คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ 8 คำขอร้อง ชายหนุ่มดวงตาสีเงิน
บทที่ 8 คำขอร้อง ชายหนุ่มดวงตาสีเงิน
โรเวเนียที่เพิ่งจะเดินกลับมาถึงบ้านในตอนบ่ายๆถูกฟรายาสลากเข้าไปนั่งจ้องหน้าในห้องครัว ตอนแรกเธอคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องขนม แต่มองไปแล้วเหมือนฟรายาสจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอวางขนมไว้เพราะมันวางอยู่ที่เดิมและไม่ได้รับการแตะต้องเลยแม้แต่นิดเดียว สีหน้าชายหนุ่มดูเคร่งเครียดมากแต่ก็ยังอุตส่าห์สังเกตเห็นใบรายการในมือเธอ
ฟรายาสสูดหายใจเข้าลึกๆหลายครั้งจนผมสีน้ำตาลสะบัดไปมาเล็กน้อย
“คือว่า ยินดีด้วยที่สอบผ่าน แล้วก็...พี่มีเรื่องให้เธอช่วยหน่อยน่ะ” ท่าทางลุกลี้ลุกลนทำให้โรเวเนียได้แต่สงสัยว่าทำไมคุณหมอผู้อารมณ์ดีถึงได้ออกอาการผวาขนาดนี้
“ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ฉันช่วยได้ก็จะช่วย ถือว่าตอบแทนพี่ที่ช่วยเหลือฉันละกันนะ” หญิงสาวเอ่ยตอบ ไม่สนใจกับคำแสดงความยินดีซักเท่าไหร่
ฝ่ายฟรายาสที่ได้ยินโรเวเนียเรียกเขาว่าพี่ดีใจจนแทบน้ำตาไหลพราก ดีใจยิ่งกว่าการได้รับคำตกลงช่วยเหลือซะอีก
“เอ้าๆ ตกลงพี่จะให้ฉันช่วยมั้ยเนี่ย” โรเวเนียเอ่ยย้ำเมื่อเห็นชายหนุ่มฉีกยิ้มค้าง
“ช่วยสิ ช่วยๆ เอ่อ....ถ้าจะเล่าเรื่อง มันก็นานอยู่นะ” ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆเตรียดจะเล่า แต่ก็ถูกหญิงสาวเอ่ยขัดด้วยท่าทางกวนๆ
“ถ้าลำบากนักก็ไม่ต้องเล่าสิ” เล่นเอาฟรายาสอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น “เอ่อ....” ชายหนุ่มจนคำพูด
“ฮะๆๆ ฉันล้อเล่นน่ะ” โรเวเนียกล่าวออกมาในที่สุด
ฟราราสน้ำตาซึมเพราะโดนแกล้ง “ก็...พี่เป็นหมอที่พเนจรไปทั่วใช่มั้ยละ ดังนั้นพี่เลยค่อนข้างจะมีปัญหาเรื่องเงิน จะช่วยใครทีก็ไม่กล้าเก็บเงินซะอีก ทีนี้ก็เลยไปขอความช่วยเหลือจากร้านสมุนไพรแต่ว่าก็โดนปฏิเสธ พี่เลย...” เขานิ่งค้าง ทำท่าสยดสยอง
“แล้วพี่ก็เลย?” เด็กสาวเอ่ยถามย้ำ
“ก็คือ เธอคงรู้จักร้านขายอาหารสัตว์วิเศษแล้วใช่มั้ยละ ที่นั่นก็ถือเป็นร้านสมุนไพรได้เหมือนกัน” เหมือนฟรายาสจะเรียบเรียงคำตอบยังไม่เสร็จดีนัก โรเวเนียจึงรินชามานั่งจิบรอ ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ “คือเจ้าของร้านขายอาหารสัตว์วิเศษจะให้พี่ยืมสมุนไพรสำหรับทำยาไปได้ แต่ว่าจะต้องคืนตามจำนวนที่ใช้ไปหรือไปหาสมุนไพรที่มีค่าพอกันมาคืน แต่ว่าพี่ดันหยิบผลของต้นแมนเดรกมาโดยไม่รู้ตัวน่ะ ตอนนี้คงผสมกับยาตัวไหนซักตัวไปแล้ว ราคามันก็เล่นเอาพี่ไม่มีปัญญาใช้คืน” พูดมาถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็นิ่งเงียบไปอีกครั้ง
“แล้วตกลงพี่จะให้ฉันทำอะไรละ” หญิงสาวกล่าวเข้าเรื่อง
“ก็...ขอแรงไปช่วยที่ร้านซักวันได้มั้ยละ นางแม่มดนั่นบอกว่าจะสาปพี่เป็นกบเพราะว่าพี่ไม่ยอมหาต้นแมนเดรกไปคืน โถ่! ก็มันเอาทำยาไปหมดแล้วนี่ เล่นรูปร่างเหมือนผลเบอร์รี่ซะขนาดนั้นใครจะไปนึกทันว่าเป็นของสำคัญขนาดนั้นละ” ฟรายาสบ่น
“แล้วพี่จะเอาผลเบอรรี่ไปทำไม” โรเวเนียขมวดคิ้ว “ไม่คิดบ้างเหรอว่าร้านสมุนไพรจะมีเบอร์รี่ได้ยังไง”
คราวนี้ชายหนุ่มทำหน้าพิลึก “มันเป็นร้านขายอาหารสัตว์นะ สัตว์วิเศษบางตัวก็กินผลเบอร์รี่เป็นอาหาร แต่ที่พี่หยิบมาก็เพราะว่าผลเบอร์รี่แถวนี้เป็นเบอร์รี่ป่า มันช่วยในการรักษาอาการหวัดได้น่ะถ้าเกิดเอามาปรุงยาดีๆ” ว่าแล้วก็งึมงำกับตัวเอง “รู้งี้เลือกเรียนเป็นทหารดีกว่า”
หญิงสาวกลั้นหัวเราะคิกๆกับท่าทางหมดอาลัยตายอยาก
“โอเค ฉันจะช่วยก็ได้ แต่พี่ต้องบอกเหตุผลดีๆนะว่าทำไมพี่ไม่ไปทำเอง งานแค่วันเดียวกับราคาของผลต้นแมนเดรกที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของยาแก้คำสาปหลายชนิดนี่ดูท่ามันจะเกินคุ้มไปหน่อย เท่าที่ฉันได้ยินก็เกือบๆสองพันเดรคใช่มั้ยละ” โรเวเนียกอดอกมอง ดวงตาสีทองหรี่ลงอย่างจับผิด
ฟรายาสยิ้มแหย โบกมือยอมแพ้ “ข้าบอกแล้วๆๆ ไม่ต้องมองอย่างนั้นก็ได้”
“ก็บอกมาสิ” หญิงสาวสวนขึ้นมาในทันที
“ก็...อย่างที่บอกว่านางแม่มดจะสาปพี่เป็นกบ แถมยังย้ำแล้วย้ำอีกกับพี่ว่าให้ไปหาสมุนไพรมาคืนเธอให้ได้ และเพื่อชดเชยที่พี่ทำนางเสียเวลาจนไม่สามารถปรุงยาชิ้นสำคัญได้จึงต้องส่งคนไปช่วยนางเธอวันนึง เธอไม่คิดจะสงสารพี่บ้างเหรอ” ชายหนุ่มทำท่านึก “ว่าแต่ตกลงเธอชื่ออะไรละ” มาแนวเดียวกับจาเวสเป๊ะๆ
หญิงสาวพ่นหัวเราะดังพรืด “นี่ตกลงพี่ยังไม่รู้จักชื่อฉัน แล้วยังให้ฉันพักอยู่ในบ้านเนี่ยนะ!” เธอคิดว่าของที่คุณยายแม่มดคนนั้นกำลังหาตอนที่เธอเข้าไปที่ร้านอาจจะเป็นเจ้าผลแมนเดรกนั่นก็ได้ ก็ดูน่าสนุกดี! “ฉันชื่อโรเวเนีย เรียกสั้นๆว่าโรวี่หรือโรวก็ได้”
ชายหนุ่มทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม “โอเคขอรับ”
“แล้วก็เรื่องช่วยงานที่ร้าน วันไหน กี่โมง อ้อ!ฉันมาจากแถวๆชายแดน พี่ต้องอธิบายเรื่องเวลาของที่นี่ให้ฟังด้วย” โรเวเนียชี้หน้าอย่างไม่มีเกรงใจ ซึ่งฟรายาสก็ไม่ขัด ฉีกยิ้มดีใจที่หญิงสาวรุ่นน้องยอมช่วย
“ที่นี่ปีนึงก็มี 365 วันเหมือนที่อื่น แต่เราจะนับเป็นฤดูกาล ฤดูละ 90 วัน วันที่ 1-90 จะเป็นฤดูร้อนของที่นี่ วันที่ 91-180 คือฤดูใบฝน วันที่ 181-270 จะเป็นฤดูใบไม้ร่วง ส่วนวันที่เหลือจะเป็นฤดูฝนแล้ววนกลับมาที่ฤดูร้อนใหม่ อย่างวันนี้ก็ฤดูร้อนวันที่ 45 ส่วนวันที่ทางโรงเรียนเรียกตัวก็คือฤดูร้อนวันที่ 52 และปีนี้ก็อย่างที่เธอรู้ นับจากเวลาที่อาณาจักรก่อตั้งเหมือนกันหมด ศักราชที่ 1700 พอดี” ชายหนุ่มอธิบาย “ส่วนเรื่องช่วยงานที่ร้านก็เริ่มพรุ่งนี้ตอน 8 โมง”
“อืม งั้นขอฉันถามอีกอย่าง ปกติเค้าปิดเทอมกันวันไหนน่ะ” โรเวเนียพยักหน้าแล้วเอ่ยถามพลางพยายามจดจำรูปแบบเวลาไว้ในหัว ต่างกันไม่มากเท่าไหร่ เพียงแต่ของเราแบ่งเป็น 12 เดือน
“ช่วงปิดเทอมเหรอ อืม...ก็ช่วงฤดูใบไม้ร่วงทั้ง 95 วันเลยน่ะ แต่ที่นี่ไม่มีฤดูหนาวเพราะว่าเป็นเขตร้อน เจ้าระวังอย่าลืมใส่ผ้าคลุมล่ะ” ชายหนุ่มบอกคร่าวๆแล้วเตือนอย่างหวังดี
“ฉันรู้น่า” หญิงสาวบอกปัด ถอนหายใจกับตัวเอง ยังไงฉันก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี เมื่อไหร่ไอ้นิสัยชอบช่วยเหลือคนมันจะหายไปซะทีเนี่ย! ต้องบอกว่าต่อให้ฟรายาสไม่อ้อนวอนขอร้อง เธอก็ยอมช่วยตั้งแต่ครั้งแรกที่เอ่ยปากแล้วล่ะเพียงแต่นิสัยชอบแกล้งมันก็ไม่ได้ไปไหน ดังนั้นถือว่าฟรายาสทั้งซวยทั้งโชคดีเลยก็ว่าได้ที่มาเจอหญิงสาวผู้รวมนิสัยทั้งดีและไม่ดีไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
“แล้วก็วันนี้ฉันแวะไปที่โรงแรม ตอนนี้มันซ่อมเสร็จแล้ว ดังนั้นฉันจะไม่รบกวนพี่แล้วละ” โรเวเนียกล่าวสิ่งที่คิดไว้ ซึ่งก็เรียกเสียงอุทานจากฟรายาสได้เป็นอย่างดี
“อ้าว เจ้าจะไปแล้วเหรอ” ชายหนุ่มพูดด้วยใบหน้าเหวอ “อยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ ข้าไม่คิดเงินหรอก ห้องพักก็มีหลายห้อง เอาไว้เผื่อมีคนพาคนป่วยมาพักน่ะ”
โรเวนียเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “ที่นี่มีคนอื่นนอกจากข้าด้วยเหรอ”
“อ่อ ฮะๆ เธอเห็นประตูในห้องครัวมั้ยละ” หญิงสาวพยักหน้า ตอนแรกเธอคิดว่าน่าจะเป็นประตูออกไปหลังบ้านแต่ว่าท่าทางจะไม่ใช่ “ด้านหลังประตูเป็นทางแยกไปห้องพักอีกสี่ห้องน่ะ ตอนนี้ก็มีพรานบางคนที่ถูกสัตว์วิเศษในป่าทำร้ายมานอนพักอยู่เหมือนกัน” ชายหนุ่มฉีกยิ้มประมาณว่าฉันเก่งใช่มั้ยละ ช่างเหมือนกับจาเวสอย่างกับเป็นพี่น้องกัน เล่นเอาหญิงสาวหมดอารมชื่นชมไปเลย
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอรบกวนต่อไปแล้วกันนะคะ” หญิงสาวกล่าวตัดบท ลุกออกจากเก้าอี้เพื่อจะไปดูเจ้าตัวน้อยว่าเป็นยังไงบ้าง
“ถ้าเกิดจะไปหาตัวเล็กนั่นละก็ มันกำลังนอนอยู่น่ะ อย่าเพิ่งไปกวนเลย” ชายหนุ่มเอ่ยเมื่อเห็นหญิงสาวกำลังจะลุกออกไป โรเวเนียจึงหันมาเลิกคิ้วมอง
“เจ้าตัวเล็กกินอิ่มแล้วก็หลับไปเลย” คำตอบนั้นทำให้หญิงสาวกุมขมับ ตกลงเจ้าตัวน้อยจะไม่ทำอะไรนอกจากกินกับนอนใช่มั้ยเนี่ย !!!
“แล้วก็อีกอย่างนึง....” หญิงสาวหันหน้าไปมองฟรายาสที่กำลังทำสีหน้าเจ้าเล่ห์ “ขอบคุณนะจ๊ะสำหรับขนม” ว่าแล้วก็โบกถุงที่ไปหยิบมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ไปมา หญิงสาวหน้าแดงด้วยความอับอาย
“ฮึ่ย! คราวหน้าฉันจะไม่ให้อะไรแล้ว” ว่าแล้วก็กระทืบเท้าปึงๆออกไปจากห้องครัว ชายหนุ่มคาดว่าหญิงสาวน่าจะไปเดินตลาดคลายเครียด
ฟรายาสหัวเราะก๊าก หยิบขนมขึ้นมากินอย่างมีความสุข นี่ถ้าเจ้าตัวรู้ว่าส่วนผสมของขนมชนิดนี้คือเกสรดอกหิมะที่หาได้ยากในดินแดนแห่งนี้จนทำให้ขนมปุยหิมะที่มีสีน้ำตาลชนิดนี้มีราคาสูงถึงถุงละ 200 เดรคละก็นะ หึๆๆๆ
ในถุงนึงมีขนม 10 ชิ้น ดังนั้นราคาก็ตกชิ้นละ 20 เดรค ซึ่งขนมชิ้นนึงเทียบเท่ากับค่าอาหารที่เลี้ยงครอบครัวปานกลางครอบครัวหนึ่งได้ทั้งวันเลยทีเดียว 1 เดรคก็มีค่าเท่ากับ 100 เคล ส่วนใหญ่พวกเสื้อผ้าเครื่องประดับราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 เดรค หรือ 200-300 เคลนั่นเอง ทั้งสามอาณาจักรจะใช้แตกต่างกันเพียงสกุลเงินเท่านั้น ค่าของมันถือว่าเทียบเท่ากันและสามารถใช้ซื้อของได้ทุกอาณาจักรโดยไม่ต้องแลกเปลี่ยน ของอาณาจักรฟีรอสจะใช้เป็นสกุลฟีล โดย 1 ฟีล เท่ากับ 100 ฟัจ ส่วนอาณาจักรโรเดนเวียร์จะใช้เงินสกุลโรดิค ซึ่ง 1 โรดิคเท่ากับ 100 โร้ค
แล้วชายหนุ่มผู้ไม่ค่อยจะได้ใช้เงินซื้อของก็นั่งละเลียดขนมไปเรื่อยๆ
กลับมาทางด้านโรเวเนีย เธอกำลังเดินไปหาซื้อเนื้อมาเก็บไว้สำหรับเจ้าตัวน้อย อารมณ์พาลทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นและคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาจนไม่รับรู้โลกภายนอก มารู้สึกตัวก็ตอนที่มีแรงสะกิดไหล่นั่นละ
หญิงสาวมองไอศกรีมโคนที่ยื่นมาตรงหน้า สีฟ้าๆของมันทำให้ดูไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่เธอสนใจจริงๆคือมือขาวๆนั้นต่างหาก
“ไม่กินเหรอ อร่อยนะ” เจ้าของมือนั้นคือชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเรียบนิ่งและชอบอ่านนิยายอยู่เป็นนิจ มืออีกข้างของเขาถือไอศกรีมที่รูปร่างเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน และเมื่อเห็นเธอจ้องมองอยู่ชายหนุ่มก็หันหน้าไปด้านข้างแล้วเลียของในมือด้วยใบหน้าที่ติดจะแดงนิดๆ
“คิกๆ” โรเวเนียที่เห็นแล้วอารมณ์ขุ่นมัวหายไปทันทียื่นมือไปรับความหวังดีของอีกฝ่ายแล้วลองกินดูบ้าง อืม...ก็หวานๆเย็นๆเหมือนรสสายไหม จะว่าไปนายนี่ก็น่ารักดีนะเนี่ย เล่นเอาแกล้งไม่ลงเลยแฮะ ว่าแล้วก็หัวเราะคิกๆในใจ
ชายหนุ่มผมเงินออกเดินนำโดยไม่พูดอะไร ซึ่งเมื่อเห็นดังนั้นหญิงสาวเลยเดินตามหลังไปบ้าง ความคิดเพียงอย่างเดียวของเธอก็คืออยากจะรู้ว่าคนตรงหน้าจะไปทำอะไรกันแน่ สองร่างเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบ หญิงสาวเดินลั้ลลามองทางไปบ้างหันไปมองหน้าชายหนุ่มบ้างอย่างอารมณ์ดี จนในที่สุดคนเดินนำก็มาหยุดอยู่หน้าร้านๆหนึ่ง
หืม??? ร้านหนังสือ ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นร้านที่ทางโรงเรียนบอกให้มาซื้อหนังสือแต่ก็ไม่ใช่ ป้ายยักษ์เขียนชื่อไว้ตัวโตว่า ‘ร้านหนังสือมีชีวิต’
“ร้านนี้ขายหนังสือเก่าๆ” ชายหนุ่มที่เดินมาด้วยกันไขข้อสงสัย
“อ้อ!” แล้วเธอก็ตอบรับเบาๆ เดินเข้าไปในร้านบ้าง
“นายจะมาซื้ออะไรเหรอ” โรเวเนียที่เดินตามไปเรื่อยๆเอ่ยถาม
“ฉันจะหาซื้อหนังสือเกี่ยวกับอัญมณีแห่งดินแดน” แล้วก็ได้เสียงตอบกลับมาแบบเรียบๆ ไร้ซึ่งความรำคาญใดๆ และนั่นก็ยิ่งทำให้หญิงสาวร่าเริงเข้าไปใหญ่ รู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นปลิงเหมือนเจ้าจาเวสเข้าทุกที
คิดพลางสยองไปพลาง สงสัยฉันคงจะเจอเจ้าหัวแดงมากไปจนหลอนแล้วละมั้ง
จู่ๆร่างตรงหน้าก็หยุดกึก หันขวับมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวอย่างที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ดวงตาสีทองเบิกกว้างอย่างตกใจ
“ม...มีอะไรเหรอ”
“เธอ....” ชายหนุ่มใช้ดวงตาสีเงินอ่อนของเขาจ้องมองมา ทำเอาโรเวเนียถึงกับเคลิ้ม ดวงตาสีสวยแบบนี้อยากควักมันออกมาดูเล่นจังเลย! แต่นั่นก็เป็นได้แค่ความคิดละนะ...
“หึ!” เมื่อเห็นประกายที่สื่อออกมาจากดวงตาของหญิงสาว ชายหนุ่มก็แค่นหัวเราะ ดวงตาสีเงินพราวระยับอย่างขบขัน กระตุกยิ้มมีเสน่ห์ที่มุมปากเพียงแวบเดียวแล้วก็หายไปจนหญิงสาวไม่มีโอกาสจะมองได้ทัน “เลิกเดินตามได้แล้ว อยากได้อะไรก็ไปเลือกดู” ว่าแล้วก็เดินหนีไป
โรเวเนียทำท่าเสียดาย โรคอย่างที่สามของเธอคือแพ้คนตาสวย ชายหนุ่มเพื่อนใหม่ของเธอก็เป็นคนที่ตาสวยมากถึงมากที่สุด ดวงตาสีเงินอ่อนดูมีประกายระยิบระยับ แถมยังช่วยขับให้ใบหน้าที่ไร้ที่ติอยู่แล้วของชายหนุ่มดูดึงดูดมากกว่าปกติขึ้นไปอีกหลายเท่าอย่างลงตัวเป็นที่สุด
หญิงสาวตัดสิใจเดินหาหนังสือที่ตัวเองสนใจไปรอบๆร้าน แต่เธอก็ยังไม่เห็นว่าจะมีหนังสือมีชีวิตตรงไหน ร่างบางเดินลัดเลาะไปตามชั้นหนังสืออย่างสนใจ ขนาดหนังสือบางเล่มที่หยุดตีพิมพ์ไปเป็นร้อยปีแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะมีขายอยู่ที่นี่ หญิงสาวไม่ใส่ใจกับชั้นวางของไม้ที่ฝุ่นเขรอะ ไล่ดูหนังสือเล่มนู้นเล่มนี้ทีอย่างตื่นเต้นและหมายมาดในใจไว้ว่าไว้คราวหน้าเธอจะมาอีกอย่างแน่นอน
สุดท้ายหญิงสาวก็ได้หนังสือเกี่ยวกับหมาป่าแสงจันทร์มาเป็นตั้ง ในขณะที่ชายหนุ่มผมเงินที่เธอยังไม่รู้จักชื่อถือหนังสือปกแข็งที่ห่อหุ้มด้วยหนังมาเพียงเล่มเดียว แต่ว่าขนาดของมันก็กะประมาณได้เกือบๆ 2000 หน้า
“ซื้อไปทำไม” เสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยขณะรอเจ้าของร้านคิดเงินทำให้หญิงสาวสะดุ้ง
“อะ! คือสัตว์วิเศษฉันเป็นหมาป่าแสงจันทร์น่ะ” เธอตอบง่ายๆ
“หือ?” เสียงอุทานดูเหมือนจะสงสัย แต่เขาก็หันกลับไปสนใจคุณลุงเจ้าของร้านขายหนังสือต่อในทันทีโรเวนียจึงไม่คิดจะพูดอธิบาย
“3000 เดรคสำหรับพ่อหนุ่มคนนี้ ส่วนของแม่หนู 530 เดรค” ค่าหนังสือของชายหนุ่มทำให้เธอตาโต แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมอธิบายอะไรเพิ่มเติม
จนออกมานอกร้านหนังสือโรเวเนียก็ตัดสินใจเอ่ยถามอีกจนได้ “แล้วตกลงนายชื่ออะไร”
“.....” ดวงตาสีเงินเพียงจ้องมองมาที่เธอนิ่งๆ หญิงสาวทำหน้ามุ่ย
“ฉันไม่อยากรอนี่นา” เธอบ่นอุบอิบ แต่เมื่อนึกได้ว่าพูดอะไรออกไปแก้มของหญิงสาวก็แดงแปร๊ดอัตโนมัติ “อะ...คือไม่ได้หมายถึงแบบนั้นนะ แค่ว่านายเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกันแล้วเลยอยากจะรู้จักชื่อไว้เฉยๆ” โรเวเนียเอ่ยแก้แบบตะกุกตะกักแล้วก็ตาค้างเมื่อร่างตรงหน้าส่งเสียงหัวเราะออกมา
“หึๆ ฮะๆๆ เข้าใจละ” หนุ่มผมเงินยิ้มบาง “ฉันชื่อเวเฟียส ชารอเฟย์ อย่าลืมละกัน”
“อะ...อะไรนะ” หญิงสาวหน้าเหวอเมื่อได้สติ แต่ตอนนั้นร่างของเวเฟียสก็หายลับไปจากสายตาเสียแล้ว “ตอนแรกนึกว่าเป็นโรคกล้ามเนื้อใบหน้าตายซะอีกนะเนี่ย ตกลงยิ้มเป็นหรอกเหรอ???” อนิจจา สาเหตุที่หญิงสาวช๊อกค้างไม่ใช่อย่างที่ใครๆคิดเลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายแล้วโรเวเนียก็เดินกลับมายังบ้านฟาง แต่ดูเหมือนเธอจะลืมไปแล้วสิว่าเธอออกไปข้างนอกทำไม แต่เมื่อคิดได้มันก็คงสายเกินไปสำหรับวันนี้แล้วละ ลืมซื้อเนื้อให้เจ้าตัวน้อยอีกแล้ว! วันนี้มันจะวุ่นวายไปถึงไหนเนี่ยยยย!!!
..........................................................................................................................................................................
จบไปจนได้นะคะสำหรับตอนแรก สำหรับตอนที่สองน่าจะลงให้ได้ดึกๆ คือจอมเวทย์เขียนสดค่ะ แหะๆ วางพลอตไว้แค่คร่าวๆ จะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่บุญแต่กรรม
ความคิดเห็น