คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 4 ข้อสอบคัดเลือก พาร์ทแรก + อาหารฝีมือเพื่อนใหม่ จะกินได้มั้ยเนี่ย?
บทที่ 4 ข้อสอบคัดเลือก พาร์ทแรก + อาหารฝีมือเพื่อนใหม่ จะกินได้มั้ยเนี่ย?
แสงแดดที่แยงตาทำให้หญิงสาวจำใจตื่นอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากกระพริบตาขับไล่ความง่วงอยู่พักใหญ่ สติที่เริ่มกลับมาก็แจ้งเตือนว่า เธอต้องไปรับการทดสอบตอนเวลาแปดโมงเช้า เมื่อคิดได้ก็เบิกตากว้าง กระวีกระวาดวิ่งเข้าห้องน้ำ แปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว หวีผมเสร็จในเวลาไม่ถึงห้านาที
“ตายแล้วๆ กี่โมงแล้วเนี่ย” ดวงตาสีทองเบิกกว้างมองนาฬิกาที่เข็มยาวชี้เลข 7 “ถือว่ายังมีเวลาพอใช้ได้”
โรเวเนียตัดสินใจทิ้งเจ้าตัวน้อยไว้ในห้องพัก พร้อมกับนำอาหารเช้าของเธอซึ่งเป็นสเต็กอย่างดีมาโรยผงจากใบเรดลีฟที่เธอบดด้วยความเร่งรีบวางไว้ข้างเตียงแล้วพุ่งตัวออกจากห้องไป
โดยไม่รู้เลยว่าหายนะกำลังจะตามมาเพราะเจ้าหมาติดเจ้าของนี่เอง...
เธอมาถึงหน้าโรงเรียนในสภาพที่ค่อนข้างจะเรียบร้อยอย่างสวัสดิภาพ ซึ่งต้องบอกว่าเธอนั้น โชคดีที่มีคุณลุงคุณป้าหลายคนพาลูกพาหลานมาเข้าสอบเข้าด้วย ดังนั้นเธอเลยมีโอกาสติดรถของคุณป้าร้านขายผักคนหนึ่งกับลูกชายจอมพูดมากไปยังสถานที่สอบ ไม่ต้องเดินไปเองอย่างตอนไปสมัครซึ่งไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี เพราะพอคิดถึงเหตุการณ์นั้นแล้วโรเวเนียก็อดรู้สึกคันหูยิบๆขึ้นมาไม่ได้
ย้อนกลับไปตอนเธอกำลังหาคนติดรถไปด้วย รถม้าคันหนึ่งก็ชะลอตัวลงพร้อมๆกับที่ชายหนุ่มผมสีแดงยุ่งๆโผล่หัวออกมา
“นี่ๆ เธอน่ะ ไปสอบรึเปล่า” โรเวเนียมองซ้ายมองขวางงๆ แต่บริเวณที่ดวงตาสีเขียวนั้นจ้องมองมาก็มีแต่เธอคนเดียว “เธอนั่นละ ไม่ต้องมองหาใครหรอก” แล้วเจ้าตัวก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง
เมื่อแน่ใจได้ว่าคนที่ชายหนุ่มพูดด้วยคือตนเอง เธอก็พยักหน้าหงึกๆ “ไปด้วยกันมาๆ” ไม่ต้องอ้าปากถาม อีกฝ่ายก็เอ่ยปากชวนมาซะแล้ว
และแล้วเธอก็ยังออกอาการตามเหตุการณ์ไม่ทัน รู้แต่ว่าเธอพาตัวเองเข้ามานั่งข้างในตอนไหนก็ไม่รู้ จึงได้แต่กระพริบตาปริบๆด้วยความงุนงงอย่างรุนแรง
“หือ แม่หนูคนนี้จะไปด้วยงั้นรึ?” คุณป้าที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับโผล่หัวเข้ามามอง
“ให้ไปด้วยกันเถอะนะท่านแม่ ให้ไปเถอะนะ” หนุ่มผมแดงหันไปออดอ้อนแม่ของตัวเอง
“ยังไงก็ชวนขึ้นมาแล้วนี่นะ ตามสบายละกันนะแม่หนู” ประโยคหลังเธอหันมาพูดกับโรเวเนียแล้วก็ปิดประตูรถม้าลงทันที จนเมื่อรถม้าเริ่มเคลื่อนตัว เจ้าผมแดงที่ท่าทางระริกระรี้ก็หันมาหาเธอแล้วเริ่มอ้าปากพูดอย่างเมามันส์
“ฉันชื่อจาเวส ฟรุกชวาส อายุ18ปี สูง186 หนัก68 เป็นนักดาบ แม่ฉันก็ผู้หญิงสวยๆคนเมื่อกี้น่ะแหละ เป็นแม่ค้าขายผัก ส่วนฉันก็เป็นลูกแม่ค้าขายผัก ฮ่าๆๆๆ ฉันมาสอบเข้าโรงเรียนเวทย์เป็นปีแรก แถมพลังเวทย์ก็เพิ่งจะเสถียรเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง โชคดีจังเลย เพื่อนฉันน่ะนะกว่าจะเสถียรก็เมื่อวานเล่นเอาตาเหลือกเพราะเกือบมาลงชื่อสมัครสอบไม่ทัน โชคดีใช่มั้ยละ ฮ่าๆๆๆ เธอคงสงสัยละสิว่าทำไมฉันถึงมีผมสีแดง แม่ฉันผมสีน้ำตาลล่ะ พ่อก็ผมสีเขียว แล้วทำไมถึงมีผมสีแดงนะ? อาจจะเพราะว่าตอนที่เผลอทำไฟไหม้ผมละมั้ง แต่โชคดีไปที่พลังเวทย์ี่ธาตุไฟฉันสูงกว่าธาตุอื่นก็เลยไม่เป็นอะไรแค่ผมหายไปกระจุกหนึ่งเท่านั้นเอง แต่จะว่าไปผมฉันก็สีแดงอยู่แล้วนี่ เธอก็งงใช่มั้ยละ งงเหมือนกันเลย ฮ่าๆๆๆ ยังไม่ได้อ่านหนังสือเลยอะ ดันมัวแต่ซ้อมดาบทั้งวัน ถึงจะเป็นนักดาบแต่ตามจริงฉันก็ใช้เวทย์เป็นเหมือนกันนะนะ พวกเวทย์ธาตุไฟฉันใช้ได้โดยที่บางบทไม่ต้องร่ายเวทย์เลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องชมหรอกน่าฉันรู้ว่าฉันเก่ง แม่ฉันก็บอกอย่างนี้เหมือนกัน ฮ่าๆๆๆๆ เธอถนัดอะไรละดูท่าจะเป็นคนถนัดเวทย์นะ ผอมไปหน่อยรึเปล่าเนี่ย ถ้าสอบเสร็จแล้วสนใจไปเที่ยวบ้านฉันมั้ยละเดี๋ยวข้าจะทำอาหารให้กิน อะๆ อย่าเพิ่งคิดว่ากินไม่ได้นะ!ขอรับรองว่า อาหารฝีมือเซฟจาเวสอร่อยสุดๆไปเลย เจ้าไม่เคยกินละสิ หึๆๆๆ นี่ๆ แล้วเธอมาที่นี่กับใครเหรอ ฉันไม่ค่อยคุ้นหน้าเลย เธอคงไม่ใช่คนในเมืองใช่มั้ยละมาจากที่ไหนเหรอ แถวๆโซนสโนวแลนด์รึเปล่า แต่นั่นมันอยู่ในเขตฟีรอสคงไม่ใช่หรอกมั้ง หรือเธอจะเป็นคนที่นี่จริงๆ แต่ถ้างั้นก็ต้องเคยเห็นหน้าเธอบ้างสิ คิดไปคิดมาเมืองแถบนี้มันเป็นเมืองเขตร้อน ถ้าเธออยู่คงไม่ขาวขนาดนี้หรอกมั้ง ถ้างั้นฉันสรุปว่าเธอไม่ใช่คนที่นี่แล้วกันเนอะ ว่าแต่เจ้าเธออะไรละ...”จาเวสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงหลังจากพล่ามมานาน
“...” แล้วก็ได้รับความเงียบเป็นคำตอบ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันเนี่ย!! เด็กสาวกรีดร้องในใจพลางปวดหัวไปพลาง
“เธอเป็นใบ้เหรอ? น่าสงสารจัง แต่ถ้าเป็นใบ้จะร่ายเวทย์ยังไงละ หรือเธอจะร่ายเวทย์ไม่เป็น ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร ผ่านข้อเขียนได้ตอนการทดสอบภาคปฏิบัติเดี๋ยวฉันจะพาเจ้าลุยเอง วะฮะฮ่า เธอต้องผ่านข้อเขียนให้ได้นะ ฉันว่าเธอน่าจะผ่านอยู่แล้วละก็ดูฉลาดออกจะตาย แต่ฉันสิจะผ่านรึเปล่าหว่า กร๊ากๆ ว่าแต่ถ้าเธอใช้เวทย์ไม่ได้ก็ต้องใช้อาวุธได้น่ะสิ ไหนล่ะอาวุธเธอ ทำไมไม่สะพายเอาไว้ละ หรือเธอเป็นพวกผู้ใช้สัตว์วิเศษ ฉันเคยเจอเยอะเหมือนกันนะพวกนี้เนี่ยแต่พอจะถามอะไรพวกนั้นซักหน่อยพวกเขาก็เดินหนีไปหมดเลยอะ ทำไมถึงหยิ่งกันจังนะไม่เข้าใจเลย”หลังจากไม่ได้รับคำตอบจาเวสก็จัดการพล่ามต่ออย่างที่ตัวเองเข้าใจ อันนี้โรเวเนียรู้แบบไม่ต้องคิดว่าทำไมพวกนั้นถึงต้องเดินหนี ก็เพราะปากนายน่ะสิไอ้บ้า!
แล้วเจ้าหนุ่มผมแดงก็หุบปากเงียบไปแปปนึง ทำท่าครุ่นคิด จากนั้นก็เบิกตากว้าง เปิดกระเป๋าข้างๆตัวเอาปากกากับกระดาษออกมายื่นตรงหน้าเธอ “เขียนชื่อเธอหน่อยสิ เธอชื่ออะไรน่ะ เขียนหน่อยนะๆ ฉันอยากรู้ว่าเธอชื่ออะไร”
มือบางตวัดเขียนชื่อลงไปแบบสติไม่อยู่กับตัวเพราะกำลังทบทวนอยู่ว่าเจ้าคนประหลาดตรงหน้าได้พูดอะไรออกมาบ้าง ‘โนเวเนีย รารันรัน ดารันเดเรีย’ แล้วก็ส่งกระดาษคืนไป
“ชื่อโนเวเนียงั้นเหรอ!! โนเวเนีย เธออายุเท่าไหร่น่ะ” ดูเหมือนว่าจาเวสจะสนุกสนานเต็มที่ ยื่นกระดาษให้โรเวเนียเขียนอีก
‘71’ เขียนเสร็จก็ส่งกระดาษคืนไปอีก คราวนี้เขาทำหน้าเหวอ อ้าปากค้างจนแมลงวันจะบินเข้าปาก
“ก็เข้าใจนะว่าอายุเท่าไหร่ก็มาสอบได้ เพียงแค่ไม่เกินสามครั้งต่อห้าสิบปี แต่ว่าเธอ เอ้ย! ท่านป้าอายุขนาดนี้แต่หน้าเหมือนเท่าผมเลยนะขอรับ” และด้วยคำพูดนี้เองที่ทำให้โรเวเนียตื่นเต็มตา
“นายเรียกใครว่าป้านะ???” เสียงหวานที่ติดจะแหวเรียกเสียงหัวเราะคิกๆจากด้านนอกรถม้าซึ่งชะลอตัวลงจนหยุดกึก จากนั้นประตูรถม้าก็เปิดออกโดยหญิงที่ดูจะสาวมากๆจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแม่คนแล้วอย่างท่านแม่ของจาเวส
“ถึงแล้วล่ะแม่หนู ป้าชื่อเนร่า คงรู้จักแล้วใช่มั้ยจ๊ะว่าเป็นแม่ค้าขายผักในตลาดใกล้ๆนี่เอง” ว่าแล้วก็หัวเราะคิกๆ โรเวเนียได้แต่ก้มหน้าลงอย่างอับอาย คว้ากระดาษมาดูคำตอบที่ตนเขียนไปก่อนจะเอ่ยแก้
“หนูชื่อโรเวเนียค่ะ อายุ17ปี เป็นนักเวทย์ ขอบคุณที่มาส่งนะคะ แล้วหนูจะไปอุดหนุนที่ร้าน” กล่าวจบเหญิงสาวก็ผุดลุกแล้ววิ่งไปยังลานที่มีผู้คนรวมตัวกันอยู่อย่างรวดเร็ว
“ตกลงไม่ได้เป็นใบ้หรอกเหรอ” จาเวสยังพึมพำเบาๆแบบงงๆ โดยมีแบคกราวน์เป็นเสียงหัวเราะของมารดานั่นเอง
โรเวเนียสะบัดหัวไล่ภาพอันน่าสยดสยองสำหรับเธอออกไป พอดีกับที่ชายแก่ที่เธอเห็นเมื่อวานเดินขึ้นไปบนเวทีเล็กๆกลางลานด้วยความเชื่องช้า
“ที่พวกเจ้ามาในวันนี้ เพื่อรับการทดสอบที่จะคัดพวกเจ้าทั้งหมดกว่าพันคนให้เหลือแค่ร้อยคนเท่านั้น และผู้ผ่านการคัดเลือก ก็คือผู้ที่สมควรจะได้รับการยกย่องในความสามารถและความพยายาม คู่ควรแก่การเข้าเรียนในโรงเรียนเวทย์อันทรงเกียรติแห่งนี้” เสียงที่ทรงพลังและหนักแน่นชวนให้ฮึกเหิมอย่างบอกไม่ถูกนั้นทำให้เหล่าผู้ที่มารับการทดสอบในวันนี้แอบหันไปพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น แต่เมื่อชายชราตรงหน้ากระแอมครั้งหนึ่ง เสียงทั้งหมดก็เงียบไป
“ข้าคืออาร์ราคัส วุลเฟรม อาจารย์ใหญ่คนปัจจุบัน อันที่จริงตั้งแต่โรงเรียนนี้ก็ตั้งก็ยังไม่เคยเปลี่ยนอาจารย์ใหญ่เลยนะ” คราวนี้บางคนแอบหลุดหัวเราะออกมา แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ามีอะไรแปลกๆ “ใช่แล้วละ ข้าน่ะอายุมากกว่า 300 ปีแล้ว” ว่าแล้วก็หัวเราะ เหอๆ ตามแบบที่เธอเคยเห็นมาแล้วเมื่อวาน
ตกลงตาแก่เมื่อวานคืออาจารย์ใหญ่เหรอเนี่ย! โรเวเนียคิดอย่างตกใจ แต่แล้วก็ปลงได้เมื่อคิดได้ว่าตั้งแต่เหยียบเข้ามาที่นี่เธอก็เจอเรื่องแปลกๆมาพอสมควร
“เอาละ ต่อไปนี้ข้าจะอธิบายวิธีการสอบคัดเลือกก่อนจะส่งตัวพวกเจ้าทุกคนไปยังห้องสอบ เอ้อ..พวกเจ้าทั้งหมดขยับเข้ามายืนในวงกลมกันให้หมดทุกคนด้วยนะ ใครอยู่นอกวงกลมหรือผลักคนอื่นออกไปจะถูกตัดสิทธิ์สอบทันที” เกิดเสียงจ้อกแจ้กจอแจและอาการเบียดกันเข้ามาบนวงกลมที่เธอเพิ่งจะสังเกตเห็นบนพื้นทันที เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วอาร์ราคัสก็กล่าวต่อ “การทดสอบจะมีด้วยกันสามด่าน ในด่านแรกจะเป็นการสอบข้อเขียนซึ่งเป็นการทดสอบว่าเจ้าทุกคนมีความพยายามมากมายแค่ไหนในการศึกษาหาความรู้ ด่านที่สองคือการสอบภาคปฎิบัติ การใช้สมองเพียงอย่างเดียวก็อาจจะไม่เพียงพอ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ ถ้าไปโดนสัตว์วิเศษทำร้ายเอาง่ายๆเดี๋ยวโรงเรียนก็เสียชื่อหมดพอดีเป็นเรื่องสำคัญมากๆนะพวกเจ้ารู้มั้ย และสุดท้ายด่านที่สามคือการสอบสัมภาษณ์ว่าเจ้ามาที่นี่เพื่ออะไร เป็นการทดสอบว่าเจ้ามีเป้าหมายของเจ้าแล้วหรือยังและเจ้ามุ่งมั่นกับมันแค่ไหน เอาละ ข้าจะส่งพวกเจ้าทุกคนไปยังห้องสอบ ใครไม่อยากตาบอดก็หลับตาซะ” ท่านอาจารย์ใหญ่พูดรวดเดียวแล้วยกมือขึ้นข้างหนึ่งอันเป็นท่าทีการร่ายเวทย์ตามรูปแบบเฉพาะตัว เล่นเอาผู้เข้าสอบเกือบหลับตาไม่ทันกัน
วงกลมสว่างวาบ แสงเจิดจ้าจนคนที่อยู่เบื้องนอกต้องเบือนหน้าหนี นี่ขนาดถูกกันอยู่ห่างๆแล้ว โชคดีที่ไม่มีคนไหนคิดจะท้าทายโดยการลืมตาขึ้นมาเลยรอดพ้นจากการตาบอดไปได้ทุกคน
โรเวเนียลืมตาขึ้นเมื่อพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนอะไรซักอย่าง หันไปมองรอบๆตัวแล้วก็รู้ได้ในทันทีเมื่อเห็นผู้เข้าสอบแต่ละคนนั่งอยู่บนโต๊ะที่แยกออกห่างจากกันอย่างเป็นระเบียบในห้องที่เหมือนจะเป็นห้องโถงใหญ่เพราะสามารถจุคนทั้งหมดลงได้
“อีกสามวินาทีจะเข้าสู่การทดสอบ สาม สอง หนึ่ง เริ่มทำได้!” เสียงของอาร์ราคัสดังก้องไปทั่วทั้งๆที่ไม่เห็นตัว โรเวเนียจึงคาดว่าน่าจะเป็นเวทย์ขยายเสียงนั่นเอง
เด็กสาวคว้าข้อสอบที่โผล่ขึ้นมากลางโต๊ะแล้วเปิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากนั้นก็อ่านกติกาคร่าวๆ ‘ข้อสอบเขียน 1000 ข้อ ให้เวลา4 ชั่วโมง เมื่อหมดเวลาข้อสอบจะหายไป ***โปรดระวัง อย่าลืมเขียนชื่อ ไม่งั้นจะถูกปรับตกในทันที’
ไม่มีเวลานั่งอึ้ง เธอคว้าปากกาที่โผล่มาพร้อมกับข้อสอบพลางลงมือตอบข้อสอบที่เหมือนจะครอบจักรวาลทีละข้ออย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนมาถึงข้อที่ 39
“ปลาเดธเทอร์วิงซ์ บินได้หรือไม่ ใครมันจะไปรู้! ใครเจอก็ตายหมดตั้งแต่ยังไม่เห็นตัวด้วยซ้ำ” เธอพึมพำแล้วตอบไปว่าไม่รู้อย่างจนปัญญา จากนั้นพอเจอคำถามแบบนี้อีกเธอก็ตอบไปว่าไม่รู้อย่างไม่ลังเล
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!” เสียงที่ดังลั่นมาจากอีกฟากของห้องโถงทำให้เธออดหันไปมองไม่ได้ เด็กหนุ่มคนหนึ่งใช้มือข้างซ้ายกุมข้อมือที่มือหายไปไหนไม่รู้ของตนเอง เลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด
“อย่าได้ตกใจ นั่นคือบทลงโทษของผู้ที่โกงข้อสอบ มือของเจ้าจะได้รับการต่อคืนเมื่อถึงการสอบครั้งหน้า แต่แน่นอนว่าผู้ที่โกงข้อสอบย่อมมีบทลงโทษนั่นคือจะไม่สามารถสมัครเข้าสอบใหม่ได้อีกภายในระยะเวลา 20 ปี” สิ้นเสียงประกาศร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นก็หายตัวไป เสียงฮือฮาดังขึ้นก่อนจะเงียบลงในแทบจะทันที ส่วนคนที่คิดจะโกงก็พับความคิดเก็บไปแต่แน่นอนว่ายังมีเสียงกรีดร้องอยู่เป็นระยะๆจนโรเวเนียเลิกสนใจไปแล้ว ก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบอย่างเดียว
หลังจากเขียนไม่หยุดมาได้เกือบๆ 4 ชั่วโมง หญิงสาวก็นึกได้ถึงคำเตือน เลยวกกลับไปเขียนชื่อตรงช่องว่างแล้วกลับมาทำต่อ ข้อที่ 988 ดอกบิวเบอลัส ใช้แก้พิษอะไร ข้อ 989.... โรเวเนียทำข้อสอบอย่างมึนงงบวกกับอาการตาลายจนแทบอ้วก แถมข้อมือยังลั่นกร๊อบเหมือนจะหลุดอีกต่างหาก ข้อที่ 999... ยังไม่ทันได้เขียนข้อที่ 1000 กระดาษข้อสอบก็หายวับไป แต่แค่นี้เธอก็พอใจมากแล้ว
ร่างไร้วิญญาณของผู้เข้าสอบแต่ละคนเดินออกมาจากห้องสอบด้วยอาการเหมือนผีตายซาก บางคนร้องไห้โฮๆอย่างไม่อายใคร เธอแอบเห็นบางคนหยิบดาบมาลับด้วยใบหน้าเคร่งเครียดจนเกรงว่าจะเอาดาบปาดคอตัวเองตาย ส่วนตัวเธอเองกำลังใช้พลังเวทย์สายแสงสว่างรักษาอาการปวดที่ข้อมืออยู่ตรงม้านั่งแถวๆลานกว้างดังเช่นที่ใครหลายๆคนทำ
ตามจริงใครที่พบเห็นเธอต่างบอกพร้อมกันว่า พลังเวทย์สายความมืดของเธอนั้นสูงมาก อาจจะมากกว่าใครทั้งหมดในรอบหลายร้อยปีเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่ท่านแม่ของเธอ ลิคาเซีย ราฟรานคาส นั้นเป็นนักเวทย์สายแสงสว่างที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในดินแดนฟีรอสและมาพบรักกับท่านพ่อของเธอ ลูเธอร์ ฟาราเดล เดรโครลัสเทียร์ อันเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุผู้มีพลังเวทย์สายความมืดที่หายากแถมยังสูงสุดๆ โรเวเนียจึงตัดสินใจใช้พลังแห่งแสงตามแม่ด้วยความไม่อยากเป็นจุดเด่นของเธอนั่นเอง
“การประกาศผลสอบจะมีขึ้นในอีก30นาที โปรดรอซักครู่ คณะกรรมการกำลังตรวจข้อสอบ และการสอบรอบถัดไปจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้เวลาเดิมขอให้ผู้ผ่านการคัดเลือกตรงเวลาด้วย ใครมาสายเราจะปรับตกในทันทีและผู้ที่ไม่มีรายชื่อจะไม่สามารถก้าวเท้าเข้ามาในโรงเรียนได้” เสียงประกาศที่ดังขัดความคิดของโรเวเนียนั้นทำให้เธอตัดสินใจนอนพิงต้นไม้เอาแรงซักครู่ แล้วภายในไม่ถึงนาทีเธอก็ผล็อยหลับไป
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างกายถูกเขย่าอย่างรุนแรง
“นี่ๆ เค้าประกาศผลสอบแล้วนะ เธอไม่ไปดูเหรอ” เสียงอันคุ้นเคยทำให้โรเวเนียตื่นเต็มตา เธอเบิกตากว้างเหมือนกับเห็นผี “ฉันแค่มาบอกว่า เค้าประกาศผลกันแล้วน่ะ” จาเวสพูดด้วยน้ำเสียงจ๋อยๆเมื่อเห็นสีหน้าของเธอ
“อะ..อือ ข....ขอบคุณมากนะ” เธอกระตุกยิ้มแบบฝืนนิดๆส่งให้ ก็อีกฝ่ายอุตส่าห์มาปลุกนี่นะ แต่แค่นั้นก็ทำให้จาเวสกลับมาทำสีหน้าราวกับว่าโลกนี้ช่างสดใสเช่นเดิม แถมยังกระตุกแขนเธอยิกๆ
“ไปดูผลสอบกันเถอะ!!! “ เห็นท่าทีมุ่งมั่นแล้วเธอก็ว่าไม่ลง ได้แต่ลุกเดินตามหลังไปอย่างปลงๆ
“ไหนชื่อฉันน่ะ” โรเวเนียมองจาเวสไล่หาชื่อตนเองบนบอร์ดพลางคิดว่าจะไปหาทำไมตรงชื่อแรกๆ เธอคิดว่าถ้าอีกฝ่ายได้ ก็น่าจะได้ตรงอันดับท้ายๆ แต่ไม่ใช่... “ว้าว! ดูสิๆ ได้ที่ 12 ละ ไม่ต้องชมหรอกนะ! มีคนชมฉันเยอะแล้วละ” เสียงที่ได้ยินทำเอาเธอกลายเป็นใบ้โดยสมบูรณ์แบบ แถมเจ้าตัวก็ทำหน้าภูมิใจสุดๆ
“นายได้คะแนนเท่าไหร่น่ะ” หลังจากปล่อยให้ตื่นเต้นซักพัก เธอก็เอ่ยถาม
“875 คะแนนน่ะ” จาเวสตอบกลับอย่างร่าเริง “ที่1ได้คะแนนตั้ง 998 แน่ะ ชื่อโรเวเนียเหมือนเธอเลย!!!” ว่าแล้วก็เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ “เธอนามสกุลอะไรนะ?”
หญิงสาวไม่ตอบคำถามแต่เดินไปดูที่บอร์ดด้วยตัวเอง แล้วก็พบชื่อเธออยู่ในตำแหน่งบนสุดของบอร์ดจริงๆตามคาด เล่นเอาเธองงไปเลย ตกลงที่ฉันตอบไปว่าไม่รู้นี่ถูกเหรอ
“เธอจริงๆด้วยละ! ว้าวๆ ต้องไปบอกแม่แล้วละ ไปกินข้าวที่บ่านฉันนะ!” เจ้าตัววุ่นวายไม่อยู่รอคำตอบ ลากแขนเธอไปจนได้
โรเวเนียเดินตามมาเรื่อยๆจนถึงกระท่อมหลังเล็กๆตรงชายป่า ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะห่างจากตลาดไม่กี่ก้าว แต่ถ้าไม่มีคนพามาเธอก็อาจจะหลงได้เหมือนกันเพราะจาเวสเล่นพาเดินเลาะตรอกแล้วตรอกเล่าจนเธอมึน แต่ก็จำได้ทั้งหมดเพราะความสามารถส่วนตัวละนะ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เคาะประตูได้ไม่ถึงนาที ประตูก็เปิดออกพร้อมกับรอยยิ้มทักทายจากคุณป้าเนร่า
“เข้ามาข้างในก่อนสิ อีกซักพักนึงแหละอาหารถึงจะเสร็จ แม่หนูนั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวเจ้าลูกชายป้าจะไปทำให้” ว่าแล้วก็ขยิบตาพร้อมแอบกระซิบกับเธอ ‘อร่อยใช้ได้เลยล่ะ ไม่ต้องห่วง ป้ารับรอง’
จาเวสเดินเข้าครัวไปอย่างร่าเริง ส่วนคุณป้าเนร่าก็เดินออกไปไหนไม่รู้ ทิ้งให้โรเวเนียนั่งมองสำรวจบ้านนี้อย่างสนอกสนใจ ชุดโต๊ะเก้าอี้ที่เธอนั่งกินพื้นที่บริเวณกลางบ้าน มีผนังบางๆกันไว้สำหรับห้องครัว รายละเอียดทุกอย่างดูเหมือนว่าจะเป็นการสร้างขึ้นเองด้วยฝีมือปราณีตทุกอย่างเลยจัดออกมาลงตัวเหมือนกับบ้านสวนอย่างไรอย่างนั้น ต้นไม้ดอกไม้ที่เป็นพันธุ์ไม้เลื้อยตกแต่งอยู่ทั่วบริเวณแถมกลิ่นหอมอ่อนๆยังทำให้เธอสบายใจอย่างบอกไม่ถูก มีบันไดเล็กๆอยู่ใกล้ๆประตูทางเข้าซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเป็นทางขึ้นไปชั้นบน แต่แล้วกลิ่นอาหารก็ดึงเธอกลับมาจากโลกส่วนตัว
“ซี่โครงหมูป่าหมักกับซอสชนิดพิเศษที่ข้าทำเอง แล้วก็ซุปมะเขือเทศที่ผ่านการปรุงรสด้วยฝีมือเชฟจาเวสเองนะขอร้าบ”
ยอดกุ๊กจาเวสยกจานที่ใหญ่เกือบจะเท่าจากปลายนิ้วมือถึงข้อพับเธอมาวางบนโต๊ะพร้อมทั้งหม้อแบบหิ้วได้ที่มีซุปสีสันน่าทานอยู่ในนั้น ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมว่ามันน่าทานจริงๆ แต่จะอร่อยรึเปล่าอีกเรื่อง
แอ๊ด..
เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของคุณป้าเนร่าและผู้ชายแปลกหน้าอีกคนหนึ่งเดินเข้ามา แต่ทั้งสองมีรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนกันทำให้เธอคลายอาการตัวเกร็งอันเป็นโรคเฉพาะตัวเมื่อเจอคนที่ไม่รู้จักลงไปได้ เมื่อนั่งประจำที่กับเรียบร้อยบนเก้าอี้สี่ตัวที่ดูเหมือนจะสร้างมาอย่างพอดี ชายหนุ่มคนนั้นก็เริ่มแนะนำตัวเอง
“ยินดีที่ได้รู้จักนะแม่หนูโรเวเนีย หนูโชคร้ายมากรู้มั้ย เพื่อนของเจ้าจาเวสนี่นับหัวได้เลยนะ”แล้วก็หัวเราะฮ่าๆเมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของเธอและอาการงอนของจาเวส “ข้าชื่อโทมัส เป็นพ่อของเจ้านั่น อย่างที่เจ้าคงเดาได้” รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาอีกครั้ง
“พ่อนะพ่อ”จาเวสงึมงำแล้วกระทืบเท้าอย่างที่รู้ว่าแกล้งทำ ทั้งสามคนหัวเราะอย่างอดไม่ได้
“เอาละๆ ลองทานดูสิ ให้แม่หนูลองทานก่อนคนแรกเลยเพราะป้าทานจนชินแล้วละ” เมื่อผู้ใหญ่เอ่ยมาอย่างนั้นโรเวเนียก็ตักซุปมาใส่จานตัวเองนิดหน่อยก่อนจะลองชิมรสชาติ ดวงตาสีทองเบิกว้างเมื่อพบว่ามันอร่อยกว่าที่คาดไว้ เรียกรอยยิ้มจากคนทั้งสามได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะจาเวสที่ทำท่าเหมือนเด็กดีใจ
“เห็นมั้ยละ เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วว่าอร่อย” จาเวสเชิดหน้าขึ้นแล้วเอานิ้วโป้งปัดไปที่จมูก “แต่ผมหิวแล้วล่ะ ทานละนะคร้าบ” เจ้าตัวยุ่งพูดเสียงอ่อยๆแล้วเริ่มกินข้าวบ้าง
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขดังขึ้นเรื่อยๆ จนโรเวเนียที่เห็นว่าเวลาบ่ายสองโมงเข้าไปแล้วจึงขอตัวกลับก่อน คุณป้าเนร่าน้ำตาซึม จับมือเธอเขย่าๆและบอกให้มาเยี่ยมกันบ้าง และเธอก็กลับบ้านอย่างสุขใจ โดยลืมเจ้าตัวน้อยเสียสนิท...
..........................................................................................................................................................................
แปลกๆมั้ยหว่า
ความคิดเห็น