คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : เสียผี 3 ละหานออกโรง
รถเก๋งคันแดงที่กำลังมุ่งหน้ากลับทางถนนเส้นหลักที่ตัดผ่านป่าเขา
“มึง เอาไงดีวะ? เรื่องไอทีน มึงว่ามันจะพูดเรื่องเราไหมวะ?” ชาลีเริ่มออกอาการคิดหนัก
“กูว่ามันไม่พูดหรอกว่ะ! ถ้าพูดมันก็โดนสมรู้ร่วมคิดแหละ มันเองก็ไม่เคยขัดเราเลยสักอย่าง” ศรันย์พูดพลางจับพวงมาลัยไว้
“แต่กูคาใจเรื่องอีฟ้ามากกว่า ดูท่ามันยังไม่ได้ไปแจ้งความ” ปางแสดงท่าทีหงุดหงิด
“มึงอย่าไปยุ่งกับมันเลย! กูบอกแล้วมันเป็นผี!” บีมที่นั่งเงียบมาสักพัก ก็อ้าปากร้องห้ามเพื่อน
“ผีบ้านมึงสิ! ไอ้xx! เดินร่อนไปร่อนมา! กูว่าพวกมึงอ่ะหลอนกันไปเอง!” ปางสวนกลับคนบ้าประจำกลุ่ม
“นั้นดิ! มึงแน่ใจว่ามันหายไปเอง หรือพวกมึงหลอนป่าตอนกลางคืน เออ….แล้ว…อย่างงี้เสือที่เราเห็นกัน ไม่ใช่ว่าหลอนกันเองหรือวะ?” ศรันย์ที่ตอนนั้นวิ่งออกมาก่อนใคร
“หลอนห่าไร! กูเห็นไอ้ทีนมันยืนคุยกะไอ้เสือตัวนั้นด้วย!” บีมที่เห็นทีนยืนไหว้ขอโทษเสือใหญ่ พยายามยืนยันในสิ่งที่เห็น
“กูว่า มึงไปเช็กบางนะสมองอ่ะ” ปางประชดประชันเพื่อน
“ไอ้เสือนั้นคงไม่ยุ่งกะเราหรอก คราวนี้เราไม่ได้เข้าป่ามันสักหน่อย เราแค่จะไปเช็กว่าอีฟ้าเป็นผีหรือคน ถ้ามันเป็นคนก็ปิดปากมันซะจบๆ เอาไงมึงไอ้ชาลีเอากะพวกกูเปล่า!?” ปางเสนอความคิด
“อะ..อะ..เออ! ไอ้ห่าไปก็ไปวะ ตอนไหนอะ?” ชาลียอมตกลงเอาด้วย
“คืนนี้วะ กูไม่อยากปล่อยไว้นาน” ศรันย์พูดแผนที่คุยไว้กับปาง
“ห้ะ! ไวจังวะ แล้วมึงอะบีมไปปะ?” ชาลีหันไปชวนอีกคน
“ป่ะxxxไร! ไปกันเหอะกูไม่ไป” บีมยื่นคำขาด
“เออๆ แล้วแต่มึงวะ” ปางเหนื่อยจะพูดกับเพื่อนคนนี้แล้ว
ตกดึกของวันนั้นราวๆ 5ทุ่มเศษ ฟ้าและคนอื่นในบ้านปูนเปลือยรวมถึงบ้านไม้นั้นหลับ ยกเว้นแต่ทีนที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอม ตอนนั้นเองที่เงาของชายสามคน ค่อยๆก้าวเท้าผ่านหน้าบ้านไม้
“มึงเบาๆ หน่อยไอ้ห่า” ศรันย์หันดุชาลีที่เดินเหยียบกิ่งไม้
“โห! ไอ้xxx ใครให้มึงไปจอดรถซะไกล” ชาลีที่บ่นอุบเล็กน้อยเพราะพวกเพื่อนที่กลัวว่า จะมีคนได้ยินเสียงรถ จึงตัดสินใจเอารถไปจอดที่ตลาดก่อนจึงค่อยๆ เดินกันมา
“นั้นไงบ้านอีฟ้า กูว่าเราอ้อมไปด้านข้างที่ติดกะป่าดีกว่าวะ” ปางพูดพลางกวักมือเรียกคนอื่นๆ ให้เดินตามมา ชาลีและศรันย์เดินตามอย่างว่าง่าย
พวกเขาทั้งหมดยืนอยู่ด้านข้างของบ้านปูนเปลือย แล้วเอากระบอกไฟในมือส่องไปที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่บริเวณใต้บันไดขึ้นชั้นสอง เนื่องจากบานอื่นๆนั้นเป็นหน้าต่างบานไม้ทั้งสิ้น เพื่อที่จะดูว่า คนในบ้านหลับหรือยัง แสงจากไฟฉายส่องวับไปแวบมาจนเตะตาทีนที่นั่งทำงานอยู่ เขาหันมามองหน้าต่างห้องที่ตรงกับบ้านปูนเปลือยพอดี ทำให้เขาเห็นกลุ่มของชาลีที่เดินสำรวจบ้านฟ้า เป็นจังหวะเดียวกับที่ปางกำลังเท้าขึ้นชั้นสอง ขณะเดียวกันละหานก็เฝ้ามองดูการกระทำของพวกใจทรามอยู่ที่ชั้นสองด้วยเช่นกัน
“ทำไรกันอะ!” ทีนตะโกนมาจากหน้าต่างของห้อง
“แม่งเอ่ย!” ปางเดินออกมาที่หน้าบานปูนชักปืนพกที่เหน็บเอวตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เพราะเมื่อเช้านั้นคนเยอะและโจ่งแจ้งเกินไป เขาลั่นไกปืนทันทีที่ปลายปืนหันไปทางทีน แต่ด้วยบ้านไม้นั้นหาได้เป็นครอบครัวธรรมดาไม่ นางพิมพ์วิภาเจ้าแม่ตะเคียนที่สนิทกับใหม่ ยืนดูทุกอย่างตั้งแต่พวกชาลีย่องผ่านหน้าบ้านไม้ไป นางเสกเกราะกำบังไว้รอบบ้าน ทำให้ปืนของปางนั้นกลายเป็นปืนด้านซะอย่างนั้น ทีนที่ก้มตัวหลบพ้นขอบหน้าต่างสักพักก็ค่อยๆ โผล่หัวขึ้นมาดูสถานการณ์ข้างนอก
“ออกไปจากบ้านคนรักกู!!!” ละหานที่ยืนตะคอกเสียงดัง ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
“ไอ้ปางๆ! นะ..นั้นอะไรวะ” เสียงศรันย์เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ภาพที่เห็นคือชายร่างใหญ่แต่งตัวโบราณที่สูงราวๆ 2 เมตร ยืนนิ่งๆ อยู่ที่ชั้น 2 ของบ้าน ปางรีบเปลี่ยนทิศทางของปลายกนะบอกปืนพกไปทางชายร่างใหญ่ เขายิงอย่างไม่ลังเลเลยแต่ปืนก็ยังด้านอยู่ ปางได้แต่สงสัยที่ปืนพกประจำตัวของนั้นเกิดยิงไม่ออกถึงสองครั้งทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ปกติทุกอย่าง
“ของเล่นเด็กของพวกมึงทำไรกูไม่ได้หรอก” ละหานหายตัวไปจากชั้น 2 แล้วปรากฏขึ้นต่อหน้าปางแล้วบีบคอชายหนุ่มจนร่างลอยขึ้นฟ้า ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็พากันวิ่งหนีแตกตื่นกันตั้งแต่เห็นชายร่างใหญ่หายตัวไปต่อหน้าต่อตา ปางได้แต่ดิ้นๆ อยู่อย่างนั้น ส่วนทีนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่ยืนตะลึก ชายร่างใหญ่เหลือบมองทีนเล็กน้อยทำเอาเขาขาสั่นล้มลงกับพื้นห้องนอน
“พี่ละหาน พอได้แล้ว เดี๋ยวเด็กมันก็ตายหรอก” คุณบงกชเปิดหน้าต่างไม้ของห้องนอนตัวเองที่อยู่ฝั่งเดียวกับหน้าบ้านออกมาห้ามไว้
“แม่บัว” ละหานคลายมือจากคอปาง ร่างชายหนุ่มร่วงลงกับพื้นดังตุบ เขารีบวิ่งตามเพื่อนไปทันที เมื่อคุณบงกชเห็นว่าปางหนีไปแล้วเธอก็ปิดหน้าต่างไม่ยอมพูดสิ่งใดกับอีก
“เดี๋ยวก่อน บัว พี่…” ละหานพยายามห้ามคุณบงกชแต่เธอก็ไม่สนใจ
“ไปพักก่อนเถอะท่าน บัวมันก็ไม่ยอมคุยกับท่านมาตั้งหลายปี นี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มันยอมอ้าปากพูดกับท่าน ถึงจะเพราะว่ากลัวท่านทำเด็กตายก็เถอะ” ยายแก้วเดินเปิดปะตูออกมาจากประตูบ้าน เท้าสะเอวยืมมองคนทั้งสองที่ทำตัวไม่ต่างจากวัยรุ่น คนหนึ่งหายงอนแล้วแต่ไม่ยอมพูดออกมา อีกคนก็ตามง้อมาหลายปีแต่ไม่กล้าเข้าไปคุยตรงๆ เป็นเช่นนี้มาหลายปี ทั้งที่คู่อายุอานามก็มากแล้วทั้งคู่
“เลิกมองเถอะท่านเอ่ย มีครั้งนี้แล้วก็ต้องมีครั้งต่อไป เชื่อฉันเถอะ นางบัวมันหายโกรธท่านแล้วแต่มันไม่ยอมพูด ลูกฉัน ฉันรู้” ยายแก้วพูดเสร็จก็ถอดหายใจ
“เออ กูรู้แล้ว” ละหานหันหลังเดินจะเดินจากไปแต่ก็หันไปสบตากับทีนที่แอบมองจากหน้าต่างห้องอีกครั้ง แล้วจางหายไป ชายหนุ่มริมหน้าต่างสะดุ้งกับสายตาดุดันที่ถูกส่งมา เขารีบกระโดดขึ้นเตียงนอนคลุมโปง ถึงแม้ทีนจะสนิทกับเสือใหญ่แต่เขาก็ไม่เคยเจอสิ่งอื่นเลย หรือแม้แต่นางพิมพ์วิภาเขาเองก็ไม่เคยเห็นแต่รับรู้ว่าท่านมาสุงสิงกับน้องสาวตัว นี้จึงเป็นครั้งแรกในชีวิตของทีนที่เจอกับสิ่งลี้ลับนอกจากท่านสมิงเผือก
ความคิดเห็น