ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The lost descendant princess : รัชทายาทแห่งความมืดผู้สาปสูญ

    ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 9 ช่วยงานร้านขายอาหารสัตว์วิเศษของแม่มดลอเรนซ์ (แก้เนื้อหา)

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 56


     

    บทที่ 9 ช่วยงานร้านขายอาหารสัตว์วิเศษของแม่มดลอเรนซ์ 

     

                โรเวเนียที่กลับมาถึงบ้านฟางพบกับจาเวสที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว   ซึ่งเมื่อชายหนุ่มเห็นเธอเดินเข้ามาก็รีบเดินมาช่วยแบกหนังสือทันที   ไม่รู้จะเรียกว่ามีมารยาทดีรึเปล่าสำหรับหนุ่มผมแดงคนนี้

     

                โหย   หนักจังเลย   เธอซื้ออะไรมาบ้างเนี่ยหญิงสาวหัวเราะขำ   จาเวสพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะยกหนังสือทั้งหมดไปในคราวเดียวให้ได้อย่างโรเวเนีย   แต่สงสัยจะลืมไปว่าหญิงสาวใช้เวทย์มนตร์ช่วยลดน้ำหนักสิ่งของได้น่ะนะ "ให้ตายสิ   เธอถือไหวนี่ใช่มนุษย์รึเปล่า" ชายหนุ่มบ่นอุบอิบขณะถือวิสาสะแบกหนังสือทั้งหมดเข้าไปวางในห้องของเธอ  

     

                จาเวสออกแรงถีบประตูจนเปิดออกแล้วเดินกระย่องกระแย่งเพราะเจ็บเท้าเข้าไปข้างในเพื่อจะได้วางของอันหนักอึ้งในอ้อมแขนลงเสียที   แถมเขายังต้องเต้นรำหลบเจ้าตัวน้อยที่นอนขวางทางอยู่ด้วยท่าทีที่ทำให้หญิงสาวต้องกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดง   ไม่ถือโกรธเลยซักนิดกับคำพูดเชิงเหน็บแนม

     

                อุ๊บ!   คึคึโรเวเนียเอามือปิดปากตัวเองไว้   เธอยืนอยู่หน้าห้องจึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด   ซึ่งจาเวสที่จัดแจงทิ้งกองหนังสือไว้ข้างเตียงก็เชิดหน้างอนๆ

     

                ฉันตามหาเธอซะทั่วเมืองเลยนะรู้มั้ย   ดีที่เจอพี่หมอฟรายาสแล้วพี่เขาเล่าให้ฟังว่าเธอมาพักอยู่ที่นี่น่ะเป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มนามจาเวสน้ำตาคลอเบ้า ว่าจะมาชวนเธอไปกินข้าวเย็นด้วยกัน   แต่ว่าแม่ฉันบอกว่าไม่อยากให้มารบกวนเลยอดอะ

     

                โรเวเนียส่ายหัวไปมา   ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ในครัวตัวเดิมแล้วเอ่ยปากถาม ในเมื่อข้าวเย็นฉันก็อดกินไปแล้ว   แล้วนายจะมาทำไมไม่ทราบ

     

                ก็ว่าจะพาไปเจอเจ้าบลูของฉันน่ะ  

     

                เจ้าบลู???”

     

                กระต่ายตัวที่ฉันบอกไง   สัตว์วิเศษของฉันน่ะโรเวเนียพยักหน้าว่านึกออก ว่าแต่ไหนสัตว์วิเศษของเธอละชายหนุ่มมองหา

     

                ก็ตัวที่นายเกือบเหยียบเมื่อกี้ไงหญิงสาวยักคิ้วกวนๆ   ชี้มือเข้าไปในห้อง ดีนะที่นายไม่เหยียบเจ้าตัวน้อย   ไม่งั้นฉันฆ่านายไม่เลี้ยงแน่ๆรอยยิ้มหวานอาบยาพิษถูกส่งไปให้ชายหนุ่มที่กำลังกลืนน้ำลายดัง เอื๊อก! ได้ตระหนักว่า   การคบหาคนอันตรายแบบนี้เป็นเพื่อนไม่ใช่ความคิดที่ดีตั้งแต่แรก

     

                แต่จาเวสก็ยังเป็นจาเวส   เรื่องอันตรายเขายังสนุกได้   ฉะนั้นกะอีแค่เรื่องสายตาข่มขู่มันทำให้เจ้าคนหน้าด้านได้ขนลุกนิดหน่อยเท่านั้นแหละ

     

                เอ่อ...เอาเป็นว่า   พอกินข้าวเสร็จฉันก็เลยเอาเจ้าบลูออกมาด้วยกันเลย   สร้อยนี้ใช้เก็บพวกสัตว์วิเศษที่เราเป็นเจ้าของและมันยินยอมที่จะอยู่อะเขาอธิบายมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้าสงสัยและดึงสร้อยออกมาจากคอเสื้อ  จงออกมา   บลู

     

    สิ้นเสียงเรียก   แสงสีขาวก็เปล่งออกมาจากสร้อยและค่อยๆก่อตัวจนเป็นรูปร่างกระต่ายตัวหนึ่งที่เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ   เพียงเวลาไม่นานนักร่างของเจ้ากระต่ายขนปุยก็หล่น ตุ้บ! ลงมาในอ้อมแขนของจาเวสที่รออยู่ก่อนแล้ว   โรเวเนียมองมันตาเป็นประกาย 

     

    หญิงสาวไม่เคยเห็นสร้อยที่เก็บสัตว์วิเศษได้มาก่อนในแถบหมู่บ้านของเธอ   ดังนั้นเธอจึงหมายมาดไว้ในใจว่าซักวันต้องไปหาแบบนี้มาให้ได้บ้าง   จะได้หมดปัญหากับการฝากเลี้ยงเจ้าตัวน้อยซักที

     

                น่ารักจังเลยโรเวเนียเอื้อมมือไปคว้าเจ้ากระต่ายสีขาวที่จาเวสอุ้มอยู่มากอดไว้เอง

     

                นี่ๆ   เจ้าบลูมันของฉันนะจาเวสที่ยังค้างในท่าอุ้มเปลี่ยนไปเกาหัวแกรกๆ   ยังคงอึ้งกับความไวในการฉกตัวขั้นเทพ

     

                โถ..น่าสงสารบลูจังเลย   คนตั้งชื่อให้ก็ไม่เห็นว่าแกสีขาวเนอะ!   ต่อไปนี้แกชื่อไวท์ดีกว่าว่าแล้วก็หัวเราะคิกคัก 

     

                จาเวสมองสัตว์เลี้ยงของเขาที่ถูกหญิงสาวขโมยไปเล่นจนเหมือนจะเป็นของตัวเองด้วยอาการปลงตก   จะงอนก็ดูเหมือนหญิงสาวก็ไม่คิดจะสนใจเลยแม้แต่น้อย   เจ้าคนที่มีค่าน้อยกว่ากระต่ายแทะผ้าปูโต๊ะเล่นด้วยอารมณ์ขมขื่น

     

                ไวท์น่ารักจังเลย   ขนนุ่มจนเกือบจะหาตัวไม่เจอแล้วนะเนี่ย!” โรเวเนียจับตัวมันเล่นแล้วขยี้ขนอย่างเมามันส์   เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว   จาเวสที่ไม่กล้าเอ่ยขอสัตว์เลี้ยงของตนคืนจึงได้แต่สัปหงกแก่ง่วงอยู่อย่างนั้น "แล้วไวท์จะโตเต็มที่เมื่อไหร่เหรอ"

     

                    “ประมาณห้าเดือนถ้าเกิดเลี้ยงดีๆน่ะ” ในที่สุดจาเวสก็ได้รับความสนใจซักที   ชายหนุ่มจึงรีบตอบอย่างกระตือรือร้น “ฉันว่าไวท์น่าจะเป็นกระต่ายธาตุไฟละ”

     

                สัตว์วิเศษที่เติบโตตามธรรมชาติถ้าหากไม่ได้อยู่กับมนุษย์พวกมันก็จะมีภาษาของตนเอง   แต่สัตว์วิเศษที่ได้รับการเลี้ยงดูและอยู่ใกล้ชิดกับพลังเวทย์มนตร์ของมนุษย์เพียงพอจะสามารถพูดภาษามนุษย์ได้เมื่อโตเต็มวัยแถมยังได้รับพลังเพิ่มขึ้นที่จะใช้ในการต่อสู้จากเจ้าของอีกด้วย

     

                “อยากให้เจ้าตัวน้อยโตไวๆบ้างจัง   นายรู้มั้ยว่าหมาป่าแสงจันทร์ใช้เวลาเติบโตกี่เดือน”

     

                “หืม???   เจ้าตัวน้อยเป็นหมาป่าแสงจันทร์เหรอ   งั้นหนังสือพวกนั้นก็ไม่ได้ซื้อมาอ่านเล่นงั้นสิ” จาเวสทำตาโตแต่ก็รีบตอบคำทันทีเมื่อได้รับสายตาข่มขู่ว่าตอบมาได้แล้วของโรเวเนีย “ก็...ถ้าอยู่ตามธรรมชาติในฝูงของมันเองจะประมาณ 5 ปีได้   แต่อยู่กับมนุษย์ยังไม่ทันโตเต็มไวก็เริ่มทำร้ายเจ้าของแล้ว   เลยไม่มีใครเป็นตัวอย่างน่ะ”

     

                “นี่ฉันต้องรออีก 5 ปีเนี่ยนะ!” หญิงสาวกรีดร้อง

     

                “นี่!!!  เงียบหน่อยโว้ยคนจะนอน!!!” และแล้วก็มีเสียงด่าดังมาจากอีกฝั่งหนึ่งของบ้าน   หญิงสาวพึมพำขอโทษคนป่วยเบาๆด้วยความอับอาย

     

                ก็ฉันอยู่มาตั้งหลายวันแล้วนึกว่าไม่มีใครอยู่นี่!!!   หญิงสาวฟัดไวท์เพื่อเป็นตัวแทนให้แก้แค้นแทนเจ้าของที่กำลังหัวเราะจนกลิ้งตกไปบนพื้น

     

                “โอย  ฮ่าๆๆๆ  กร๊ากกกกก”

     

                และด้วยสาเหตุที่เผลอตัวไปหัวเราะหญิงสาวนี่เอง   โรเวเนียจึงยึดไวท์ไว้กับตัวเอง   จะขอร้องอ้อนวอนยังไงก็ไม่ยอมคืน   ดังนั้นกว่าชายหนุ่มจะได้โอกาสพาตัวเจ้าบลูที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็นไวท์เรียบร้อยกลับบ้านก็ตอนที่ฟรายาสกลับมานั่นแหละ

     

                อ้าว...นี่มันดึกแล้วทำไมนายยังไม่กลับบ้านล่ะจาเวสแทบจะไม่ต้องการคำตอบ   ชายหนุ่มเจ้าของบ้านมองตามสายตาหดหู่ของหนุ่มรุ่นน้องที่จ้องมองไปทางสาวงามกับกระต่ายแล้วก็เข้าใจ   ตบไหล่เบาๆสองสามทีแล้วหาทางช่วย

     

                อ๊ายยย   น่ารักที่สุดเลยไวท์เนี่ยโรเวเนียยังคงแกล้งเล่นกับเจ้ากระต่ายไม่เลิก   ใบหน้างามก้มซุกลงไปที่ขนมันแล้วถูไถไปมา   ซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าตัวที่ถูกกระทำจะโดนทารุณจนเหนื่อยและสลบไปซะแล้ว

     

                โรเวเนีย   จาเวสเค้ายังไม่ได้กลับบ้านแน่ะฟรายาสเอ่ยขัดสถานการณ์แกล้งคนของหญิงสาว

     

                ก็กลับไปสิ   จะอยู่ทำไมเนี่ยหญิงสาวยู่หน้าใส่   กะว่าจะแกล้งต่อซักหน่อยแต่ก็สงสาร อ๋อ   เจ้าไวท์เหรอ   คืนก็ได้ว่าแล้วก็ส่งคืนให้อย่างง่ายๆอย่างที่ทำเอาจาเวสงงเลยทีเดียว ไม่ต้องมาทำหน้ามึนเลย   ก็นายไม่ยอมเตือนฉันเลยเล่นเพลินนะสิหญิงสาวโยนความผิดให้จาเวสผู้ซึ่งเปลี่ยนจากทำหน้างงมาเป็นอ้าปากค้างอย่างไม่คิดจะรู้สึกผิดเลยซักนิด

     

                ฟรายาสสะกิดๆจาเวส รีบกลับบ้านก่อนเจ้าตัวจะเปลี่ยนใจดีกว่านะ   พี่ไม่รู้ว่าอารมณ์แปรปรวนแบบนี้มันฤดูเลือดรึเปล่าชายหนุ่มเอ่ยเตือน

    *ฤดูเลือดคือวันหนึ่งในแต่ละเดือนที่สตรีจะมีอาการอารมณ์แปรปรวนและหงุดหงิดง่ายเป็นพิเศษ

     

                จาเวสพยักหน้าเข้าใจ   จ้องมองหน้าพี่หมอฟรายาสอย่างซาบซึ้ง   เรียกเจ้าไวท์กลับมาในสร้อยแล้วบอกลาอย่างกลัวจะไม่ได้กลับ งั้นฉันไปก่อนนะ

     

                โรเวเนียส่งเสียงตอบในลำคอเบาๆ  รอจนจาเวสเดินออกไปจากประตูแล้วถึงจะเอ่ย อ้อ!   พรุ่งนี้ฉันไม่ว่างนะ   ไม่ต้องมาหาละหญิงสาวกล่าวอย่างรวดเร็ว   โบกมือบ๊ายบาย   ฉีกยิ้มหวานอันเป็นเอกลักษณ์แล้วพุ่งตัวไปปิดประตูอย่างรวดเร็ว

     

                แกร๊ก!   ปัง!ๆๆ

     

                นี่!   อะไรกันน่ะ   จะทิ้งกันอีกแล้วเหรอ นี่!” จาเวสผู้น่าสงสารทุบประตูรัวๆแต่ก็ไร้เสียงตอบรับ   ฟรายาสกัดฟันหัวเราะ กึกๆกับใบหน้าเจ้าเล่ห์ของโรเวเนีย

     

                ช่วยไม่ได้นะ!   พรุ่งนี้ฉันมีงานจะต้องทำ   ขืนบอกให้นายรู้มีหวังต้องขอตามไปด้วยแน่ๆ   ยิ่งช่วงนี้โรคใจอ่อนฉันกำเริบบ่อย   ดังนั้นกันไว้ดีกว่าแก้นะจ๊ะ  โฮะๆ   หญิงสาวจัดแจงล็อกกลอนประตูอันดูเปราะบางแต่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อแล้วหันมาหาฟรายาสที่ยังหัวเราะไม่เลิก

     

                เดี๋ยวเรื่องพรุ่งนี้ฉันรับรองว่าจะจัดการให้   พี่ก็ไปนอนได้แล้วล่ะ   แล้วก็ฝัน...โรเวเนียชะงักคำพูดของตัวเอง เอ่อ   นั่นละ   ฉันจะไปนอนแล้ว   หญิงสาวหันหลังกลับเข้าห้องแล้วปิดประตูดัง ปัง!    ไวจนชายหนุ่มไม่ทันได้เอ่ยตอบใดๆทั้งสิ้น

     

                เมื่อกี้จะบอกว่าฝันดีรึเปล่าน้าฟรายาสอมยิ้มกับอาการขี้อาย(?)ของสาวน้อยนามโรเวเนีย   จากนั้นชายหนุ่มผู้ที่ไม่ได้สัญญาว่าจะรีบไปนอนก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งเครียดและเดินหายลับเข้าไปหลังประตูอีกบานในห้องครัว   เพื่อทำหน้าที่ของคนเป็นหมอต่อให้เสร็จสิ้น...

     

               

     

     

                โรเวเนียตื่นขึ้นมาเห็นใบหน้าอันทรุดโทรมเหมือนคนไม่ได้พักผ่อนของฟรายาสเป็นอันดับแรก   อาหารเช้าของเธอและเจ้าตัวน้อยก็เป็นแบบง่ายๆอย่างไส้กรอกกับเบคอน   ซึ่งอันนี้โรเวเนียเห็นว่ามันมีอยู่ในตู้จึงจัดการวางเงินค่าอาหารไว้อย่างมีมารยาทแล้วลงมือทำกินเอง   กลิ่นหอมอ่อนๆของเบื้อทอดกรอบทำให้ร่างไร้วิญญาณนั้นดูมีชีวิตขึ้นมาทันที

     

                อ...อาหาร...เช้า...ฟรายาสครางแล้วทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว

     

                เมื่อคืนพี่ไม่ได้นอนเหรอโรเวเนียเอียงคอมองอย่าสงสัย

     

                นอน   แต่ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกว่าแล้วก็ยิ้มแหะๆ ขออาหารเช้าหน่อยได้มั้ย นะๆดวงตาสีน้ำเงินฉายแววออดอ้อน   แถมยังแพรวพราวระยิบระยับจนเธออดใจอ่อนไม่ได้   ให้ตายสิ   ทำไมฉันจะต้องเนคนแบบนี้ด้วยนะ!  

     

                เฮ้อ   เอาจานฉันไปก็แล้วกัน   เห็นพี่แล้วหมดอารมกินหญิงสาวเลื่อนจานของตัวเองไปให้อย่างเหนื่อยใจแล้วนั่งจ้องมองคุณหมอจ้วงไส้กรอกเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย

     

                ขอบคุณคร้าบฟรายาสกล่าวออกมาในที่สุด   ลูบท้องตัวเองอย่างอิ่มแปล้   แต่ถึงอย่างไรร่างกายก็ยังคงดูเหมือนคนป่วยอยู่ดี   โรเวเนียที่สังเกตเห็นความผิดปกติออกจะแปลกใจไม่ได้

     

                พี่ฟรายาสไปทำอะไรมา   ฉันสัมผัสได้เหมือนกับในตัวของพี่พลังเวทย์แสงสว่างแทบไม่เหลืออยู่เลย

     

                แหะๆ   ก็พี่เป็นหมอชายหนุ่มตอบสั้นๆให้คนที่เขาเอ็นดูเหมือนน้องสาวฟัง   แต่โรเวเนียก็เข้าใจได้   ร่างบางจึงดูเวลาแล้วเลื่อนเก้าอี้ลุกขึ้น  

     

                ฝากเจ้าตัวน้อยด้วย   อีกยี่สิบนาทีจะแปดโมงแล้วฉันต้องรีบออกไปเธอวางกล่องใส่ใบเรดลีฟและเงินจำนวนหนึ่งที่เยอะพอควรลงบนโต๊ะ เงินส่วนนี้สำหรับค่าอาหารของเจ้าตัวน้อย   แล้วก็ชดเชยของวันก่อนที่พี่ดูแลมันให้ฉันด้วยเธออธิบาย

     

                อ้อชายหนุ่มตอบรับเบาๆ   ดวงตาของเขาหรือเหมือนจะปิดลงได้ตลอดเวลา

     

                เจ้าตัวน้อยงับเชือกรองเท้าของหญิงสาวเบาๆราวกับจะบอกว่า จะทิ้งข้าไปอีกแล้วหรอ   เห็นอย่างนี้ก็ทำเอาเธอรู้สึกเสียใจที่หาเหาใส่หัวตัวเองโดยการช่วยเหลือฟรายาสจริงๆ   แต่ช่วยไม่ได้นี่นา   พี่ฟรายาสยังช่วยเราโดยไม่หวังอะไรตอบแทนเลยด้วยซ้ำ   หญิงสาวคิดอย่างจนใจ   นั่งยองๆแล้วเอมมือไปลูบขนฟูๆของเจ้าหมาป่าตัวน้อย

     

                รอหน่อยนะ   เดี๋ยวตอนเย็นๆจะซื้อขนมมาฝากเหมือนมันจะฟังรู้เรื่อง   กระดิกหางดิกๆแล้วเลียมือเธอทีนึงอย่างน่าเอ็นดู   หญิงสาวหัวเราะด้วยความจักจี้

     

                ว่าจะเอ่ยลาอีกครั้ง   แต่ร่างของคุณหมอคนเก่งก็ฟุบหลับกับโต๊ะไปซะแล้ว   หญิงสาวเลยตัดสินใจปล่อยเจ้าตัวน้อยไว้แถวๆนั้น   หยิบผ้าคลุมมาใส่แล้วเดินไปยังร้านขายอาหารสัตว์วิเศษอันน่าขนลุกอย่างช้าที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้   ไม่นานนัก  ประมาณก่อนเวลานัด 5 นาทีหญิงสาวก็มาหยุดยืนอยู่หน้าร้านเป็นที่เรียบร้อย  

     

                กริ๊ง!   คราวนี้ไม่ต้องเตรียมใจจะเข้าไปเหมือนครั้งแรก   เธอจัดแจงเปิดประตูเข้าไปข้างในโดยทันที

     

                คุณยายแม่มดอยู่มั้ยคะ!” โรเวเนียตะโกนถาม   บรรยากาศของร้านในวันนี้ดูวังเวงมากกว่าวันแรกที่มาซะอีก   ของระเกะระกะรกไปทั่วแต่ก็ยังแยกเป็นกองๆไว้เป็นประเภทๆ   หญิงสาวที่ยังไม่ได้ยินเสียงตอบรับเลยเลือกจะอ่านป้ายบางกอง   อย่างทางด้านซ้ายมือของเธอเลยก็เป็น อาหารนกอินทรีย์   ส่วนที่อยู่บนชั้นวางใกล้ๆมือเขียนไว้ว่า อาหารสิงโต เป็นต้น  

     

                รอได้ซักพัก   เสียงแหบๆของหญิงชราก็ดังมาจากหลังเคาน์เตอร์ที่เดิม ข้าอยู่นี่

     

                ร่างที่เดินออกมากลับเป็นร่างของหญิงสาวที่งดงามมากๆคนหนึ่ง   ไม่ใช่หญิงชราคนเดิมที่โรเวเนียเคยเจอ   รอยยิ้มอ่อนโยนใจดีที่ส่งมาให้ทำให้เธอยิ้มตอบได้อย่างไม่ต้องเกร็ง

     

                คุณคือ...แม่มดลอเรนซ์???”

     

                ข้าเองแหละ   คราวก่อนข้าดันโมโหไปหน่อยที่หาของไม่เจอ   เจ้าก็รู้ใช่มั้ยว่าความเครียดมันเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับความงามของผู้หญิงน่ะนางแม่มดหมุนตัวภายใต้ชุดเดรสรัดรูปสีดำที่ยาวเลยเข่ามาหน่อยให้เธอดู   ความงามของนางในขณะนี้นั้นหยาดเยิ้มจนเรียกได้ว่าถ้าบุรุษคนใดได้พบเห็นอาจจะหลงลืมเรื่องที่คิดอยู่ในขณะนั้นไปเลยทีเดียว

     

                นั่นก็จริงค่ะหญิงสาวอมยิ้มกับความขี้เล่น แต่เรื่องความงาม   ข้าไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วซะด้วยสิ   เลยไม่ได้สนใจซักเท่าไหร่ว่าจะเครียดหรือไม่เครียด

     

                ฮิๆ   ไหนๆมาให้ข้าดูซินางตัดสินใจโดยที่หญิงสาวไม่มีโอกาสปฏิเสธ   เพียงพริบตานางแม่มดก็โผล่มายืนในระยะประชิดตัวจนหญิงสาวผงะ   เห็นดังนั้นหญิงงามเลยทำปากยื่น แหม   จะหนีคนสวยๆอย่างข้าไปทำไม   ขอดูหน้าหน่อยเดียวเอง!” ว่าแล้วก็เลิกฮู้ทตรงบริเวณศีรษะออก

                นางแม่มดลอเรนซ์จ้องแล้วจ้องอีกจนหญิงสาวอึดอัด เอ่อ   ข้าขี้เหร่มากเหรอคะ

     

    เป็นเรื่องจริงที่หญิงสาวไม่เคยรู้ตัวเองเลยว่าเธอน่ะสวยขนาดไหน   จะโทษก็ต้องโทษบิดาของหญิงสาวที่หวงเธอจนเกินเหตุ   แถมในบ้านยังไม่กระจกเลยซักบาน   เป็นเหตุให้เธอไม่อาจเทียบหน้าตาตัวเองกับหญิงสาวคนอื่นได้   นอกจากบ้านจะไม่ค่อยได้ออกไปไหนแล้วเธอยังถูกคะยั้นคะยอให้ใช้เวลาที่เหลือซ้อมดาบหรือไม่ก็หาทางเพิ่มขีดพลังเวทย์ให้ไปถึงขั้นสูง   แต่เด็กๆในหมู่บ้านที่ชอบเข้ามาเกาะรั้วดูการซ้อมของเธอก็ยังเป็นเพื่อนคลายเหงาให้เธอได้เป็นอย่างดี   นั่นแหละคือสาเหตุของนิสัยชอบแกล้ง (เด็ก) 

     

    ให้ตายสิ   เจ้าอยู่รอดปลอดภัยโดยไม่ถูกจับไปขายได้ไงกันเนี่ย!” นอกจากจะไม่อธิบายให้ฟังแล้ว   นางแม่มดยังดึงฮู้ทมาคลุมหน้าเธอไว้เหมือนเดิมซะอีก   จากนั้นหญิงสาวก็เดินผลุบหายไปหลังเคาน์เตอร์เหมือนเดิม   ทิ้งให้โรเวเนียยิ้มเจื่อนๆ   หาทางเข้าใจด้วยตัวเอง

     

    ก็นะ   ใครมันจะไปรู้ละว่าหน้าตาฉันมันจะแย่ขนาดนี้   แต่คุณลอเรนซ์อาจจะมองเห็นตัวเองในกระจกมากไปจนรับหน้าตาฉันไม่ได้ละมั้ง   โรเวเนียคิดอย่างมึนๆ   

     

    ให้ตายสิ   เจิดจ้า   เจิดจ้าเหลือเกินนนนนั่นคือเสียงที่ดังมาแว่วๆแล้วเธอจับใจความได้  

     

    ผ่านไปครึ่งชั่วโมง   สรุปแล้วเธอก็ยังยืนอยู่หน้าประตูข้างในร้านเหมือนเดิม   แถมอาการใบ้กินอีกอย่างหนึ่งด้วย   สุดท้ายเธอก็ทนยืนมองร้านรกๆขณะรอคุณลอเรนซ์มาอธิบายไม่ไหว   ร่างบางเลยเริ่มต้นจัดแจงก้มลงจัดกองอาหารนกข้างตัวที่เป็นกล่องสำดำกองระเกะระกะให้เข้าที่

     

              ผ่านไปสามชั่วโมงหรือมากกว่านั้น   เสียงของแม่มดที่ร่างกายเป็นสาวเงียบหายไปตั้งนานแล้วแต่หญิงสาวยังก้มหน้าก้มตาจัดของในร้านต่อไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย   จนกระทั่งเวลาเที่ยงมาถึง...

     

                โครก   คราก..

     

    โรเวเนียรู้สึกได้ถึงน้ำย่อยที่กำลังกัดกระเพราะเธออย่างรุนแรง   ความหิวโหยพุ่งพวยจนเธอรู้สึกได้ว่าเวลาที่ผ่านไปถึง 4 ชั่วโมงนั้นเธอได้ใช้พลังงานไปมากเพียงใด  

     

    จู่ๆ ก็มีมือเย็นๆมาจับไหล่   หญิงสาวเกือบจะจับเจ้าของมือนั้นทุ่มตามสัญชาติญาณถ้าไม่ได้ยินเสียงที่ดังมาก่อน

     

    ให้ตายสิ   นี่มันร้านข้าจริงๆเหรอเนี่ย!   แค่ลงไปห้องเก็บของมาแปปเดียวเองลอเรนซ์บ่นอุบอิบ ข้าว่าเที่ยงแล้วเจ้าคงหิวเลยไปทำอาหารมาให้ด้วย   ลืมซะสนิทไปเลย   ว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นี่น่ะ???” นางแม่มดเอียงคอมองอย่างสงสัย

     

    โรเวเนียกล่าวเซ็งๆ มาช่วยงานแทนพี่ฟรายาสน่ะค่ะ   คุณหมอเขายุ่งอยู่กับการช่วยคนเลยส่งข้ามาแทนทันทีที่แม่มดสาวพยักหน้าแล้วส่งกล่องข้าวมาให้   หญิงสาวก็ไม่ปฏิเสธความหวังดี   รับกล่องข้าวที่ทำจากไม้สีดำมันเลื่อมมาออกมาเปิดดูพร้อมๆกับที่ท้องของเธอปั่นป่วนกว่าเดิมอย่างไม่ทราบสาเหตุ

     

    ปลาย่างน่ะ   เจ้าลองชิมดูแล้วกัน   ปกติข้าก็ทำกินเองไม่รู้จะถูกปากรึเปล่าปากก็พูดเหมือนไม่ได้ใส่ใจ   แต่ตาที่จ้องมองอย่างรอคอยก็ให้หญิงสาวอดจะขำขันกับแม่มดผู้นี้ไม่ได้  

     

    หน้าตาของปลาย่างที่ว่า   คือเนื้อปลีขาวที่เลาะก้างออกแล้วนอนอยู่ก้นกล่อง   ราดน้ำด้วยซอสสีออกส้มๆดูน่าทาน   และเมื่อโรเวเนียได้ทดลองกินคำเดียวเท่านั้น   เจ้าปลาที่มีอยู่เกือบเต็มกล่องก็หายลงไปอยู่ในกระเพราะเธอไวปานความเร็วแสง

     

    เป็นไง...

     

    อร่อยมากเลยค่ะ!” โรเวเนียกล่าวขัด   กอดกล่องข้าวที่กินหมดแล้วไว้อย่างหวงแหนคราวนี้ทำงานทั้งวันก็มีแรงแล้ว!

     

    ฮะๆเป็นเสียงหัวเราะพร้อมรอยยิ้มละลายใจของลอเรนซ์นั่นเอง

     

    ในช่วงบ่ายนางแม่มดก็กลับไปทำธุระในห้องเก็บของของเธอต่อแล้วฝากงานให้โรเวเนียจัดด้านในร้านซึ่งหญิงสาวก็ทำด้วยความยินดี   เธอที่อยู่แต่ในบ้านมาเกือบทั้งชีวิตย่อมมีความสามารถในด้านนี้สูงกว่าใครๆ   ห้องเก็บของของแม่มดลอเรนซ์ ก็คือห้องลับใต้พื้นไม้หลังเคาน์เตอร์นั่นเอง  

     

    เวลาล่วงเลยเข้าบ่ายสาม   จากร้านที่เคยรกก็เป็นรูปเป็นร่างด้วยฝีมือหญิงสาวเพียงคนเดียว   ซึ่งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอยังปัดกวาดเช็ดถูพวกฝุ่นและใยแมงมุมจนร้านสะอาดวิ้งวับ   ลอเรนซ์ตื้นตันมากจนมอบเนื้อวัวชิ้นโตให้เธอเป็นของขวัญ   ถ้าจะถามว่าชิ้นใหญ่ขนาดไหนก็คงจะต้องบอกว่าน้ำหนักของมันเท่ากับน้ำหนักของตัวเธอเลยทีเดียว

     

    ก่อนจะบอกลากันหญิงสาวก็สอนเวทย์สำหรับทำความสะอาดที่เธอคิดค้นขึ้นเองจากการผสมคำร่ายมนตร์ในภาษาโบราณอันเป็นภาษาเริ่มต้นของบทเวทย์มนตร์ให้กับลอเรนซ์ได้ใช้เล่นๆ   นั่นคือ  วิง-เคอ-ราอุม  โดยสัญลักษณ์ คือลากเสียงยาวๆ   เพียงแค่มีเวทย์มนตร์บทนี้ถ้าเกิดในห้องฝุ่นไม่จับมากนักมันจะพัดไปกองรวมกันตรงกลางห้อง   สะดวกและง่ายมากอย่างที่ใครก็คาดไม่ถึง

     

    ซิกๆ   ซืดดดด!!!   เจ้าต้องกลับมาใหม่นะ!   คราวหน้าข้าจะให้เจ้าซื้ออาหารสัตว์วิเศษได้ฟรีละ   อะเอานี่ไปข้าให้   ถึงจะไม่สวยเท่าไหร่แต่ก็พอใช้ได้นะข้าคิดว่าแม่มดลอเรนซ์ผู้งดงามตามแบบฉบับเผ่าพันธุ์แม่มดใช้ดวงตาสีเหลืองขีดดำที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองเธอจนเหมือนใช้มนตร์สะกด   แถมนาฬิกาพกกลมๆที่น่าจะทำจากทองคำแท้ก็ถูกยัดใส่ในมือเธออย่างไม่อาจเอ่ยปากปฏิเสธได้อีกแล้ว

     

    โธ่!   ถ้าจะให้ข้ารับนาฬิกาไป   เรื่องอาหารข้าไม่ขอรับฟรีนะคะ!   แค่เนื้อที่ให้มาข้าก็ไม่รู้ว่ามันแพงแค่ไหนแล้ว

     

    ใช่แล้วละ   เนื้อที่หนักรวมๆกัน 50 กิโลเท่ากับเธอพอดิบพอดีนั้นถ้าคิดตามราคาจริงๆก็คงเกือบๆ 1000 เดรค   แถมด้วยวิชาการทำอาหารที่เข้าขั้นก็ทำให้หญิงสาวสังเกตได้ว่าเนื้อนี้ออกจะดูอมชมพูสวยงามจนไม่น่าจะราคาต่ำขนาดนั้นด้วยซ้ำไป

     

    อย่าพูดนะ!    ฮึก...มาเยี่ยมข้าด้วยละนางแม่มดเอ่ยซ้ำ เรื่องค่าอาหารข้าจะคิดดูอีกที   ส่วนเรื่องเนื้อไม่ต้องไปสนใจหรอก   ข้ามีกำไรพอน่ะท้ายที่สุดโรเวเนียจึงจำใจยอมพยักหน้า

     

    งั้นข้าไปก่อนนะคะ   แล้วว่างๆจะมาช่วยใหม่  หญิงสาวเอานาฬิกาสีทองมาแขวนไว้ที่คอแล้วชิ่งหนีออกมาจากตรงนั้น   ลอเรนซ์โบกผ้าเช็ดหน้าตามหลังเหมือนกำลังส่งคนรักที่จะจากไปออกจากบ้าน

     

    วันนี้หญิงสาวไม่รู้หรอกว่าเธอได้สิ่งสำคัญมาอย่างหนึ่ง   แถมยังทำให้ร้านของคุณแม่มดลอเรนซ์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง   เหล่านักเรียนที่ล้วนแล้วแต่เดินหนียามเห็นร้านซอมซ่อที่ดูวังเวงจนไม่อยากจะเข้าใกล้ในอดีตที่ผ่านมา   ในปีนี้แทบจะเหยียบกันตายเพื่อเข้าไปซื้อของในร้านที่เปลี่ยนโฉมใหม่ตามคำบอกเล่าของคนที่เข้าไปแรกๆว่ามีสาวงามกำลังขายของอยู่ในร้าน   งานนี้แม่มดสาวยิ้มแทบแก้มปริกับกำไรมหาศาล   ช่างเป็นเรื่องที่แฮปปี้เอนดิ้งจริงๆ

     

    หญิงสาวหอบหิ้วของกลับบ้านอย่างมีความสุข   ถือเป็นกำไรเลยก็ว่าได้สำหรับวันนี้   ระหว่างทางโรเวเนียก็คิดถึงเมนูมากมายไว้ในหัว   แค่คิดก็หิวจนน้ำลายสอซะแล้ว...   เวลานี้ก็สี่โมงเย็นแล้วคาดว่าไม่แน่บางทีเจ้าจอมยุ่งจาเวสอาจจะมารออยู่ที่บ้านแล้วก็เป็นได้   แล้วก็ไพล่คิดไปหนุ่มเจ้าของดวงตาสีเงินอันงดงาม

     

    คิดกี่ทีก็อยากจะควักออกมาเป็นสมบัติส่วนตัวจริงๆนะ!   อย่างนี้ใครๆก็เห็นหมดเลยนะสิ   ฉันอยากเก็บไว้ดูคนเดียวนี้นา  เมื่อความคิดเข้าข่ายที่ไม่ชอบใจใบหน้าของหญิงสาวก็บึ้งตึง  ฮึ่มๆ   คอยดูเถอะ!   ซักวันฉันจะทำให้ดวงตานั่นมองมาที่ฉันคนเดียวให้ดู!

     

    ความคิดของเธอแต่ละอย่างนั้นช่างเริ่มต้นจากอะไรที่ไร้สาระจริงๆ   แต่ก็ถือว่าวันนี้ก็เป็นวันที่จบลงอย่างสงบสุขละนะ

     

    ............................................................................................................................................................................

     

    จบบริบูรณ์...

     

     

     

     

     

     

     

    เอ้ย ม่ายช่าย!!!   ><   จอมเวทย์ขอโทษที่มาช้าค่ะ   เพิ่งจะเรียนพิเศษเสร็จเอง   โฮก T-T   วันนี้อีกตอนจะไหวมั้ยนะ   ไหวมั้ยน้า  อิอิ   ค้างตอนที่สองไว้อีกละ   พรุ่งนี้วันเสาร์   แต่จอมเวทย์มีเรียนตอนบ่ายเช่นเดิม   แหะๆ   เรื่องตื่นเช้าไหวมั้ยนั่นก็รอดูกันอีกที   แต่ก็รอกันนะคะ  จะต้องมีซักวัน   ต้องมีซักวันนนนนน   จะลงสองตอนอย่างแน่นอน   แต่เรื่องมันสั้นไปใช่มั้ยเอ่ย  ง่าๆๆ   เค้าพยายามแล้วน้า  ก็เอาเป็นว่ามาตรฐานจอมเวทย์จะอยู่ที่ 10 หน้า A4 ตัวอักษร cordia new 14 ค่ะ   ถ้าเกิดว่าสั้นไปยังไงจะพยายามเพิ่มให้   แต่ว่าเนื้อหามันจบแค่นี้จริงๆนี่นา แง  ทำไงดีอะ  ถ้าเกิดว่ามันยังไม่จบจอมเวทย์จะเพิ่มเติมไปเรื่อยๆน่ะค่ะ   แต่พอดีมันดันจบตอนซะแล้วอะ  เอ่อ   วันนี้มาฟังจอมเวทย์บ่นกันเนอะ! 55555

     

     

     

               

     

               

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×