คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 03 . (1/2)
เย็นวันนั้น ยูตะกลับมาที่ห้องพร้อมกับถุงกระดาษสีสันสดใสบรรจุขนมเค้กร้านโปรดและรอยยิ้มอ่อนโยนที่มักทำให้นาโอยะใจสั่นอย่างเช่นทุกครั้ง
ทว่าไม่ใช่กับวันนี้
นาโอยะทำเพียงเอื้อมมือไปรับถุงกระดาษนั่นมาถือไว้พร้อมกับรอยยิ้มบางเบาที่แต่งแต้มบนใบหน้า พยายามอย่างมากที่จะทำตัวตามปกติทั้งที่ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด
และเหมือนยูตะจะรู้
นาโอยะส่ายหน้าไปมาปฏิเสธทันทีที่ชายหนุ่มตรงหน้าถามว่าเขาเป็นอะไร สองมือยกขึ้นดันไหล่หนาแทบไม่ทันเมื่อยูตะตรงรี่เข้ามาใกล้จนหน้าผากแทบแตะกันราวกับจะตรวจวัดไข้ ริมฝีปากได้แต่พร่ำบอกว่าเขาไม่เป็นไร เพียงแค่เหนื่อยกับการเรียนเท่านั้น
แม้ยูตะจะแสดงสีหน้าไม่เชื่อในคำที่เขาบอก แต่ก็ยอมผละตัวออกห่างก่อนเดินตรงไปยังห้องครัว ร่างสูงโปร่งขยับไปมาด้านหลังเคาน์เตอร์อย่างคล่องแคล่ว ปากก็เอ่ยปฏิเสธ ไม่ยอมรับความช่วยเหลือและกำชับให้นาโอยะนั่งบนเก้าอี้ตรงเคาน์เตอร์นิ่ง ๆ
"เป็นเด็กดีนะ นาโอะจัง"
นาโอยะทำเพียงพยักหน้ารับ เอื้อมมือคว้าหยิบหนังสือนอกเวลาที่วางอยู่แถวนั้นขึ้นมาทำทีว่ากำลังอ่านและสนใจมันนักหนา
แต่นาโอยะไม่เข้าใจเนื้อหาในนั้นเลยแม้แต่น้อย
แย่แล้ว...
นาโอยะขบกัดริมฝีปากสีสดสุขภาพดีของตนไม่เบานัก พยายามดึงตัวเองให้ละความสนใจจากจังหวะการเต้นของก้อนเนื้อในอกที่ดูจะผิดแปลกไปหลังจากประโยคนั้นของยูตะ ความอุ่นร้อนจนรู้สึกได้บริเวณใบหูทำให้เขาต้องพยายามหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ
ทั้งที่เพิ่งจะเจ็บปวดมากมายเสียขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้กลับพองฟูราวกับต้นไม้เหี่ยวเฉาที่ได้น้ำอย่างนี้กัน
ความรักช่างน่าประหลาด
. . .
"กินเลอะเป็นเด็กเลยนะ นาโอะจัง"
"เอ๊ะ—"
ดวงตาเรียวเฉี่ยวเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อคนตรงหน้าเอื้อมมาแตะปลายนิ้วป้ายเช็ดครีมสดออกจากริมฝีปากอิ่มก่อนส่งมันเข้าไปในริมฝีปากตัวเอง ยูตะหัวเราะกับท่าทางที่นาโอยะแสดงออกมาแผ่วเบา แม้ว่าคนคนนี้จะอายุมากกว่าเขาถึงสองปีแต่กลับน่าเอ็นดูกว่ามากโข
"หวานจัง"
"ท— ทำไมไม่เช็ดมือ!"
"ก็ผมอยากชิมนี่ เห็นนาโอะจังชอบเค้กร้านนี้เลยอยากรู้ว่ารสชาติเป็นยังไง"
นาโอยะพูดไม่ออก ท่าทางเป็นธรรมชาติแบบนั้นทำให้เขารู้ว่ายูตะไม่ได้โกหก สิ่งที่เขาแสดงออกมันบริสุทธิ์และไร้ซึ่งการกลั่นแกล้ง นาโอยะได้แต่อ้าปากค้าง สองแก้มร้อนผ่าวจนต้องก้มงุดหลบจากสายตาของคนตรงหน้าก่อนพูดตอบเสียงแผ่วเบา
"...หวาน"
มื้ออาหารเย็นผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
...ที่ไม่ดีดูจะมีแค่หัวใจของนาโอยะ
หลังจากจบมื้ออาหาร นาโอยะก็ย้ายร่างจากเก้าอี้ตรงโต๊ะทานข้าวไปอยู่บนโซฟา ทิ้งให้คนเด็กกว่าเก็บกวาดเพียงคนเดียว
เอาจริง ๆ นาโอยะตั้งใจจะช่วยแต่ถูกยูตะห้ามไว้เสียก่อน แล้วไล่ให้มานั่งคู้ตัวยกขาขึ้นมาชันเข่าบนโซฟาโดยที่สองแขนโอบกอดหมอนใบโตเป็นก้อนกลมมองชายหนุ่มตาปริบ ๆ อาจจะเพราะชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าเขาแปลกไปนิดหน่อย บวกกับอากาศที่ร้อนมาก ๆ ของวันนี้เลยคิดว่านาโอยะป่วยเป็นไข้แดด
ก็ถูกครึ่งหนึ่ง
"นาโอะจังไปอาบน้ำก่อนเลย"
นาโอยะสะดุ้งตัวนิดหน่อยเมื่อถูกปลุกจากภวังค์ความคิดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขา แม้ยูตะจะยังคงก้มหน้า ง่วนอยู่กับการล้างจานและทำความสะอาด แต่นาโอยะก็เสสายตามองไปทางอื่นราวกับกลัวจะถูกล่วงรู้ว่าเผลอจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา
"เดี๋ยวค่อย...—"
"ไม่เดี๋ยวครับ นาโอะจังดูไม่สบาย"
"ฉันสบาย—"
"ไม่ดื้อสิครับ"
น้ำเสียงทุ้มเข้มขึ้นมานิดหน่อย สายตาที่เคยจดจ้องฝ่ามือของตนเองเงยขึ้นมาสบเข้ากับดวงตาสีนิลที่เจือไปด้วยความเป็นห่วง และนั่นทำให้นาโอยะถอนหายใจแผ่วเบาราวกับยอมแพ้พร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟา
นาโอยะไม่เคยเอาชนะยูตะได้เลย
เวลาผ่านไปเกือบสิบห้านาทีนาโอยะก็เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่เหมือนกับลูกแมวเปียกฝน เรือนผมสีอ่อนปลายดำลู่ลงแนบแก้มเนียนที่แต่งแต้มเลือดฝาด ความเหนื่อยล้าหมดแรงที่ฉายชัดออกมาดวงตาทำให้นาโอยะในตอนนี้เปรียบเสมือนกลีบกุหลาบบอบบาง หากเผลอออกแรงสัมผัสมากเกินไปก็จะบอบช้ำ แตกสลาย
เสียงฝ่ามือกระทบโซฟานุ่มแผ่วเบาเรียกความสนใจจากนาโอยะได้ไม่น้อย ยูตะอยู่ตรงนั้น บนโซฟาที่เคยเป็นที่ของนาโอยะเมื่อสิบห้านาทีก่อนพร้อมกับไดร์เป่าผมที่อยู่ในมือ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่แต้มอยู่บนใบหน้าของยูตะทำให้นาโอยะตัดสินใจที่จะเดินไปนั่งบนโซฟาตรงพื้นที่ข้างกัน
สัมผัสนุ่มนวลแผ่วเบามาพร้อมกับความอุ่นของลมจากไดร์เป่าผม เสียงของมันดังคลอไปกับเสียงของยูตะที่คอยถามเขาว่าร้อนไปไหม สบายหรือเปล่า และนาโอยะก็ได้แต่ตอบกลับไปด้วยการส่ายหน้าหรือพยักหน้าโดยไร้การพูดตอบ
เสียงดังน่ารำคาญของไดร์เป่าผมเงียบไป ทว่าสัมผัสแผ่วเบาที่เรือนผมสีอ่อนของนาโอยะยังไม่จางหาย
"นุ่มจัง" เสียงทุ้มนุ่มที่ดูจะใกล้เกินไปทำให้นาโอยะอดสงสัยไม่ได้ ทว่าสัมผัสต่อมาจากด้านหลังก็คลายข้อสงสัยเรื่องระยะห่างระหว่างทั้งคู่ลง "...หอมด้วย"
"ยูตะ...!"
สัมผัสที่พอจะเดาได้ว่ามาจากปลายจมูกของคนด้านหลังทำเอานาโอยะตกใจไม่น้อยจนต้องก้มหน้าย่นคอราวกับว่ามันจะช่วยทำให้เขาหลุดออกจากสถานการณ์แบบนี้ได้
"แชมพูเดียวกันแท้ ๆ ทำไมของนาโอะจังถึงหอมกว่ากันนะ"
นาโอยะทำเพียงส่ายหน้าไปมาจนเรือนผมสีอ่อนสะบัดพลิ้วเป็นคำตอบ ความอบอุ่นจากด้านหลังหายไปพร้อมกับเสียงการขยับกายที่ดังขึ้นเบา ๆ นาโอยะไม่เห็นว่ายูตะทำอะไร เป็นเพราะความอายกับหัวใจที่มันไม่รักดีทำให้สัมผัสที่เคยคุ้นชินแปลกไปจนต้องปิดเปลือกตาแน่นราวกับพยายามหลบหนีความจริง
กระทั่งใบหน้าที่ก้มงุดชิดอกจะถูกก้านนิ้วเรียวที่ตัวเองหลงรักแตะสัมผัส แรงดันแผ่วเบาที่ปลายคางเป็นสัญญาณให้นาโอยะเงยหน้าและลืมตาขึ้นสบกับดวงตาสีนิลของคนที่นั่งอยู่บนพื้นตรงหน้า
"บวมเชียว" พูดพร้อมเลื่อนสัมผัสจากปลายนิ้วไปยังดวงตาเรียวเฉี่ยวก่อนไล้เกลี่ยมันแผ่วเบาคล้ายพยายามทะนุถนอมไม่ให้มันบอบช้ำไปมากกว่านี้ "เดี๋ยวเอาผ้าเย็น ๆ มาประคบให้นะ"
สัมผัสที่ดวงตาผละออกไปแล้ว ยูตะทำท่าเหมือนจะลุกจากพื้นตรงหน้าทว่าก็ถูกเสียงเรียกของคนที่นั่งบนโซฟาเรียกเสียก่อน
"ไม่ต้องหรอก ไม่เป็นไร" อย่าทำดีมากไปกว่านี้เลย ใจเขามันจะทนไม่ไหวเอา
"ถ้างั้นก็กินยาแล้วนอนพักนะ ผมว่านาโอะจังอาจจะไม่สบาย"
แต่ยูตะก็ยังคงเป็นยูตะ เป็นน้องชายที่คอยดูแลและเป็นห่วงเขาอยู่เสมอตั้งแต่ที่เราได้เจอกันอีกครั้ง
"ฉันไม่เป็นไร..."
"นาโอะจัง ไม่ดื้อสิครับ" น้ำเสียงทุ้มนุ่มเข้มขึ้นนิดหน่อยคล้ายกำลังดุเด็กเล็ก ๆ ที่ร้องงอแงไม่อยากกินยาเพียงเพราะว่ามันขม แต่นาโอยะโตแล้ว โตกว่าคนตรงหน้าด้วยซ้ำ และหากจะมีอะไรที่มันขม
มันก็คงจะเป็นความรู้สึกของเขาในตอนนี้
ก้อนบางอย่างจุกอยู่ตรงลำคอจนทำให้นาโอยะอึดอัด การหายใจดูจะเป็นเรื่องยากขึ้นนิดหน่อยจนต้องพยายามฝืนกลืนเจ้าก้อนนั้นลงไปก่อนเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา หวังเพียงว่ามันจะบรรเทาสิ่งที่เขากำลังรู้สึกตอนนี้ลงได้บ้าง
เซนอิง นาโอยะก็แค่เด็กเอาแต่ใจ
"เรื่องแบบนี้... ทำกับแฟนไม่ดีกว่าหรือไง"
ยูตะเงียบไป แม้นาโอยะจะไม่เห็นสีหน้าหรือแม้แต่แววตาของคนตรงหน้าเพราะกำลังให้ความสนใจกับนิ้วมือของตัวเองที่กำลังเกาะกุมเข้าหากันด้วยความประหม่า แต่ก็พอจะเดาได้
ยูตะกำลังสนุก
"ผมไม่มีแฟนสักหน่อย"
ความอุ่นร้อนจากฝ่ามือข้างหนึ่งของยูตะที่โอบกุมทาบทับมือทั้งสองข้างที่เกาะเกี่ยวกันอยู่ของนาโอยะทำให้เขาตกใจไม่น้อย แรงสะดุ้งแผ่วเบาราวลูกแมวจรที่กำลังตื่นกลัวของนาโอยะเผยรอยยิ้มของยูตะได้ไม่ยาก
อย่านะ ถ้ายูตะยังทำแบบนี้อยู่
“ผมมีแค่นาโอะจังคนเดียว”
...นาโอยะจะเลิกสนใจคำสาปบ้า ๆ นั่นแล้วนะ
เซนอิง นาโอยะก็แค่เด็กเอาแต่ใจ
เพิ่มอีกนิดหน่อยก็เป็นเด็กที่เห็นแก่ตัว
คำสาปบ้า ๆ นั่น... ต่อให้เขาต้องตายก็ช่างมันปะไร ขอแค่เขาได้เห็นแก่ตัวและมีความสุขกับช่วงเวลาที่ราวกับฝันก็พอ
และแล้วความรักครั้งที่สามของเซนอิง นาโอยะในวัยยี่สิบปีก็เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากการแตกสลายผ่านมาได้ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง
tbc
ความคิดเห็น