คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 9 ช่วยงานร้านขายอาหารสัตว์วิเศษของแม่มดลอเรนซ์ (แก้เนื้อหา)
บทที่ 9 ช่วยงานร้านขายอาหารสัตว์วิเศษของแม่มดลอเรนซ์
โรเวเนียที่กลับมาถึงบ้านฟางพบกับจาเวสที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ซึ่งเมื่อชายหนุ่มเห็นเธอเดินเข้ามาก็รีบเดินมาช่วยแบกหนังสือทันที ไม่รู้จะเรียกว่ามีมารยาทดีรึเปล่าสำหรับหนุ่มผมแดงคนนี้
“โหย หนักจังเลย เธอซื้ออะไรมาบ้างเนี่ย” หญิงสาวหัวเราะขำ จาเวสพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะยกหนังสือทั้งหมดไปในคราวเดียวให้ได้อย่างโรเวเนีย แต่สงสัยจะลืมไปว่าหญิงสาวใช้เวทย์มนตร์ช่วยลดน้ำหนักสิ่งของได้น่ะนะ "ให้ตายสิ เธอถือไหวนี่ใช่มนุษย์รึเปล่า" ชายหนุ่มบ่นอุบอิบขณะถือวิสาสะแบกหนังสือทั้งหมดเข้าไปวางในห้องของเธอ
จาเวสออกแรงถีบประตูจนเปิดออกแล้วเดินกระย่องกระแย่งเพราะเจ็บเท้าเข้าไปข้างในเพื่อจะได้วางของอันหนักอึ้งในอ้อมแขนลงเสียที แถมเขายังต้องเต้นรำหลบเจ้าตัวน้อยที่นอนขวางทางอยู่ด้วยท่าทีที่ทำให้หญิงสาวต้องกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง ไม่ถือโกรธเลยซักนิดกับคำพูดเชิงเหน็บแนม
“อุ๊บ! คึคึ” โรเวเนียเอามือปิดปากตัวเองไว้ เธอยืนอยู่หน้าห้องจึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งจาเวสที่จัดแจงทิ้งกองหนังสือไว้ข้างเตียงก็เชิดหน้างอนๆ
“ฉันตามหาเธอซะทั่วเมืองเลยนะรู้มั้ย ดีที่เจอพี่หมอฟรายาสแล้วพี่เขาเล่าให้ฟังว่าเธอมาพักอยู่ที่นี่น่ะ” เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มนามจาเวสน้ำตาคลอเบ้า “ว่าจะมาชวนเธอไปกินข้าวเย็นด้วยกัน แต่ว่าแม่ฉันบอกว่าไม่อยากให้มารบกวนเลยอดอะ”
โรเวเนียส่ายหัวไปมา ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ในครัวตัวเดิมแล้วเอ่ยปากถาม “ในเมื่อข้าวเย็นฉันก็อดกินไปแล้ว แล้วนายจะมาทำไมไม่ทราบ”
“ก็ว่าจะพาไปเจอเจ้าบลูของฉันน่ะ”
“เจ้าบลู???”
“กระต่ายตัวที่ฉันบอกไง สัตว์วิเศษของฉันน่ะ” โรเวเนียพยักหน้าว่านึกออก “ว่าแต่ไหนสัตว์วิเศษของเธอละ” ชายหนุ่มมองหา
“ก็ตัวที่นายเกือบเหยียบเมื่อกี้ไง” หญิงสาวยักคิ้วกวนๆ ชี้มือเข้าไปในห้อง “ดีนะที่นายไม่เหยียบเจ้าตัวน้อย ไม่งั้นฉันฆ่านายไม่เลี้ยงแน่ๆ” รอยยิ้มหวานอาบยาพิษถูกส่งไปให้ชายหนุ่มที่กำลังกลืนน้ำลายดัง เอื๊อก! ได้ตระหนักว่า การคบหาคนอันตรายแบบนี้เป็นเพื่อนไม่ใช่ความคิดที่ดีตั้งแต่แรก
แต่จาเวสก็ยังเป็นจาเวส เรื่องอันตรายเขายังสนุกได้ ฉะนั้นกะอีแค่เรื่องสายตาข่มขู่มันทำให้เจ้าคนหน้าด้านได้ขนลุกนิดหน่อยเท่านั้นแหละ
“เอ่อ...เอาเป็นว่า พอกินข้าวเสร็จฉันก็เลยเอาเจ้าบลูออกมาด้วยกันเลย สร้อยนี้ใช้เก็บพวกสัตว์วิเศษที่เราเป็นเจ้าของและมันยินยอมที่จะอยู่อะ” เขาอธิบายมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าสงสัยและดึงสร้อยออกมาจากคอเสื้อ “จงออกมา บลู”
สิ้นเสียงเรียก แสงสีขาวก็เปล่งออกมาจากสร้อยและค่อยๆก่อตัวจนเป็นรูปร่างกระต่ายตัวหนึ่งที่เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เพียงเวลาไม่นานนักร่างของเจ้ากระต่ายขนปุยก็หล่น ตุ้บ! ลงมาในอ้อมแขนของจาเวสที่รออยู่ก่อนแล้ว โรเวเนียมองมันตาเป็นประกาย
หญิงสาวไม่เคยเห็นสร้อยที่เก็บสัตว์วิเศษได้มาก่อนในแถบหมู่บ้านของเธอ ดังนั้นเธอจึงหมายมาดไว้ในใจว่าซักวันต้องไปหาแบบนี้มาให้ได้บ้าง จะได้หมดปัญหากับการฝากเลี้ยงเจ้าตัวน้อยซักที
“น่ารักจังเลย” โรเวเนียเอื้อมมือไปคว้าเจ้ากระต่ายสีขาวที่จาเวสอุ้มอยู่มากอดไว้เอง
“นี่ๆ เจ้าบลูมันของฉันนะ” จาเวสที่ยังค้างในท่าอุ้มเปลี่ยนไปเกาหัวแกรกๆ ยังคงอึ้งกับความไวในการฉกตัวขั้นเทพ
“โถ..น่าสงสารบลูจังเลย คนตั้งชื่อให้ก็ไม่เห็นว่าแกสีขาวเนอะ! ต่อไปนี้แกชื่อไวท์ดีกว่า” ว่าแล้วก็หัวเราะคิกคัก
จาเวสมองสัตว์เลี้ยงของเขาที่ถูกหญิงสาวขโมยไปเล่นจนเหมือนจะเป็นของตัวเองด้วยอาการปลงตก จะงอนก็ดูเหมือนหญิงสาวก็ไม่คิดจะสนใจเลยแม้แต่น้อย เจ้าคนที่มีค่าน้อยกว่ากระต่ายแทะผ้าปูโต๊ะเล่นด้วยอารมณ์ขมขื่น
“ไวท์น่ารักจังเลย ขนนุ่มจนเกือบจะหาตัวไม่เจอแล้วนะเนี่ย!” โรเวเนียจับตัวมันเล่นแล้วขยี้ขนอย่างเมามันส์ เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว จาเวสที่ไม่กล้าเอ่ยขอสัตว์เลี้ยงของตนคืนจึงได้แต่สัปหงกแก่ง่วงอยู่อย่างนั้น "แล้วไวท์จะโตเต็มที่เมื่อไหร่เหรอ"
“ประมาณห้าเดือนถ้าเกิดเลี้ยงดีๆน่ะ” ในที่สุดจาเวสก็ได้รับความสนใจซักที ชายหนุ่มจึงรีบตอบอย่างกระตือรือร้น “ฉันว่าไวท์น่าจะเป็นกระต่ายธาตุไฟละ”
สัตว์วิเศษที่เติบโตตามธรรมชาติถ้าหากไม่ได้อยู่กับมนุษย์พวกมันก็จะมีภาษาของตนเอง แต่สัตว์วิเศษที่ได้รับการเลี้ยงดูและอยู่ใกล้ชิดกับพลังเวทย์มนตร์ของมนุษย์เพียงพอจะสามารถพูดภาษามนุษย์ได้เมื่อโตเต็มวัยแถมยังได้รับพลังเพิ่มขึ้นที่จะใช้ในการต่อสู้จากเจ้าของอีกด้วย
“อยากให้เจ้าตัวน้อยโตไวๆบ้างจัง นายรู้มั้ยว่าหมาป่าแสงจันทร์ใช้เวลาเติบโตกี่เดือน”
“หืม??? เจ้าตัวน้อยเป็นหมาป่าแสงจันทร์เหรอ งั้นหนังสือพวกนั้นก็ไม่ได้ซื้อมาอ่านเล่นงั้นสิ” จาเวสทำตาโตแต่ก็รีบตอบคำทันทีเมื่อได้รับสายตาข่มขู่ว่าตอบมาได้แล้วของโรเวเนีย “ก็...ถ้าอยู่ตามธรรมชาติในฝูงของมันเองจะประมาณ 5 ปีได้ แต่อยู่กับมนุษย์ยังไม่ทันโตเต็มไวก็เริ่มทำร้ายเจ้าของแล้ว เลยไม่มีใครเป็นตัวอย่างน่ะ”
“นี่ฉันต้องรออีก 5 ปีเนี่ยนะ!” หญิงสาวกรีดร้อง
“นี่!!! เงียบหน่อยโว้ยคนจะนอน!!!” และแล้วก็มีเสียงด่าดังมาจากอีกฝั่งหนึ่งของบ้าน หญิงสาวพึมพำขอโทษคนป่วยเบาๆด้วยความอับอาย
ก็ฉันอยู่มาตั้งหลายวันแล้วนึกว่าไม่มีใครอยู่นี่!!! หญิงสาวฟัดไวท์เพื่อเป็นตัวแทนให้แก้แค้นแทนเจ้าของที่กำลังหัวเราะจนกลิ้งตกไปบนพื้น
“โอย ฮ่าๆๆๆ กร๊ากกกกก”
และด้วยสาเหตุที่เผลอตัวไปหัวเราะหญิงสาวนี่เอง โรเวเนียจึงยึดไวท์ไว้กับตัวเอง จะขอร้องอ้อนวอนยังไงก็ไม่ยอมคืน ดังนั้นกว่าชายหนุ่มจะได้โอกาสพาตัวเจ้าบลูที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นไวท์เรียบร้อยกลับบ้านก็ตอนที่ฟรายาสกลับมานั่นแหละ
“อ้าว...นี่มันดึกแล้วทำไมนายยังไม่กลับบ้านล่ะจาเวส” แทบจะไม่ต้องการคำตอบ ชายหนุ่มเจ้าของบ้านมองตามสายตาหดหู่ของหนุ่มรุ่นน้องที่จ้องมองไปทางสาวงามกับกระต่ายแล้วก็เข้าใจ ตบไหล่เบาๆสองสามทีแล้วหาทางช่วย
“อ๊ายยย น่ารักที่สุดเลยไวท์เนี่ย” โรเวเนียยังคงแกล้งเล่นกับเจ้ากระต่ายไม่เลิก ใบหน้างามก้มซุกลงไปที่ขนมันแล้วถูไถไปมา ซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าตัวที่ถูกกระทำจะโดนทารุณจนเหนื่อยและสลบไปซะแล้ว
“โรเวเนีย จาเวสเค้ายังไม่ได้กลับบ้านแน่ะ” ฟรายาสเอ่ยขัดสถานการณ์แกล้งคนของหญิงสาว
“ก็กลับไปสิ จะอยู่ทำไมเนี่ย” หญิงสาวยู่หน้าใส่ กะว่าจะแกล้งต่อซักหน่อยแต่ก็สงสาร “อ๋อ เจ้าไวท์เหรอ คืนก็ได้” ว่าแล้วก็ส่งคืนให้อย่างง่ายๆอย่างที่ทำเอาจาเวสงงเลยทีเดียว “ไม่ต้องมาทำหน้ามึนเลย ก็นายไม่ยอมเตือนฉันเลยเล่นเพลินนะสิ” หญิงสาวโยนความผิดให้จาเวสผู้ซึ่งเปลี่ยนจากทำหน้างงมาเป็นอ้าปากค้างอย่างไม่คิดจะรู้สึกผิดเลยซักนิด
ฟรายาสสะกิดๆจาเวส “รีบกลับบ้านก่อนเจ้าตัวจะเปลี่ยนใจดีกว่านะ พี่ไม่รู้ว่าอารมณ์แปรปรวนแบบนี้มันฤดูเลือดรึเปล่า” ชายหนุ่มเอ่ยเตือน
*ฤดูเลือดคือวันหนึ่งในแต่ละเดือนที่สตรีจะมีอาการอารมณ์แปรปรวนและหงุดหงิดง่ายเป็นพิเศษ
จาเวสพยักหน้าเข้าใจ จ้องมองหน้าพี่หมอฟรายาสอย่างซาบซึ้ง เรียกเจ้าไวท์กลับมาในสร้อยแล้วบอกลาอย่างกลัวจะไม่ได้กลับ “งั้นฉันไปก่อนนะ”
โรเวเนียส่งเสียงตอบในลำคอเบาๆ รอจนจาเวสเดินออกไปจากประตูแล้วถึงจะเอ่ย “อ้อ! พรุ่งนี้ฉันไม่ว่างนะ ไม่ต้องมาหาละ” หญิงสาวกล่าวอย่างรวดเร็ว โบกมือบ๊ายบาย ฉีกยิ้มหวานอันเป็นเอกลักษณ์แล้วพุ่งตัวไปปิดประตูอย่างรวดเร็ว
แกร๊ก! ปัง!ๆๆ
“นี่! อะไรกันน่ะ จะทิ้งกันอีกแล้วเหรอ นี่!” จาเวสผู้น่าสงสารทุบประตูรัวๆแต่ก็ไร้เสียงตอบรับ ฟรายาสกัดฟันหัวเราะ กึกๆกับใบหน้าเจ้าเล่ห์ของโรเวเนีย
ช่วยไม่ได้นะ! พรุ่งนี้ฉันมีงานจะต้องทำ ขืนบอกให้นายรู้มีหวังต้องขอตามไปด้วยแน่ๆ ยิ่งช่วงนี้โรคใจอ่อนฉันกำเริบบ่อย ดังนั้นกันไว้ดีกว่าแก้นะจ๊ะ โฮะๆ หญิงสาวจัดแจงล็อกกลอนประตูอันดูเปราะบางแต่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อแล้วหันมาหาฟรายาสที่ยังหัวเราะไม่เลิก
“เดี๋ยวเรื่องพรุ่งนี้ฉันรับรองว่าจะจัดการให้ พี่ก็ไปนอนได้แล้วล่ะ แล้วก็ฝัน...” โรเวเนียชะงักคำพูดของตัวเอง “เอ่อ นั่นละ ฉันจะไปนอนแล้ว” หญิงสาวหันหลังกลับเข้าห้องแล้วปิดประตูดัง ปัง! ไวจนชายหนุ่มไม่ทันได้เอ่ยตอบใดๆทั้งสิ้น
“เมื่อกี้จะบอกว่าฝันดีรึเปล่าน้า” ฟรายาสอมยิ้มกับอาการขี้อาย(?)ของสาวน้อยนามโรเวเนีย จากนั้นชายหนุ่มผู้ที่ไม่ได้สัญญาว่าจะรีบไปนอนก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียดและเดินหายลับเข้าไปหลังประตูอีกบานในห้องครัว เพื่อทำหน้าที่ของคนเป็นหมอต่อให้เสร็จสิ้น...
โรเวเนียตื่นขึ้นมาเห็นใบหน้าอันทรุดโทรมเหมือนคนไม่ได้พักผ่อนของฟรายาสเป็นอันดับแรก อาหารเช้าของเธอและเจ้าตัวน้อยก็เป็นแบบง่ายๆอย่างไส้กรอกกับเบคอน ซึ่งอันนี้โรเวเนียเห็นว่ามันมีอยู่ในตู้จึงจัดการวางเงินค่าอาหารไว้อย่างมีมารยาทแล้วลงมือทำกินเอง กลิ่นหอมอ่อนๆของเบื้อทอดกรอบทำให้ร่างไร้วิญญาณนั้นดูมีชีวิตขึ้นมาทันที
“อ...อาหาร...เช้า...” ฟรายาสครางแล้วทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว
“เมื่อคืนพี่ไม่ได้นอนเหรอ” โรเวเนียเอียงคอมองอย่าสงสัย
“นอน แต่ไม่เยอะเท่าไหร่หรอก” ว่าแล้วก็ยิ้มแหะๆ “ขออาหารเช้าหน่อยได้มั้ย นะๆ” ดวงตาสีน้ำเงินฉายแววออดอ้อน แถมยังแพรวพราวระยิบระยับจนเธออดใจอ่อนไม่ได้ ให้ตายสิ ทำไมฉันจะต้องเนคนแบบนี้ด้วยนะ!
“เฮ้อ เอาจานฉันไปก็แล้วกัน เห็นพี่แล้วหมดอารมกิน” หญิงสาวเลื่อนจานของตัวเองไปให้อย่างเหนื่อยใจแล้วนั่งจ้องมองคุณหมอจ้วงไส้กรอกเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ขอบคุณคร้าบ” ฟรายาสกล่าวออกมาในที่สุด ลูบท้องตัวเองอย่างอิ่มแปล้ แต่ถึงอย่างไรร่างกายก็ยังคงดูเหมือนคนป่วยอยู่ดี โรเวเนียที่สังเกตเห็นความผิดปกติออกจะแปลกใจไม่ได้
“พี่ฟรายาสไปทำอะไรมา ฉันสัมผัสได้เหมือนกับในตัวของพี่พลังเวทย์แสงสว่างแทบไม่เหลืออยู่เลย”
“แหะๆ ก็พี่เป็นหมอ” ชายหนุ่มตอบสั้นๆให้คนที่เขาเอ็นดูเหมือนน้องสาวฟัง แต่โรเวเนียก็เข้าใจได้ ร่างบางจึงดูเวลาแล้วเลื่อนเก้าอี้ลุกขึ้น
“ฝากเจ้าตัวน้อยด้วย อีกยี่สิบนาทีจะแปดโมงแล้วฉันต้องรีบออกไป” เธอวางกล่องใส่ใบเรดลีฟและเงินจำนวนหนึ่งที่เยอะพอควรลงบนโต๊ะ “เงินส่วนนี้สำหรับค่าอาหารของเจ้าตัวน้อย แล้วก็ชดเชยของวันก่อนที่พี่ดูแลมันให้ฉันด้วย” เธออธิบาย
“อ้อ” ชายหนุ่มตอบรับเบาๆ ดวงตาของเขาหรือเหมือนจะปิดลงได้ตลอดเวลา
เจ้าตัวน้อยงับเชือกรองเท้าของหญิงสาวเบาๆราวกับจะบอกว่า ‘จะทิ้งข้าไปอีกแล้วหรอ’ เห็นอย่างนี้ก็ทำเอาเธอรู้สึกเสียใจที่หาเหาใส่หัวตัวเองโดยการช่วยเหลือฟรายาสจริงๆ แต่ช่วยไม่ได้นี่นา พี่ฟรายาสยังช่วยเราโดยไม่หวังอะไรตอบแทนเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวคิดอย่างจนใจ นั่งยองๆแล้วเอมมือไปลูบขนฟูๆของเจ้าหมาป่าตัวน้อย
“รอหน่อยนะ เดี๋ยวตอนเย็นๆจะซื้อขนมมาฝาก” เหมือนมันจะฟังรู้เรื่อง กระดิกหางดิกๆแล้วเลียมือเธอทีนึงอย่างน่าเอ็นดู หญิงสาวหัวเราะด้วยความจักจี้
ว่าจะเอ่ยลาอีกครั้ง แต่ร่างของคุณหมอคนเก่งก็ฟุบหลับกับโต๊ะไปซะแล้ว หญิงสาวเลยตัดสินใจปล่อยเจ้าตัวน้อยไว้แถวๆนั้น หยิบผ้าคลุมมาใส่แล้วเดินไปยังร้านขายอาหารสัตว์วิเศษอันน่าขนลุกอย่างช้าที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ไม่นานนัก ประมาณก่อนเวลานัด 5 นาทีหญิงสาวก็มาหยุดยืนอยู่หน้าร้านเป็นที่เรียบร้อย
กริ๊ง!ๆ คราวนี้ไม่ต้องเตรียมใจจะเข้าไปเหมือนครั้งแรก เธอจัดแจงเปิดประตูเข้าไปข้างในโดยทันที
“คุณยายแม่มดอยู่มั้ยคะ!” โรเวเนียตะโกนถาม บรรยากาศของร้านในวันนี้ดูวังเวงมากกว่าวันแรกที่มาซะอีก ของระเกะระกะรกไปทั่วแต่ก็ยังแยกเป็นกองๆไว้เป็นประเภทๆ หญิงสาวที่ยังไม่ได้ยินเสียงตอบรับเลยเลือกจะอ่านป้ายบางกอง อย่างทางด้านซ้ายมือของเธอเลยก็เป็น ‘อาหารนกอินทรีย์’ ส่วนที่อยู่บนชั้นวางใกล้ๆมือเขียนไว้ว่า ‘อาหารสิงโต’ เป็นต้น
รอได้ซักพัก เสียงแหบๆของหญิงชราก็ดังมาจากหลังเคาน์เตอร์ที่เดิม “ข้าอยู่นี่”
ร่างที่เดินออกมากลับเป็นร่างของหญิงสาวที่งดงามมากๆคนหนึ่ง ไม่ใช่หญิงชราคนเดิมที่โรเวเนียเคยเจอ รอยยิ้มอ่อนโยนใจดีที่ส่งมาให้ทำให้เธอยิ้มตอบได้อย่างไม่ต้องเกร็ง
“คุณคือ...แม่มดลอเรนซ์???”
“ข้าเองแหละ คราวก่อนข้าดันโมโหไปหน่อยที่หาของไม่เจอ เจ้าก็รู้ใช่มั้ยว่าความเครียดมันเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับความงามของผู้หญิงน่ะ” นางแม่มดหมุนตัวภายใต้ชุดเดรสรัดรูปสีดำที่ยาวเลยเข่ามาหน่อยให้เธอดู ความงามของนางในขณะนี้นั้นหยาดเยิ้มจนเรียกได้ว่าถ้าบุรุษคนใดได้พบเห็นอาจจะหลงลืมเรื่องที่คิดอยู่ในขณะนั้นไปเลยทีเดียว
“นั่นก็จริงค่ะ” หญิงสาวอมยิ้มกับความขี้เล่น “แต่เรื่องความงาม ข้าไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วซะด้วยสิ เลยไม่ได้สนใจซักเท่าไหร่ว่าจะเครียดหรือไม่เครียด”
“ฮิๆ ไหนๆมาให้ข้าดูซิ” นางตัดสินใจโดยที่หญิงสาวไม่มีโอกาสปฏิเสธ เพียงพริบตานางแม่มดก็โผล่มายืนในระยะประชิดตัวจนหญิงสาวผงะ เห็นดังนั้นหญิงงามเลยทำปากยื่น “แหม จะหนีคนสวยๆอย่างข้าไปทำไม ขอดูหน้าหน่อยเดียวเอง!” ว่าแล้วก็เลิกฮู้ทตรงบริเวณศีรษะออก
นางแม่มดลอเรนซ์จ้องแล้วจ้องอีกจนหญิงสาวอึดอัด “เอ่อ ข้าขี้เหร่มากเหรอคะ”
เป็นเรื่องจริงที่หญิงสาวไม่เคยรู้ตัวเองเลยว่าเธอน่ะสวยขนาดไหน จะโทษก็ต้องโทษบิดาของหญิงสาวที่หวงเธอจนเกินเหตุ แถมในบ้านยังไม่กระจกเลยซักบาน เป็นเหตุให้เธอไม่อาจเทียบหน้าตาตัวเองกับหญิงสาวคนอื่นได้ นอกจากบ้านจะไม่ค่อยได้ออกไปไหนแล้วเธอยังถูกคะยั้นคะยอให้ใช้เวลาที่เหลือซ้อมดาบหรือไม่ก็หาทางเพิ่มขีดพลังเวทย์ให้ไปถึงขั้นสูง แต่เด็กๆในหมู่บ้านที่ชอบเข้ามาเกาะรั้วดูการซ้อมของเธอก็ยังเป็นเพื่อนคลายเหงาให้เธอได้เป็นอย่างดี นั่นแหละคือสาเหตุของนิสัยชอบแกล้ง (เด็ก)
“ให้ตายสิ เจ้าอยู่รอดปลอดภัยโดยไม่ถูกจับไปขายได้ไงกันเนี่ย!” นอกจากจะไม่อธิบายให้ฟังแล้ว นางแม่มดยังดึงฮู้ทมาคลุมหน้าเธอไว้เหมือนเดิมซะอีก จากนั้นหญิงสาวก็เดินผลุบหายไปหลังเคาน์เตอร์เหมือนเดิม ทิ้งให้โรเวเนียยิ้มเจื่อนๆ หาทางเข้าใจด้วยตัวเอง
ก็นะ ใครมันจะไปรู้ละว่าหน้าตาฉันมันจะแย่ขนาดนี้ แต่คุณลอเรนซ์อาจจะมองเห็นตัวเองในกระจกมากไปจนรับหน้าตาฉันไม่ได้ละมั้ง โรเวเนียคิดอย่างมึนๆ
“ให้ตายสิ เจิดจ้า เจิดจ้าเหลือเกินนนน” นั่นคือเสียงที่ดังมาแว่วๆแล้วเธอจับใจความได้
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง สรุปแล้วเธอก็ยังยืนอยู่หน้าประตูข้างในร้านเหมือนเดิม แถมอาการใบ้กินอีกอย่างหนึ่งด้วย สุดท้ายเธอก็ทนยืนมองร้านรกๆขณะรอคุณลอเรนซ์มาอธิบายไม่ไหว ร่างบางเลยเริ่มต้นจัดแจงก้มลงจัดกองอาหารนกข้างตัวที่เป็นกล่องสำดำกองระเกะระกะให้เข้าที่
ผ่านไปสามชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เสียงของแม่มดที่ร่างกายเป็นสาวเงียบหายไปตั้งนานแล้วแต่หญิงสาวยังก้มหน้าก้มตาจัดของในร้านต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งเวลาเที่ยงมาถึง...
โครก คราก..
โรเวเนียรู้สึกได้ถึงน้ำย่อยที่กำลังกัดกระเพราะเธออย่างรุนแรง ความหิวโหยพุ่งพวยจนเธอรู้สึกได้ว่าเวลาที่ผ่านไปถึง 4 ชั่วโมงนั้นเธอได้ใช้พลังงานไปมากเพียงใด
จู่ๆ ก็มีมือเย็นๆมาจับไหล่ หญิงสาวเกือบจะจับเจ้าของมือนั้นทุ่มตามสัญชาติญาณถ้าไม่ได้ยินเสียงที่ดังมาก่อน
“ให้ตายสิ นี่มันร้านข้าจริงๆเหรอเนี่ย! แค่ลงไปห้องเก็บของมาแปปเดียวเอง” ลอเรนซ์บ่นอุบอิบ “ข้าว่าเที่ยงแล้วเจ้าคงหิวเลยไปทำอาหารมาให้ด้วย ลืมซะสนิทไปเลย ว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นี่น่ะ???” นางแม่มดเอียงคอมองอย่างสงสัย
โรเวเนียกล่าวเซ็งๆ “มาช่วยงานแทนพี่ฟรายาสน่ะค่ะ คุณหมอเขายุ่งอยู่กับการช่วยคนเลยส่งข้ามาแทน” ทันทีที่แม่มดสาวพยักหน้าแล้วส่งกล่องข้าวมาให้ หญิงสาวก็ไม่ปฏิเสธความหวังดี รับกล่องข้าวที่ทำจากไม้สีดำมันเลื่อมมาออกมาเปิดดูพร้อมๆกับที่ท้องของเธอปั่นป่วนกว่าเดิมอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ปลาย่างน่ะ เจ้าลองชิมดูแล้วกัน ปกติข้าก็ทำกินเองไม่รู้จะถูกปากรึเปล่า” ปากก็พูดเหมือนไม่ได้ใส่ใจ แต่ตาที่จ้องมองอย่างรอคอยก็ให้หญิงสาวอดจะขำขันกับแม่มดผู้นี้ไม่ได้
หน้าตาของปลาย่างที่ว่า คือเนื้อปลีขาวที่เลาะก้างออกแล้วนอนอยู่ก้นกล่อง ราดน้ำด้วยซอสสีออกส้มๆดูน่าทาน และเมื่อโรเวเนียได้ทดลองกินคำเดียวเท่านั้น เจ้าปลาที่มีอยู่เกือบเต็มกล่องก็หายลงไปอยู่ในกระเพราะเธอไวปานความเร็วแสง
“เป็นไง...”
“อร่อยมากเลยค่ะ!” โรเวเนียกล่าวขัด กอดกล่องข้าวที่กินหมดแล้วไว้อย่างหวงแหน“คราวนี้ทำงานทั้งวันก็มีแรงแล้ว!”
“ฮะๆ” เป็นเสียงหัวเราะพร้อมรอยยิ้มละลายใจของลอเรนซ์นั่นเอง
ในช่วงบ่ายนางแม่มดก็กลับไปทำธุระในห้องเก็บของของเธอต่อแล้วฝากงานให้โรเวเนียจัดด้านในร้านซึ่งหญิงสาวก็ทำด้วยความยินดี เธอที่อยู่แต่ในบ้านมาเกือบทั้งชีวิตย่อมมีความสามารถในด้านนี้สูงกว่าใครๆ ห้องเก็บของของแม่มดลอเรนซ์ ก็คือห้องลับใต้พื้นไม้หลังเคาน์เตอร์นั่นเอง
เวลาล่วงเลยเข้าบ่ายสาม จากร้านที่เคยรกก็เป็นรูปเป็นร่างด้วยฝีมือหญิงสาวเพียงคนเดียว ซึ่งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอยังปัดกวาดเช็ดถูพวกฝุ่นและใยแมงมุมจนร้านสะอาดวิ้งวับ ลอเรนซ์ตื้นตันมากจนมอบเนื้อวัวชิ้นโตให้เธอเป็นของขวัญ ถ้าจะถามว่าชิ้นใหญ่ขนาดไหนก็คงจะต้องบอกว่าน้ำหนักของมันเท่ากับน้ำหนักของตัวเธอเลยทีเดียว
ก่อนจะบอกลากันหญิงสาวก็สอนเวทย์สำหรับทำความสะอาดที่เธอคิดค้นขึ้นเองจากการผสมคำร่ายมนตร์ในภาษาโบราณอันเป็นภาษาเริ่มต้นของบทเวทย์มนตร์ให้กับลอเรนซ์ได้ใช้เล่นๆ นั่นคือ วิง-เคอ-ราอุม โดยสัญลักษณ์ – คือลากเสียงยาวๆ เพียงแค่มีเวทย์มนตร์บทนี้ถ้าเกิดในห้องฝุ่นไม่จับมากนักมันจะพัดไปกองรวมกันตรงกลางห้อง สะดวกและง่ายมากอย่างที่ใครก็คาดไม่ถึง
“ซิกๆ ซืดดดด!!! เจ้าต้องกลับมาใหม่นะ! คราวหน้าข้าจะให้เจ้าซื้ออาหารสัตว์วิเศษได้ฟรีละ อะเอานี่ไปข้าให้ ถึงจะไม่สวยเท่าไหร่แต่ก็พอใช้ได้นะข้าคิดว่า” แม่มดลอเรนซ์ผู้งดงามตามแบบฉบับเผ่าพันธุ์แม่มดใช้ดวงตาสีเหลืองขีดดำที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองเธอจนเหมือนใช้มนตร์สะกด แถมนาฬิกาพกกลมๆที่น่าจะทำจากทองคำแท้ก็ถูกยัดใส่ในมือเธออย่างไม่อาจเอ่ยปากปฏิเสธได้อีกแล้ว
“โธ่! ถ้าจะให้ข้ารับนาฬิกาไป เรื่องอาหารข้าไม่ขอรับฟรีนะคะ! แค่เนื้อที่ให้มาข้าก็ไม่รู้ว่ามันแพงแค่ไหนแล้ว”
ใช่แล้วละ เนื้อที่หนักรวมๆกัน 50 กิโลเท่ากับเธอพอดิบพอดีนั้นถ้าคิดตามราคาจริงๆก็คงเกือบๆ 1000 เดรค แถมด้วยวิชาการทำอาหารที่เข้าขั้นก็ทำให้หญิงสาวสังเกตได้ว่าเนื้อนี้ออกจะดูอมชมพูสวยงามจนไม่น่าจะราคาต่ำขนาดนั้นด้วยซ้ำไป
“อย่าพูดนะ! ฮึก...มาเยี่ยมข้าด้วยละ” นางแม่มดเอ่ยซ้ำ “เรื่องค่าอาหารข้าจะคิดดูอีกที ส่วนเรื่องเนื้อไม่ต้องไปสนใจหรอก ข้ามีกำไรพอน่ะ” ท้ายที่สุดโรเวเนียจึงจำใจยอมพยักหน้า
“งั้นข้าไปก่อนนะคะ แล้วว่างๆจะมาช่วยใหม่” หญิงสาวเอานาฬิกาสีทองมาแขวนไว้ที่คอแล้วชิ่งหนีออกมาจากตรงนั้น ลอเรนซ์โบกผ้าเช็ดหน้าตามหลังเหมือนกำลังส่งคนรักที่จะจากไปออกจากบ้าน
วันนี้หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าเธอได้สิ่งสำคัญมาอย่างหนึ่ง แถมยังทำให้ร้านของคุณแม่มดลอเรนซ์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เหล่านักเรียนที่ล้วนแล้วแต่เดินหนียามเห็นร้านซอมซ่อที่ดูวังเวงจนไม่อยากจะเข้าใกล้ในอดีตที่ผ่านมา ในปีนี้แทบจะเหยียบกันตายเพื่อเข้าไปซื้อของในร้านที่เปลี่ยนโฉมใหม่ตามคำบอกเล่าของคนที่เข้าไปแรกๆว่ามีสาวงามกำลังขายของอยู่ในร้าน งานนี้แม่มดสาวยิ้มแทบแก้มปริกับกำไรมหาศาล ช่างเป็นเรื่องที่แฮปปี้เอนดิ้งจริงๆ
หญิงสาวหอบหิ้วของกลับบ้านอย่างมีความสุข ถือเป็นกำไรเลยก็ว่าได้สำหรับวันนี้ ระหว่างทางโรเวเนียก็คิดถึงเมนูมากมายไว้ในหัว แค่คิดก็หิวจนน้ำลายสอซะแล้ว... เวลานี้ก็สี่โมงเย็นแล้วคาดว่าไม่แน่บางทีเจ้าจอมยุ่งจาเวสอาจจะมารออยู่ที่บ้านแล้วก็เป็นได้ แล้วก็ไพล่คิดไปหนุ่มเจ้าของดวงตาสีเงินอันงดงาม
คิดกี่ทีก็อยากจะควักออกมาเป็นสมบัติส่วนตัวจริงๆนะ! อย่างนี้ใครๆก็เห็นหมดเลยนะสิ ฉันอยากเก็บไว้ดูคนเดียวนี้นา เมื่อความคิดเข้าข่ายที่ไม่ชอบใจใบหน้าของหญิงสาวก็บึ้งตึง ฮึ่มๆ คอยดูเถอะ! ซักวันฉันจะทำให้ดวงตานั่นมองมาที่ฉันคนเดียวให้ดู!
ความคิดของเธอแต่ละอย่างนั้นช่างเริ่มต้นจากอะไรที่ไร้สาระจริงๆ แต่ก็ถือว่าวันนี้ก็เป็นวันที่จบลงอย่างสงบสุขละนะ
............................................................................................................................................................................
จบบริบูรณ์...
เอ้ย ม่ายช่าย!!! >< จอมเวทย์ขอโทษที่มาช้าค่ะ เพิ่งจะเรียนพิเศษเสร็จเอง โฮก T-T วันนี้อีกตอนจะไหวมั้ยนะ ไหวมั้ยน้า อิอิ ค้างตอนที่สองไว้อีกละ พรุ่งนี้วันเสาร์ แต่จอมเวทย์มีเรียนตอนบ่ายเช่นเดิม แหะๆ เรื่องตื่นเช้าไหวมั้ยนั่นก็รอดูกันอีกที แต่ก็รอกันนะคะ จะต้องมีซักวัน ต้องมีซักวันนนนนน จะลงสองตอนอย่างแน่นอน แต่เรื่องมันสั้นไปใช่มั้ยเอ่ย ง่าๆๆ เค้าพยายามแล้วน้า ก็เอาเป็นว่ามาตรฐานจอมเวทย์จะอยู่ที่ 10 หน้า A4 ตัวอักษร cordia new 14 ค่ะ ถ้าเกิดว่าสั้นไปยังไงจะพยายามเพิ่มให้ แต่ว่าเนื้อหามันจบแค่นี้จริงๆนี่นา แง ทำไงดีอะ ถ้าเกิดว่ามันยังไม่จบจอมเวทย์จะเพิ่มเติมไปเรื่อยๆน่ะค่ะ แต่พอดีมันดันจบตอนซะแล้วอะ เอ่อ วันนี้มาฟังจอมเวทย์บ่นกันเนอะ! 55555
ความคิดเห็น