” ยายแกเอ่ยถามถึงธุระที่ฝากหลานสาวทำ
“คุณณรงค์แกไม่อยู่ค่ะ เห็นภรรยาแกว่าไปดูที่ดิน ที่ต่างจังหวัด แกรับไว้แล้วเดี๋ยวจะโทรบอกสามีอีกทีค่ะ แกฝากขอบคุณคุณยายมาด้วยค่ะ”
ยายแก้วก็พยักหน้ารับหลานสาว ตามองจอแก้วที่กำลังฉายรายการโปรด
“แม่ พี่พลับพลึงลงมาแล้วค่ะ” เสียงตันหยงที่ตะโกนบอกคุณบงกชที่กำลังตักข้าวผัดจากกระทะ แล้วแบ่งเป็นสี่จานรวมตัวแกเองด้วย ก่อนจะตะโกนเรียกลูกๆ ให้มาช่วยยกกับข้าว เย็นวันนี้ก็เหมือนวันอื่นๆ ที่สาวๆ ในครอบครัวศิรานิภาจะทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน ทุกอย่างดำเนินมาไปปกติ ไม่ต่างจากครอบครัวอื่นนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ปกติสำหรับฟ้ามาสามเดือนแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น วันนี้ความร้อนของแสงแดดนั้นสูงเป็นพิเศษจนทำให้ฟ้ารู้สึกอึดอัดจนนอนต่อไม่ได้ เธอจึงลืมตาอย่างช้าๆ สายตาค่อยๆ เหลือบมองเวลา ที่ตอนนี้เป็นเวลา 9 โมงกว่าแล้ว ฟ้าเอื้อมตัวควานหาโทรศัพท์เครื่องเก่าที่โต๊ะหัวเตียงแต่มือนุ่มกลับสัมผัสเข้ากับช่อดอกไม้ขนาดใหญ่เป็นชั้นๆ คล้ายฉัตร ตัวดอกมีขนาดเล็กๆ หนึ่งช่อนั้นจะมี 20 ถึง 30 ดอก ตัวดอกเป็นสีแดง แต่ในบางครั้งก็จะถูกส่งเป็นสีขาว ทุกครั้งที่สัมผัสก็มีเสียงกระซิบเบาๆ
“ข้าคะนึงหาเจ้าเหลือเกิน ฉัตรฟ้า”
หญิงสาวปล่อยยิ้มหวาน พร้อมใบหน้าแดงระเรื่อ ฟ้าลุกขึ้นจากเตียงพร้อมถือดอกพนมสวรรค์ หรืออีกชื่อก็คือ ดอกฉัตรฟ้า เสียบลงในแจกันลายครามใบใหญ่ซึ่งเป็นของเก่าในร้านนั้นเอง แต่ถึงแม้แจกันจะใหญ่แค่ไหนก็ไม่พอให้เสียบดอกใหม่เข้าไปได้อีกแล้ว ก็พ่อเสือใหญ่เล่นคิดถึงสาวเจ้าเนื้อแทบทุกวินาที ดอกไม้จึงถูกส่งผ่านเวทมนตร์คาถามาทั้งเช้าเย็น ฟ้าจึงต้องคอยเลือกดอกที่ใกล้เหี่ยวแล้วออก
ก๊อกๆ
“ตื่นยังฟ้า สายแล้วลูก วันนี้หนูมีไปไหนกับพวกมี่ไม่ใช่หรอ” คุณบงกชที่มาปลุกลูกสาวเพราะกลัวว่าจะอาบน้ำช้าจนไปสายอีกเช่นเคย แต่ดูเหมือนฟ้าจะลืมสนิทว่าวันนี้เธอมีนัดไปช่วยเพื่อนสาวเลือกของขวัญให้แฟนหนุ่ม
“ตื่นแล้วค่ะ เดี๋ยวหนูอาบน้ำก่อนนะคะ” หญิงสาวในห้องพูดเสียงดังข้ามประตู
ตอนนี้ฟ้าแต่งตัวฟ้าเสร็จแล้ว เธอเลือกใส่มินิเดรสลายดอกเดซีเล็กๆ เปิดไหล่จั๊มเอวเล็กน้อย กระโปรงสั้นเลยเข่ามานิดหนึ่ง เธอใส่คู่กับรองเท้าใบสีขาวเรียบ เครื่องประดับสร้อยคอรูปผีเสื้อสีน้ำเงินขนาดเล็ก แล้วสะพายด้วยกระเป๋าผ้าสีขาว ฟ้าก้าวลงจากชั้นสองของบ้าน เสียงตะโกนกึ่งหยอกล้อกึ่งโมโหก็ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย
“โอ๊ยยยยย!!….นึกว่าจะเสด็จลงมาชาติหน้าซะแล้วเพื่อนฉัน” เอแคลร์สาวสวยหุ่นดีตะโกนหยอกล้อกับเพื่อนสาว พร้อมด้วยปาล์มมี่สาวเรียบร้อยอ่อนหวานผู้ซึ่งเป็นคนขอความช่วยเหลือเพื่อนๆ ในครั้งนี้
“เอ้า! โทษๆ ถึงแล้วไม่โทรบอกละ” ฟ้าที่ทำหน้ามุ่ยเล็กน้อย
“ก็อยากรู้ไงว่าไม่ตาม จะเสร็จกี่โมง” เอแคลร์ที่พยายามกระแนะกระแหนฟ้า
“แล้วรู้ยังละ หื้อ!” ฟ้ายิ้มประชด
“พอแล้วๆ ไปกันเถอะ” ปาล์มมี่พูดตัดบทเอแคลร์เพื่อหยุดทั้งสองก่อนจะเถียงกันยืดยาวไปมากกว่านี้
“ไป” ปาล์มมี่พูดเสร็จก็หยิบกระเป๋าสะพายสีแดงที่มองมุมไหนก็ดูหรูหรา
พวกเธอทั้งสามเดินไปลาคุณแม่และคุณยายก่อนจะออกรถสีครีมของเอแคลร์ มุ่งตรงไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ใจกลางกรุง
ความคิดเห็น