ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The lost descendant princess : รัชทายาทแห่งความมืดผู้สาปสูญ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ ภาคแรก เจ้าหญิงแห่งความมืดผู้สาปสูญ (แก้ไข+เพิ่มเติม)

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 56


     

     

    บทนำ

    เวทย์มนตร์คือสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้กับมนุษย์ตั้งแต่มนุษย์คนแรกถือกำเนิดขึ้น แต่เดิมมนุษย์ล้วนใช้เวทย์มนตร์เพียงเพื่อการดำรงชีวิตเท่านั้น   เสกน้ำสะอาด  จุดไฟเตาผิงหรือการทำความสะอาดบ้าน  ความรุนแรงของมันไม่อาจทำให้ใครบาดเจ็บได้มากกว่าการรู้สึกนิ้วพองเมื่อถูกเวทย์ไฟหรือรู้สึกหนาวสั่นยามถูกน้ำเย็นเฉียบสาดใส่   มนุษย์อยู่อย่างสงบสุขไม่เคยรู้เลยว่าพวกเขาไม่ใช่กลุ่มเดียวที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้  

     

    และเพราะความที่มนุษย์ได้รับความเมตตาจากธรรมชาติมากกว่านั่นเองที่ทำให้อีกกลุ่มหนึ่งไม่พอใจและคิดจะเข่นฆ่ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป   เจ้าพวกนี้ไม่ได้มีเวทย์มนตร์ที่ร้ายกาจดั่งเช่นมนุษย์   พวกมันส่วนใหญ่ใช้เวทย์มนตร์ไม่ได้แต่กลับมีร่างกายที่ทนทานต่อศาสตราวุธที่ไม่ได้ถูกอาบด้วยเวทย์มนตร์   ร่างกายน่าเกลียดน่ากลัว   มีสมองแต่คิดถึงเพียงตัวเอง   พวกมันเข้ามารุกราน   สร้างความเดือดร้อนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด   นั่นจึงทำให้มนุษย์ไม่อาจอยู่ร่วมกับพวกมันได้จึงตัดสินใจร่วมมือกันขับไล่

     

    แต่ก็อย่างที่กล่าวไป   เวทย์มนตร์ของมนุษย์นั้นอ่อนด้อยนัก   กัดฟันขัดขืนได้ไม่นานก็ต้องถูกโจมตีจนถอยร่น   ไม่มีโอกาสแม้แต่จะสร้างบาดแผลให้เจ้าพวกนี้   ที่มนุษย์ตั้งชื่อให้กับมันว่า ปีศาจ   มนุษย์อ้อนวอนธรรมชาติให้ช่วยเหลือพวกเขา   และในคราวนี้ธรรมชาติได้มอบหลังที่มากกว่าเดิม   เป็นพลังที่แท้จริงที่ใช้ในการต่อสู้

     

    ภาษาโบราณได้ถือกำเนิดขึ้นมาในตอนนั้นเอง   มันเป็นภาษาแรกเริ่มของมนุษย์   และมนุษย์ใช้มันเพื่อเอ่ยคำร่ายสรรเสริญบูชาธรรมชาติ   หยิบยืมพลัง   สร้างเวทย์มนตร์ที่แข็งแกร่งมากพอ   นั่นเองทำให้ในที่สุดพวกปีศาจก็ต้องถูกบีบให้เข้าไปอยู่ในดินแดนที่มืดมิด   เสียงก่นด่าสาปแช่งมากมายไม่ได้ทำให้มนุษย์ที่ถูกหล่อหลอมจากผู้ที่มีแต่ความอ่อนโยนให้กลายเป็นผู้ที่มีจิตใจแข็งกร้าวเห็นใจได้   ซักวันที่มนุษย์อ่อนแอลง   พวกมันสาบานว่าจะมาทวงคืนในสิ่งที่มันควรจะได้      

     

    นับจากนั้นหลายพันปี   เรื่องราวในอดีตถูกลืมไปหมดสิ้น   อาจมีบ้างที่ปีศาจชั้นต่ำบางตนที่ไร้สมองคิดจะรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของมนุษย์   แต่ก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงไปกว่านั้น  พวกมันต้องต่อสู้เพื่อล่าสัตว์มาเป็นอาหารเช่นเดียวกับมนุษย์  แต่มันก็ทำให้มนุษย์บางคนที่มีเวทย์มนตร์อ่อนแอรู้สึกหวาดกลัว  ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับการสั่งสอนภาษาโบราณ   ดังนั้นมนุษย์บางส่วนจึงรู้เท่าที่ตนรู้   เรียนตามตำราที่มี   ไม่อาจสร้างเวทย์มนตร์ได้ด้วยตัวเอง   ภาษาโบราณกลายเป็นภาษาที่ไม่มีคนรู้จักนอกจากพวกราชวงศ์ชั้นสูงหรือตระกูลที่เก่าแก่บางตระกูล

     

    เป็นอีกครั้งที่ธรรมชาติยังรักและมีเมตตากับมนุษย์เสมอ   นอกจากสัตว์ป่าที่ไร้ซึ่งความสามารถในการใช้พลังเวทย์มนตร์แล้ว   จู่ๆก็ได้มีสัตว์วิเศษเกิดขึ้นอย่างมากมายเพื่อให้มนุษย์ได้หาคู่หูของตนเอง   พวกมันฉลาด   เรียนรู้ไว   สามารถใช้เวทย์มนตร์อันทรงพลังได้และมีอารยธรรมเป็นของตัวเอง สัตว์วิเศษเหล่านี้มักใช้เวลาในการโตเต็มวัยช้ามากถึงมากที่สุดแต่ทว่าหากได้อยู่ร่วมกับมนุษย์ความเร็วในการโตเต็มวัยจะมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

     

    สัตว์วิเศษทุกเผ่าพันธุ์หากโตเต็มวัยแล้วมักจะหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกห่างไกลผู้คน   จึงเป็นการยากที่จะหาสัตว์วิเศษที่พูดภาษามนุษย์ได้ในป่า   แต่ก็มีสัตว์วิเศษบางเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังแข็งแกร่งและมีสติปัญญาเฉียบแหลม   เผ่าพันธุ์มังกร   ภูติหรือยูนิคอร์นก็คือส่วนหนึ่ง   พวกมันฉลาดกว่ามนุษย์   มีพลังมากกว่ามนุษย์   แต่ก็รักสงบและมีจิตใจอ่อนโยนเกินกว่าจะใช้พลังนั่นทำร้ายใคร   และอีกสิ่งหนึ่งที่เล่าลือกันก็คือหากมีพลังเวทย์มนตร์มากพอพวกมันจะสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้แต่ก็ยังไม่เคยมีใครเคยพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นจริง

     

    หลังจากมนุษย์ได้อยู่ร่วมกับสัตว์วิเศษอย่างสงบและพวกปีศาจไม่กล้าย่างกรายเข้ามาในอาณาเขตแล้ว   ก็ได้มีอาณาจักรสามอาณาจักรที่เกิดจากการรวมตัวกันของมนุษยเกิดขึ้น์และแบ่งเขตแดนออกเป็นสามส่วนตามความเหมาะสม   ทั้งสามอาณาจักรต่างก็ยิ่งใหญ่ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน   หนึ่งในนั้นก็คือฟีรอสซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งแสง   เป็นเขตแดนที่มีเผ่าพันธุ์ภูติอยู่มากเป็นพิเศษ   อีกเขตแดนหนึ่งโรเดนเวียร์   เป็นอาณาจักรแห่งผืนพิภพและวารี   เผ่าพันธุ์มังกรอาศัยอยู่อย่างสงบสุขในบริเวณนี้   และเดรคาลัสคืออาณาจักรแห่งความมืด   เป็นเขตแดนในส่วนที่ติดกันที่อยู่ของพวกปีศาจ   สัตว์วิเศษในดินแดนนี้มีมากมายหลายเผ่าพันธุ์จนเกินจะนับ   เผ่าพันธุ์ยูนิคอร์นชอบที่จะอยู่ในบริเวณนี้มากที่สุดเพราะพลังแห่งความมืดที่เข้มข้นเป็นพิเศษถือเป็นการเพิ่มพลังให้กับพวกมันเป็นอย่างดี   อาจจะกล่าวได้ว่าการเรียกชื่อนั้นเกิดขึ้นจากเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในขอบเขตของอาณาจักรนั่นเอง  

     

    อาณาจักรทั้งสามต่างประกอบด้วยเมืองเล็กเมืองน้อยนับพันอยู่ภายใต้การปกครอง และก็เป็นที่น่ายินดียิ่งที่กษัตริย์ทั้งสามล้วนแล้วแต่รักบ้านเมืองของตนเกินกว่าจะนำประชาชนเข้าสู่สภาวะสงคราม อันจะก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงดังที่มีตัวอย่างให้เห็นมากมายนัก

     

    ชีวิตสงบสุข บ้านเมืองไร้ซึ่งพวกขโมยหรืออันธพาลหยาบช้า   หรือถ้ามีก็ช่างกระจอกจนทหารยามมองเห็นว่าไร้ซึ่งพิษภัยจะทำให้ใครเดือดร้อนได้ ช่างเป็นอาณาจักรในฝันดังที่กษัตริย์หลายรุ่นต่างพยายามสร้างมันขึ้นมาโดยแท้   ซึ่งความสงบสุขนั้นได้ดำเนินต่อไปจนจบสิ้นยุคสมัยของทั้งสามพระองค์เลยทีเดียว

     

    ใช่...ในที่สุด สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดว่าจะเกิดมันก็เกิดขึ้นมาจริงๆ ต้องโทษกษัตริย์ทั้งสามพระองค์ที่ไร้น้ำยา   หัวเราะจนขาดอากาศหายใจตายด้วยตกลงไปในดงต้นวิงซ์ขณะนั่งเล่นหมากรุกกันอยู่ริมระเบียง (ต้นไม้ที่มีใบไม้เป็นขนนกสีขาวบริสุทธิ์ นิยมนำมาทำเป็นขนนกสำหรับใช้เขียนงานในราชสำนัก)   แถมมีแต่ธิดากันอาณาจักรละพระองค์   ซึ่งอายุของทั้งสามพระองค์เพิ่งจะ 16 ชันษาเท่านั้น และแม้ว่าองค์หญิงหญิงทั้งสามจะเข้าพิธีแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทอย่างถูกต้องแต่ก็มีไม่น้อยที่ไม่อาจวางใจให้อิสตรีขึ้นครองราชย์

     

    จนกระทั่งในวันที่องค์หญิงแต่ละพระองค์อายุครบ 20 ชันษา   อันเป็นเวลาที่สมควรจะสถาปนาขึ้นเป็นราชินีของอาณาจักร   ในวันนั้นเองที่ทั้งสามพระองค์ต่างหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย   ซึ่งนำมาสู่สงครามอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ของทั้งสามอาณาจักร   การปกครองในเวลานั้นต่างก็นำโดยเสนาธิการซ้ายขวาของอดีตองค์กษัตริย์ที่ถูกกดดันอย่างหนักให้ออกมารับผิดชอบปัญหาการหายไปขององค์รัชทายาท   ถึงแม้ว่าสงครามจะไม่ใช่ทางออกที่สมควร   หากแต่ความร้อนระอุของสถานการณ์ ณ ตอนนั้น   ไม่แน่ว่าหากรีรอต่อไปอาจจะเกิดสงครามภายในอาณาจักรของตนเสียก่อนก็เป็นได้

     

    สงครามที่ยาวนานนับร้อยๆปี    มีผู้เสียชีวิตมากเกินคนานับ   และคงจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะหาสายเลือดของทั้งสามกษัตริย์มาแทนบัลลังก์ที่ว่างเปล่าได้   อันที่จริงแล้ว...มันคงจะไม่หนักหนาสาหัสขนาดนี้ถ้าพวกกษัตริย์โรคจิตไม่เล่นพิเรน   นำอัญมณีของอาณาจักรมาดัดแปลงให้เปล่งแสงเมื่ออยู่ในมือของสายเลือดผู้ครองอาณาจักรเท่านั้น   ทั้งสามอาณาจักรเลยต้องเฟ้นหาคนที่ทำให้อัญมณีเปล่งแสงได้มารับหน้าที่ในบัลลังก์ที่ว่างเปล่า  และนั่นเองคือสาเหตุที่ในอีกสามรุ่นต่อมา   คือประมาณสามร้อยปีนับจากนั้น   โรงเรียนเวทย์มนตร์ได้ถูกสร้างขึ้น ณ จุดศูนย์กลางของทั้งสามอาณาจักรเพื่อใช้อัญมณีของอาณาจักรเฟ้นหาตัวผู้เหมาะสมแทนรัชทายาทที่หายตัวไป

     

    ผ่านมาแล้วนับพันปีอัญมณียังไม่พบผู้ที่เหมาะสม   ด้านการปกครองก็ได้ให้ลูกหลานของสภาปกครองในสมัยนั้นๆรับหน้าที่ต่อและทำเหมือนกับว่าบัลลังก์นั้นไม่ได้ว่างเปล่า   แถมยังทำงานได้อย่างไร้ข้อบกพร่องจนน่าตกใจ   หรือแท้จริงแล้วเจ้าหญิงทั้งสามยังคงมีชีวิตอยู่อัญมณีทั้งสามเลยไม่ยอมรับใครมาแทนที่   แต่จะเป็นไปได้หรือ???   ความหวังของประชาชนที่เคยเปี่ยมล้นเริ่มอ่อนลงตามกาลเวลาที่ล่วงเลยผ่าน   จนมาถึงปัจจุบันนี้   ทุกคนต่างทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ใช้ชีวิตตามปกติ   และถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยปาก   แต่บุตรหลานของขุนนางไปจนถึงยาจกต่างหวังที่จะสอบเข้าโรงเรียนทั้งสามแห่งนี้ให้ได้   ไม่ได้หวังจะฟลุกได้เป็นรัชทายาทที่หายตัวไป   แต่ถ้าเกิดสอบเข้าที่ใดที่หนึ่งได้ อนาคตต่อไปภายภาคหน้าก็จะมีแต่ความสุขสบายอย่างมากมายเลยทีเดียว   ดังนั้นใครเล่าจะไม่คว้าโอกาสนี้ไว้?

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×