ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are Superstars [Andy VerSioN : My SaSSy GirL]

    ลำดับตอนที่ #1 : We are Superstars [Andy VerSioN : My SaSSy GirL] Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 51



    We are Superstars


    Andy VerSioN : My SaSSy GirL


    Chapter 1



    "ผมไม่อยากเป็นแบบนี้อีกต่อไปแล้ว เราเลิกกันเถอะ”

    ผมนึกชั่งใจอยู่นานกว่าจะพูดประโยคนี้ออกไปได้ ในใจก็ได้แต่ภาวนาอย่าให้เธอร้องไห้เลย ได้โปรดอย่าร้องไห้ต่อหน้าผม เพราะผมไม่อยากเดินกลับไปสู่จุดเดิมๆอีกแล้ว

    ไดอาน่า...เธอเป็นแฟนของผมครับ แต่หลังจากนี้เธอคงจะเลื่อนตำแหน่งเป็นอดีตแฟนสาวของผม ความจริงเธอก็ดีนะ หน้าตาก็น่ารักสวยงาม ตัวเล็กๆไม่ล่ำบึก  ไม่อย่างงั้นเธอเป็นดาราไม่ได้หรอกครับ เสียงของเธอก็เพราะ ฟังแล้วเสนาะหู...
    ถึงเธอจะดีอย่างไร  แต่ผมก็จะเลิกกับเธอครับ...

    ที่จริงแล้วผมหาเหตุเลิกกับเธอมาหลายครั้งหลายหน แต่ก็แป้กหมดทุกครั้ง เพราะอะไรน่ะเหรอครับ...เพราะน้ำตาของเธอยังไงล่ะ ผมเป็นผู้ชายใจอ่อน เห็นน้ำตาผู้หญิงไม่ได้ครับ ทุกครั้งที่ผมพูดคำว่า ‘ เราเลิกกันเถอะ ’ ออกไป น้ำตาของเธอจะร่วงราวกับห่าฝน เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเธอมันกรีดหัวใจของผมจริงๆครับ...

    ความจริงผมเองก็ไม่ได้อยากเลิกกับเธอหรอกนะ แต่เพราะผมรู้ว่าถึงยังไงเสีย เราสองคนก็เข้ากันไม่ได้ เอ่อ...ฟังแล้วดูเหมือนละครน้ำเน่าใช่มั๊ยครับ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ

    ยามแรกรักอะไรๆก็ดีไปหมด แม้กระทั่งเสียงด่าของเธอ ผมยังเห็นเป็นเสียงสวรรค์เลย แต่ตอนนี้แม้แค่เสียงกระแอมของไดอาน่า ผมกลับรู้สึกว่าเธอแอบด่าผมอย่างไงก็ไม่รู้...ครั้งแรกที่ผมจะขอเลิก ผมก็ลงทุนไปถามผู้รู้อย่างพี่เอริคว่า เวลาเลิกกันกับผู้หญิง พี่เขาใช้ประโยคไหนบอกเลิก...
    โฮ๊ยยยย...พี่แกบอกผมมาเกือบร้อยล่ะครับ และผมก็งัดออกมาใช้จนหมด แต่ก็ยังไม่รอดอยู่ดี เพราะไดอาน่าจะชิงร้องไห้ก่อนเสียทุกครั้ง...
    แต่คราวนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้งครับ เรื่องมหัศจรรย์พันลึกเกิดขึ้นแล้วครับ เพราะเธอพูดกับผมแค่ว่า...

    “ตามใจ...แต่อย่าให้ถึงหูนักข่าว”

    เธอพูดเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้ผมยืนเซ่ออยู่ตรงหน้าประตูบ้านเธออยู่นาน...จะว่าดีใจ ผมก็รู้สึกอยู่นะ แหม!! ก็ผมเพียรพยายามขอเลิกกับเธอมาตั้งนาน เพิ่งจะมีคราวนี้แหละที่ประสบผลสำเร็จ แต่ไอ้อาการใจหายของผมมันมีมากกว่าครับ ไม่นึกว่าเธอจะยอมง่ายๆอย่างนี้ เธอน่าจะอ้อนวอนรั้งผมไว้สักนิดสักหน่อยก็ยังดี ผมคงไม่รู้สึกแย่อย่างนี้...

    ผมเซซังออกจากบ้านของไดอาน่ามาถึงห้องพักของจอนจินจนได้...เจ้าของห้องมาเปิดประตูต้อนรับผมด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขอย่างคนกำลังมีความรัก จนผมอดรู้สึกไม่ได้ว่า ผมคิดผิดรึเปล่านะที่ขอเลิกกับเธอ...

    “ทำไมมาดึกนักวะ  เข้าก่อนสิ” เจ้าของห้องเดินนำผมเข้าไปข้างใน ปล่อยให้แขกอย่างผมปิดประตูห้องให้ เจ้านั่นไม่สนใจผมเลยครับ มันเดินลอยชายไปคุยโทรศัพท์จีบสาวตรงระเบียงอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่าเพื่อนสุดที่รักอย่างผมกำลังอกหัก ใจสลายเหมือนคนใกล้ตาย...

    เสียงหัวเราะออดอ้อนสาวๆของมันลอยเข้ามาทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆของผม นี่ผมมาถูกที่รึเปล่า ผมหวังให้เพื่อนปลอบใจผม แต่มันกลับมาซ้ำเติมผมแทน...

    ‘ไอ้บ้าจอนจินเลิกคุยกับสาวได้แล้วเว้ย หันมาสนใจเพื่อนอกหักอย่างฉันบ้าง...’ ผมได้แต่ร่ำร้องในใจ...

    ผมนั่งด่าไอ้เพื่อนบ้าในใจอยู่เกือบยี่สิบนาที เจ้านั่นถึงได้ยอมวางสาย ไม่รู้ว่าพี่ชาลีเป็นเจ้าของสัมปทานโทรศัพท์มือถือตั้งแต่เมือ่ไหร่ นี่คุยข้ามประเทศนะเว้ย ตอนนี้ผู้หญิงของแกไม่ได้อยู่ที่เกาหลีนะ เปลืองเงินตายชัก...

    “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นวะ...” จอนจินทักผมครับ...ก็ยังดีที่มันยังพอมองออกว่าหน้าตาของผมตอนนี้ย่ำแย่ถึงขีดสุด

    “อกหัก....” ผมตอบไปสั้นๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเสียงหัวเราะครับ ไอ้เพื่อนบ้ามันหัวเราะเยาะผม...

    “ตลกว่ะ...ความจริงแกกำลังเซ็งใช่มั๊ยที่ไดอาน่าไม่ยอมเลิกกับแกน่ะ” ถ้าเป็นทุกครั้งผมคงจะพยักหน้ารับ....แต่คราวนี้มันไม่เป็นอย่างนั้น สายตาของผมทำให้เจ้าหมอนั่นหยุดหัวเราะราวกับติดเบรก มือของมันที่ชี้หน้าผมสั่นระริกจนผมรู้สึกได้...

    “แกอย่าบอกฉันนะว่า เค้ายอมเลิกกับแกแล้ว...”

    มันเพิ่งทายถูกครับ ถ้าไปเล่นเกมส์ทายใจเพื่อน ผมกับมันคงตกตั้งแต่รอบแรก ค่าที่จอนจินมันความรู้สึกช้าเสียเหลือเกิน...หน้าของผมไม่บ่งบอกยี่ห้อคนอกหักหรือยังไงนะ

    “เออ...เลิกกันแล้ว”

    “คราวนี้จะเลิกกันกี่วันว่ะ...อ๊ะ!!!ถามผิด เลิกกันกี่ชั่วโมง ถึงจะถูก”

    คำถามของมันกวนบาทาของผมมากมาย ถ้าไม่ติดว่าเจ้าหมอนี่ทรงพลังประหนึ่งเฮอร์คิวลิส ผมคงจะกระโดดถีบมันไปนานแล้ว...

    “เลิกเป็นเลิกเว้ย คราวนี้ฉันเอาจริง ไม่มีทางยอมใจอ่อนไปคืนดีอีก” ผมย้ำอย่างหนักแน่น...ความจริงแล้วเจ้านี่ก็พูดถูกครึ่งหนึ่ง ตรงที่ผมกับเธอไม่เคยเลิกกันได้เด็ดขาด แค่ไม่ถึงวันเธอก็จะมาง้อผม แล้วผมก็ดันใจอ่อนทุกที...

    แต่คราวนี้ผมเอาจริงครับ ผมจะไม่ใจอ่อนอีกแล้ว...

    “อย่าเพิ่งพูดดีไป คราวนี้ที่แล้วก็อย่างงี้ พอเค้ามาร้องไห้ อ้อนนิดหน่อย แกก็ถลากลับไปซุกอกเค้าแล้ว” มันพูดอย่างกับเข้าไปนั่งในใจของผมอย่างนั้นแหละ

    “ฉันบอกว่าไม่ก็ไม่สิว่ะ  เลิกกันแล้วอย่างเด็ดขาด” ผมพยายามยืนยันกับเพื่อนและหัวใจของผมเอง

    หน้าของจอนจินตอนนี้บอกยี่ห้อเบื่อผมเป็นอย่างมาก  เสียงของเจ้านั่นเหนื่อยหน่ายผมสุดๆ “เอออออออ...จะคอยดู แกบอกฉันแบบนี้รอบที่ร้อย แล้วไง พรุ่งนี้ก็คืนดีกันแล้ว”

    ยังไม่ทันตอบอะไรเลยครับ วัตถุสีเงินในกระเป๋ากางเกงของผมก็สั่นระริก แล้วเสียงของมันก็แผดดังไปทั้งห้อง...ผมควักมันออกมาดูที่หน้าจอ โดยมีจอนจินหัวมาดูอย่างสอดรู้สอดเห็น  รูปของเธอลอยเด่นเป็นสง่าโชว์ให้รู้ว่าอดีตแฟนหมาดๆของผมโทรเข้ามา

    “ว่าแล้ว....” เสียงของจอนจินออกแนว ทำไมซื้อล็อตโต้ไม่ถูกอย่างนี้บ้างวะ...

    ผมชั่งใจอยู่สองวินาที ก็กดรับสายด้วยมืออันสั่นระริก...”ว่าไง...”

    เสียงทักของผมฟังแล้วแหบเครือจนจอนจินหลุดหัวเราะพรืดออกมา...เวงกำ...

    ผมเตรียมใจว่าจะต้องได้ยินเสียงร่ำไห้ปริ่มใจจะขาด เสียงอ้อนวอนไม่อยากเลิกกับผม...เอ้า!!!พูดมาเลยครับ ผมรอฟังอยู่...

    “เธอลืมบทละครที่บ้านฉัน พรุ่งนี้จะฝากยูจินไปให้นะ ส่วนเสื้อที่เธอทิ้งไว้ที่ห้องของฉัน...ฉันจะส่งไปพร้อมบทละครด้วยเลย...แค่นี้นะ”

    เธอวางสายไปแล้วครับ ผมไม่ทันพูดอะไรได้แต่ใบ้กิน เมื่อครู่ผมฟังผิดมั๊ยครับ คำพูดของเธอมันหมายความว่าเธออ้อนวอนผมอยู่ใช่มั๊ยครับ โฮฮฮฮฮ....ช้ำจายยยยยยย...

    “ว่าไงวะ ไดอาน่าว่ายังไงบ้าง แกจะไปคืนดีกับเค้าแล้วใช่มั๊ย”

    ผมหันไปมองหน้าเพื่อนรักด้วยความงุนงงอย่างคนจับต้นชนปลายไม่ถูก “เปล่า ไดอาน่าบอกว่าพรุ่งนี้จะให้ยูจินเอาบทละครกับเสื้อที่ลืมไว้มาคืนให้”

    ตาของจอนจินเบิกกว้าง มองผมราวกับไม่เคยพบเคยเห็น...”ไม่ได้โทรมาง้อแกเหรอวะ”

    “จะง้อทำไม ก็เลิกกันแล้วอย่างเด็ดขาด” ฟังแล้วดูแมนมากใช่มั๊ยครับ...แต่น้ำตากำลังท่วมหัวใจผมเลยครับ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเลิกกับแฟนแล้วจะเศร้าอย่างนี้...

    จอนจินตบไหล่ผมแรงๆ แล้วพูดว่า “เออ...ถ้าเลิกกันจริงๆจะเลี้ยงเหล้า”

    มันพูดแค่นั้นครับ แล้วก็ทิ้งผมหายเข้าไปในครัว...ช่างเป็นเพื่อนสุดประเสริฐของผมจริงๆ จอนจินปลอบใจผมได้มากมายด้วยเหล้าของมัน ผมจะไม่ลืมน้ำใจของจอนจินเลยจริงๆ...ฮือๆๆๆไอ้เพื่อนบ้า....

    ผมนอนราบไปกับโซฟา...เสียงเปิดปิดตู้ในครัวทำให้รู้ว่า จอนจินกำลังเตรียมเหล้าและกับแกล้มเลี้ยงผมอยู่ ผมนอนเอามือก่ายหน้าผาก นึกถึงเรื่องของผมและไดอาน่า...ถึงยังไงผมก็รักเธอนะครับ ที่เลิกกัน ผมก็เสียใจ และไม่ได้อยากเลิก แต่ผมกับเธอมาถึงทางตันแล้ว  ถึงเราไม่เลิกกันวันนี้ เราสองคนก็คงต้องเลิกกันในวันหน้าอยู่ดี สู้ยอมเสียใจตอนนี้ ผมว่าจะดีสำหรับเธอ...ไดอาน่าควรจะได้พบกับผู้ชายดีๆ และผู้ชายดีๆคนนั้นไม่ควรจะเป็นผม...ไม่ใช่ผมเลวหรอกนะ  แต่ผมไม่สามารถอยู่กับเธอได้จนถึงวันจบชีวิตต่างหาก...

    แต่ถึงอย่างไร ผมจะจดจำเธอไว้ และผมจะไม่ลืมเธอแน่นอน ผมสัญญา...


    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ผมอกหักมาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วครับ...ไม่นึกว่าผู้ชายที่ติดแฟนหนึบหนับยิ่งกว่าหมากฝรั่งอย่างผมจะอยู่มาได้โดยไม่มีเธอ...แรกๆก็มีบ้างล่ะครับ อาการประสาทหลอน มองไปทางไหนก็เห็นแต่หน้าไดอาน่า  ผมเป็นเอามากถึงขนาดเคยขับรถไปจอดมองหลังคาบ้านของเธอ ย้ำว่าแค่หลังคาบ้านนะครับ เพราะถ้าเข้าไปใกล้บ้านเธอมากกว่านี้ พอดีพอร้ายเกิดคนในบ้านเธอเห็นเข้า ผมก็เสียชื่อแย่ เป็นคนบอกเลิกเอง แต่ดันตัดเธอไม่ขาด...

    ช่วงที่ผมกำลังวุ่นวายใจ  หวั่นไหว โลกมืดหม่น สิ่งที่ช่วยผมได้มากมายคือ เพื่อน  คนรอบๆข้าง และงาน...

    เพื่อน...โดยเฉพาะสมาชิกชินฮวาที่หมั่นคอยมาเยี่ยมผมด้วยเหตุผลต่างๆกัน...

    พี่เฮซอง...พี่เค้ามาหาผมทุกวัน ประโยคแรกที่พูดเมื่อเห็นหน้าผมก็คือ ‘ ฉันมาดูว่าแกตายหรือยัง ’ แต่ก็ยังดีที่พี่เฮซองยังมีน้ำใจหอบเอาข้าวของมาทำอาหารการกินให้ผม

    จอนจิน...หมอนี่มักจะตามหลังพี่เฮซองมาครับ ไม่รู้นัดกับพี่เค้ารึเปล่า แต่ช่างเถอะครับ เพราะจอนจินมักจะมี เหล้าแถมมาเป็นของปลอบใจคนอกหักอย่างผม และที่สำคัญหมอนี่ยังขยันส่งเมสเสจมาให้ผมวันละสามเวลาหลังอาหาร ด้วยประโยคเดิมๆ ‘อย่าเพิ่งตายนะแอนดี้....’

    พี่มินอู...พี่เค้าก็มาหาผมบ้าง เพราะช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงทำอัลบั้มใหม่ครับ พูดได้ว่าสองวันเห็นหน้าพี่มินอูที แต่ทุกครั้งที่เห็นหน้ากัน น้องหมาในปากของพี่มินอูก็จะทำงานแข่งกับน้องหมาในปากพี่ดงวาน  พี่มินอูชอบพูดว่าที่พี่มาหาผมก็เพราะ อยากดูหน้าคนอกหัก...

    พี่ดงวาน....ไม่มีคำปลอบใจให้ผมนอกจากคำว่า ‘ฉันมากินของฟรี’เฮ้อ!!!

    พี่เอริค...คนนี้พิเศษหน่อย เพราะไม่เคยด่า ไม่เคยต่อว่า และไม่เคยกระแนะกระแหนผม แต่พี่เป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บแสบที่สุด ช้ำใจที่สุด ก็ไอ้ท่าทางหัวเราะหึๆ สายตาที่พี่มองผมพูดแทนปากได้ว่า ‘ ในที่สุดแกก็เป็นเหมือนฉัน คนไม่มีแฟน ’

    เพราะบุคคลทั้ง 5 ที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองนี่เอง ทำให้ผมสาบานว่า...ผมจะหาแฟนให้ได้ เพื่อให้คนพวกนี้รู้ว่า ผมยังมีไฟอยู่....

    ผมคิดอะไรเพลินๆอยู่ไม่นาน สี่สาวแดนซ์เซอร์สุดป่วนก็เดินคุยกันเข้ามาอย่างกับนกกระจอกแตกรัง...ผมสาบานเพิ่มอีกข้อเลยว่า แฟนใหม่ของผมต้องไม่เหมือนสี่คนนี้แน่นอน...

    พวกเธอเดินมานั่งข้างๆผม ปากก็ยังพูดไม่หยุด แต่ยังดีที่พวกเธอยังมีน้ำใจส่งขนมในมือให้ผมได้กินบ้าง...

    “พี่แอนดี้...มินอามีความลับจะเล่าให้ฟัง...” มือของคังมินอาสาวร่าเริงจนเกินพิกัดสะกิดผมยิกๆ และได้คำว่าความลับ ทำให้ผมหูผึ่งทันที

    “เรื่องอะไร ใครไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่” ผมถามรัวเป็นชุดๆ...ก็คนมันอยากรู้นี่หว่า...

    มินอายิ้มเจ้าเล่ห์...สมแล้วที่สนิทกับเวนดี้ ยองมี และโซจิน เพราะสามสาวนั้นก็แสบใช่ย่อยเหมือนกัน... “พี่ดงวานน่ะไปจีบพี่สาวมินอา”

    ผมเบ้ปาก นึกว่าเรื่องอะไร โธ่เอ๊ย...ผมรู้ตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว เคยเห็นพี่ดงวานโทรจีบพี่เฮจินก็บ่อย “รู้แล้ว นี่นะความลับ”

    “มีเด็ดกว่านี้ย่ะ ฟังมินอาให้จบก่อนสิ” โซจินแว๊ดผมเข้าให้...น้อยๆหน่อยป้า รู้ตัวรึเปล่าว่าแว๊ดใครอยู่

    “อ๊ะๆๆ...พูดมา เอาแบบใจความสำคัญของความลับนะ” ผมเบรกมินอา เพราะรู้ว่า กว่าเธอจะเข้าเรื่องได้ ก็ฝอยเสียจนน้ำท่วมทุ่ง

    “พี่ดงวานเป็นแฟนกับพี่เฮจินแล้ว”

    “แค่นั้นแหละ” ผมถอนหายใจเฮือกๆ แค่พี่ดงวานเป็นแฟนกับพี่เฮจินทำไมต้องดีใจกันขนาดนั้น...เดี๋ยวก่อน เมื่อกี๊มินอาบอกว่าพี่ดงวานเป็นแฟนกับพี่เฮจินแล้ว อย่างนั้นก็หมายความว่า....

    “เฮ้ย....พี่เฮจินรับรักพี่ดงวานแล้วเหรอ...ม่ายยยยยยย”

    สี่สาวหัวเราะกันคิกคัก พยักหน้ากันหงึกหงัก...เล่นเอาผมใจเสีย หนอย!!!ผมอกหักอยู่นะ พี่ดงวานจะมีความสุขได้ไง คนทรยศ  มีแฟนตอนที่ผมอกหักได้ยังไง…..

    “ใช่แล้ว...” มินอาเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผมฟัง...ถ้าผมเห็นหน้าคู่รักคู่ใหม่เมื่อไหร่ ผมจะล้อให้กระอักเลย....

    และพระเจ้าก็เข้าข้างผม...พี่ดงวานริมีรักก่อนผม เดินหน้าบานแปดกลีบเข้ามาในห้องซ้อม ผมเห็นแล้วขัดลูกหูลูกตาเป็นที่สุด...ทันทีที่เหยียบเข้ามาในห้องซ้อม มหกรรมโชว์น้องหมาในปากก็เริ่มต้นขึ้น...

    ท่าทีฟึดฟัด ทั้งหน้าทั้งตัวแดงไปหมดของพี่ดงวาน ทำให้ผมนึกครึ้ม ...

    “ล้อเล่นแค่นี้ทำเป็นงอนนะตัวเอง” ผมเอื้อมมือไปฟาดที่ต้นแขนกล้ามเป็นมัดๆของพี่ดงวานด้วยอาการสะบัดสะบิ้งแบบที่ผมเคยเห็นเพศที่สามเขาทำกัน

    “อย่านะเว้ย...อกหักแล้วอย่ามาริรักผู้ชายด้วยกันนะเว้ย ฉันไม่ชอบพวกไม้ป่าเดียวกัน” ดูปากพี่เค้าสิครับ แบบนี้มันน่าฆ่านัก ทำอย่างกับเราไม่เคยหอมแก้มกันไปได้....ขนาดหอมแก้มกัน กอดกันมาสิบปีแล้ว ผมยังไม่สปาร์คกับพี่ดงวานเลยนะ ขอบอก...

    “ใช่สิ...เห็นพี่เฮจินดีกว่าแอนดี้น้อย...เชอะ” ผมแกล้งสะบัดหน้างอนๆใส่ ทำแล้วก็นึกแหยงๆตัวเองอยู่เหมือนกัน

    “แกอย่าเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันเลยว่ะ สาวๆมีอีกเยอะ เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้แกรู้จักกับญาติของฉัน” พี่โจคงจะกระอักกระอ่วนกับท่าทางของผม ก็เลยลงทุนเอาเรื่องผู้หญิงมาล่อผม แล้วผมก็ตกหลุมของพี่โจ...

    “จริงเหรอ...พี่โจมีญาติด้วยเหรอ” เหมือนมีลำแสงพาดผ่านมาสู่ความมืดมิดของผม

    “คนนะเว้ย ไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่ ฉันก็มีญาตินะ เป็นสาวสวยเสียด้วย ว่างๆจะแนะนำให้แกรู้จัก” พี่โจตบไหล่ผมสองสามที...หน้าของผมฉีกยิ้มเต็มที่ อย่างพี่โจถ้าลองจะแนะนำสาวให้ผมรู้จักก็หมายความว่า พี่โจต้องคัดหน้าตามาแล้ว เพราะรู้ดีว่าผมน่ะถ้าจะมองผู้หญิง หน้าตาต้องมาก่อน...

    “พี่แอนดี้ ตอนนี้มินอาว่างอยู่ เดี๋ยวจะเสียสละตนให้ยืมควงนะ ฆ่าเวลาก่อนที่พี่พี่โจจะแนะนำสาวให้รู้จักไง” ผมหัวเราะไม่ออก...ถึงมินอาจะน่ารัก แต่ผมไม่อยากมีแฟนเป็นนกกระจิบนกกระจอก แจ๊ดๆไม่ได้หยุด

    เวลาที่ผมอกหัก มักจะมีภาพบาดตา เรื่องบาดหู ทำร้ายน้ำใจผมอยู่เนืองๆ ทำไมนะ...นอกจากพี่ดงวานแล้ว คนที่เดินเข้ามาก็ทำให้ผมอิจฉาสุดๆ...ว่าที่เจ้าบ่าวชินเฮซองนั่นแหละครับ

    ว่าที่เจ้าบ่าวที่ไปข่มขืนเพื่อนตัวเอง...เฮ๊อะ!!! ถ้าไม่ข่มขืน คงไม่มีทางได้คนน่ารัก อ่อนหวาน อย่างนามิจังเป็นเจ้าสาวหรอกเว้ย...

    “เจ๊หุบยิ้มหน่อยสิ ปากจะฉีกถึงรูหูอยู่แล้ว” ผมเอาศอกถองไปที่แขนของเจ๊เวนดี้สองสามที...เป็นที่รู้กันว่าเจ๊แกดีใจปลาบปลื้มสุดๆที่นามิจังพลาดท่าเสียทีให้พี่เฮซองน้องชายนอกไส้ของเจ๊เค้า เฮ๊อะ....

    “ไอ้ทะลึ่ง...” เจ๊เวนดี้ตบหัวผมทันที

    “เว๊อออ...เจ๊ซาดิสต์” ผมว่ากลับแล้วก็รีบชิ่งไปนั่งยิ้มแฉ่งอยู่ข้างพี่โจ  เรื่องอะไรจะนั่งให้โดนตบโดนตีล่ะครับ

    “ไอ้คนอกหักรักคุด อิจฉาฉันล่ะสิ” พี่เฮซองหรี่ตามองผมอย่างเหยียดหยาม...แค่จะได้แต่งงานกับนามิจังทำมาหยามผม เธ่อ...อย่างที่ผมบอกน่ะแหละ ถ้าไม่ข่มขืนเค้า จะได้แต่งงานกับนามิจังมั๊ยนั่น

    ผมเชิดหน้า อย่างไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของว่าที่เจ้าบ่าว  “อย่างผมน่ะ ช้ำรักไม่เกินหนึ่งเดือนหรอก เนี่ยเพิ่งได้แฟนใหม่ เป็นญาติของพี่โจเองแหละ ใช่มั๊ยพี่โจ”

    เรื่องอะไรผมจะยอมให้พี่เฮซองหยาม ผมจะรวบหัวรวบหางเอาญาติพี่โจมาเป็นแฟนให้ได้...ผมจะทิ้งให้พี่เอริคกับพี่มินอูอยู่เป็นโสดกันสองคน

    “เออๆ แล้วแต่แกจะคิดก็แล้วกัน” เสียงของพี่โจที่พูดกับผมฟังแล้วเนือยๆ แต่ช่างเถอะ...ผมจะเหมาว่าญาติพี่โจเป็นแฟนผม ใครจะทำไม

    ว่าที่เจ้าบ่าวมาที่ห้องซ้อมเพื่อเข้ามาบอกข่าวว่าจะขอลาซ้อมไปฮันนีมูน ไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรกันนักกันหนา อีกตั้ง 3 เดือนกว่าจะได้แต่ง...พี่เฮซองมาถึงก็ระริกระรี้เสียจนผมหมั่นไส้ พอซ้อมเสร็จและประกาศข่าวสมประสงค์แล้ว ก็เตรียมตัวกลับไปหาสุดที่รัก แต่ก่อนกลับพี่เฮซองก็ทิ้งบอมม์เอาไว้ให้ผม...

    “เหลืออีกตั้ง 3 เดือนกว่าจะได้แต่งก็ยังดีกว่าคนที่ไม่รู้ว่าจะแต่งเมื่อไหร่ก็แล้วกัน” ว่าที่เจ้าบ่าวได้ทีก็เยาะเย้ยคนเพิ่งมีแฟนอย่างพี่ดงวาน

    ข้างฝ่ายพี่ดงวานเห็นไอ้ท่าปรายตาเยาะเย้ยก็เต้นเป็นเจ้าเข้า “ถึงจะยังไม่แต่งตอนนี้ แต่แฟนฉันก็น่ารักโว้ย ไม่เหมือนใครบางคน กลัวเขาไม่รัก วิ่งตามหาเขาเสียหัวซุกหัวซุน”

    “โฮ๊ย...อันนั้นมันเรื่องเก่าแล้ว เรื่องใหม่ของฉัน แกยังไม่รู้ล่ะสิ ใช่มั๊ยว่ะแอนดี้” นี่ไงครับระเบิดที่ว่าที่เจ้าบ่าวทิ้งไว้ให้ผม...

    พอพี่เฮซองสุดแสบกลับไปรับนามิจัง ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปซ้อม ทิ้งผมให้นั่งอยู่กับพี่ดงวานสองคน  และแน่นอนที่สุด ผมถูกพี่ดงวานเล่นงานครับ ข้อหามีความลับแล้วไม่บอกให้รู้

    "เดี๋ยวนี้แกมีความลับกับฉันเหรอ” พี่ดงวานไม่พูดเปล่า ตบหัวผมด้วยแหละ

    “ช่วยไม่ได้ ทีพี่แอบไปเป็นแฟนกับพี่เฮจิน ยังไม่เห็นเล่าให้ผมฟังเลย” ผมยักไหล่

    พี่ดงวานมองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ยื่นข้อเสนอให้ผม “ข้าวเย็นแบบUnlimitedหนึ่งมื้อ สนใจป่าว”

    โฮ๊ย...โลกจะถึงกัลปวสานแล้วใช่มั๊ยครับ ผมได้ยินไม่ผิดใช่มั๊ย พี่ดงวานบอกว่าจะเลี้ยงข้างเย็นผมน่ะ แล้วผมก็ทำเหนียมบอกพี่ดงวานไปว่า “จะให้ผมเอาเรื่องพี่เฮซองมาขาย มันจะดีรึเปล่าเนี่ย...”

    “แถมด้วยเบียร์สองโหล...โอเคมั๊ย” พี่ดงวานลงทุนกัดฟันแถมแพ็คเก็จพิเศษให้ผมอีก สงสัยกลัวผมไม่คายความลับออกมา...

    “น่านะแอนดี้...แกคงไม่อยากเห็นฉันหลุดออกจากตำแหน่งผู้สื่อข่าวยอดเยี่ยมของชินฮวาหรอกใช่มั๊ย” พี่ดงวานเขย่าแขนผมอย่างกับเด็กๆ

    “ทุกเรื่องของพี่เฮซองที่ผมรู้ ผมจะเล่าให้พี่ฟังจนหมดเลย” ผมบอกไปด้วยท่าทีมั่นใจ...ของฟรีจากพี่ดงวาน ใครไม่เอาก็โง่แล้วล่ะครับ

    ว่าแต่ผมเอาเรื่องของเพื่อนมาขายให้เพื่อนฟัง...ผมไม่ผิดใช่มั๊ยครับ แต่เอาเถอะ เพื่อไม่ให้พี่เฮซองเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ผมจะไปล้วงความลับของพี่ดงวานเรื่องที่พี่เค้าไปจีบพี่เฮจินไปเล่าให้พี่เฮซองฟังบ้างก็แล้วกัน...

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×