คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ดลใจ 5 พบกันอีกครา
อีกด้านหนึ่งของป่า
เสือโคร่งใหญ่สีขาวที่กำลังนอนอยู่ริมระเบียงไม้ไผ่ขนตาสีขาวค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น แล้วมองจ้องไปที่ชายสูงใหญ่อีกผู้หนึ่ง ชายผู้นี้นุ่งโจงกระเบนสีเขียวเข้มผ้ามันวาว คาดสังวาลประดับเพชรทับทิมสีแดงเม็ดใหญ่ คิ้วเข้มจมูกโด่ง ตาสองชั้นหลบใน ปากอมชมพูบาง ใบหน้าทรงสามเหลี่ยม เส้นผมสีดำประกายเขียวเข้ม
“มึงเป็นใคร เข้ามาในถิ่นกูทำไม เป็นจระเข้ก็ไปอยู่ในน้ำนู่น!” สมิงถามชายแปลกหน้าที่เป็นผู้บุกรุกด้วยเสียงดุดัน
“กูแค่มาบอกให้มึงดูแลพวกมึงให้ดี! อย่าได้ไปเกาะแกะบ้านใหม่!” ละหาน พญาจระเข้สั่งสมิงเสียงหนักแน่น
“อย่าเสือกมาสั่งกู! ที่นี้ป่ากู! พวกกูจะทำกระไรก็ไม่ใช่กงการมึง!” สมิงตอกกลับพร้อมกระโดดลงจากระเบียงบ้าน
“โถ่!! ไอ้เสือมึงอย่ากำแหงให้มากนัก!” ละหานวิ่งเข้าใส่ มือหนาเปลี่ยนเป็นกรงเล็บแล้วง้างมือหวดเข้าใส่เสือใหญ่ สมิงก้มหลบแล้วเงยหน้าสวนกัดสังวาลประดับทับทิมจนขาดสะบั้น ร่างของละหานจากหนุ่มรูปงามกลายเป็นจระเข้ตัวใหญ่มหึมา ละหานตีหางของตนเข้าใส่เข้าที่ลำตัวเสือโคร่งขาวจนกระเด็นชนกับต้นไม้ก่อนสะบัดหางตนอีกครั้งพังระเบียงไม้ไผ่ของกระท่อมหลังน้อย สมิงรีบกลับมาตั้งท่าโจมตีอีกครั้ง
“ตอนที่นางฉัตรฟ้ามันกลับมา กูก็คิดว่ากลิ่นใครติดตัวมันมาด้วย แท้จริงแล้ว ก็กลิ่นสาบเสือมึงนี้เอง!” ละหานพูดเสียงดังหวังข่มขวัญเสือเฒ่า แต่การอ้างชื่อของฟ้ากลับยิ่งทำให้สมิงยิ่งโกรธมากขึ้น ร่างกายของเสือโคร่งขาวมีไฟสีฟ้าอมเขียวลุกโชนขึ้น ดวงตาเปล่งแสงสีฟ้าเข้ม
“มึงเป็นกระไรกับนาง! ถึงบังอาจพูดถึงเมียกู! ไอเด็กเมื่อวานซืน!” สมิงคำรามก้องไปทั่วป่า ดังไกลไปถึงกลุ่มของฟ้าที่กำลังเดินไปศาลไม้กลางป่าได้ครึ่งทางแล้ว จนทั้งหมดหยุดชะงัก แต่คุณณรงค์นั้นยืนยันอยากจะนำของไปถวายให้ได้จึงเดินหน้าไปต่อ มีเพียงฟ้าที่รู้สึกใจคอไม่ดี ในใจคิดเพียงใบหน้าของชายที่เคยช่วยเธอ
สมิงคำรามอีกครั้งเพื่อสะกดการเคลื่อนไหวอีกฝ่ายไว้ด้วยไสยเวท แล้วพุ่งไปกัดที่ต้นคอบริเวณที่อ่อนแอ แล้วกระชากลากถูจนเนื้อหลุดออกมา เลือดของละหานพุ่งออกมา จระเข้หนุ่มไม่สามารถขยับตัว เพราะมนต์ที่สะกดไว้ทำให้ร่างหนักอึ้ง ตอนนั้นเองที่พญาครุฑบินโฉบลงมาห้ามทั้งคู่ไว้
“พอได้แล้ว เจ้าทั้งสอง เจ้าสมิงพอเถิด เจ้าละหานเพียงเป็นห่วงอดีตคนรักตนจึงค่อยตามดูแลไม่ห่าง แล้วแม่ฉัตรฟ้าก็เป็นลูกสาวของคนรักมันนั้นแล อย่าได้ติดใจเอาความมันเลย” พญาครุฑผู้มีกายากำยำสีแดงชาด ใบหน้าเป็นนก จะงอยปากจนถึงหงอนเป็นสีทองเช่นเดียวกับปีกใหญ่ นุ่งโจงกระเบนสีน้ำเงินแล้วรัดด้วยปั้นเหน่งสีทอง สวมกรองคอสีทองอร่าม แล้วรัดแขนด้วยพาหุรัดหรือที่รัดแขน และสวมกำไลทอง พญาครุฑโกสีย์เข้าชี้แจงเหตุผลที่ละหานล่วงล้ำอาณาเขตสมิง
“แล้วท่านเล่า มีเหตุใดให้มาอยู่นี้ หรือจะเป็นเหตุเดียวกันกับมัน” สมิงละเขี้ยวออกจากคอของจระเข้หนุ่ม แล้วทำความเคารพสัตว์กึ่งเทพที่อาวุโสกว่าเขา เมื่ออยู่ต่อหน้าพญาครุฑละหานก็อ่อนลงไม่คึกคะนองเช่นตอนแรก
“ตัวข้านั้นผูกใจรักแม่พิกุล น้องสาวแม่ฉัตรฟ้า ลูกสาวแม่บงกชคนรักเจ้าละหาน”
พญาโกสีย์อธิบายต่อ
“แต่ประเดี๋ยวข้าก็กลับแล้ว เพราะแม่พิกุลและแม่พลับพลึงนั้นยังรั้งต้องอยู่เมืองกรุง แต่เจ้าละหานนั้นยังต้องอยู่ที่นี้ดูแลคนรักตนต่อ ด้วยหมายใจชดใช้ความผิดที่ตนเคยกระทำไว้ ข้าก็ฝากเจ้าดูแลมันด้วย มันพึ่งอายุได้ 200 ปี อย่าได้ถือสามันเถิด”
“หรือท่านคือเจ้าของสร้อยขนนกนั้น เช่นนั้นข้าก็ขอคืนมันแกเจ้าของเดิม” สมิงเสกให้สร้อยนั้นปรากฏขึ้นบนมือพญาครุฑ
“ขอบใจเจ้ามาก ประเดี๋ยวข้าจะนำไปคืนแม่พิกุลเอง พ่อละหานอาณาเขตนี้เป็นของสมิงขาว นั้นก็คือบ้านเขา เจ้าเป็นแขกอย่าได้เหิมเกริมไป ต่อไปก็อยู่แต่บริเวณบ้านอย่างล้วงเข้ามาบริเวณป่าอีก เข้าใจหรือไหม” พญาครุฑกำชับจระเข้หนุ่ม
“ขอรับท่าน” จระเข้หนุ่มขานรับแต่โดยดี ก่อนจะค่อยๆ เอากรงเล็บแตะเพชรบนสังวาลคืนร่างมนุษย์แล้วหายลับไปในป่า
“ข้าไปละ” ปีกพญาครุฑกางออกแล้วกระพือบินขึ้นท้องฟ้าไป
สมิงหันไปซ้อมระเบียงไม้ไผ่ ด้วยร่ายมนตร์ให้คืนสภาพดังเดิม ก่อนจะกลายร่างเป็นชายกำยำดวงตาสีฟ้า ก้มลงมองรอยช้ำแล้วจึงบริกรรมคาถารักษากายจนหาย แล้วมุ่งหน้าไปที่ศาลไม้เก่ากลางป่า
พวกฟ้านั้นมาถึงหน้าศาลไม้กลางป่าแล้ว ซึ่งที่ฟ้าและสมิงนั้นพบกันครั้งแรก แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยหมู เป็ด ไก่ พร้อมด้วยเหล้าขาว ดอกไม้ธูปเทียนต่าง ๆ คุณณรงค์คุกเข่าสองมือกำธูปพนมมือไว้ แล้วอธิษฐานต่าง ๆ นานา คนอื่นนั้นเริ่มเอาธูปไปปักที่ดินหน้าศาลไม้
“ไหนๆ ก็มาด้วยแล้ว ทีนส่งไม้กวาดมาทีจ้ะ ช่วยๆ กันทำความสะอาด” คุณบงกชพูดเสร็จก็รับของมาแล้วส่งไม้กวาดทางมะพร้าวให้ลูกสาวคนโตและคนเล็กของเธอ ลุงทิวากับทีนเดินไปช่วยกันยกกิ่งไม้ต่าง ๆ ที่หักลงมาจากพายุเมื่อคืน
ส่วนใหม่และฟ้า เช็ดที่บรรดารูปปั้นเสือเก่าและเก็บเศษใบไม้ต่าง ๆ รอบตัวศาล คนที่เสนอให้ฟ้าเป็นคนมาทำหน้าที่นี้ก็คือ ใหม่นั้นเองแต่เจ้าของความคิดตัวจริงกลับเป็นเจ้าแม่นางตะเคียนที่คิดว่าสมิงคงชอบใจน่าดูหากเห็นคนรักของตนกำลังดูแลศาลไม้ของเขา ตันหยงที่เห็นภาพดังนั้นก็เดินก็รีบเดินมาคุยกับใหม่เพราะเป็นคนที่มี ‘ความสามารถแบบเดียวกัน’ แต่ทันทีที่ตันหยงเดินเข้าใกล้ใหม่ ท่านพิมพ์วิภาก็ถอยห่างทันทีด้วยบารมีพญาครุฑที่คลุมกายเธอไว้ ทำเอานางนั้นล่าถอยไปอยู่ข้างสมิงที่ตอนนี้ยืนดูฉัตรฟ้าทำความสะอาดศาลของตน ทำหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อยู่ใต้ต้นไม้ที่ห่างจากศาลไม้ไม่มาก
“ต้องขอบคุณข้านะ สมิง” ท่านพิมพ์วิภาหยอกล้อสมิงเล็กน้อย
“ขอบน้ำใจเจ้านัก” สายตาของสมิงนั้นจ้องที่สาวร่างอวบไม่วางตา
“แล้วเจ้าจะทำกระไรต่อรึ” เจ้าแม่ตะเคียนตกใจกับคำพูดของสมิงเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ
“มิกงการของเจ้า สนใจแต่เด็กเจ้าเถอะ ดูท่านางจะได้เพื่อนใหม่เสียแล้ว” สมิงพูดเสร็จก็หันหน้าไปทางใหม่ที่ตอนนี้หัวเราะกับตันหยง ด้วยความที่เป็นคนรุ่นเดียวจึงทำให้สนิทกันง่ายมาก ท่านพิมพ์วิภาแสดงท่าทีไม่พอใจ
“ถ้ามิใช่มีรัศมีครุฑคลุมกายนาง ข้าคงไม่ถอยมาเช่นนี้หรอก”
“มิใช่แค่รัศมี เจ้าเงยหน้าดู”
นางพิมพ์วิภาเงยหน้าตามคำสมิง ก็พบพญาครุฑบินสง่าอยู่บนท้องฟ้า นางถึงกับหน้าถอดสีทันที
ขยะทุกอย่างเก็บเข้าถุงพลาสติกสีดำแล้วมัดปากถุงไว้อย่างดี ฟ้าหิ้วไปวางรวมกัน ที่ใต้ต้นไม้บริเวณศาลในขณะที่ทุกคนกำลังเก็บข้าวของเซ่นไหว้ต่าง ๆ เธอวางขยะลงแล้วปัดเหงื่อที่ไหลเข้าตาก่อนจะได้ยินหัวเราะคิกคัก ร่างกายฟ้าหยุดชะงักก่อนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองร่างสีดำที่นั่งแกว่งขามาไปจากกิ่งไม้ที่อยู่เหนือหัวเธอ
“ฉัตรฟ้า!!” เสียงของสมิงตะโกนเรียกฟ้า เขาเดินจากออกจากร่มไม้เดิมแล้วปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน ฟ้าที่ได้ยินเสียงของชายหนุ่มเธอรีบหันหลังวิ่งไปสวมกอดเขาด้วยความกลัว มือหนาลูบหัวสาวเจ้า ที่ตัวสั่นไม่ต่างจากลูกนกน้อย ก่อนจะจ้องมองร่างดำที่ค่อยๆ จางหายไป
“ไม่ต้องกลัวหนา มีข้าอยู่ตรงนี้ ไม่ให้ใครทำกระไรเจ้าหรอกหนา” สมิงเฒ่าค่อยๆ ลูบไล้หลัง
“โอ๋ๆ ...โอ๋ๆ” ชายหนุ่มค่อยๆ ปลอบฟ้าที่ร้องไห้ไม่หยุด
“ฟ้า!!! ทำอะไรนะ!!” คุณบงกชขึ้นเสียงแข็ง
“ฟ้ามานี้มา” พลับพลึงเดินเอาแยกตัวฟ้าออกสมิง
“เป็นอะไรหนู” ลุงทิวารีบเดินมาดูหลานสาว
“นางเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น” สมิงเอ่ยเสียงเรียบ
“แล้วคุณเป็นใคร รู้ชื่อฟ้าได้ยังไงคะ” คุณบงกชที่ถามพลางเดินมาลูบหลังฟ้าที่ตอนนี้เปลี่ยนกอดพี่สาวไม่ปล่อย แกถามด้วยความสงสัยในชายผู้นี้เพราะการแต่งตัวของชายแปลกหน้านี้นั้นไม่สวมใส่เสื้อผ้าท่อนบน ท่อนล่างสวมกางเกงสะดอสีเข้ม ดวงตาสีฟ้า
“…..” ไม่มีคำตอบใดๆ จากสมิง เขายืนเงียบ
“ว่ายังไงค่ะ ทำไม่ตอบ” คุณบงกชเค้นถามอีกครั้ง แต่เสือใหญ่ก็ยังคงนิ่งเฉยก่อนจะเหลือบทีนกับป้าศรี ทั้งสองที่เห็นดังนั้นก็เข้าใจความหมายโดยนัยทันที ป้าศรีสะกิดแขนทีนให้ออกไปช่วยแก้ตัวแทนเสือเฒ่า
“พะ..เพื่อนผมเองครับ ป้าบงกช บ้านมันเป็นกระท่อมอยู่ในป่านี้แหละครับ พอดีวันนั้นที่เจอน้องฟ้าผมก็พามันไปด้วยนะ ฮ่า” ทีนที่เดินแกล้งไปยืนข้างๆ สมิงก่อนหัวเราะแห้งๆ ออกมา
“แล้วเพื่อนชื่อไร ถามก็ไม่ตอบ” ลุงทิวาถามเค้นชื่อแซ่ของชายแปลกหน้า
“เออ…ชื่อ…ว่า” ทีนเริ่มอ้ำอึ้งเพราะลำพังจะให้บอกว่าชื่อสมิงก็กระไรอยู่ด้วยคนรุ่นเขา คงไม่มีใครชื่อแบบนี้เป็นแน่ อีกทั้งชื่อจริงๆ ของท่านสมิงผู้นี้ก็ไม่มีใครรู้
“พี่..เสือค่ะ” ฟ้าที่ตอนนี้เริ่มคลายความกลัวลงไปบ้างแล้ว เธอปาดน้ำแล้วเดินกลับอยู่ต่อหน้าสมิงอีกครั้ง แล้วยิ้มอ่อนๆ ออกมา
“พี่เขาชื่อพี่สมิงค่ะ แต่ฟ้าเรียกพี่เสือค่ะ ตอนที่หนูตกเขา ที่มีแผลเยอะๆ นะคะ พี่เขาก็เป็นคนช่วยรักษาช่วยดูแลให้นี้แหละค่ะ” เธอหันไปบอกของแม่เธอและคนอื่น ๆ
“แล้วอยู่ในป่าคนเดียวหรอ แล้วพ่อแม่เธอละ” ลุงทิวาถามความเป็นมาของชายผู้นี้อย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่นัก
“แม่ข้าเสียตั้งแต่เกิด ส่วนพ่อข้าเมื่อข้าอายุ 16 ท่านก็จากข้าไป” เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาเล่าเรื่องตัวเองให้ผู้อื่นฟัง ทำเอาทีน ใหม่ ป้าศรีและท่านพิมพ์วิภามีใบฉงนยิ่ง
“…งั้นป้าขอโทษด้วยนะจ๊ะที่ทำท่าไม่ไว้ใจเรานะ แล้วก็ขอบคุณนะที่ช่วยดูแลยัยฟ้าตอนตกเขานะ” เมื่อชายหนุ่มพูดเช่นนี้ก็ทำเอาคุณบงกชเริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อย
“แล้วเรารู้ได้ยังไงว่า ฟ้าเห็นอะไร” คุณแม่ที่เห็นลูกสาวก่อนหน้านี้ร้องไห้ไม่มีปี่มีขลุ่ย ฟ้าฉุกคิดภาพนั้นที่ยังติดตาเธอขึ้นแล้ว เธอก็เริ่มกลับมาสั่นกลัวอีกครั้ง ชายหนุ่มกำยำเห็นเช่นนั้นก็เดินมาลูบหัวฟ้าอย่างอ่อนโยน
“แม่ค่ะหนูว่าพอเถอะพี่ฟ้าคงเห็นอะไรนั่นแหละ เนี่ยตัวสั่นอีกแล้ว เรารีบกลับกันเถอะ” ตันหยงรีบตัดบท เธอไม่อยากพี่สาวเธอกลัวไปมากกว่านี้
“อะอืมๆ” คุณบงกชตัดสินใจรีบพาลูกสาวกลับ ตลอดทางเธอเดินจับมือฉัตรฟ้าไม่ปล่อย
ความคิดเห็น