คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : เสียผี 4 จ้างวาน
เช้าวันที่สองแล้วที่สมิงไม่อยู่ปรากฏตัว ณ บ้านปูนเปลือยแห่งนี้ หญิงสาวที่กำลังยกปุ๋ยจากหลังรถขาวไปเก็บในตู้เก็บของเพาะชำหลังบ้าน เนื่องจากเมื่อวานนี้เธอเอาแต่ตอนนอนซมจมไข้ขึ้นอยู่แต่ในห้องออกมาอีกทีก็มืดค่ำแล้ว ส่วนยายแก้วนั่งถักนิตติ้งอยู่ห้องรับแขกหน้าบ้าน คุณบงกชกำลังทำมื้อเที่ยงอยู่ที่ครัว ขณะเดียวกันทีนก็พาใหม่มาเล่นกับฉัตรฟ้า ดูท่านับวันฟ้าและใหม่จะยิ่งสนิทกัน อาจจะเพราะด้วยวัยของทั้งสองที่ไม่ห่างกันมากนักจึงทำให้คู่คุยกันง่าย
“ทำอะไรคะ พี่ฟ้า หนูช่วยด้วยนะคะ” ใหม่เดินมาประชิดหญิงร่างอวบ
“อย่าเลยมันหนักนะ” ฟ้าส่งยิ้มให้
“ให้พี่ทีนช่วยสิค่ะ พี่แข็งแรงจะตาย” ใหม่เสนอความคิดแสนบรรเจิด เงยหน้าส่งสายตาออดอ้อนแต่ดูพี่เธอจะไม่ค่อยเอาด้วยเท่าไหร่
“ไม่เป็นไรจ้ะ…พี่ยกได้แป๊บหนึ่งนะใหม่ เดี๋ยวพี่เล่นด้วย” ฟ้าเกรงใจทีนเพราะถุงปุ๋ยในมือนั้นก็หนักใช่ย่อย ถึงแม้จะแอบหวังอยู่เล็กๆว่าชายหนุ่มจะช่วยก็ตาม
“มา ยกไปไว้ไหนละ ฉันไม่ได้ใจดำขนาดจะปล่อยให้ผู้หญิงยกของหนักคนเดียวต่อหน้าหรอกนะ” ที่ทีนยอมช่วยเพราะไม่อยากถูกสมิงเอ็ดตอนเขากลับมา หากเรื่องนี้ถึงหูเขา
“ขะ..ขอบคุณค่ะ ไว้ที่หลังบ้านเลยมีตู้เก็บของอยู่นะคะ” ฟ้าส่งถุงปุ๋ยให้ทีน เขารับไว้ หญิงสาวหันไปยกอีกถุงแล้วทั้งคู่จึงเดินพากันไปที่หลังบ้าน ก่อนจะหันไปบอกให้ใหม่ที่พยายามยกอีกถุงให้ไปรอในบ้านก่อน
“ฟ้า เมื่อคืนที่พวกไอ้ชาลีมันกลับมา ไม่มีใครเป็นไรใช่ไหม?” ทีนถามในขณะที่พวกเขากำลังเดินกลับมาที่หน้าบ้านปูนเปลือย
“ค่ะ? พี่ทีน เมื่อวานพวกนั้นกลับมาด้วยหรอคะ?” ฟ้าได้แต่ทำหน้างงเพราะไม่รู้เรื่องเมื่อคืนเลย
“ยายกับแม่ไม่ได้เล่าหรอ?” ทีนแปลกใจเล็กน้อยที่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นแต่ผู้ใหญ่ทั้งกลับไม่พูดอะไร
“ไม่นิค่ะ ไม่เห็นพูดอะไรกันเลย ฟ้าเลยไม่รู้อะไรเลย เมื่อคืนฟ้าก็ไม่ยินอะไรเลยนะคะ อาจจะเพราะว่าฟ้าใส่หูฟัง แล้วก็กินยาลดไข้ไปละมั้งคะ?” ฟ้าทำหน้างงพร้อมความรู้สึกกังวลว่าหากสิ่งที่ทีนพูดจริง พวกปางอาจจะกลับมาทำร้ายเธอและครอบครัวอีกไหม
“แล้วผู้ชายตัวใหญ่ๆ ที่ผมยาวสีดำเหลือบเขียวเข้มแล้วใส่ชุดโบราณ ถ้าจำไม่ผิดเขาใส่สังวาลประดับทับทิม นี้เรารู้จักไหม? พี่เห็นเขาเป็นคนมาไล่พวกชาลีไป บ้านเราเลี้ยงอะไรไว้หรือเปล่า?” ทีนถามถึงชายที่เขาพึ่งสบตากันเมื่อวานนี้ ด้วยความรู้สึกติดใจนิดๆ ในเส้นผมสีดำประกายเขียว
“ไม่รู้อะคะ แม่กับยายก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังนะคะ อาจจะเป็นคนของพี่เสือหรือเปล่าคะ?” ฟ้าทำหน้างงกว่าเดิม เพราะเธอไม่เคยพบเจอท่านละหานมาก่อน
“ไม่รู้สิ แต่เห็นแม่กับยายเราดูสนิทกับเขามากเลยนะ” ทีนพูดเสียงเรียบ ส่วนฟ้าก็ส่ายหัวไปมาเชิงว่าเธอไม่รู้จริงๆ
“ฟ้า มันไม่รู้หรอก ยายกับป้าบงกชไม่เคยเล่าอะไร” ยายแก้วพูดเสร็จก็หันไปเหลือบมองไปที่ครัวว่าบัวลูกสาวแกออกมาหรือยัง เพราะลูกสาวแกสั่งห้ามไว้ไม่ให้เล่าเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับละหานให้ลูกๆ ฟัง
“แล้วเขาเป็นใครคะ? ทำไมยายกับแม่ถึงไม่เคยเล่าเลยละคะ?” ฟ้าที่เดินมาถึงหน้าบ้านแล้ว ได้ยินอย่างนั้น เธอก็รีบพุ่งตัวไปนั่งบนพื้นบ้าน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ก็มันไม่ใช่เรื่องที่จะไปเล่าให้ใครฟังสุ่มสี่สุ่มห้านิลูก แต่ไหนๆ เมื่อคืนพ่อทีนเขาก็เห็นแล้ว ก็ไม่น่าเป็นไรแล้วละ อืม...ท่านนะ...ชื่อพญาจระเข้ละหาน ดูแลลำน้ำที่อยู่หลังเรือนไม้ที่ยายยกให้ลุงทิวา ที่ตอนนี้แกก็ทำสวนผลไม้นะ.....เราตอนเด็กๆ ก็เคยไปเที่ยวบ่อยๆ กับพลับพลึง ตันหยงนะ ตอนแม่บัวแกวัยรุ่นอย่างเราๆ ไม่สิตอนนั้นแกน่าจะแค่ 17 18 เองมั้ง? ก็รักกับท่านนี้แหละ แต่สุดท้ายแม่เรา...เขาจับได้ว่าท่านนอกใจ แม่เราเลยหนีไปกรุงเทพ จนได้เจอกับพ่อเราเลย...แต่งงานมีครอบครัวไป ส่วนท่านก็รู้สึกผิดเลยมาตามดูแลแม่เราอยู่ไม่ห่างมาหลายสิบปีแล้วแหละ ที่บ้านเราทำขายของเก่าของสะสมแล้วไม่มีปัญหาเรื่องอาถรรพ์อะไรเหมือนร้านอื่น ก็เพราะท่านนี้แหละส่วนหนึ่ง ไอ้ยายก็ทำได้แค่....เป็นคนกลางค่อยไกล่เกลี่ยคนทั้งสอง” ยายแก้วเล่าความหลังของคุณบงกชกันพญาจระเข้หนุ่มให้เด็กๆ ฟัง
“แล้วแม่ยังไม่หายโกรธท่านหรอคะ? เรื่องมันก็ตั้งนานแล้วแถมท่านยังมาค่อยดูแลแม่ตลอด” ฟ้าพูดเสียงอ่อนปนเศร้าๆในความรักของคนทั้งสอง
“ก็หายแล้วละ แต่ไม่ยอมพูดกันตรงๆ ทั้งสองฝ่าย ยายก็ไม่รู้จะทำยังไง?” ยายแก้วทำสีหน้าเอือมๆ หน่อย ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะมีเสียงดังจากทางครัว
“อ้าว ทีนใหม่มาพอดีเลย ป้าทำสเต๊กกับมันบดเมนูโปรดฟ้าเสร็จพอดี มาๆ ลองชิมดูอร่อยไหม? ป้าก็ไม่ได้ทำนานแล้วตั้งแต่ฟ้าอยู่ปี3” คุณบงกชเดินถือจานสเต๊กที่มีถ้วยมันบดเล็กๆ วางแซมอยู่ในจานด้วยให้ดูสวยกำลังดี
“หน้าตาน่ากินมากเลยค่ะ” ใหม่เดินมาดูจานสเต๊กที่ถูกวางลงบนโต๊ะอาหาร
“ลองชิมกันมะ? ใหม่ พี่ก็ไม่ได้กินฝีมือแม่นานแล้ว” ฟ้าตักมันบดเข้าบอกแล้วเอาส้อมจิ้มเนื้อหมูที่ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ให้เรียบร้อย แล้วยืนให้ใหม่ลองชิมดู เด็กสาวรับส้อมมาพร้อมอ้าปากกว้าง นำเนื้อหมูเข้าปากเคี้ยวตุ่ยๆ
“อร่อยมากเลยค่ะ เหมือนที่พี่ทีนพาไปกินเลยค่ะ” ใหม่ยิ้มร่า
“งั้นรอป้าเดี๋ยวนะ เดี๋ยวไปจัดจานเพิ่มก่อน” คุณบงกชเดินกลับไปที่ครัว สักพักก็เรียกฟ้าเข้ามาช่วยยกจานทั้งหมดออกไปที่โต๊ะอาหาร
อีกด้านหนึ่ง ปาง ศรันย์และชาลีที่ยืนอยู่หน้าบ้านปูนชั้นเดียวยกพื้นสูงสีเหลืองอ่อน เมื่อเคาะประตูไม้บานเก่า ก็มีชายวัยกลางคนสวมชุดขาวแง้มประตูออกมา ทันทีที่เขาเห็นใบหน้าของปาง ก็เปิดประตูเชิญให้เขามาข้างในด้วยเพราะคุ้นเคยกันดี หน้าทางเข้านั้นมาแท่นโต๊ะหมู่บูชาสิ่งต่างๆ ชายสวมเสื้อขาวบอกให้พวกชายฉกรรจ์นั่งรอที่หน้าแท่นก่อน แล้วจึงเดินเข้าไปตามชายอีกคนที่ดูมีอายุมากกว่า เส้นผมของเขานั้นเป็นสีขาวหมดหัว สวมชุดสีขาวด้วยเช่นเดียวกัน สวมสร้อยลูกประคำ นั่งลงเบื้องหน้าของกลุ่มปาง
“สวัสดีครับท่าน” ปางยกมือไหว้ชายผู้นี้ ชาลีและศรันย์ก็ทำตาม
“พวงมึงมากันเรื่องเมื่อคืนใช่ไหม?” ชายผู้ชราถามเสียงเข้ม
“ครับท่าน รู้ได้ไงอะครับ?” ชาลีด้วยความประหลาดใจ
“ของแค่นี้! พวงมึงเหอะจะเอายังไง? อีกฝ่ายเป็นพญาจระเข้แต่กูก็ยังไม่แน่ใจเรื่องอิทธิฤทธิ์มันมากนัก กับเจ้าแม่ตะเคียนที่อยู่บ้านไม้” พ่อหมอชี้แจ้งแก่เหล่าชายหนุ่ม
“ยังไงก็ได้ครับขอแค่จัดการไอ้ที่มันมาบีบคอผมให้ได้ก็พอ ส่วนบ้านไม้ของไอ้ทีนถ้าท่านไหว เงินผมก็ไหว เท่าไหนเท่ากันครับท่าน” ปางทำเสียงจริงจัง
“เออ…ดี อย่างงี้ดิวะ สมกับเป็นลูกไอ้ปิติเจ้าพ่อขายที่ดิน” ชายชรายิ้มปริ่ม
“แล้วเริ่มได้เมื่อไหร่ครับ?” ศรันย์ยกมือไหว้พูดกับผู้มีอาคม
“คืนนี้ เดี๋ยวกูจะลองส่งของไปก่อน มึงก็กลับกันไปก่อน ถ้ายังไงกูให้คนรายงานไปอีกที” พ่อหมอสั่งเสร็จ พวกปางลุกบอกลา
เวลานี้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม นาฬิกาในห้องนอนฟ้าบอกเวลาว่าเป็น ตี2 แล้ว แต่เธอก็ยังคงนอนไม่หลับด้วยกังวลเรื่องที่ทีนพูดเมื่อเช้า เธอนอนคิดวนไปมาจนนอนไม่หลับ ก่อนจะมีเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูมาจากด้านนอกทำให้เธอต้องรีบวิ่งมาที่ประตูไม้แต่เธอน่าแปลกที่ไม่ว่าฟ้าพยายามจะดึงประตูแรงแค่ไหนก็เปิดไม่ออก ด้วยนางจันบริวารของสมิงที่เคยมาปรากฏตัวเป็นเงาดำให้ฟ้าเห็นนั้นกำลังดึงประตูจากด้านนอกไม่ให้เธอออกมา เพราะกำลังมีควายธนูตัวใหญ่มหึมาที่มีตัวเป็นคนหัวเป็นควาย 2 ตัว ซึ่งเป็นสมุนของหมอผีที่ปางจ้างวาน
ตัวหนึ่งพยายามจะแหวกม่านกำบังของนางพิมพ์วิภาที่เสกคลุมบ้านไม้ไว้ แต่ทำอย่างก็ไม่สามารถทำได้ ด้วยบารมีนางอัปสรระดับล่างของเจ้าแม่ตะเคียน จนต้องล่าถอยไปตามคำสั่งนาย ส่วนอีกตัวหนึ่งนั้นกำลังปะทะกับละหานอย่างดุเดือด
“เป็นแค่ควายธนู อย่ามาถือลองดีกับพญาจระเข้อย่างกู แน่จริงก็ให้นายมึงเจอกูตัวเป็นๆ สิวะ!” ละหานแสดงความโกรธาออกมา ใช้กรงเล็บจระเข้กระชากแขนขาหนึ่งหลุดออกมา เจ้าควายธนูตัวนี้กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะถูกละหานฉีกคอจนออกมาอย่างง่ายได้
ทันทีที่ทุกอย่างจบลงฉัตรฟ้าก็ดึงประตูเปิดออกมาได้ ร่างเงาที่เคยรั้งประตูด้านนอกนั้นบัดนี้ได้จางหายไป กลายเป็นละอองควัน
นี้นับเป็นครั้งแรกที่ฟ้าได้พบกับละหาน คนรักเก่าของแม่เธอ ชายร่างใหญ่ยืนเงยหน้ามองเธอจากด้านล่าง
“อีฟ้า มึงจะออกมาทำไม?! พวกมันหมายจะปลิดชีพมึงมิรู้รึ!?” ละหานทำเสียงดุดันอีกฝ่าย แต่ต้องพยายามระงับอารมณ์ไว้ ด้วยคู่สนทนานั้นคือ ลูกสาวของหญิงที่ตนรัก
“คุณเป็นใครคะ? ชะ…ใช่คนที่ยายแก้วเล่าหรือเปล่าคะ?” ฟ้าตั้งคำถามเหมือนเคย
“เออ เข้าห้องไปซะ ผัวมึงมันลงยันต์ไว้หน้าห้อง ช่วยกันภัยร้าย”
“อ่า…คือ…” ฟ้าเริ่มหน้าแดง เมื่อรับรู้ถึงการกระทำของสมิง
“เข้าไป!” ละหานเริ่มดุเด็กน้อย
“คะ…ค่ะ!” ฉัตรฟ้ารีบกลับเข้า
ถึงแม้เหตุการณ์ในคืนนี้จะจบลงไปได้รวดเร็ว เพราะสิ่งที่ถูกส่งนั้นเป็นเพียงการลองเชิงอีกฝ่ายดูก่อน แต่เมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไปทำให้ฟ้านั้นหวั่นใจเป็นอย่างมากด้วยอันตรายนี้จะส่งผลกระทบกับคนในครอบครัวเธอมากแค่ไหน และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ทำไมถึงอยากฆ่าเธอ แม้จะมีท่านละหานที่ค่อยปกป้องคุณแม่อยู่ด้วยก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีก อีกทั้งพี่เสือก็ยังไม่กลับมา นิสัยที่ชอบคิดมากของเธอคิดวนไปซ้ำๆ จนรุ่งเช้าของอีกวัน
ความคิดเห็น