ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดุจดั่งนิทราล้ำลึก ท้องฟ้า ดวงดาว และ หยาดน้ำตา

    ลำดับตอนที่ #2 : เกิด

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 53


    ...โอกาส...

    ...อดีต...

    ...อนาคต...

    ...ความตาย...

    ...การเกิด...

    ....

    ...

    "............................................" เสียงของความเงียบ....

    "............................................" เสียงของความสงบ....

    เข้าไปลึกสุดเท่าที่ใครจะคาดเดาได้ บึงใหญ่ ตื้น และใสสะอาด สายน้ำและก้อนหินที่กระจัดกระจายรอบๆ กลิ่นอายของความเย็นที่สงบ และ แสงน้ำเงินที่เรืองรองอย่างเบาบาง เปล่งประกายปรายมาจากร่างของผีเสื้อขาวตัวเล็กๆดูงดงามภายในความมืดที่ไม่รู้ที่สิ้นสุด บึงแห่งนี้ใสสะอาด ไม่มีแม้กระทั่งขี้ดินตมเลน แม้จะสังเกตุมากเท่าใด หรือพยายามถึงเพียงไหนก็ไม่อาจมองหาสิ่งสกปรกในน้ำนี้ได้ บึงนี้กินอณาเขตุกว้างใหญ่ไพศาล อันที่จริงคือไม่มีใครรู้ได้ว่ามันสิ้นสุดที่ใด กว้างเพียงใด หรือใหญ่เพียงใด�

    ตรงกลาง ที่แห่งเดียวที่มีแสงสว่างในอญาบริเวณของบึงใหญ่นี้ ยังมีต้นไม้ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ลำต้นที่สง่างามอบอุ่นน่าเกรงขาม แม้ให้บุรุษร่างใหญ่สามสิบคนมาโอบก็ไม่อาจโอบได้ รากที่ยึดอยู่ที่พื้นของบึงดูมั่นคงและปลอดภัย ความใหญ่ของมันทำให้ช่วงต่อระหว่างรากต่อรากมีโพรงเล็กๆมากมาย แต่ละโพรงใหญ่เพียงพอที่จะให้มนุษย์ลงไปอยู่อาศัยได้ พื้นน้ำที่กว่างใหญ่ มีรากของต้นไม้ต้นนี้ชอนไชไปในทุกทิศทาง สูงขึ้นไป สูงขึ้นและสูงขึ้น กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่กินอณาบริเวณไปทั่วทิศ แสงสว่างเรืองรองของต้นไม้ต้นนี้มาจากผีเสื้อขาวที่เกาะอยู่ตามใบและกิ่งก้านของมัน เสมือนเป็นที่พักพิงเพียงแห่งเดียว บางตัวสลับกันออกมาบินเล่นโฉบผิวน้ำหยอกล้อกัน แต่เพียงไม่นานก็มีแค่ต้นไม้ใหญ่เท่านั้นที่เหล่าผีเสื้อวางใจพักพิง

    ภายในซอกลึกของรากไม้ซอกหนึ่งมีร่างของเด็กสาวคนหนึ่งหลับไหลอยู่ภายใน ร่างของเธอขยับเบาๆไปมาเหมือนว่าไม่ได้หลับดี แต่ร่างนั้นไม่ได้เบิกตาโผล่งมารับรู้สรรพสิ่งโดยทันที เปลือกตาของเธอขยับไปมาตามทิศทางของดวงตาภายใน ดวงตาคู่นั้นเบิกขึ้นเล็กน้อย แล้วปิดลงอีกครั้งหนึ่ง เป็นเช่นนั้นสองงถึงสามครั้งก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้นเต็มที่

    เด็กสาวเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้น แต่ในหัวของเธอยังงัวเงียและงุงงงกับบรรยากาศมืดๆในซอกของรากไม้ เย็นแต่ไม่ชื้น น่าจะเรียกว่าเย็นในแบบที่อบอุ่นและปลอดภัยในความรู้สึก เธอยันตัวขึ้นนั่งคุกเข่า ใช้มือสองข้างจัดแต่งทรงผมให้เข้าที่ เมื่อศีรษะของเธอคุ้นกับสภาพหลังตื่นนอนมากขึ้นเธอก็ยืนขึ้นด้วยขาทั้งสองข้าง แม้จะเซไปมาช่วงแรกๆแต่เธอก็เริ่มปรับสภาพการรับน้ำหนักได้ดีขึ้น การที่ต้องปรับตัวยากกว่าปกติ เธอคาดว่าคงเป็นเพราะเธอหลับไปนานกว่าทุกครั้งอย่างเช่นที่เคยเป็นมา ทุกครั้งการนอนนั้นเป็นสิ่งที่ทำเพื่อพักผ่อน แต่ครั้งนี้ต่างกัน เวลาที่ยาวนาน และสถานที่ก็เปลี่ยนไป

    ส่วบบนของรากไม้อยู่สูงกว่าหัวเธอขึ้นไป แต่ก็มิได้สูงเกินไปที่ะเอื้อมถึง หากเธออยากจะออกจากซอกที่มืดมากกว่า เธอก็ต้องออกแรง�เด็กสาวเอื้อมจับส่วนบนแล้วคลำหาช่วงที่ยึดได้มั่นคงยิ่งกว่า เมื่อรู้สึกได้ว่าถูกจุด เธอออกแรงจากท่อนแขนร่วมกับไหล่และช่วงท้องเพื่อดันตัวให้สูงขึ้น ส่วนแรกที่พ้นขึ้นมาคือหัวของเธอ ทันทีที่ร่างเริ่มสูงของเธอก็ยกขาขึ้นมาพาดด้านบนเพื่อให้ใช้แรงน้อยลง ในที่สุดเด็กสาวก็พาร่างเล็กๆของเธอมานั่งอยู่ด้านบนรากของต้นไม้ใหญ่ได้

    "หลับไหล..." เสียงเล็กๆดังขึ้นเบาๆ เสียงเล็กแหลมเหมือนเด็กดังขึ้นเบาๆ เด็กสาวมองซ้ายขวาหาต้นเสียง แต่กลับเห็นแต่ความมืดที่ตกแต่งด้วยแสงสีน้ำเงินจางๆจากผีเสื้อขาว

    ผีเสื้อขาวตัวหนึ่งบินมาหยุดอยู่ที่ไหล่ขวาของเธอ

    "ตื่น..." เสียงเล็กๆดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่ทิศทางของเสียงต่างออกไป เด็กสาวมองไปที่ต้นเสียง แต่กลับเห็นผีเสื้อขาวอีกตัวหนึ่งบินมาเกาะที่ข้อมือขวาของเธอ เด็กสาวเริ่มตระหนักว่าความจริงแล้วเจ้าผีเสื้อขาวเหล่านี้นี่เองที่เป็นต้นเสียง เด็กสาวเหลือบมองผีเสื้อที่ไหล่ซ้ายแล้วหันเหไปมองที่ข้อมือขวาพร้อมยกมันขึ้นมาช้าๆ แสงเรืองรองอ่อนๆที่ออกมาจากร่างของพวกมันนั้นช่างน่าจับต้องยิ่ง กว่าจะทันรู้ตัวมือเล็กๆของเธอก็กำลังป้องเหมือนดั่งจะสัมผัสมัน ทว่ามันก็บินหนีออกไปไกล

    "ตอนนี้มีแค่เหล่าผีเสื้อที่เลือกสัมผัสเจ้าได้ ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้ามีโอกาศได้สัมผัสพวกเขา" เสียงนี้ต่างออกไป น้ำเสียงทุ้มต่ำแล้วฟังสงบแฝงความน่าเกรงขามไว้ภายใน เด็กสาวถึงกลับนึ่งในทันทีเพราะเสียงนั้น ความเกรงกลัวผสมผสานความอยากรู้ทำให้เธอมองไปยังต้นเสียง มันมาจากส่วนที่ดูลึกรวมถึงลึกลับที่สุดของสถานที่แห่งนี้ ในช่องของต้นไม้ที่อยู่สูงขึ้นไป ช่องนี้ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นราก แต่เป็ลำต้นในส่วนที่อดีตคงเคยเป็นเพียงแค่กิ่งมาก่อน หากแต่เวลาที่แปรเปลี่ยนแปลผันไปที่ทำให้มันกลายเป็นส่วยหนึ่งของลำต้นที่ยิ่งใหญ่นี้ ภายในช่องนั้นมีร่างๆหนึ่งอยุ่ภายใน มิใช่ร่างของมนุษย์ หากเป็นสุนัขป่ายักษ์ร่างหนึ่ง ร่างของมันปกคลุมด้วยขนสีขาวที่งดงาม ทอประกายแสงสีขาวที่สว่างที่สุดในบริเวณนั้น ดูสวยงามที่สุด หากแต่ดวงตาสีฟ้าอ่อนกระจ่างใสกลับน่าเกรงขามยิ่ง

    เด็กสาวแลกสายตากับสุนัขป่า สายตานั้นเหมือนจะส่งสัญญานให้เด็กสาวเดินเข้าไปหา เธอเริ่มขยับเดินก้าวเล็กๆเข้าไปให้ใกล้มากขึ้น แต่เธอไม่อาจปีนไปให้ถึงช่องนั้นได้ เธอจึงหยุดเดิน แล้วคุกเข่าลงนั่งช้าๆ

    ปากของเด็กสาวเริ่มเผยอเหมือนจะพูดบางสิ่ง แต่ไม่อาจกลั่นกรองออกมาได้ เธอรู้สึกได้ว่าเธอรู้จักและคุ้นเคยกับสุนัขป่าที่ยืนอยู่เบื้อหน้า แต่ไม่สามารถนึกออกว่าเพราะเหตุใด เธอไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดว่าอะไร

    "เราคือสิ่งที่เจ้าเรียกอธิฐานต่อ เราคือสิ่งที่รับฟังเจ้าในนามของสรรพสิ่ง" สุนัขป่าเอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงทุ้มต่ำ แต่นุ่มนวลกว่าในตอนแรก "เจ้าคงได้ยินเรื่องของเรามามากมาย ตั้งแต่แรกเมื่อจำความได้ แล้วเมื่อเจ้าเอ่ยคำขอมันก็ถึงคราที่ข้าต้องได้รู้จักกับเจ้าบ้าง"�

    เมื่อสิ้นเสียงที่สุดล้ำลึก ร่างสีขาวบริสุทธิ์ก็เคลื่อนลงมาเบื้องล่าง ตรงหน้าของเด็กสาว ใกล้จนเธอสัมผันได้ถึงความยิ่งใหญ่และอบอุ่นจากร่างเบื้องหน้า เธอพึ่งตระหนักในวินาทีนี้เองว่า รางของสุนัขป่านั้นสูงเพียงใด้ เธอรู้ได้ทันทีว่าหากเธอยืนแล้ว ก็คงไม่ได้สูงมากกว่าร่างเบื้องหน้าแม้แต่นิด ความสูงของสุนัขป่าก็คงสูงกว่าร่างของเธอเล็กน้อย แต่เมื่อมองถึงความยาวด้วยแล้ว สุนัขป่าร่างนี้ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก

    เด็กสาวมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้น "ท่านได้ยินคำขอของข้า" เด็กสาวจ้องเข้าไป ลึกลงไปด้วยความสงสัย

    "ใช่ เราได้ยิน เรารับรู้" สุนัขป่าตอบ "เราย่อมฟังคำขอจากลูกหลานของเรา เราต้องการรู้จักเจ้าบุตรีที่รัก"�

    " 'มอรีน' คะ" เด็กสาวขานกลับอัตโนมัติเหมือนเป็นสิ่งที่เธอทำโดยทันที ไม่ต้องอาศัยการไตร่ตรองใดๆ

    สุนัขป่าจ้องกลับเข้าไปในดวงตาของเด็กสาว ขานรับชื่อของเธอ 'มอรีน' แล้วจ้องเขม็งไปที่ดวงตาคู่นั้น แต่เธอก็จ้องตอบโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ�"ข้า เมรอส ชื่อของข้า ต่อจากนี้เจ้าคงต้องรู้จักข้า"�

    เมื่อ 'เมรอส' พูดจบร่างของเขาก็เคลื่อนไปยังสุดขอบรากไม้ มอรีนไม่อาจนั่นอยู่ที่เดิมเฉยๆได้ เธอลุกและก้าวตามเมรอสไปอย่ารวดเร็ว ทุกครั้งที่ร่างของเมรอสก้าวไปอย่างเชื่องช้า มอรีนกลับต้องวิ่งตามด้วยท่าทีที่ดูแตกต่างกัน�ทุกครั้งที่อุ้งเท้าที่ทรงพลังเยื้องย่างอย่างสง่างามกลับแสดงความสงมไร้ซึ่งเสียงของน้ำหนักที่กระทบผิวไม้แต่อย่างใด ต่างกับเด็กสาวที่วิ่งเตาะแตะตามอยู่เบื้องหลัง

    ความน่าเกรงขามและรัสมีที่แตกต่างกันของทั้งสอง

    ในที่สุดร่างของเมรอสก็หยุดลงที่เนื้อไม้ก่อนผิวน้ำ ตามมาด้วยร่างเล็กๆของเด็กสาว�มอรีนก้มหน้ามองดูในผิวน้ำ นอกจากความมืดและก้อนหิน สิ่งที่เธอเห็นคือใบหน้าของเธอเอง ใบหน้าเล็กๆรูปไข่และผิวขาวเหลืองนั้น เธอมองเห็นผมหยักศกที่ยาวถึงกลางแผ่นหลังปกลงมาที่ขอบแก้มของเธอ จากครั้งสุดท้ายที่เธอได้มองใบหน้าตัวเอง เรียกได้ว่าเปลี่ยนไปมากทีเดียว เธอรับรู้ได้ถึงความอิ่มเอิบ บนใบหน้า ความสมบูรณ์มากกว่าครั้งล่าสุดที่ได้มีโอกาสมอง

    เคียงข้างร่างของเธอในเงาสะท้อน เธอมองเห็นเมรอส สุนัขป่ายักษ์ที่ดูงดงามยิ่ง�ความบริสุทธ์ที่เธอสัมผัสได้ และความน่าเกรงขามจากดวงตาคู่นั้น เธอรับรู้ได้ว่าเขาเป็นสิ่งที่เธอคำนึงถึงมาตลอดในห้องเวลาที่เธอกังวล เศร้าโศก หรือสิ้นหวัง ก่อนหน้านี้ไม่นาน อันที่จริงคือก่อนที่เธอจะมาโผล่ในสถานที่แห่งนี้ เธอพึ่งกล่าวคำขอถึงเขา สำหรับหลายๆคนการขอบางสิ่งจากความหวังลึกๆภายในอาจไม่ได้มีผลจริง แต่กับคนอย่ามอรีน การขอครั้งนี้ยิ่งใหญ่ และเธอมั่นใจว่ามันต้องเป็นหนทางที่ดีที่สุดเพื่อเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้ดีกว่าเดิมที่เป็นมา แล้วเธอรู้ว่าเธอจะได้โอกาสนั้น เพราะเขายืนอยู่เคียงข้างเธอ คำขอของเธอ

    "ฉันรู้ว่าเธอคิดเรื่องคำขออยู่ มอรีน... เธอไม่ได้เป็นมนุษย์ธรรมดา พวกนั้นไม่อาจได้รับพรจากเราทุกครั้ง หากแต่เป็นเช่นเจ้า เจ้าคงรู้ว่าพวกเจ้าได้รับโอกาสจากข้าถึงสองครั้ง"�

    มอรีนจ้องใบหน้าของเมรอสตลอดเวลา�

    "เราให้พรพวกเจ้าถึงสองครั้ง ก่อนหน้านี้เจ้าคงได้ยินแต่เรื่องของข้ามาจากพ่อแม่ของเจ้า แต่หากเจ้าเริ่มแสดงเจตนาครั้งแรกเมื่อใดเราจะปรากฎให้เจ้าเห็น เราจะอยู่กับเจ้าจนเจ้าขอคำขอที่สอง" เมรอสหันมาสบตากับมอรีนอีกครั้ง








    ----- update later

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×