คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 10 การหาสมุนไพรสุดอันตราย ตอนต้น (100%)
บทที่ 10 การหาสมุนไพรสุดอันตราย
หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของวันที่สอง ใบหน้าลางๆที่ลอยอยู่ตรงหน้าทำให้หญิงสาวรู้สึกหงุดๆ ดวงตาสีทองกระพริบปริบๆเพื่อปรับความคมชัดก่อนจะเบิกตากว้าง ยันเท้าขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ตุ๊บ! โป๊ก! โครม!!!
เป็นสามเสต็ปที่ทำเอายอดชายนายจาเวสน้ำตาเล็ด แต่ก็สมน้ำหน้า ดันยื่นหน้ามาแบบนั้นใครล่ะจะไม่ตกใจ
“โอ๊ยยยย เธอจะฆ่ากันเหรอ” หนุ่มผมแดงกุมหัวตัวเองที่โขกเข้ากับประตูอย่างแรง ไม่นึกเลยว่าหญิงสาวร่างบอบบางแบบนี้จะพลังช้างสารจนถีบผู้ชายกระเด็นได้ขนาดนี้
“สมควรมั้ยละ! มาทำอะไรในห้องฉันเนี่ย” โรเวเนียทำหน้ามุ่ย ดึงผ้าห่มที่เธอพกมาเองจากบ้านมากอด
“ก็คิดว่าเธอยังไม่ตื่น...”
“เลยมายืนจ้องหน้าเนี่ยนะ!!!” หญิงสาวกรีดร้อง
“เฮ้ย! ไม่ใช่ๆๆๆ ฉันจะเข้ามาปลุกเฉยๆ” จาเวสเด้งตัวลุกขึ้นแล้วปฏิเสธรัวๆ กลัวแม่คุณจะหาอะไรมาฟาด
“งั้นก็แล้วไป ตกใจเกือบตายแน่ะ” โรเวเนียงึมงำ
“โธ่ ที่เกือบตายนี่ฉันไม่ใช่เหรอ” จาเวสเอ่ยเสียงอ่อย
จาเวสยืนค้างอยู่หน้าประตูไม้ ไม่รู้จะทำยังไงต่อ เลยได้แต่ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่อย่างนั้น ส่วนโรเวเนียก็ไม่ได้คิดจะสนใจว่าจะมีคนมองอยู่หรือไม่ จัดแจงเก็บเตียงและพับผ้าห่มอย่างเรียบร้อย หยิบชุดเตรียมเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็เหมือนจะนึกขึ้นมาได้
“นายจะยืนดูจนฉันอาบน้ำเสร็จเลยเหรอ” ใบหน้างามหันไปเลิกคิ้วใส่ชายหนุ่มอย่างยั่วเย้า
“เอ่อ แหะๆ ได้ก็ดี เอ้ย! มิบังอาจคร้าบบบบ” จาเวสหลบสายตาที่แปรเปลี่ยนเป็นอำมหิตแล้วกระดึบเอาตัวเองออกไปนอกห้องทันที
หญิงสาวยิ้มขำ เดินไปเข้าห้องน้ำที่มีอยู่ในตัวห้องอย่างที่เธอนึกชื่นชมฟรายาสมากขึ้นทุกทีว่านอกจากจะอุทิศตัวตนเพื่อคนอื่นแล้วยังมีหัวคิดสร้างสรรค์อีกด้วย การอาบน้ำเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่กี่นาที แต่เธอก็รู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก ดูเหมือนคุณหมอจะใช้เวทย์มนตร์สร้างทางน้ำจากลำธารเล็กๆข้างในป่าเพื่อนำมาเป็นน้ำสำหรับใช้อาบและดื่มของที่นี่ เมื่อตอนที่อยู่ในหมู่บ้านของตัวเองหญิงสาวจำเป็นต้องใช้พลังเวทย์มนตร์สร้างน้ำขึ้นมา ซึ่งต้องบอกว่ามันเป็นแค่การรวมไอน้ำในอากาศหรือจะสู้น้ำจากธรรมชาติจริงๆที่แฝงไปด้วยพลังที่ทำให้รู้สึกสดชื่น
โรเวเนียเช็ดผมอย่างไม่เร่งรีบ ใส่เสื้อผ้าสบายๆอย่างชุดที่รูปร่างเหมือนเสื้อที่ยาวจนคลุมเข่าแล้วคาดด้วยเชือกฟางอย่างง่ายๆ แต่เมื่ออยู่บนร่างของหญิงสาวผู้นี้จะใส่อะไรก็คงเหมือนกันนั้นแหละ
“นี่ นายจาเวส เนื้อวัวอยู่ในตู้เย็นน่ะ” เมื่อออกมาจากห้อง หญิงสาวก็พูดอะไรที่ทำให้จาเวสงุนงงในทันที
“หา???”
โรเวเนียพ่นลมหายใจอย่างเบื่อๆ “เลิกมึนได้แล้ว ทำอาหารเก่งไม่ใช่รึไง???”
พอเข้าใจปุ๊บ จาเวสก็รับบัญชาในทันที ไม่ต้องเอ่ยย้ำชายหนุ่มก็พุ่งตัวไปยังตู้เย็นและค้นหาของที่ตัวเองต้องการ ถึงจะพูดว่าตู้เย็นแต่มันก็แค่ตู้ที่ใส่พลังเวทย์ธาตุน้ำและทำให้มีองศาติดลบเข้าไปเท่านั้นเอง ชายหนุ่มตัดแบ่งเนื้อออกมาอย่างคล่องแคล่ว
“จะรับอะไรดีครับ สตู ซุป สเต็ก หรือผม?” คำพูดสุดท้ายมาพร้อมท่าแอ๊กแบบน่าถีบเป็นที่สุด (เหมือนประมาณว่า coffee, tea or me?)
โรเวเนียรู้สึกว่าเท้าตัวเองกระตุกหงึกๆ
“เอามาทุกอย่างยกเว้นอันสุดท้าย หรือนายอยากต้มตัวเองก็ได้นะ เดี๋ยวจะช่วย” ว่าแล้วก็ยิ้มหวานอย่างเป็นเอกลักษณ์
พออยู่ด้วยกันไปนานๆจาเวสชักรู้สึกว่าตัวเองมีภูมิต้านทานรอยยิ้มของหญิงสาวมากขึ้น ดังนั้นจึงรอดพ้นจากอาการเคลิบเคลิ้มและถูกจับต้มโดยไม่รู้ตัวไปอย่างหวุดหวิด
“เอ่อ ไม่ดีกว่าคร้าบ”
โรเวเนียนั่งมองชายหนุ่มจัดแจงหั่นเนื้อเป็นห้าส่วนอย่างประณีต แถมเนื้อทุกก้อนยังเท่ากันแบบไม่ต้องใช้ไม้บรรทัดวัดอย่างทึ่งๆ ทั้งหม้อสองใบและกระทะสามใบถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าใบเล็กข้างตัวชายหนุ่ม นี่อาจจะเป็นการใช้เวทย์มนตร์รูปแบบหนึ่งละมั้ง
บ๊อกๆ!
เจ้าตัวน้อยที่เพิ่งตื่นนอนเดินแบบเอียงๆเหมือนปูมาหาเธอแล้วก็ส่งเสียงประท้วงว่า ‘ข้าหิวแล้วนะ!’
หญิงสาวหัวเราะอย่างอารมณ์ดีในตอนเช้า คว้าเจ้าตัวน้อยมากอดไว้แนบอก นั่งรออาหารพร้อมร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีไปด้วยเหมือนเป็นเจ้าหญิงไม่มีผิด
“อาหารมาเสิร์ฟแล้วคร้าบเจ้าหญิง” จาเวสวางชามใส่ซุปท่าทางน่ากินสองอย่างลงบนโต๊ะแล้วเริ่มต้นแนะนำสินค้า “ซุปมะเขือเทศเนื้อวัวตุ๋น แล้วก็ซุปเนื้อวัวยัดไส้ ไส้ข้างในฉันก็ใส่พวกแครอทกับมะเขือเทศนั่นแหละ แฮะๆ”
โรเวเนียจ้องตาเป็นประกาย “นายก็มีประโยชน์เหมือนกันนะเนี่ย”
คนที่เพิ่งได้รับการชื่นชมเป็นครั้งแรกว่ามีประโยชน์ยืดอกอย่างภูมิใจ รีบไปยกอาหารอีกสามอย่างมาเสิร์ฟด้วยความไวขั้นสุดยอด และถ้าเกิดมีหางงอกออกมาบางทีโรเวเนียอาจจะเห็นมันส่ายพึบๆอย่างรุนแรงก็เป็นได้
“ส่วนในจานสามอย่างนี้ก็เป็นเนื้อวัวทอดกรอบธรรมดาๆ แต่ฉันใช้วิธีการหมักกับสมุนไพรบางอย่างด้วยวิธีเฉพาะตัว รับรองว่ากันแล้วละลายในปาก ส่วนอีกสองอย่างคือมีตบอลกับสเต็กส์เนื้อวัวราดซอสสูตรเฉพาะอีกนั่นแหละ” หนุ่มหัวแดงยิ้มเผล่ ดวงตาสีเขียวเปล่งประกายระยิบระยับเหมือนกันจะบอกว่า ‘ชมผมหน่อยคร้าบ’
“ดีมากๆ” และก็ไม่ขัดศรัทธา หญิงสาวลูบผมของจาเวสสองสามทีแล้วขยี้มันชนฟู จากนั้นก็ลงมือจิ้มกินอย่างไม่เกรงใจ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าตัวน้อยที่ยึดสเต็กส์จานโตไปเป็นของตัวเองเรียบร้อย
จาเวสไปตักซุปมาอีกถ้วยแล้วนั่งกินอย่างมีความสุข
ฟรายาสที่ได้กลิ่นอาหารลุกขึ้นมาจากเตียงในห้องนอนลับๆของเขา นั่นก็คือที่ๆทั้งสามคิดไม่ถึงอย่างทางลับใต้ตู้เก็บกับข้าวนั่นเอง ดังนั้นเมื่อหญิงสาวเห็นหัวสีทองของอะไรบางอย่างโผล่ออกมาจากตู้จึงคว้าแจกันกะจะขว้างใส่ให้หัวแตก
“หยุดๆๆๆ พี่เอง” ชายหนุ่มเอ่ยห้ามอย่างรวดเร็ว ดึงตัวเองออกมาจากตู้และจัดแจงจัดสภาพจนหล่อเหลา
“ก็ไม่ส่งเสียงก่อน” ว่าแล้วก็ยักไหล่
“เอ่อ...” จาเวสดูจะงงงวย ถือช้อนที่อยู่ในสภาพหงิกงอค้าง
ฟรายาสเดินตามกลิ่นมาที่โต๊ะอาหาร “หืม น่ากินนี่” ชายหนุ่มคว้าถ้วยซุปมะเขือเทศมาลองชิม “กลมกล่อมกำลังดีเลย แต่น่าจะเผ็ดกว่านี้หน่อยน้า”
“อะแฮ่มๆ คือว่าพี่ไปทำอะไรในตู้เหรอคะ” โรเวเนียกระแอมแล้วเอ่ยถาม อย่าบอกนะว่าใช้พลังเวทย์มากไปจนร่างกายรับไม่ไหวสมองเลยเสียหายน่ะ
“ห้องนอน” ชายหนุ่มตอบกลับมาง่ายๆ ยักคิ้วเหมือนจะบอกว่ารู้ทันนะว่าคิดอะไรอยู่ “ทางลงอยู่ในตู้น่ะ”
หญิงสาวไม่ซักไซ้อะไรต่อ รีบกินให้เสร็จแล้วเดินอ้อมร่างคุณหมอไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น ร่างบางรวบกระโปรงมาถือไว้มุดตัวเข้าไปในตู้จนเจอบันไดและเดินลงไปอย่างระมัดระวัง จนเมื่อถึงชั้นล่างดวงตาก็เบิกกว้างอย่างตกตะลึง
นอกจากเตียงขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางห้องแล้ว ในห้องนั้นยังประกอบด้วยตู้เสื้อผ้าอีกสองใบ กระจกบานยักษ์ อุปกรณ์ปรุงยาและตู้เก็บสมุนไพรอย่างดีจัดวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ แต่ที่เธอตะลึงไม่ใช่เพราะการจัดวางอย่างลงตัวของมันหรืออะไรทำนองนั้น แต่แป็นเพราะว่าของทุกชิ้นล้วนทำมาจากเพชรหมดเลยนะสิ!!!
แล้วก็บอกฉันว่าจนเนี่ยนะ ไอ้หมอบ้าเอ้ย!!! หญิงสาวที่คิดอย่างโมโห
จาเวสที่กินข้าวเสร็จ แล้วเดินตามหญิงสาวลงมาดูจะตกตะลึงไม่แพ้กัน แต่อาการของชายหนุ่มไม่เหมือนหญิงสาวที่เก็บอาการอยู่ภายใต้ใบหน้านิ่งๆ เขาขยี้ผมสีแดงของตัวเองที่ไม่เป็นทรงอยู่แล้วให้ฟูเข้าไปใหญ่ อ้าปากหวอจนแมลงวันแทบจะบินเข้าปาก เป็นท่าทางที่ดูตลกกว่าตอนทำหน้าหมาหงอยซะอีก
บ๊อก! บ๊อก!
ความเงียบเกิดขึ้นได้เพียงแปปเดียว เจ้าตัวน้อยงับขากางเกงจาเวสแล้วพยายามลากขึ้นไปข้างบนให้ได้ คาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากสเต็กในจานที่หมดเกลี้ยงไปแล้วเพราะฟรายาสแย่งของมันไปครึ่งหนึ่ง ดังนั้นเขาเลยเดินสวนกับคุณหมอตรงทางขึ้นเพื่อไปทำสเต็ดให้เจ้าตัวน้อยอีกชิ้น
ร่างของคุณหมอผู้ยากจนและอดอยากเดินตามลงมายังห้องนอนของตัวเอง สะกิดๆโรเวเนียที่กำลังคิดจะแก้แค้นแล้วเอ่ยว่า
“ไม่ได้โกหกนะ เรื่องจนน่ะ พี่มีเงินที่ไหนละ” ฟรายาสลอยหน้าลอยตา ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้
“งั้นฉันไปบอกคุณแม่มดลอเรนซ์ให้มั้ยว่าพี่จะใช้คืนเป็นเตียงเพชร” โรเวเนียเอ่ยสวนในทันที
“เห้ยๆๆๆ ไม่ได้นะ เตียงนี้ท่านพ่อพี่ให้มา ขืนหายไปละตาย” ชายหนุ่มทำท่าสยอง
“ฮิๆ ล้อเล่นน่ะ” หญิงสาวหัวเราะคิกๆ มันคงจะน่ารักอยู่หรอกถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่รู้จักกันมาเห็นเข้า แต่สำหรับฟรายาสแล้วเขาเห็นเหมือนนางฟ้าที่มีเขี้ยวของปีศาจงอกออกมาอย่างไรอย่างนั้น “แต่ว่าพ่อพี่นี่รวยจังเนอะ ยอมให้ลูกชายมาเป็นหมอได้ไงเนี่ย”
“ลองไม่ยอมสิ จะหนีออกจากบ้านแล้วไม่กลับเลยคอยดู!” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงจริงจัง
“ท่าทางมั่นใจจังเลยเนอะว่าเขาจะสนน่ะ” หญิงสาวเอ่ยแล้วก็ได้ยินเสียงงึมงำแบบขาดๆหายๆประมาณว่า ‘ลองไม่สน….เจ้า….หึๆๆ’ ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจจะไปยุ่งด้วย
“เอ้อ วันนี้โรวจะช่วยเข้าไปหาสมุนไพรมาให้พี่หน่อยได้มั้ย สมุนไพรห้ามเลือดมันหมดน่ะ ทีนี้ถ้าใช้พลังเวทย์รักษาอย่างเดียวเดี๋ยวเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้นมาพี่จะไม่มพลังเวทย์พอจะช่วยใครได้”
“วันนี้จะหางานมาให้ฉันอีกแล้วเหรอ!”
“น่านะ คิดดูสิว่าถ้าพี่ไม่มีสมุนไพรนี่น่ะแล้วเกิดมีคนตายขึ้นมาโรวจะไม่รู้สึกผิดเหรอ” ดวงตาสีน้ำเงินไพลินจ้องมองอย่างอ้อนวอน เพิ่มออฟชั่นด้วยการกระพริบปริบๆให้ดูน่าสงสาร
‘ให้ตายสิ ก็รู้อยู่ว่าฉันปฏิเสธไม่ได้น่ะ!’ กรีดร้องไปยังไงไม่มีผล เพราะปากดันตอบตกลงไปแล้ว “อืมๆๆ”
“น่ารักที่สุดเลยน้องพี่” ตอนนี้หญิงสาวไม่ดีใจเลยแม้แต่น้อยที่หนุ่มฮอตประจำเมืองจะมากระโดดกอดเธออย่างนี้ ยิ่งคิดก็พาลจะรู้สึกถึงน้ำตาที่มันจะไหลออกมาทุกที และยิ่งประโยคสุดท้ายหญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกอยากจะทรมาณฟรายาสให้ปางตายแล้วค่อยรักษาให้หายซักสิบรอบ “แล้วก็ถ้าเจอต้นแมนเดรกช่วยเก็บผลมาให้พี่หน่อยนะ”
หญิงสาวมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างอาฆาต นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันกันเนี่ยยยยยยย!!!
สุดท้ายโรเวเนียก็มายืนอยู่ข้างหน้าทางเข้าของป่าไวท์เซิร์ทจนได้ ตามจริงแล้วบริเวณป่าของอาณาจักรเดรคาสล้วนแล้วแต่ถือว่าเป็นพื้นที่สีดำทั้งนั้นโดย การแบ่งระดับของพื้นที่นั้นสีดำจะถือว่าเป็นเขตที่อันตรายที่สุด และสาเหตุที่บริเวณป่าเกือบทั้งหมดถูกจัดเป็นพื้นที่สีดำก็เพราะเขตที่เหล่าปีศาจในอดีตถูกไล่ต้อนเข้าไปคือพื้นที่ทางแถบอาณาจักรเดรคาส
ส่วนป่าไวท์เซิร์ทที่เป็นเป้าหมายของหญิงสาวนั้นเป็นบริเวณที่ถูกกางอาณาเขตไว้อย่างหนาแน่นตั้งแต่ในอดีต จนถึงตอนนี้อาณาเขตนั้นก็ยังคงอยู่แต่อาจจะมีบางส่วนที่อ่อนกำลังไปจนทำให้ปีศาจชั้นต่ำบางกลุ่มอาศัยกว่ามีพลังอยู่ในเกณฑ์ขั้นต่ำสามารถเล็ดรอดเข้ามาได้ ดังนั้นป่าไวท์เซิร์ทจึงถูกจัดเป็นพื้นที่สีแดงเมื่อประมาณร้อยปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้เธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าการจัดโซนนั้นเขาดูกันที่อะไร
ต้องถือว่าโชคดีที่พวกปีศาจชั้นสูงไม่คิดจะรุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของมนุษย์อีกแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะกลัวหรืออย่างไร แต่อย่างน้อยพวกปีศาจชั้นสูงก็ต่างมีอาณาเขตเป็นของตนเอง แถมยังอยู่ห่างไกลเข้าไปในโซนลึกๆ ถึงอย่างไรจะให้พวกปีศาจยอมจับมือร่วมกันคงเป็นไปได้ยาก ดูจากสงครามเมื่อครั้งก่อนก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดี อะไรๆก็ไม่แน่นอนหรอก ความรู้ทุกอย่างที่เธอมีก็มาจากหนังสือทั้งนั้นแหละ จะจริงจะเท็จค่อยโทษอาจารย์เอาก็แล้วกัน
ป่าไวท์เซิร์ทมีความพิเศษอยู่อีกอย่างคือมีพื้นที่ติดกับป่าพิษในส่วนของพื้นที่สีดำ ดังนั้นหากคนไม่ชำนาญทางอาจจะเดินหลงไปยังบริเวณของป่าพิษจนต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นั่นก็เป็นได้ หญิงสาวแอบค่อนขอดในใจว่ากางอาณาเขตป้องกันพวกปีศาจได้ทำไมถึงไม่กางอาณาเขตที่ป้องกันพิษได้ด้วยก็ไม่รู้
แต่สิ่งที่ทำให้เธออุ่นใจได้ก็คือเธอมีแผนที่มีชีวิตติดมาด้วย เป็นจาเวสผู้ซึ่งครั้งนี้โรเวเนียจัดให้เป็นเบ๊สารพัดประโยชน์นั่นเอง เมื่อรู้ว่าโรเวเนียกำลังจะเข้าไปหาสมุนไพรจาเวสก็ขอติดตามแบบเกาะหนึบ หญิงสาวที่เห็นว่าคงจะมีประโยชน์กว่าถ้ามีคนไปด้วยอีกคนจึงตอบตกลงแบบง่ายๆ ผลพลอยได้คือชายหนุ่มที่ดูจะพึ่งไม่ได้กลับรู้ลู่ทางในป่าจนเกือบจะเหมือนเป็นบ้านของตัวเอง
อีกสิ่งที่หญิงสาวเพิ่งจะรู้คือป่าที่อยู่ติดบ้านของจาเวสก็คือป่าไวท์เซิร์ทนั่นเอง จะเรียกได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ แต่เธอก็รู้สึกว่าจาเวสเป็นเพื่อนที่ดีใช้ได้ ถ้าเกิดเขาไม่พูดมากน่ะนะ
โรเวเนียสูดอากาศหายใจเข้าลึกๆ บรรยากาศแถบชายป่านั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของพลังเวทย์บริสุทธิ์สมกับที่ว่ากันว่าธรรมชาติเป็นผู้มอบเวทย์มนตร์ให้กับมนุษย์ เธอหลับตาลงเงียบๆ
“นี่ มีอะไรที่ต้องเข้าไปหาบ้างอะ” จาเวสที่เห็นหญิงสาวเงียบไปนานมากเอ่ยถามในที่สุด
เหมือนเขากลายเป็นตัวประกอบยังไงก็ไม่รู้ ชายหนุ่มคิดพลางน้ำตาตกใน
“หืม? ไม่รู้สิ” เธอยักไหล่
“หะ! หมายความว่าไง???”
“ก็ฉันไม่รู้ ลืมถามว่าจะเอาอะไรบ้าง” โรเวเนียทำปากยื่น ประมาณว่า ‘ฉันไม่ผิดนะ’
จาเวสเกาหัวแกรกๆด้วยความหนักใจ
“งั้นจะเอาสมุนไพรแก้โรคอะไรบ้างละ ฉันพอจะรู้บ้าง...มั้ง!!” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างอ้อมแอ้มแล้วแก้ตัวรัวๆ “แต่ว่าถ้าเกิดเอามาผิดฉันไม่รู้นะ ดีแค่ไหนแล้วที่เอากล่องรักษาความสดมาอะ”
จาเวสชูกล่องไม้แบบอวดๆ กล่องรักษาความสดมักใช้ในการรักษาสรรพคุณของสมุนไพรเพื่อไม่ให้เสียคุณค่าเดิมของมัน ในบางครั้งแม่บ้านทั้งหลายก็อาจจะใช้เก็บความสดของเนื้อยามจะออกไปปิกนิกที่ไหนสักแห่ง แต่สำหรับโรเวเนียที่วันๆเอาแต่ฝึกพลังเวทย์แล้วการจะใช้พลังเวทย์ธาตุน้ำมาดัดแปลงนั้นไม่ยากเลย หญิงสาวเลยเขกหัวจาเวสไปเบาๆ
“พูดมากน่ะ เอาเป็นว่าพี่ฟรายาสให้ฉันช่วยหาสมุนไพรห้ามเลือดไปให้ แล้วก็ผลของต้นแมนเดรกถ้าเกิดเป็นไปได้ โอเคนะ?”
“คร้าบบบบ” ชายหนุ่มรับคำเสียงอ่อย
ทั้งสองก้าวเข้าสู่อาณาเขตของป่าตามการเดินนำของจาเวส ใบไม้เรียงตัวกันเสมือนปราการชั้นดีที่ทำให้ชายหนุ่มต้องชักดาบที่ห้อยอยู่ข้างกายเสมอๆมาถางทาง โรเวเนียที่เดินตามหลังมาจึงติดตามได้อย่างสบายๆ
“อีกนานมั้ยกว่าจะเจอน่ะ” ระหว่างการเดินทาง เธอก็ชวนคุยไปด้วย
“ก็คงต้องหาไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นสมุนไพรห้ามเลือดก็คงจะเป็นต้นกรีฟ เหมือนต้นหญ้าเล็กๆแต่มีสีแดงทั้งต้น ถ้าเกิดโตจนใช้งานได้แล้วมันจะมีดอกเล็กๆสีขาวที่เหมือนดอกแดนดีไลออนแต่ว่าเล็กกว่างอกขึ้นมาตรงกลางน่ะ” จาเวสเอ่ยพลางกระโดดข้ามท่อนไม้พลาง
โรเวเนียได้ยินเสียงลำธารอยู่ไม่ไกล แต่เธอคิดว่าเก็บสมุนไพรเสร็จแล้วค่อยมาเดินเล่นก็ไม่เสียหายจึงไม่ได้สนใจอะไรนัก แต่เหมือนชายหนุ่มจะสังเกตเห็นอาการเงี่ยหูฟังเล็กๆ จึงอธิบายตามประสาคนชอบพูด
“ที่ก้อนหินริมลำธารตรงนั้นมักจะมีเห็ดขึ้น ฉันก็มาเก็บไปประจำเลยแหละ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพอมาดูในวันรุ่งขึ้นเห็ดก็งอกตามเดิมเหมือนไม่มีใครไปยุ่งกับมัน ดังนั้นถ้าเธออยากจะไปดูไว้ตอนขากลับจะพาเดินไปนะ”
“อืม เอางั้นก็ได้” หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วย ถึงจะรู้ว่าจาเวสไม่ได้หันมามองก็ตาม
เนื่องด้วยต้องระวังพื้นดินที่มีหญ้าปกคลุมหนาแน่น จาเวสจึงเงียบเสียงไปอย่างที่นานๆครั้งจะทำ แต่ก็คงไม่แปลกเพราะว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอเดินเหยียบลงไปตรงใบไม้กองหนึ่ง ฉับพลันใบไม้ทั้งหมดก็ร่วงลงไปกองอยู่ก้นหลุมลึก ทำเอาหญิงสาวเสียวสันหลังวาบ ก้มหน้าก้มตาเดินตามจาเวสที่กำลังใช้สมาธิไปอย่างรวดเร็ว
ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่อากาศรอบข้างก็ดูจะหนาวเย็นขึ้นเท่านั้น เท่าที่โรเวเนียสังเกต ในป่าแห่งนี้เงียบสงัดจนนึกว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่เลย แต่เจ้ากระรอกตัวน้อยที่กระโดดผ่านหน้าเธอไปก็เป็นเครื่องยืนยันว่าเส้นทางที่เธอกำลังเดินผ่านไม่ได้มีสัตว์วิเศษหรือสัตว์ป่าที่อันตรายอย่างที่เธอกังวล โรเวเนียรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน แต่ความจริงแล้วก็ไม่ใช่
“ชู่ววววว” จาเวสหันมาทำเสียงให้เธอเงียบ
หญิงสาวมองด้านหน้าอย่างตกตะลึง สองขาก้าวไปหยุดยืนอยู่ข้างๆจาเวสที่ก้มลงซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ในบริเวณนั้น ทุ่งดอกไม้หลากสีสันเบ่งบานอยู่ตรงหน้าเธอ งดงามราวกับความฝัน แต่หากกลิ่นหอมอ่อนๆที่ลอยมาตามลมกลับยืนยันว่านี่คือความจริง จาเวสอมยิ้มแล้วกระซิบกับเธอด้วยเสียงแผ่วเบา
“รอซักพัก เธอไม่เคยเห็นยูนิคอร์นใช่มั้ยละ แต่ต้องเงียบๆนะรู้มั้ย พวกนี้มักจะหวงอาณาเขตของตัวเองมากๆ”
โรเวเนียจ้องมองอย่างตื่นเต้น ส่งรอยยิ้มหวานซึ่งเรียกสีระเรื่อบนใบหน้าของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี หญิงสาวหัวเราะอารมณ์ดีแบบพยายามให้ไม่มีเสียงแล้วจ้องมองอย่างรอคอย
นานนับชั่วโมงในความรู้สึกของโรเวเนียแต่ความจริงแล้วมันเพิ่งจะผ่านมาเพียงแปปเดียวเท่านั้น จาเวสก้มลงแนบหูกับพื้น โรเวเนียนั่งยองๆ ปลดเป้ที่แบกมาด้วยลงวางบนพื้น ไม่นานเกินจะรอ สิ่งที่เธอเฝ้าคอยก็ค่อยๆปรากฎตรงหน้า
หญิงสาวเบิกตากว้าง ร่างของยูนิคอร์นนับสิบตนเห็นอยู่ไกลลิบ แต่ทว่าสิ่งที่เธอแปลกใจนั้นคือพวกมันต่างควบเท้าอยู่กลางอากาศเสมือนมีพื้นดินอยู่ตรงนั้น เขาสีทองเปล่งประกายระยิบระยับ ร่างสีขาวสะอาดก็ดูบริสุทธิ์จนเธอเกือบเผลอไผลก้าวเท้าออกไปปรากฎตัวเบื้องหน้า ดีที่จาเวสจับเสื้อเธอไว้แน่นพลางกระตุกให้รู้สึกตัวโดยไร้คำพูด หญิงสาวพึมพำขอบคุณแล้วค่อยๆย่อตัวลงในท่าเดิม
สองร่างซ่อนตัวอยู่ตรงนั้น จ้องมองความงดงามของเผ่าพันธุ์ที่แสนวิเศษอย่างเคลิบเคลิ้มโดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่า มีบางสิ่งกำลังใกล้เข้ามา....
กร๊าซซซซซ!!!!
เงาร่างมหึมาสึดำกระจายไปทั่วท้องฟ้าที่เปิดโล่งอย่างรวดเร็ว โรเวเนียผงะผงายหลัง ยังดีที่ได้จาเวสเป็นเบาะรองรับ
“น...นั่นมันตัวอะไรกันน่ะ” หญิงสาวเอ่ยถามจาเวสที่ทำสีหน้าเคร่งเครียด
“พวกปีศาจชั้นต่ำ ยูนิคอร์นเป็นพลังบริสุทธิ์ และถือเป็นแหล่งอาหารที่ดีเยี่ยมของพวกนั้น ถ้าเกิดพวกมันฝูงหนึ่งเจอยูนิคอร์นแค่ตัวเดียวน่ะนะ” ชายหนุ่มไขความกระจ่าง
ฮี้!!!
เหล่าฝูงยูนิคอร์นละจากทุ่งดอกไม้ซึ่งเป็นที่พักผ่อนของมัน เขาสีทองที่บัดนี้เปล่งประกายเจิดจ้าหมุนวนเหมือนสว่าน เหล่าปีศาจชั้นต่ำที่รูปร่างเหมือนค้างคาวยักษ์หลายตนถูกแทงจนเลือดสีดำไหลทะลัก บางคนโดนกีบเท้าที่ยกขึ้นถีบกระเด็นไปชนต้นไม้จนหักโค่น แสดงถึงความรุนแรงได้เป็นอย่างดี
เหตุการณ์ดูเหมือนจะชุลมุนวุ่นวาย โรเวเนียจ้องมองตาไม่กระพริบส่วนจาเวสก็เตรียมมองหาทางหนีทีไล่ แต่ทว่าไม่นานนักเหล่าปีศาจก็หมดพิษสง ดูเหมือนมันจะเลือกเวลาผิดไปหน่อย ถ้าเกิดพวกมันเลือกจู่โจมตอนที่ยูนิคอร์นอยู่ตัวเดียวก็อาจเป็นไปได้ที่จะชนะ
กลิ่นคาวตลบอบอวลไปทั่ว โรเวเนียเบือนหน้าหนีอย่างรวดเร็วแต่ก็ดันหันไปพบกับจาเวสที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นคาวจากเลือดสีดำที่อาบไปทั่วร่าง ชายหนุ่มกระพริบตาปริบๆแล้วอ้าปากค้างอย่างงงวย
“เอ้อ..” จาเวสพูดได้แค่นั้น เขารับผ้าเช็ดหน้าผืนบางมาจากหญิงสาว พึมพำขอบคุณ
ดีที่เธอถือคติพร้อมไว้ก่อนเสมอ ความจริงโรเวเนียคิดว่าเจอไปขนาดนี้คราวหน้าพกผ้าขนหนูมาด้วยก็คงจะดี คิดได้ดังนั้นก็หยิบสมุดจดเล็กๆออกมาจากกระเป๋าคู่ใจ มือบางตวัดสองสามทีแล้วก็ปรากฏตัวอักษรสีทองขึ้นบนแผ่นกระดาษ หญิงสาวเก็บสมุดลงกระเป๋าพร้อมๆกับที่จาเวสจัดการตัวเองเสร็จพอดี
“แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมยูคอร์นถึงโดนโจมตีได้ล่ะ ป่าไวท์เซิร์ทเป็นป่าที่กางสนามพลังป้องกันไว้ไม่ใช่เหรอ” คำถามพุ่งใส่จาเวสทันทีที่เห็นว่าชายหนุ่มอยู่ในสภาพพร้อมแล้ว
“บางทีสนามพลังอาจจะอ่อนลงไป นับแต่มันถูกสร้างขึ้นครั้งแรกก็ผ่านมานับพันปีแล้ว” จาเวสเอ่ยแบบขอไปที “หรือไม่ก็พวกมันแข็งแกร่งขึ้น”
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น พวกมันแกร่งขึ้นก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ทำไมถึงกล้าโจมตียูนิคอร์นฝูงใหญ่เหมือนไม่กลัวตายเช่นนี้ สภาพทุ่งดอกไม้ที่เคยเป็นสมรภูมิรบชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีดำคล้ำ และเหล่าฝูงยูนิคอร์นก็ได้พากันบินจากไปในทางทิศเหนือของป่า
“เป็นไปได้รึเปล่าที่พวกปีศาจกำลังเคลื่อนไหว ปีศาจชั้นสูงน่ะ”
“โธ่...คงไม่มีอะไรมั้ง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือการหาสมุนไพรกลับไป พวกปีศาจไม่เคลื่อนไหวมาตั้งแต่ก่อนจะตั้งอาณาจักรขึ้นมาซะอีก อย่ากังวลไปเลย”
จาเวสแม้จะเอ่ยคัดค้าน แต่การเงียบไปหลังจากนั้นและดึงดาบของตนที่กระเด็นไปปักอยู่ที่พื้นเพราะถูกโรเวเนียล้มทับมาถือไว้มั่นในมือก็พอจะบ่งบอกอาการได้
“ถ้าหากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เหตุการณ์ปกติแล้วนายยังเลือกที่จะปิดบัง ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามันอาจจะเกิดเรื่องร้ายแรงได้อีกมากเท่าไหร่ แต่เหตุการณ์ไฟไหม้ที่โรงแรมในเมืองก็พอจะบอกฉันได้ว่าชาวบ้านพบเจอกับปีศาจจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว นี่ทางสภากลางรู้เรื่องนี้รึเปล่า” หญิงสาวเอ่ยพร้อมๆกับเดินตามหลังไป
“ทางพวกนั้นไม่รู้ และทางเราไม่อาจจะให้รับรู้ได้”
“ทำไม !!?”
สายตาของชายหนุ่มตวัดมา
“ถ้าเกิดเรื่องของพวกปีศาจแพร่งพรายออกไป มันจะไม่จบแค่ส่งทหารมารักษาการณ์หรือประกาศให้ผู้คนระวังตัว เข้าใจไหมว่าพวกปีศาจไม่เข้ามารุกรานมนุษย์นับพันๆปีแล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์มันร้ายแรงขึ้นจริงๆก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีมติให้แจ้งเรื่องไปทางนั้น ตอนนี้เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
โรเวเนียอยากจะหาเหตุผลมาโต้แย้ง แต่เธอก็ดูออกว่าแววตาเคร่งเครียดที่แฝงมาด้วยความอ้อนวอนของจาเวสพยายามจะบอกเธอว่าอย่าเพิ่งกังวลไปก่อน เธอจึงไม่พูดเรื่องนี้อีก
จาเวสเดินเลียบทุ่งดอกไม้ไปทางตะวันตก คนละทางกับที่เธอได้ยินเสียงของลำธารนั่น การเดินทางก็เต็มไปด้วยความอึดอัด ทั้งสองเดินเลี่ยงบริเวณทุ่งดอกไม้นั่นออกมา
โรเวเนียแอบเห็นว่าของเหลวสีดำสนิทและซากของพวกปีศาจนั้นค่อยๆจางหายไป ไม่ใช่หายไปเหมือนกับว่าไม่เคยมีอยู่ แต่ทุ่งดอกไม้พวกนั้นกฃับดูดซับร่างของพวกมันเข้าไป เพียงแค่พริบตาเดียวทุกอย่างก็กลับมาเงียบสงบ ไร้ซึ่งร่องรอยใดๆทั้งสิ้น เสมือนป่าแห่งนี้มีมนตราอันศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกปิดความลับอย่างไรอย่างนั้น หญิงสาวเบือนหน้าหนีอย่างขนลุก
บางสิ่งบางอย่างทำให้จาเวสผู้ร่าเริงเปลี่ยนสภาพเป็นเคร่งเครียดตลอดเวลา สัตว์ป่าเริ่มพบเห็นได้ทั่วไปตามรายทาง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เจ้าเสือเขี้ยวดาบตัวโตพุ่งตัวออกมาจากพุ่มไม้ที่หนาทึบ แต่จาเวสเพียงตวัดสันดาบเข้ากระแทกที่ปลายคางแล้วหมุนตัวใช้ส้นเท้าถีบมันจนกระเด็น เพียงเท้านี้เจ้าเพชฌฆาตแห่งป่าใหญ่ก็ร้องครางและกระเสือกกระสนวิ่งหนีแทบไม่ทัน
โรเวเนียไม่เคยเจออาการนิ่งเงียบของชายหนุ่มผมแดงมาก่อน แต่จะให้เธอเงียบด้วยต่อไปคงไม่ไหว เพราะในตอนที่ตะวันตรงหัวแบบนี้ ท้องของเธอมันก็ร้องประท้วงอย่างเต็มที่ให้หาอะไรมาเติมเต็มมันได้แล้ว
โครก...
ไม่ทันขาดคำ ท้องเจ้าปัญหาก็ส่งเสียงออกมาซะแล้ว หญิงสาวขมวดคิ้ว
‘ไม่เสียงท้องของฉันซักหน่อย’
ชายหนุ่มนามจาเวสหันหน้ามาพร้อมกับรอยแดงเป็นปื้นบนแก้มซึ่งโรเวเนียคิดว่าคงไม่ได้มาจากความร้อนของยามเที่ยงวันเป็นแน่ เขายิ้มแหะๆ บรรยากาศของความเคร่งเครียดหายไปในทันที
โรเวเนียขำก๊าก แต่ก็หยิบกล่องรักษาความสดออกมาจากกระเป๋าแต่โดยดี
“ทำฟอร์มอยู่ได้ หิวก็บอกมาสิ”
หญิงสาวว่าพลางจัดแจงหาใบไม้มาสุมๆแล้วใช้พลังเวทย์ธาตุไม้ขั้นสูงบังคับให้กิ่งไม้งอกออกมาอยู่เหลือกองใบไม้แห้งเป็นระแนงในแนวนอน พลังเวทย์ธาตุไฟถูกจาเวสที่บัดนี้ยังไม่หายหน้าแดงจุดขึ้นจนกองไฟลุกพรึ่บ
“ขอโทษคร้าบบบบ” จาเวสที่กลับมาร่าเริงอย่างเก่าหัวเราะแหะๆ
เนื้อวัวหมักถูกนำมาวางบนแนวระแนงไม้ด้วยฝีมือของเชฟใหญ่ โรเวเนียไม่เคยดีใจที่จาเวสกลับมาร่าเริงเท่านี้มาก่อน มันเหมือนกับว่าไม่ชิน...แต่มันก็แปลกตั้งแต่ที่เธอไม่นึกจะอยากผลักไสไล่ส่งมิตรภาพจากเขาเหมือนที่เธอทำยามอยู่ที่บ้านแล้วล่ะ
แดดยามบ่ายร้อนเปรี้ยง พาลให้ชวนคิดถึงสายฝนขึ้นมาตงิดๆ ที่เดรคาสไม่เคยมีฝนตกในตอนกลางวันมาก่อน เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่หาคำตอบไม่ได้จนเคยชินไปแล้วสำหรับในปัจจุบัน
“ร้อนเนอะ” หญิงสาวเอ่ย
เนื้อย่างรมควันพลิกไปมา กลิ่นหอมยั่วยวนทำเอาหญิงสาวแทบอยากจะกินทั้งกึ่งสุกกึ่งดิบ
“หิวแล้วเหรอ” จาเวสเลิกคิ้ว
“ไม่หิวมั้ง!!!” โรเวเนียแยกเขี้ยวใส่
“ฮะๆ โอเคคร้าบบบ”
หนุ่มผมแดงหันไปย่างเนื้อต่ออย่างร่าเริง น้ำไหลหยดลงมาจากชิ้นเนื้อช้าๆจนเนื้อบริเวณภายนอกดูแห้งดีแล้วจาเวสจึงนำจานออกมาจากกระเป๋าสารพัดนึกของเขาและจัดวางมันลงไปโดยมีโรเวเนียยืนเอาใจช่วย
“มันจะสุกหรอ”
หญิงสาวหากิ่งไม้แถวนั้น ใช้เวทย์ลมพัดให้มันสะอาดพอแล้วเหลามันด้วยเวทย์น้ำแข็งจนแหลม
เสร็จแล้วก็จิ้ม!!!!!
จึก!
น้ำที่อยู่ข้างในเนื้อไหลออกมาเป็นทาง เผยให้เห็นเนื้อส่วนที่ยังเป็นสีแดงๆอยู่ภายใน จาเวสชะโงกหน้ามามองด้วยความสนใจ
“ทำอะไรน่ะ???”
“เช็คดูว่าสุกมั้ยอะ” โรเวเนียตอบด้วยสีหน้าเหมือนเด็ก “แต่มันไม่สุกนะ! เนื้อยังแดงอยู่เลย ดูสิ”
หญิงสาวดึงดาบจาเวสมาจากข้างเอวอย่างที่เขาตระครุบไว้ไม่ทัน เขาทำหน้าเหวอพลางร้องห้ามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะนำดาบสุดรักสุดหวงของเขาไปไหน
“ห..เห้ย! เดี๋ยวส..”
ฉับ!
ดูเหมือนจะไม่ทันแล้วเมื่อเนื้อย่างชิ้นโตถูกหั่นแบ่งออกเป็นสองซีก แต่ชายหนุ่มก็ไม่กล้าคัดค้านอะไรอีกเพราะว่าคมดาบที่ควรจะปรากฏรอยอยู่บ้างบนจานกลับไม่มีแม้แต่รอบเล็บแมวข่วนน่ะสิ!!! เป็นข้อยืนยันได้ดีว่าฝีดาบของหญิงสาวอยู่ในขั้นไหนกัน
“ไม่ทันแล้ว ฮี่ๆ” โรเวเนียจัดแจงใช้ดาบของจาเวสแบ่งมันออกเป็นชิ้นเล็กๆอีกหลายส่วนอย่างเมามันส์ท่ามกลางความเจ็บปวดใจของนักดาบผมแดง
“ยังไงก็เถอะ กระซิกๆ ฉันตั้งใจย่างให้ไม่สุกน่ะ เนื้อหมักนี่ถ้าย่างจนสุกหมดจะแข็ง แบบนี้อร่อยกว่ากันเยอะ”
จาเวสปาดน้ำตาที่มุมขอบก่อนจะหยิบเข้าปากหนึ่งชิ้น ไอความร้อนที่ลอยกรุ่นๆเหมือนไม่อาจทำให้เขารู้สึกว่าร้อนนิ้วได้ โรเวเนียหยิบเข้าปากตาม แต่เธอไม่โง่พอจะหยิบด้วยมือเปล่าๆ พลังเวทย์ธาตุน้ำห่อหุ้มที่มือเป็นระบบป้องกันอันดีเยี่ยม
“อร่อยจริงๆนั่นแหละ” หญิงสาวเอ่ยชม
รสชาติที่หวานของเนื้อชั้นเยี่ยมเข้ากันได้ดีกับน้ำที่ชุ่มแฉะ กลมกล่อมหวานมันลงตัวพอดิบพอดี ไม่น่าเชื่อว่าแค่ย่างเนื้อจะยังมีวิธีที่ทำให้อร่อยขนาดนี้ได้
“อื้อ...”
จาเวสรับคำเหม่อๆและนำดาบของเขากลับมากอดอย่างหวงแหนท่วมกลางสายตาไม่รู้ไม่ชี้ของตัวการ
มื้ออาหารผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อท้องถูกเติมเต็มแล้วคณะเดินทางก็พร้อมรบ หญิงสาวบอกลาเจ้านกตัวน้อยที่ส่งเสียงร้องเพลงอยู่บนกิ่งไม้ด้วยความอาลัย เธอก็เคยมีเพื่อนเป็นมนุษย์นกตอนอยู่ในแถบชายแดนเหมือนกัน
ตอนนี้จาเวสเก็บของเรียบร้อยแล้ว โรเวเนียผู้นั่งดูอยู่เฉยๆลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง
“ภารกิจตามล่าหาสมุนไพร ไฟติ้งงงงงงงง!!!” หญิงสาวกำมือข้างขวาชูขึ้นฟ้า
“ไฟติ้งงงงงงงงงงงงงง!!!!” จาเวสทำตามแบบปัญญาอ่อน
แสงแดดของยามบ่ายสองอ่อนลงจากเมื่อตอนเที่ยงเยอะนัก มันกำลังพอดีกับอุณหภูมิที่เริ่มเย็นของช่วงที่เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงอย่างพอดิบพอดี โรเวเนียยิ้มร่าเริงให้กับจาเวสแล้วเดินมุ่งหน้าไปในทันที
ชะ...อ้าว...แล้วเธอรู้ทางเหรอนั่น???
........................................................................................................................................
ฮิ้ววววววววว >w< เค้ามาต่อให้ครบแล้วนะ ชะแว้บบบบบ ไปและ
ความคิดเห็น