คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 02 .
เซนอิง นาโอยะได้พบกับความรักครั้งที่สองในวัยยี่สิบปี
วันนั้นเป็นวันที่อากาศร้อนจัด นาโอยะเพิ่งเลิกคลาสช่วงบ่ายและกำลังเดินไปยังห้องสมุดกลางของมหาวิทยาลัยเพื่ออ่านหนังสืออย่างเช่นทุกที ทว่าอารมณ์ของเขาในตอนนั้นต่างออกไปจากทุกวัน
นาโอยะกำลังหงุดหงิด
อากาศที่ร้อนจนเหงื่อโซมกายทำให้คนรักความสะอาดอย่างเขารู้สึกหงุดหงิดกับความเหนียวเหนอะได้ทุกครั้ง
เรียวขายาวใต้กางเกงขาสั้นเหนือเข่าก้าวเร็ว ๆ ตรงไปยังมาร์ทเล็ก ๆ ข้างห้องสมุดกลางหวังจะซื้อเครื่องดื่มมาดับร้อน แต่ดูท่าทุกคนคงคิดเหมือนกันกับเขาหมด ในตู้แช่ถึงได้เหลือสไปรท์ที่เขาชอบอยู่กระป๋องเดียว
ลัคกี้!
นั่นคือความคิดของเขาสามสิบวินาทีก่อนที่มือปริศนาจะเปิดตู้แล้วหยิบสไปรท์กระป๋องนั้นไปต่อหน้าต่อตา
ร่างชื้นเหงื่อนิ่งค้าง ใบหน้าที่กำลังจะแย้มรอยยิ้มอย่างดีใจพลันชะงักก่อนแปรเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด นาโอยะสูดลมหายใจเข้าลึกเตรียมพร้อมจะแหวใส่คนคนนั้น
ถึงแม้ว่าเขาจะเดินเข้าไปหยิบไม่ทันก็ตาม แต่เขาเป็นคนเห็นสไปรท์กระป๋องนั้นก่อนนะ!
ทว่าในตอนที่เงยหน้าขึ้นสบสายตากับคนคนนั้น ริมฝีปากที่เตรียมจะพ่นคำด่าก็หยุดชะงัก คำพูดที่เตรียมไว้กลับเหลือเพียงคำเรียกชื่อที่หลุดออกจากริมฝีปากแผ่วเบาที่ดังพอจะให้คนคนนั้นหันมาหาได้เท่านั้น
"ยูตะ..."
นาโอยะยังคงจำความเจ็บปวดจากครั้งแรกได้
แม้ว่าการที่ความรักเริ่มต้นจะทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดปกติเสียจนน่ากลัว ทว่าการที่ความรักจบลงนั้นมันน่ากลัวยิ่งกว่า ความรู้สึกเจ็บปวดและทรมานที่แม้จะหลั่งน้ำตามากมายเพื่อระบายก็ยังไม่สามารถบรรเทาลงได้ ถึงตอนนี้จะดีขึ้นมากแล้วก็ตาม
แต่นาโอยะก็คือนาโอยะ
ไม่ว่าจะอายุยี่สิบหรือสิบสี่ เขาก็ยังเป็นเขา
แม้ว่าเขาจะพยายามฝืนรั้งและนึกถึงความเจ็บปวดที่เคยสัมผัสเมื่อสี่ปีก่อน แต่เขาไม่สามารถห้ามหัวใจตัวเองให้เต้นตามปกติได้เลย ดังนั้นหากว่ามันยากนักที่จะฝืน เขาก็จะปล่อยให้มันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น
นาโอยะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมบริเวณหน้าอกเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติของหัวใจ
นาโอยะในตอนนี้เข้าใจแล้ว เขาไม่ได้ป่วย
เขาก็แค่ ตกหลุมรัก
. . .
หากจะมีอะไรเจิดจ้าได้มากกว่าแสงอาทิตย์ในหน้าร้อน
สิ่งนั้นก็คงจะเป็นรอยยิ้มของเซนอิง นาโอยะยามเมื่ออยู่กับอคคทสึ ยูตะ
หลังจากที่ได้พบเจอกันโดยบังเอิญวันนั้น พวกเขาก็ได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง และนาโอยะก็ได้รู้ว่ายูตะเป็นรุ่นน้องในคณะของเขาเอง ที่เขาไม่เคยรู้เลยก็เพราะเขามักจะโดดกิจกรรมอยู่บ่อย ๆ หรือไม่ก็ทำงานฝ่ายเบื้องหลังที่ไม่ต้องพบเจอใครเสียมากกว่า
นาโอยะแอบสังเกตว่าเด็กชายที่เคยตัวเล็กกว่าเขา ในตอนนี้กลับเติบโตขึ้นอย่างดี รูปร่างสูงโปร่งที่เมื่อยืนข้างกันก็พบว่าสูงกว่านาโอยะเสียเกือบคืบ ไหนจะใบหน้าหล่อคมที่เข้ากับเรือนผมสีดำเซตเปิดหน้าผากนั่นอีก
ยูตะโตขึ้นมากจริง ๆ
และถึงแม้ว่านาโอยะจะมีคำถามมากมายว่าอีกฝ่ายหายไปไหนเมื่อสี่ปีก่อน แต่เขาก็เลือกที่จะเก็บมันไว้กับตัว
ใช่แล้ว เขาขี้ขลาด
แต่ว่าขี้ขลาดแล้วมันยังไงล่ะ ในเมื่อความสุขในตอนนี้มันมากมายกว่าความเจ็บปวดเมื่อสี่ปีก่อนเสียอีก
ใช่แล้ว
นาโอยะมีความสุขกับความรักครั้งที่สองในวัยยี่สิบปีมาก
เพียงแค่ได้เดินเคียงข้าง ได้เฝ้ารออีกฝ่ายหลังเลิกเรียนเพียงเพื่อจะเดินกลับหอพักด้วยกัน
แค่นั้นก็มากเกินพอ—
"มาอยู่กับผมนะ นาโอะจัง"
สิ้นประโยคนั้น นาโอยะได้แต่นิ่งค้าง ทุกการกระทำหยุดชะงักลงทั้งแบบนั้น ในหัวขาวโพลนไร้ซึ่งคำพูดโต้ตอบ เสียงที่เขาพอจะได้ยินนอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงเปิดกระดาษในห้องสมุดกลางก็คงจะเป็นเสียง "เอ๊ะ" เบา ๆ ที่ออกมาจากลำคอของเขาเพียงแค่นั้น
นาโอยะไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้ายังไงอยู่ ยูตะที่นั่งเท้าคางหันหน้ามาทางเขาอยู่ข้าง ๆ ถึงได้เม้มปากราวกลับพยายามกลั้นไม่ให้หลุดเสียงหัวเราะอย่างไรอย่างนั้น
"ตกลงนะครับ?"
"เอ๊ะ—"
คำพูดที่หลุดออกมายังมีเพียงแค่คำคำเดียว ราวกับนาโอยะถูกอะไรบางอย่างทุบเข้าอย่างจังที่ท้ายทอย เขาถึงได้สูญเสียความคิดความอ่านไปแบบนี้
แล้วอะไรบางอย่างที่ว่านั่นก็คงจะเป็น ความรัก
"ผมถือว่านาโอะจังตกลงนะ"
"ด— เดี๋ยวก่อน!" แม้ว่าจะแฝงความตกใจไว้ไม่น้อย แต่นาโอยะก็ยังคงบังคับไม่ให้ตัวเองเผลอเสียงดังเกินไปในห้องสมุดกลางที่ทุกคนมาเพราะต้องการความเงียบได้อยู่
"ทำไมล่ะครับ"
เขาสิที่ต้องถาม...
นาโอยะไม่เข้าใจเลยสักนิด ทั้งที่พอใจแล้วแท้ ๆ
ยูตะกำลังเปลี่ยนให้นาโอยะเป็นเด็กเอาแต่ใจและโลภมาก
"ไหน ๆ นาโอะจังกับผมก็กลับห้องพร้อมกันทุกวัน หอก็อยู่ใกล้กัน ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยน่าจะง่ายกว่านะ"
เป็นเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เฉลยก่อนที่เขาจะได้ถามอะไรออกไป และแน่นอนว่าเขาตอบตกลง
นาโอยะย้ายของทุกอย่างจากอดีตห้องของตัวเองไปยังห้องของยูตะเสร็จในสองอาทิตย์ต่อมา
ยามเช้าของนาโอยะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขาที่เคยตื่นสาย เคยไม่ยอมลุกจากเตียงจนกว่าจะบ่าย ตอนนี้กลับลืมตาตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่แปดโมงดีเพียงเพราะได้กลิ่นหอมของอาหารเช้าง่าย ๆ ที่ยูตะเป็นคนทำ
ยามค่ำก็เช่นกัน นาโอยะที่มักจะเข้านอนหลังเที่ยงคืนกลับซุกตัวอยู่ในผ้านวมหนาตั้งแต่ห้าทุ่มเพียงเพราะอยากนอนพร้อมกับคนข้างกายบนเตียง
นาโอยะเห็นยูตะเป็นคนแรกและคนสุดท้ายของวันเสมอ
จังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดแปลกไปจากยามที่อยู่กับเพื่อน ทว่าก็ไม่ได้กระหน่ำรัวเหมือนกับตอนที่ตกหลุมรักหรือบีบคั้นเหมือนกับตอนที่ใจสลาย มันทำให้เขาเข้าใจ
นี่สินะที่เรียกว่า ความสุข
เซนอิง นาโอยะมีความสุขกับความรักครั้งที่สองในวัยยี่สิบปีเหลือเกิน
. . .
นาโอยะเลิกเรียนแล้ว
แย่นิดหน่อยที่วันนี้เขามีเรียนจนถึงช่วงเย็น กว่าคลาสจะเลิก ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าสดใสก็แปรเปลี่ยนเป็นสีอมส้มเสียแล้ว
และนั่นทำให้เขาต้องวิ่งจากตึกคณะไปยังห้องสมุดกลางที่อยู่ห่างกันกว่าห้าร้อยเมตรเพราะไม่อยากให้ยูตะรอนานมากไปกว่านี้
ใช่แล้ว...
ต่อจากสวนสาธารณะในวัยเด็ก ก็เป็นห้องสมุดกลางในช่วงวัยรุ่นที่เป็นสถานที่นัดเจอระหว่างพวกเขา
สถานที่ของพวกเขา
นาโอยะก้มตัวหอบหายใจหนัก สองมือค้ำยันไว้ที่หัวเข่า แม้ว่าห้าร้อยเมตรจะเป็นระยะทางที่ไม่ได้ไกลนัก แต่คนที่ใช้เวลาส่วนมากไปกับการอ่านหนังสือในห้องสมุดอย่างเขาก็ไม่ถูกกับการออกแรงเยอะ ๆ แบบนี้อยู่ดี
หลังจากพักปรับลมหายใจจนเป็นปกติได้ เขาก็รีบตรงเข้าไปด้านในห้องสมุดทันที เรียวขาภายใต้กางเกงขาสั้นเหนือเข่าก้าวเร็วไปยังโต๊ะด้านในสุดที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวเนื่องจากถูกชั้นหนังสือบัง ที่ตรงนั้นเป็นที่ที่เขาชอบที่สุด
และต่อมาก็กลายเป็นที่ของเขากับยูตะ
ริมฝีปากเรียวสีสดยกยิ้มเล็ก ๆ ขึ้นเมื่อคิดได้ดังนั้น เขาลดความเร็วลงและพยายามก้าวให้เกิดเสียงเบาที่สุดเมื่อเห็นว่าใกล้ถึงโต๊ะด้านใน หวังว่าจะเซอร์ไพรส์คนที่น่าจะกำลังนั่งรอเขาอยู่เสียหน่อย
ทว่าคนที่โดนเซอร์ไพรส์กลับกลายเป็นเขาเอง
รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เคยแต่งแต้มบนใบหน้าหุบหายไปทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า ไม่ใช่ว่าพื้นที่ตรงนั้นว่างเปล่าหรือคนที่เขาคาดหวังว่าจะอยู่ตรงนั้นหายไป กลับกันด้วยซ้ำ
ยูตะอยู่ตรงนั้น
ทว่าพื้นที่ข้างกันที่ควรเป็นของเขากลับกลายเป็นคนอื่น
นาโอยะนิ่งค้าง สองขาที่ควรจะก้าวเดินต่อกลับหยุดอยู่กับที่ แม้ใจอยากจะหลับตาหรือเบือนหน้าหนี ทว่าสมองกลับสั่งให้เขามองภาพตรงหน้าเพื่อตอกย้ำถึงสถานะของตัวเอง
ภาพที่ยูตะยิ้มและหัวเราะกับเด็กคนนั้นที่เขาไม่เคยรู้จัก
ภาพที่สองคนนั้นเอนกายซบศีรษะเข้าด้วยกันอย่างรักใคร่
ภาพที่บอกให้นาโอยะได้เข้าใจว่ารอยยิ้มและความอ่อนโยนของยูตะไม่ใช่ของนาโอยะเพียงผู้เดียว
ไม่เคยเป็นเสียด้วยซ้ำ
นาโอยะสูดลมหายใจเข้าลึก ความปวดแปลบในหัวใจทำให้ร่างกายของเขาไร้แรงแม้จะหลั่งน้ำตา แต่เขาก็ยังฝืน มือเรียวสั่นเทาล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอปพลิเคชันสนทนาชื่อดังแล้วพิมพ์ลงไปอย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ดูท่าจะได้รับข้อความแล้วก้มมองโทรศัพท์หน้าจอสว่างวาบอยู่บนโต๊ะตรงหน้า
ยูตะหยิบมันขึ้นมา กดยุกยิกพักหนึ่งก่อนจะวางมันทิ้งลงที่เดิม แตกต่างจากเดิมตรงที่เขาคว่ำหน้าจอโทรศัพท์เอาไว้ราวกับไม่ต้องการจะรับรู้เรื่องราวต่อจากนั้นอีก
Naoya: วันนี้เลิกช้า ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก
Naoya: คงไม่ได้ไปที่ห้องสมุดนะ
Yuta: ไม่เป็นไรครับ ตั้งใจเรียนนะครับนาโอะจัง
Yuta: เดี๋ยวผมอ่านหนังสืออีกแป๊บหนึ่งก็กลับแล้ว
Yuta: เจอกันที่ห้องนะครับ
ปลายนิ้วเรียวกดล็อคหน้าจอโทรศัพท์มือถือให้ดับลงหลังจากอ่านข้อความที่ปรากฏบนนั้นแล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกงก่อนที่ความอ่อนแรงที่เริ่มแผ่ซ่านไปทั้งร่างกายจะทำให้เขาเผลอทำมันหล่นจนสองคนตรงหน้ารู้ตัว
อ่านหนังสืองั้นเหรอ...?
อ่านหนังสือเขาต้องโอวไหล่กอดเอวกันแบบนั้นงั้นเหรอ...?
ยูตะโกหกเขาทำไม
ความคิดมากมายหลั่งไหลแล่นผ่านเข้ามาในหัวจนไม่สามารถประมวลผลได้ทัน รู้สึกตัวอีกที สองขาก็พานาโอยะกลับมาจนถึงหอพักเสียแล้ว
ห้องของเขากับยูตะ...
สัมผัสอุ่นชื้นที่ข้างแก้มทำให้เขารับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้
ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น มีเพียงความร้อนผ่าวรอบกระบอกตากับความชื้นจากหยาดน้ำใสที่ไหลรินเท่านั้น
นาโอยะยอบตัวลงนั่งซบหน้ากอดเข่าตรงหน้าประตูห้องพักขนาดกลาง ร่างสมส่วนกับความสูงกว่าร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรอย่างเด็กหนุ่มสุขภาพดี
บัดนี้มันดูเล็กและเปราะบาง เพียงแตะแผ่วเบาก็อาจแตกสลายลงได้ง่าย ๆ
ฤดูร้อนครั้งที่ยี่สิบของเซนอิง นาโอยะร้อนจัดกว่าทุกปี
ทว่าก็หนาวเหน็บกว่าทุกครั้งเช่นกัน
tbc
ความคิดเห็น