ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the heart of the forest ดวงใจแห่งผืนป่า (ฟรีจนจบค่อยติดเหรียญ)

    ลำดับตอนที่ #4 : รอยจูบ 3 พบกัน ณ ศาลไม้

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ย. 64


    เอี๊ยด!!! รถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ 1977 สีเลือดหมูเข้มคันเก่า ขับเข้ามาขนาบข้างตัวชาลี เปิดประตูรถถูกเปิดออก รองเท้าผ้าใบขนาดผู้ชายสีขาวเรียบ กางเกงขาสั้น เสื้อเชิ้ตสีขาว ดูคุ้นตา บีมก้าวลงก่อนเป็นคนแรก ตามด้วยปาง และชายปริศนาที่น่าจะเป็นศรันย์

    “ว้าว! พรหมลิขิตชัดๆ เลย น้องฟ้า พึ่งจากกันเอง..วนมาเจอกันอีกละ” บีมพูดอย่างมีชีวิตชีวา แล้วรีบวิ่งมาประคองฟ้า พร้อมกับหันมาบ่นชาลีที่ปล่อยให้ฟ้านั่งทรุดอยู่กับพื้นถนน

    “ชาลี! มึงปล่อยน้องฟ้าของกูไว้กับพื้นสกปรกๆ เนี่ยนะ ไอห่านี้ถ้าเป็นกูแต่แรกน้องฟ้าก็ไม่ต้องเลอะเทอะแบบนี้หรอก”

    “ของมึงคนเดียวที่ไหน ยังไงต้องแบ่งบ้างสิวะ” ปางไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินมาช่วยบีมอุ้มตัวฟ้า ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าฟ้าส่งชาลีช่วยถือ

    “ผู้หญิงเจ้าเนื้ออย่างนี้ดิวะ กูโคตรชอบ คืนนี้ฟินแน่น้องฟ้า” บีมกล่าวด้วยเสียงที่สะใจกับรอยยิ้มที่มุมปาก

    “เพลาๆ กันหน่อย พวกมึงเดี๋ยวมันช้ำ เมื่อกี้มันเล่าว่าที่บ้านมันขายของเก่าน่าจะมีเงิน เดี๋ยวเอาคลิปมันต่อรองกะแม่มันได้ด้วย” ชาลีพูดพร้อมกับใบหน้าเจ้าเล่ห์

    ฟ้าที่ร่างกายตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว สติเลือนรางลงไปทุกที ถูกพาตัวขึ้นรถคันแดงด้วยความง่ายดาย ประตูรถปิดลง แล้วล้อรถก็หมุนออกไป ระหว่างนั้นก็มีร่างเงาปริศนาแอบซุ่มดูอยู่อย่างเงียบๆ จากมุมมืดของซอย

     

    หลังจากล้อของพวกมันหมุนมาได้ราวๆ ครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็หยุดลงริมแนวป่ารกทึบแห่งหนึ่งที่เงียบสงัด ท้องฟ้าที่ตอนนี้มืดมิดแต่กลับเต็มไปแสงดาวที่แสนสุกสกาวไปทั่วฟ้า ทุกคนในรถเปิดประตูลงโดยมีบีมค่อยประคองฟ้าลงจากรถด้วยความทะนุถนอม ตัวฟ้ายังพอคงสติไว้ได้อยู่บ้าง มันมากพอที่เธอจะรับรู้ว่าสภาพแวดล้อมของตนเป็นอย่างไร

    “มึงป่าเนี่ยนะ มึงคิดยังไงจะเอาคนมาซ่อนที่นี่วะ อุตส่าห์นั่นรถข้ามจังหวัดมาเลยนะมึง” ชาลีบ่นเสียงดัง

    “เออน่า มันก็ไม่มีคนไม่มีกล้องไงมึง ในป่านี้มันมีกระท่อมเก่าๆ อยู่กูกะไอทีนเคยมา เหมือนจะไม่มีเจ้าของแถมอยู่ในป่าโคตรลึก พวกมึงก็ผลัดเวรกันมาดูอีอ้วนนี้” ศรันย์แสดงสีหน้ามั่นอกมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาเจอแน่ๆ

    “มึงอย่าเรียกน้องฟ้ากูว่าอีอ้วนนะ เขาเรียกว่าสาวเจ้าเนื้อ ไอ้xxx” บีมแหกปากด่าศรันย์ทันที

    “โอ๊ย!…มึงก็อะไรนักหนาวะ เดี๋ยวสุดท้ายก็ต้องมันก็ต้องเป็นผีเฝ้าป่าอยู่ดีไหม” ปางเริ่มหงุดหงิดกับการกระทำของเพื่อนตัวเอง ฟ้าได้แต่ช็อกกับสิ่งที่ได้ยินจนทำอะไรไม่ถูก

    “กูก็อยากใช้เวลากับน้องฟ้าของกูให้คุ้มเอง!” บีมทำเสียงประชดประชัน

    “ว่างๆ ไปหาหมอบ้างนะกูว่า” ชาลีเองก็เริ่มหมั่นไส้เพื่อนคนนี้ของเขาแล้ว เพราะดูจะบ้าเกินเหตุได้ตลอด

    พวกเขาทุกคนเริ่มย้ำเท้าเดินเข้าไปในป่า โดนศรันย์เป็นคนนำทาง บีมยังคงประคองฟ้าไม่ห่างกาย พร้อมเงาปริศนาที่ตามพวกเขามาอย่างไม่ห่างเช่นกัน

     

    เมื่อเดินมาถึงจุดหนึ่งในป่า พวกเขายืนท่ามกลางต้นไม้นานาพันธุ์ หมอกสีขาวขุ่นจางๆ ลอยฟุ้งกระจายรอบๆ ตัวและตอนนี้ดูเมื่อศรันย์จะพาเดินวนไปมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว

    “ไอศรันย์นี้หลงมึงป่ะเนี่ยไอ้x” บีมที่เริ่มโวยวาย

    “ใครหลง กูไม่ได้หลง ให้เวลาเดี๋ยวดิวะ” ศรันย์แก้ต่างทันควัน แต่เหมือนเค้าจะหลงจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้เค้าได้ทำสัญลักษณ์ไว้ตามทางไปกระท่อม ซึ่งตอนนี้เหมือนจะไร้ร่องรอยเหล่านั้นแล้ว

    “ไอ้ศรันย์ ถ้าพาพวกกูหลง กูจะกระทืบมึง ไอ้ฉิบหาย” ปางเริ่มรู้สึกเดือด

    “ว่าไง มึงสรุปหลงไหม” ชาลีเอ่ยเสียงแข็ง

    “เออไอ้x กูหลง ก็ตอนแรกกูทำสัญลักษณ์ทิ้งไว้กับไอ้ทีนนิวะ” ในที่สุดศรันย์ก็ยอมรับว่าเขาหลงทางแล้ว พวกชาลีที่กำลังถกเถียงกันโดยไม่รู้เลยว่า ร่างกายฟ้าเริ่มขยับได้แล้ว ส่วนชายปริศนาที่แอบตามมาก็กำลังหาจังหวะรอทำบางอย่างอยู่ แต่ขณะที่ทุกอย่างดำเนินไป ก็มีดวงสีน้ำเงินอีกคู่หนึ่งจ้องมองมา ตั้งแต่ที่พวกเขาได้มาจอดรถคันแดงริมป่าแล้ว

    “มึงในป่ามันจะมีอะไรเปล่าวะ” บีมเริ่มเป็นกังวลกับบรรยากาศรอบข้าง

    “ไอ้xx เข้าป่าอย่าถามหาเสือสิวะมึง” ชาลีรีบกำชับเจ้าคนเพี้ยน

     

    ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง เสียงปืนราวๆ 5 นัด ดังขึ้นกึกก้องไปทั่วทั้งป่า สัตว์น้อยใหญ่ทั่วบริเวณพากันตื่นกระเจิง ตอนนั้นเองที่บีมตกใจเสียงปืน ผละมือออกจากฟ้ามาอุดหูตัวเอง ทันทีที่มือของบีมปล่อยจากตัวฟ้า เธอรีบหันตัวไปอีกด้านหนึ่งพร้อมก้าวเท้าวิ่งสุดแรงเกิด

    “อีฟ้า! มึงจะไปไหน!” บีมทำหน้าทะมึนทึม

    “ตามไปเร็วมึง!” ชาลีทำเสียงเกรี้ยวกราด ก้าวขาวิ่งตามฟ้าพร้อมกับบีมก่อนหันไปสั่งให้ศรันย์กับปางไปหาต้นตอของเสียง

    “ไอ้ปาง ไอศรันย์มึงไปแอบดูดิใครมันมายิงปืนแถวนี้ว่ะ”

    ในความมืดตรงกลางป่าใหญ่ ประกอบกับเวลาราวๆ ตี3แล้ว ทำให้ทัศนะในการมองของฟ้าแย่มาก เธอวิ่งเกี่ยวกิ่งไม้ข้างทางจนตอนนี้บนร่างกายของฟ้ามีแผลเล็กๆ เต็มตัว และข้างหน้าตอนนี้ของฟ้าเป็นกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่เอนลงมาระดับเดียวกับความสูงของเธอด้วยความมืดของป่า เธอจึงมองไม่เห็นกิ่งไม้นั้นแล้ววิ่งเข้าชนอย่างจัง ทรุดตัวล้มลงกับพื้นทันที กลางหน้าผากของฟ้ามีรอยแดงปนม่วงขนาดใหญ่ เธอพยายามลุกตะเกียกตะกายขึ้นเพื่อจะวิ่งต่อ แต่มือหนาจากด้านหลังคว้าแขนนุ่มนิ่มของฟ้าไว้ก่อนดึงตัวเธอด้วยแรงชายจนตัวฟ้าแทบเซล้ม มืออีกข้างชาลีง้างขึ้นแล้วตบเข้าที่แก้มของเธอจนมีเลือดไหลที่มุมปากอวบ

     

    “มึงจะไปไหนอีฟ้า! อย่าหวังเลยว่ามึงจะรอด!” ชาลีขู่ฟ้าเสียงเข้ม

    “อีฟ้า! มึงทำตัวให้น่ารักๆ หน่อยได้ไหม! ไม่งั้นศพมึงไม่น่ารักเหมือนตอนนี้แน่!” บีมเดินเข้ามาจิกผมทรงดังโงะฟ้าดึงกลับ ฟ้าพยายามดิ้นสุดฤทธิ์ นั้นเองที่ฟ้านึกของสิ่งหนึ่งที่ตันหยงน้องสาวคนเล็กของเธอได้ให้ไว้ก่อนจะออกเดินทาง

     

    ‘ถ้าหากเจออันตรายให้นึกถึงขนนกอันนี้มันจะปกป้องพี่ฟ้าเหมือนที่มันปกป้องหนูอย่างกับเวทมนตร์เลย’ ตันหยงกล่าวพี่สาวพร้อมยิ้มเล็ก

     

    ฟ้าล้วงมือเข้าไปที่เสื้อกล้ามสีขาวตรงหน้าอกของเธอแล้วดึงสร้อยคอชุบเงินที่ตัวจี้เป็นขนนกสีเหลืองทองขนาดเล็ก ฟ้ากำจี้ขนนกนั้นไว้แล้วภาวนาให้เป็นจริงอย่างที่น้องสาวเธอบอกพร้อมหลับตาปี๋ เสียงรอบตัวฟ้าค่อยๆ เงียบลง มือหนาที่สัมผัสแน่นบริเวณแขนค่อยๆ จางหาย ผมที่ถูจิกอย่างแรงค่อยๆ สยายกลับลงมาบนบ่า ฟ้ารู้สึกเอ๊ะใจ ก่อนเปิดตาทั้งสองข้างอย่างช้าๆ ด้วยความกลัว ภาพที่เห็นเป็น ต้นไม้ใหญ่ที่ภาพเบื้องหลังเป็นดวงจันทร์สีขาวนวลส่องแสงลงมา ใต้ต้นไม้มีศาลไม้ขนาดใหญ่แลดูเก่า ที่เหมือนจะรับการดูแลนานครั้งๆ เศษซากพวงมาลัยเก่าๆ ถูกแขวนไว้ตามมุมต่าง ๆ ของศาล ผ้าสามสีที่เหมือนจะเคยมีสีสดบัดนี้กลายเป็นผ้าขาดๆ ที่มีสีตุ่นๆ รูปปั้นเสือตัวเล็กถูกวางไว้หน้าศาลหนึ่งตัว ฟ้ารีบสำรวจสิ่งรอบตัวเธอที่ยังคงอยู่ในป่าเช่นเดินแต่กลับมีต้นไม้ขึ้นรกกว่าเก่ามาก ฟ้ากำลังจะหันหลังกลับไปอีกทางเพื่อวิ่งอีกครั้งเพราะภาพตรงหน้าไม่แตกต่างกับฉากหนังผีทั่วๆ ไปเลย

     

     

    ปัง! เสียงปืนอีกนักดังขึ้นไกลๆ ในมือฟ้ายังคงกำขนนกไว้แน่น

    ‘ยอมเจอผีดีกว่าเจอไอ้พวกเฮงซวย’ ฟ้าร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้ววิ่งไปหน้าศาลแล้วยกมือไหว้ขอขมาแล้วมุดตัวไปซ่อนที่ใต้ศาล เธอภาวนาให้พวกมันอย่ามาหาเธอเจอเลยพร้อมร้องไห้อยู่นานสองนานจนผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

    ด้านฝั่งชาลีและบีมที่ยืนช็อกกับการที่ฟ้าค่อยๆ จางหายไปต่อหน้าต่อตาก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นอีกนัด แล้วรีบวิ่งกลับไปหาปางและศรันย์ เพื่อเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง พวกเขาวิ่งกลับมาอย่างทุลักทุเลพร้อมกับสีหน้าตื่นกลัวสุดขีด ส่วนปางและศรันย์ ที่ตอนนี้กำลังกระชากคอเสื้อฮู้ดสีดำเจ้าของเสียงปืน จนหนุ่มร่างใหญ่เซไปเซมา

    “มึงหนีเร็ว! อีฟ้า!…อีฟ้า!…เป็นผี! มันหายไปต่อหน้ากูเลย!” บีมตะโกนลั่นด้วยสั่นเครือ

    “ไปเร็ว! ไอ้xxx!” ชาลีรีบพูดก่อนสังเกตเห็นใบหน้าของชายสวมฮู้ดคุ้นตา

    “ไอ้ทีน! มึงมาได้ไง! ไหนมึงบอกไม่ยุ่งไง! แล้วไอ้ปางไอ้ศรันย์! พวกมึงสองตัวอัดหน้าไอ้xxxทีนทำไม!” ชาลีรีบเข้ามาห้ามเพื่อน บีมยังคงพักหอบ

    “ก็ไอ้ทีนนี้แหละ! มันเอาปืนปลอมมายิง ทำไมไอ้ทีนมึงมาขวางทำไมวะ” ปางพยายามเค้นถาม

    “….” ทีนก็ยังนิ่งเฉย ปางเห็นอย่างนั้นก็ซัดหมัดเข้าหน้าทีนอีกครั้งเพื่อระบายความหงุดหงิด แต่ทีนก็ยังนิ่งอยู่ดี

    “จะยังไง..ก็ช่าง..รีบไป..กันเถอะ….อีฟ้าเป็น…ผี” บีมพยายามพูดทั้งที่ตอนนี้ปากสั่นติดๆ ขัดๆ ด้วยความกลัว

    “ไม่โว้ย!จนกว่าไอ้ทีนมันจะยอมพูด ชอบเล่นบทพระเอกทุกทีนักหรอวะ! โคตรน่าหมั่นไส้!ไอ้xxx!” ครั้งนี้ปางเอาสันปืนตบหน้าทีน แต่ศรันย์และชาลีพยายามเข้ามาห้าม จังหวะนั้นเองที่เสือโคร่งขาวตัวใหญ่ดวงตาสีฟ้าก้าวเท้าออกมาจากมุมมืดด้านหลังของบีม แล้วส่งเสียงคำรามไปทั่วบริเวณ ทีนหันมองก่อนใครด้วยรู้อยู่แล้วว่าที่นี้เป็นเขตของใคร ชาลี ปางและศรันย์หันมามองเป็นตาเดียวกัน บีมตอนนี้เขาปัสสาวะราดกางเกงเป็นลมล้มพับอยู่บนพื้น

     

    “พวกมึงกล้ามากมาทำเรื่องระยำต่ำทรามในที่ของกู!!! รีบไสหัวไปซะ! ก่อนที่กูจะหมดน้ำทนกับพวกมึง!” เจ้าของตาสีฟ้าส่งเสียงดุดันออกมา

    “สะ…สะ…สะ…เสือเผือก..พูดได้!” ศรันย์พูดก่อนจะหันหลังวิ่งหนีก่อนใคร

    “ไอ้ๆ ไอ้ศรันย์! รอกูด้วย ไอ้xxx!” ชาลีรีบวิ่งตามศรันย์ไปทันที โดยทิ้งกระเป๋าของฟ้าที่หิ้วมาด้วยตกอยู่ที่พื้น ข้างๆ ขาทีน

    “ไอ้ทีนหรือว่ามึง! รู้อยู่แล้ว!! ไอ้xxxนี้!” ปางพูดเสร็จก็วิ่งตามสองคนข้างหน้าไป

    “ผมขอโทษแทนเพื่อนด้วยครับ ไม่คิดจริงๆ ว่าพวกมันจะมาทำเรื่องชั่วแบบนี้ ถ้ารู้แบบนี้เดือนที่แล้วผมคงไม่พาไอ้ศรันย์มาเที่ยวแถวนี้หรอกครับ” ทีนยกมือขึ้นไหว้ขอขมา เสือใหญ่พยักหน้ารับแล้วเตือนทีนว่า

    “สิ่งที่เอ็งควรทำนอกจากขอขมาข้าแล้ว ก็ควรเลิกคบเพื่อนอันธพาลเช่นนี้ด้วย!” เสือใหญ่ทำเสียงดุด่าว่ากล่าวทีนประหนึ่งดุลูกดุหลาน ทีนพยักหน้ารับไม่กล้าเถียงสิ่งใด

    “แล้วเหตุใดจึงพามันไปที่กระท่อมหลังป่า ตอนที่ข้าไม่อยู่ ห้ะ!”

    ทีนรีบก้มหน้าไม่อาจให้เสือใหญ่เห็นสีหน้าเขาในตอนนี้

    “คราหน้าอย่าให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก”

    “ครับ” เด็กหนุ่มรับคำว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีก

    เดิมทีทีนนั้นเป็นเด็กที่บ้านอาศัยออยู่ใกล้บริเวณป่าใหญ่แห่งนี้ ตอนเด็กเขาและน้องสาวเคยหลงป่า ก็ได้เสือใหญ่พากลับมา ตั้งแต่นั้นเขากับน้องก็จะค่อยแวะเวียนไปหาเสือใหญ่ที่ศาลเป็นประจำ ทำให้เสือใหญ่เองก็เอ็นดูเขาในฐานะหลานคนหนึ่ง ครอบครัวของทีนก็คุ้นเคยกับเขาเพราะเมื่อต้องกลับจากศาลเสือใหญ่จะเป็นคนไปส่งทุกครั้ง ก่อนที่ทีนจะย้ายจากบ้านไปเชียงใหม่เพราะเรื่องเรียนต่อมหาลัย แต่เดือนที่แล้วเขานั้นกลับมาเยี่ยมบ้านโดยพาศรันย์มาด้วย

    “เอ่อ…ท่านสมิงครับ แล้วน้องฟ้าตอนนี้อยู่” ทีนกำลังถามถึงฟ้าด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นสาวเจ้าวิ่งหนีหายเข้าไปในป่า แต่ถูกเสือใหญ่สวนกลับก่อนที่จะพูดจบซะอีก

    “ส่วนผู้หญิงข้าจะรักษานางก่อนเมื่อหายแล้ว ข้าค่อยให้น้องสาวเอ็งไปส่งนางกลับบ้าน ส่วนเอ็งกลับไปรักษาตัวเองซะ” สมิงพูดจบก็หันหลังจะเดินจากไป

    “เดี๋ยวก่อนครับท่าน นี้กระเป๋าของน้องเขาครับ เพื่อน้องเขาได้สติแล้วจะโทรติดต่อกับญาติเขาครับ” ทีนหยิบกระเป๋าลายวัวที่เลอะเทอะไปด้วยดิน ไปวางไว้หน้าเสือขาวพร้อมไหว้ลา แล้วหันมาลากร่างบีมกลับไปหาคนอื่นๆ เสือใหญ่เมื่อเห็นทีมเดินจากไปไกลแล้ว ก็กลายร่างเป็นชายกำยำสูงใหญ่ ผมยาวสีดำถึงเอว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนา ดวงตาดุดันสีฟ้าอมเทา ที่คิ้วซ้ายมีแผลเป็น ผิวขาว ใต้ซี่โครงซ้ายมีรอยแผลเก่า ร่างกายเปลือกเปล่าก้มลงมาหยิบกระเป๋าลายวัวแล้วมุ่งหน้าไปที่ศาลของตน

     

    หน้าศาลไม้เก่ากลางป่า สมิงก้มลงวางกระเป๋าของฟ้าไว้ที่ข้างศาลแล้วอุ้มหญิงสาวร่างอวบออกจากใต้ศาลตน เขาสำรวจดูอาการบาดแผลทั่วร่างกาย

    “อย่ามาตายหน้าศาลข้า สาวน้อย” เขาบ่นพึมพำ ก่อนจะเจอเข้ากับสร้อยคอชุบเงินจี้เป็นขนนกทอง สมิงพินิจพิเคราะห์ดูจนแน่ว่าใจว่านี้คือ ขนปีกพญาครุฑกำกับคาถาปกป้องคนรัก

    “แท้จริงตัวเจ้าก็มีคนที่รักอยู่ เหตุใดจึงไม่มาปกป้องเจ้า หรือดอกไม้ดอกนี้จะถูกทิ้งแลหนา” คราวนี้เขาบ่นเสียงอ่อน มือหนาสัมผัสแก้มฟ้าทำให้รู้สึกได้ว่าตัวเธอนั้นร้องดังไฟ สมิงกำลังเอี่ยวตัวลุกแต่ถูกฟ้าโอบจากด้านหน้า เขาหันกลับมามองเด็กสาวที่มีไข้ที่กำลังละเมอหาคนรัก

    “พี่เกมค่ะ..ฮึก..ได้โปรด…มองฟ้าสักครั้งหนึ่งบ้างได้ไหมคะ…ฮึก..” ฟ้าละเมอออกมา พร้อมกับสองมือนุ่มนิ่มยืนขึ้นไปโอบต้นคอร่างใหญ่แล้วดึงลงมาจูบอย่างดูดดื่มอยู่นานสองนาน แล้วกลับไปหลับสนิทดังเดิม ร่างใหญ่ยิ้มกริ่มลุกเดินจากไป ก่อนกลับมาพร้อมสำรับยามากมาย คืนนี้ดูท่าเสือใหญ่ใจดีจะต้องดูแลเหยื่อของตนไปทั้งคืน

     

     

    ไม่นานนักตะวันก็โพล่พ้นขึ้นบนฟ้า ส่องแสงสีทองไปทั่วบริเวณ นกน้อยเริ่มส่งเสียงร้อง สัตว์กลางวันฟื้นคืนจากนิทรา สัตว์กลางคืนทั้งหลายต่างพากันเข้ารังตน ฉัตรฟ้าค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นเพราะเสียงร้องของสรรพสัตว์ ถึงแม้บัดนี้จะมีแสงของพระอาทิตย์จะสาดส่องไปทั่วบริเวณแล้วแต่ความน่ากลัวของศาลไม้เก่าแห่งนี้ไม่ได้ดูลดน้อยถอยลงไปเลย กลิ่นแปลกๆ ที่ทำให้ฟ้าก้มลงมาดูตัวเอง ร่างกายของฟ้าเต็มไปด้วยผ้าขาวบางที่พันปิดบาดแผลเอาไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ในผ้าขาวบางมีสารพัดสมุนไพรที่โป๊ะบนบาดแผลเล็กๆ ทั่วตัวเธอ เสื้อเชิ้ตที่สวมทับมาถูกถอดออกมาห่มปกปิดร่างท่อนบนเธอไว้ ข้างตัวฟ้ามีจานใบตองสองใบ ใบแรกใส่ปลาย่างสีเหลืองกำลังดีสองไม้ ใบที่สองใส่ข้าวป่าหอมกรุ่น ฟ้าได้แต่ทำหน้าฉงน

    “ใครนะหรือว่าชาว….” ฟ้าพูดไม่ทันจบก็ถูกแทรกด้วยเสียงชายหนุ่มร่างใหญ่ผิวขาว ผมยาวดำ ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนล่างนุ่งผ้าขาวม้าเดินถือถ้วยดินเผาเข้ามาจากทางด้านหน้าฟ้า

    “ตื่นแล้วรึ?” สมิงพูดเสียงเอื่อย ฟ้าตกใจชายแปลกหน้าที่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นจนนั่งตัวแข็ง

    “ตื่นมาเสียก็ดี ดื่มยาเสีย” เขายืนถ้วยดินเผาให้ แต่ฟ้าก็ยังไม่ยอมรับยาจากเขาสักที เพราะเธอยังกังวลว่าจะเกิดเรื่องแบบเมื่อคืนอีก สมิงจ้องมองเธอสักพักจึงตัดสินใจดื่มให้ฟ้าดูหนึ่งคำ เพื่อแสดงให้เห็นว่ายานี้ไม่มีสิ่งใดไม่ดี

    “นี้แค่ยาหม้อทั่วไป หาได้มีสิ่งใดมิดีไม่ รีบดื่มเสีย หาไม่แล้วยาเริ่มเย็นจะยิ่งมีรสข้ม แล้วถึงตอนนั้นอย่าโอดครวญให้ข้าได้ยิน มันหลบกวนหูข้า” เขากล่าวเสียงเข้ม ฟ้าที่เห็นสมิงดื่มพิสูจน์แล้ว จึงเอื้อมมือไปรับแบบสั่นๆ ฟ้ากำลังอ้าปากถามว่ามียาแผนปัจจุบันบ้างไหม หากเลือกได้เธอไม่อยากกินยาหม้อรสข้มเลยสักนิด

    “เอ่อ..คือ..มียา..”

    “หากเจ้าจะถามถึงพวกยาฝรั่ง ที่นี่กลางป่ากลางดงคงมีให้เจ้าหรอกหนา รีบๆ ดื่มยาแล้วกินข้าวกินปลาเสีย จากนั้นข้าจะพาเจ้าไปนอนพักผ่อนที่กระท่อมข้า พอดีขึ้นก็หาทางติดต่อพ่อแม่เจ้าเสีย นี้ถุงผ้าเจ้า” สมิงพูดเสร็จก็โยนกระเป๋าลายวัวให้ฟ้า เธอรีบค้น กระเป๋าสำรวจความเสียหายคร่าวๆ

    “ไอ้ทีนมันทิ้งไว้ เมื่อใดเจ้าตื่นให้มอบสิ่งนี้คืนแกเจ้า มันว่าช่วยให้เจ้าติดต่อครอบครัวเจ้าได้”

    “ทีน?? หรอคะ??”

    “ใช่ ไอ้ทีนที่อยู่กลุ่มเดียวกับพวกที่พาเจ้ามา มันเป็นคนยิงปืนดึงความสนใจให้เจ้าวิ่งหนี แต่ว่าคิดไม่ถึงจริงๆ เห็นเรือนร่างเช่นเจ้า จะวิ่งเร็วปานลม” สมิงแซวพร้อมยกมือลูบหัวหญิงสาวที่นั่งทำหน้ามุ่ย

    “ไม่เป็นไรแล้วหนา อยู่รักษาตัวก่อนเมื่อดีขึ้นข้าจักพาเจ้าไปหาอีใหม่น้องสาวไอทีนให้มันพาเจ้ากลับบ้าน” พูดเสร็จสมิงก็ก้มตัวลงนั่งหน้าฟ้า

    “ดื่มยาได้แล้ว” สิ้นเสียงแข็งสมิง ฟ้าหลับปี๋กลืนยาไปทั้งถ้วยอย่างจำใจ ก่อนหยิบน้ำเปล่าในกระเป๋ามาบ้วนน้ำล้างปาก แล้วหันไปแนะนำตัวเอง

    “หนูชื่อฉัตรฟ้าค่ะ..เอ่อ…คุณเป็นใครคะ..ทำไมมาช่วยฟ้า..แล้วคุณ…” ฟ้ายังไม่ทันถามหมด ก็โดนสมิงเอาปลาย่างกับข้าวสวย ปั้นกลมๆ แล้วยัดเข้าปาก

    “เจ้าชื่อ ‘ฟ้า’ ข้ารู้แล้ว ข้าได้ยินไอทีนมันเรียกเจ้าด้วยชื่อนี้ ที่ช่วยเจ้าเพราะไม่อยากให้มาตายหน้าศาลข้าแค่นั้น” ฟ้าได้ยินคำ ‘ศาลข้า’ ก็ถึงกับสำลักข้าวในปาก คว้าน้ำดื่มข้างตัว

     

    “ล้อกัน..เล่น..ใช่มั้ยคะ” ฟ้าถามปากสั่น

    “ข้าล้อเล่นสิ่งใดต่อเจ้า?”

    “ก็ที่คุณบอก ‘ศาลข้า’ อ่ะคะ แค่ล้อเล่นใช่มั้ยคะ” ฟ้าถามพลางกัดริมฝีปากไปด้วย

    “อือ” สมิงตอบเสียงนิ่ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×