คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 สมัครเข้าเรียน
บทที่ 1 สมัครเข้าเรียน
"กรี้ดดดดดดดดดดด!!! ช่วยจับขโมยคนนั้นทีค่ะ!!!"
นับเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วสำหรับตลาดกลางเมืองที่มีคนพลุกพล่าน อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันรับสมัครวันสุดท้ายของโรงเรียนเวทย์มนตร์เดรคาสอันเป็นโรงเรียนเวทย์ประจำอาณาจักรเดรคาลัสด้วยแล้ว การลักเล็กขโมยน้อยจึงเกิดขึ้นจนชาชิน โดยหญิงสาวที่เป็นเจ้าของเสียงร้องนั้นกำลังกระโดดโหยงเหยงกลางฝูงชนพลางตะโกนให้คนช่วยจนทหารรักษาการมาถึง
นับเป็นโชคร้ายของขโมยคนนั้นก็ว่าได้ ที่ขนาดวิ่งหนีมาไกลได้ขนาดนี้และกำลังเลี้ยวตัวหลบเข้าไปในตรอกอันเป็นทางหนีทีไล่ประจำของตนกลับมีร่างในชุดคลุมสีดำสนิทยืนขวางทางอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาของหัวขโมยมองซ้ายขวาเลิกลั่กอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดีจนกระทั่งร่างตรงหน้าอ้าปากพูดออกมา
"แกน่ะ........." เสียงแหบแห้งเหมือนหญิงชราส่งผลให้เจ้าหัวขโมยยิ้มกริ่มเพราะนึกว่าจะจัดการได้ง่ายๆ แต่ทว่ายังไม่ทันได้ทำอะไร พื้นดินบริเวณรอบๆก็ยุบตัวลง ร่างของชายหัวขโมยถูกดูดลงไปอย่างรวดเร็วและพื้นดินก็กลับมาเป็นปกติ ไม่มีเสียงร้องซักแอะเลยด้วยซ้ำ เหลือทิ้งไว้เพียงกระเป๋าใบหนึ่งเป็นของดูต่างหน้าเท่านั้น "โจรยังไงก็คือโจร ถ้าจะรอสวรรค์ลงทัณฑ์ มันคงจะไม่ทันใจเท่าไหร่ แกโชคร้ายเองนะ" ว่าแล้วก็ต่อให้จบประโยคที่พูดค้างไว้
ตึก! ตึก! ตึก!
เสียงฝีเท้าสามคู่ที่วิ่งตามหลังมาทำให้ร่างในผ้าคลุมหันไปมอง หญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าสุดเมื่อเห็นกระเป๋าของตนก็ออกอาการตื่นเต้น
"นั่นไงกระเป๋าชั้น อะ......" เธอมองร่างที่มาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้อย่างตกใจ "ท่านคือ......" หญิงสาวยังกล่าวไม่ทันจบ ร่างตรงหน้าก็หายวับไปเหมือนเป็นธาตุอากาศ ทิ้งไว้เพียงทหารรักษาการสองคนที่เกาหัวงงๆและหญิงสาวเจ้าของกระเป๋ายืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น
ส่วนคนที่ทำให้คนอื่นตกใจนั้น ความจริงแล้วเพียงแค่ใช้เวทย์มนตร์พื้นฐานอย่างเวทย์พรางกายที่จะทำให้ร่างกายกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อมแล้วก็เดินออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อยเท่านั้นเอง ว่ากันตามตรง ทหารทั้งสองคนควรจะสัมผัสได้ด้วยซ้ำไป แต่อารามตกใจทำให้สติหดหาย ร่างในชุดคลุมเลยสบโอกาสโบกมือบ๊ายบายลาการตอบคำถามอันยุ่งยากออกมาจากตรงนั้นอย่างมีความสุข
แต่ไม่ทันจะได้เดินไปไหนไกล สายตาก็เหลือบไปเห็นขอทานแก่ๆในสภาพโชกเลือดเหมือนโดนสัตว์วิเศษทำร้ายกำลังนอนสลบอยู่ข้างถังขยะ และด้วยความที่ชอบยุ่ง เอ้ย! ช่วยคนอื่นอยู่เป็นกิจวัตรประจำวัน เลยอดไม่ได้ที่จะเดินไปตรวจดูอาการอย่างนึกเป็นห่วง
"นี่ๆ ท่านลุงคะ" ร่างในชุดคลุมเอ่ยเรียกเบาๆ "ตายรึยังนะ" เธองึมงำ น่าแปลกที่เสียงคราวนี้ฟังดูหวานใสเหมือนหญิงสาวแรกรุ่น ไม่ใช่หญิงแก่ๆเหมือนเสียงที่ได้ยินครั้งแรก
เมื่อไร้การตอบสนองจากร่างตรงหน้า ร่างในชุดคลุมที่คาดว่าน่าจะเป็นหญิงสาวจึงเอื้อมมือไปแตะที่แขนของคุณลุงขอทานอย่างแผ่วเบา แสงสีขาวไหลออกจากมือที่โผล่ออกมานอกเสื้อคลุมอย่างต่อเนื่องจนคนเจ็บมีสีหน้าดีขึ้นการส่งพลังนั้นจึงหยุดลง
"ให้ตายสิ พลังแสงสว่างยิ่งมีน้อยๆอยู่ด้วย" เธอกล่าวแล้วถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่ จากนั้นก็เดินไปหาซอกมุมเหมาะๆเพื่อจัดการกับชุดที่ทำให้อากาศมันอบอ้าวอย่างบอกไม่ถูก และเพราะแถวนั้นค่อนข้างจะไกลออกมาจากตลาดนิดหน่อยจึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นนัก
มือบางปลดฮู้ทสีดำออกจากศีรษะ เผยให้เห็นใบหน้างามที่ติดจะดูอ่อนโยน ผิวที่ขาวราวกับหิมะตัดกับเส้นผมสีดำขลับเป็นอย่างดีแต่ถึงกระนั้นก็ไม่ถือว่าขาวซีดอย่างคนเมืองหนาว ดวงตาสีแดงเลือดกระพริบปริบๆเพื่อปรับให้เข้ากับแสงสว่าง เธอรวบรวมสมาธิแล้วหลับตาลง คราวนี้.....เมื่อลืมตาขึ้นมา ดวงตาที่ปรากฏกลับเป็นสีทองทอประกายงดงามจนยากจะละสายตา
"อืม กี่โมงแล้วนะ จะทันรึเปล่าเนี่ย" หญิงสาวเสไปมองนาฬิกาพกของตนแล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว
ความจริงเธอมาที่นี่เพื่อจะสมัครเข้าโรงเรียนเวทย์มนตร์ และบ่ายสามโมงคือเวลาปิดรับสมัครซึ่งบัดนี้เหลือเวลาอีกแค่สิบนาทีเท่านั้น ไม่มีเวลาจะมารีรอ หญิงสาวจัดแจงกระโดดขึ้นหลังคาของบ้านหลังใดหลังหนึ่งในบริเวณนั้นแล้วพุ่งตัวไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็วจนเห็นปลายทางอยู่ไม่ไกลนัก ขาสองข้างรวบชิดติดกันแล้วกระโดดหมุนตัวลงไปยืนบนพื้นดินหน้าประตูโรงเรียนอย่างสวยงาม เรียกสายตาเหวอๆจากคนที่เกือบหลบไม่ทันไปได้หลายสิบคน
ร่างบางสาวเท้าเร็วๆไปยังโต๊ะรับสมัครที่อยู่หน้าอาคารใหญ่ยักษ์สีทองอร่ามที่สร้างขึ้น ณ ใจกลางของโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งทอประกายระริบระยับเมื่อต้องแสงแดดในยามบ่ายจนเธอแสบตาจนแทบจะหลับตาเดิน
อะไรกันนักหนาเนี่ย นอกจากเจ็บเท้าเพราะรีบวิ่งมาจะให้ฉันตาบอดด้วยรึไงกัน หญิงสาวคิดอย่างหงุดหงิดใจ
"ฉันมาทันใช่มั้ยคะ" เด็กสาวกล่าวกับผู้ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะรับสมัครด้วยอาการหอบแฮ่ก ซึ่งสายตาของชายแก่ที่มองกลับมานั้นก็ดูอบอุ่นปนขบขัน
"เจ้าทันเวลาฉิวเฉียดเลยสาวน้อยลมกรด" ว่าแล้วก็หัวเราะเหอๆแบบน่าสยอง
หญิงสาวส่งยิ้มแห้งๆตอบกลับไป
"อายุเท่าไหร่" มือเหี่ยวย่นค่อยๆขยับไปทางช่องกรอกอายุ
"17 ปีค่ะ"
"อืม...มาสอบก่อนเหรอ เหอๆ หวังว่าเจ้าจะมีดีมากพอสำหรับโรงเรียนแห่งนี้นะ" ชายแก่เขียนไปหัวเราะไป
ตามปกติแล้ว ผู้ที่มาสอบมักจะมีอายุ 18 ปีขึ้นไป เพราะถือเป็นช่วงที่พลังเวทย์ในตัวเสถียรกว่าช่วงอายุก่อนหน้ามากมายนัก การที่หลังไม่เสถียรนั้นหมายถึงจะต้องใช้พลังเวทย์จำนวนมากกว่าปกติถึง 5 เท่าเพื่อร่ายเวทย์หนึ่งบท แต่ก็ยังมีเพียงสายตามั่นใจจากหญิงสาวส่งมาให้แทนคำตอบ
"ชื่อละ" เมื่อได้รับการยืนยัน มือเหี่ยวย่นจึงเลื่อนไปยังอีกช่อง
"โรเวเนีย ราฟรานคาส เดรโครลัสเทียร์" นามสกุลนั้นหญิงสาวพูดเสียงกระซิบ สายตาของผู้สูงวัยเหลือบมองเล็กน้อย
"นามสกุลของตระกูลเก่าแก่สินะ" ร่างตรงหน้าหัวเราะเหอๆอีกครั้งแล้วกรอกลงไปอย่างรวดเร็ว "เอาละ พรุ่งนี้แปดโมงห้ามสาย เจ้าไปได้แล้ว" หญิงสาวพยักหน้ารับนิดๆ
ตระกูลเก่าแก่นั้นย่อมเป็นที่เพ่งเล็งได้โดยง่าย เพราะตระกูลน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นมาหลังจากยุคสงครามจบไปแล้วนั้น พลังเวทย์เทียบกันไม่ได้เลยกับผู้ที่เคร่งครัด แต่งงานกับตระกูลในระดับเดียวกันเสมอมา ว่ากันง่ายๆก็คือการแต่งงานกับคนที่มีพลังเวทย์อ่อนด้อยก็จะทำให้สายตระกูลถัดมามีพลังน้อยลงไปด้วย
ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำ เธอจึงยืนมองชายแก่รวบเอกสารทั้งหมดที่กองสูงเลยแล้วพายกเดินเข้าไปในอาคารอย่างไม่สมกับท่าทางแก่งั่กแบบงงๆ
"อืม...กระดาษมันเบาหรือฉันตาฝาดกันนะ"
..........................................................................................................................................................................
จอมเวทย์ว่ามันจะไม่ค่อยแตกต่างกันหรอกค่ะ ไม่ได้ปรับเปลี่ยนเนื้อหาอะไรเลยนอกจากเพิ่มเติมบางส่วนให้สมบูรณ์ และจอมเวทย์ขอเปลี่ยนจากเด็กสาวเป็นหญิงสาวนะคะ มันดูเข้ากันมากกว่าเยอะเลย แหะๆ อายุ17ก็ถือว่าโตแล้วเนอะ
ความคิดเห็น