คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ 7 ซื้อของ
บทที่ 7 ซื้อของ
โรเวเนียได้รับใบรายการสิ่งของสำหรับนักเรียนชั้นปีหนึ่งจากอาจารย์ใหญ่ กว่าการสอบจะเสร็จสิ้นตะวันก็ตรงหัวแล้ว ในใบนั้นจะมีตราประทับว่าเธอได้ผ่านการทดสอบจริงๆ จากนั้นจึงจะสามารถซื้อชุดนักเรียนและหนังสือเรียนของโรงเรียนเวทย์มนตร์เดรคาสได้
ซึ่งตามรายการก็มีดังนี้
รายการ |
ชื่อร้าน |
ชุดเครื่องแบบนักเรียนโรงเรียนเวทย์มนตร์เดรคาส จำนวน 7 ชุด และรองเท้าบูท 1 คู่ |
ร้านตัดเสื้อเดรคาส |
คทาประจำตัว 1 ด้าม
ดาบประจำตัว 1 เล่ม |
ร้านค้าอาวุธลุงจอห์น |
หม้อสำหรับปรุงยา |
ร้านสมุนไพร |
หนังสือทฤษฎีเวทย์มนตร์ขั้นพื้นฐาน
หนังสือว่าด้วยทฤษฎีการใช้อาวุธขั้นพื้นฐาน
หนังสือเวทย์มนตร์ขั้นพื้นฐาน
หนังสือเวทย์มนตร์เพื่อการดูแลตัวเอง
หนังสือว่าด้วยการใช้ดาบขั้นพื้นฐาน
หนังสือว่าด้วยการใช้ธนูขั้นพื้นฐาน
หนังสือว่าด้วยการต่อสู้ด้วยมือเปล่าขั้นพื้นฐาน
หนังสือประวัติศาสตร์สามอาณาจักร
หนังสือว่าด้วยการเลี้ยงสัตว์วิเศษ
หนังสือว่าด้วยการปรุงยาเบื้องต้น |
ร้านหนังสืออิกดราซิลบุ๊ค |
ชุดนอนและชุดไปรเวท จำนวน 7 ชุด |
ห้องเสื้อเฟรย์ญ่า |
สัตว์วิเศษ 1 ตัว |
ร้านสัตว์วิเศษหรรษา |
อาหารของสัตว์วิเศษ |
ร้านขายอาหารสัตว์วิเศษโดยแม่มดลอเรนซ์ |
เมื่อจัดการธุระเรื่องสอบเสร็จสิ้นแล้ว สิ่งที่เธอกังวลใจก็คือค่าใช้จ่ายชดเชยสำหรับไฟไหม้โรงแรมในครั้งนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรู้แต่หญิงสาวก็ยังคงคิดที่จะรับผิดชอบอยู่ดี เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็ตัดสินใจทิ้งเจ้าตัวน้อยไว้ที่บ้านพี่หมอฟรายาสไปพลางๆก่อน
แต่สิ่งที่เธอตกตะลึงก็คือ นอกจากโรงแรมจะยังคงอยู่ดีมีสุข ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนแม้แต่ปลายก้อยแล้ว สภาพรอบด้านยังดูเป็นปกติเสมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวถือเป็นโชคดีของเธอที่ไม่ต้องมานั่งอธิบายให้เจ้าของโรงแรมฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นแถมไม่ต้องเสียเงินอีกด้วย
“เอ้า แม่หนูคนนั้นหายดีแล้วเรอะ เมื่อวานยังหลับไปจนข้านึกห่วงอยู่เลย” เสียงที่ดังมาจากข้างหลังทำให้โรเวเนียหันขวับไปมองแล้วก็พบใบหน้าใจดีของคุณป้าคนหนึ่งที่โผล่หัวออกมาจากหน้าต่างบานเล็ก เธอจำได้ว่าหญิงคนนี้คือหนึ่งในกลุ่มคนที่เรียกระดมพลนั่นเอง
เมื่อเห็นเธอดูจะสงสัยและปะติดปะต่อเหตุการณ์ไม่ได้ หญิงสาวก็เอ่ยออกมาอย่างรู้ใจ
“โรงแรมนั่นน่ะก็เหมือนกับบ้านของผู้คนในเมืองนี้ที่อยู่มาร้อยกว่าปีแล้ว ลงอักขระป้องกันอย่างหนาแน่นเลยละ จะเกิดเหตุร้ายแรงแค่ไหนขอแค่ไม่ลืมวาดอักขระเติมลงทุกปี ชั่วข้ามคืนมันก็กลับมาเหมือนเดิมแหละแม่หนู” โรเวเนียพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วพวกท่านจะช่วยกันดับไฟทำไมเหรอคะ ดูจะวุ่นวายมากเลยทีเดียว ถ้ารอให้มันไหม้ไปหมดแล้วเดี๋ยวก็กลับมาใหม่นี่คะ” คะถามของเธอทำเอาหญิงสาวเบิกตากว้างแล้วผลุบหายไปกลั้นหัวเราะ
“โอย ฮะๆ ข้าไม่คิดว่าจะมีใครถามเลยนะเนี่ย” โรเวเนียมองคุณป้าผู้ใจดีตอบคำถามเธออย่างงอนๆ “คือเจ้าคิดดูสิ บ้านแถวนี้ก็ทำจากอิฐที่ไม่แข็งแรงมากนักใช่ไหม ถ้าเกิดโดนเปลวเพลิงมันจะลุกลามไปทั่ว” หญิงสาวอธิบายง่ายๆ
“แต่มันก็ฟื้นคืนสภาพได้อยู่ดีนี่คะ” เธอยังคงไม่ค่อยเข้าใจ
“เจ้าเนี่ยน้า.....ก็ลองคิดดูสิว่าถ้าเจ้าไม่มีบ้านอยู่ซักวันนึง แถมต้องทนเห็นมันมอดไหม้ลงไปต่อหน้าต่อตา ยังไงก็ไม่ไหวใช่มั้ยละ” หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย
“ข้าเข้าใจแล้วค่ะ” เธอส่งยิ้มแหยเป็นการขออภัย
ก่อนจะเดินกลับไปถึงบ้านฟางของคุณหมอพเนจร โรเวเนียก็ได้ของติดมือมาหลายอย่างจากคุณป้าหลายคนแถวนั้น แถมยังกลายเป็นขวัญใจมหาชนอีกด้วย
“กลับมาเยี่ยมข้าบ้างละ” คุณป้าที่อยู่บ้านตรงข้ามกับโรงแรมเอ่ย
“ข้าไม่มีลูกหลาน เจ้าต้องมากินขนมที่ข้าทำนะ” คุณยายที่เธอเคยเห็นนั่งขายขนมอยู่ที่ตลาดกล่าวอย่างไม่น้อยหน้า
“คราวหน้าเอาหมาป่าน้อยมาด้วยละ ฉันอยากอุ้มมันบ้าง!” หญิงสาวหลายคนส่งเสียงกรี้ดกร้าดไปตลอดทาง เล่นเอาเธอรู้สึกอับอายเพราะมีคนจ้องมองจนรู้สึกคิดถึงเจ้าผ้าคลุมเพื่อนยากขึ้นมาในทันที
ดูเหมือนเรื่องที่เธอฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปช่วยเจ้าตัวน้อยอย่างไม่คิดชีวิตนั้น จะกลายเป็นเรื่องที่คนที่อยู่แถวนี้ทุกคนจะต้องรู้ไปซะแล้ว
เจ้าตัวน้อยกำลังนั่งคอยเธออย่างใจจดใจจ่อ ที่เธอรู้ไม่ใช่เพราะมีพลังพิเศษเห็นอนาคตได้ล่วงหน้าแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเมื่อเธอเดินก้าวเท้าเข้าไปในบ้านปุ๊บ ร่างเล็กก็กระโจนเข้าใส่จนเธอที่ไม่ทันได้ระวังตัวหงายหลังล้ม ตึง!อาการปวดหลังแล่นจี๊ดมาถึงศีรษะเลยทีเดียว
บ๊อก! บ๊อก! ฮ่าๆๆๆๆ
มันเห่าอย่างอารมณ์ดีแล้วเลียหน้าเธอจนเปียกชุ่ม เสียงหัวเราะไม่ใช่ของใครที่ไหน ชายหนุ่มนามว่าฟาราสเจ้าเก่านั่นเอง เธอทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ โยนเจ้าตัวน้อยที่ส่งเสียงร้องหงิงๆไปบนเตียงและตะเกียกตะกายลุกขึ้น
“เคยตายรึเปล่าคะ” ดวงตาสีทองตวัดไปมองร่างสูงด้วยหางตา
“โอ๋ๆ ไม่งอนนะๆ พี่ไม่หัวเราะเธอแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยง้อ โรเวเนียทำเสียง ชิ! ทำมคนพวกนี้ถึงเอาแต่คิดว่าเธองอนอยู่ได้นะ เด็กสาวนั่งแกะขนมที่รูปร่างเหมือนคุกกี้แต่ไม่ใช่ขึ้นมาเคี้ยวอย่างหงุดหงิด แล้วพบว่าอร่อยเกินคาด รสชาติที่หวานละมุนลิ้นและละลายทันทีที่เข้าไปในปากทำให้เธอรู้สึกเคลิ้ม เห็นทีคราวหน้าจะต้องไปอุดหนุนบ้างซะแล้ว
จากนั้นหญิงสาวเลยนั่งกินขนมส่วนของตัวเองไปพลาง บิแบ่งชิ้นเล็กๆให้เจ้าตัวน้อยกินไปพลาง ไม่สนใจคนตัวโตที่มองขนมในมือเธอแล้วหันมามองเธออย่างอ้อนวอนเลยแม้แต่นิดเดียว
“ขอพี่กินบ้างเถอะนะ ขนมร้านนั้นอร่อยมากที่สุดในเมืองเลย พี่เลี้ยงเจ้าตัวยุ่งนี่จนหมดตัวแล้วอะ นะๆๆๆ” ฟรายาสส่งสายตาปิ๊งๆ ดวงตาสีน้ำเงินกระพริบปริบๆดูน่าสงสาร
“ไม่ให้! ท่านยายที่ตลาดอุตส่าห์ให้มา เรื่องอะไรฉันจะต้องให้พี่ละ” โรเวเนียกินขนมยั่ว ฟรายาสมองได้ซักพักก็เดินคอตกออกไปจากห้องซึ่งโวเวเนียคิดว่าน่าจะออกไปซื้อของกินละมั้ง
“หิวจังเลยยยยยย” แล้วเธอก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญแว่วๆมา
หญิงสาวผุดลุกขึ้น เดินไปดูลาดเลาว่าเจ้าของบ้านยังอยู่รึเปล่า เมื่อไม่เห็นก็วางใจ เดินไปแบ่งขนมมาถุงหนึ่งแล้วเอาไปวางไว้ในครัว
“ให้แค่ถุงเดียวนะ” เธอบอกกับความว่างเปล่า จะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นคนช่วยเหลือเธอมาตลอด แต่จะให้คนขี้แกล้งอย่างเธอจะทำอะไรอย่างตอบแทนบุญคุณด้วยการทำตัวเป็นเด็กดี มีน้ำใจละก็ฝันไปเถอะ!
หญิงสาวจัดการให้เจ้าตัวน้อยที่ทานอิ่มจนหลับไปแล้วนอนอยู่บนเตียงดีๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเขี่ยจมูกมันเล่นอย่างหมั่นไส้ ตั้งแต่เจ้ามานี่ชีวิตข้ามีแต่ยุ่งเหยิงตลอดเลยนะเจ้าตัวยุ่ง! แล้วก็ได้เวลาที่เธอจะออกไปซื้อของซักที ถึงกว่าจะเปิดเรียนก็อีกอาทิตย์นึง แต่เธอคิดว่าเมื่อถึงเวลานั้นอย่างน้อยๆก็คงจะมีคนไปตัดชุดแบบฟอร์มนักเรียนไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งที่สอบผ่านอย่างแน่นอน ซึ่งถ้ามันลำบากนักก็ไปในวันที่คนเค้าไม่ไปกันอย่างวันนี้เลยดีกว่า
คว้าถุงเงินในกระเป๋ามาห้อยข้างเอว เหน็บดาบไว้ที่ด้านขวามือ แต่โรเวเนียเลือกที่จะไม่ใส่ผ้าคลุมไปเพราะว่าขณะนี้แดดกำลังจ้า หากใส่ไปคงไม่แคล้วไปเป็นลมที่ไหนสักแห่งแน่ๆ
ร่างบางที่เดินทอดน่องอยู่ในตลาดใจกลางเมืองเรียกสายตาสนใจจากผู้คนรอบข้างได้ในทันที ด้วยใบหน้าที่ออกจะสวยไปทางคมดุของเด็กสาวหรือดวงตาสีทองงดงามเปล่งประกายราวกับทองคำแท้ๆ ล้วนแล้วก็เป็นที่น่าสนใจและชวนให้อยากทำความรู้จัก
หนึ่งในนั้นก็คือเจ้าอันธพาลร่างยักษ์ที่วางท่าโก้ หญิงสาวมองแวบเดียวก็รู้ว่าเหล่าบรรดาลุงๆป้าๆที่ขายของอยู่นั้นมีปัญญาจัดการ แต่ด้วยความที่อาจจะกระจอกจนน่ารำคาญจึงได้ปล่อยให้มันเดินทำกร่างซึ่งเป็นสีสันแก่ตลาดดีไม่ใช่หยอก
“นี่น้องสาวคนนั้น มานั่งรินชาให้พี่หน่อยสิ ถ้าเกิดไม่มาพี่จะใช้กำลังกับน้องนะ” ชายตัวโตที่หน้าตาเหมือนปลาบู่ชนขอบบ่อตะโกนออกมาจากร้านน้ำชาที่เถ้าแก่ได้แต่ทำสีหน้าเบื่อๆ
“เจ้าพวกนั้นเอาอีกแล้ว” หญิงสาวร้านขายเครื่องประดับเอ่ยด้วยเสียงที่ไม่เบาเท่าไหร่นัก น้ำเสียงไม่พอใจอย่างเต็มที่ ทำให้โรเวเนียรู้ได้ว่าเรื่องแบบนี้น่าจะเกิดเป็นประจำ
“ใช่ๆ เจ้ามานั่งรินชาให้ลูกพี่ข้าซิ ลูกพี่ข้าเป็นถึงผู้ผ่านการคัดเลือกของโรงเรียนเดรคาสเลยนะ” เจ้าลูกน้องฉีกยิ้มฟันหลอน่ารังเกียจมาให้เธอ ลูกน้องของเจ้ายักษ์มี 5 คน แถมแต่ละคนยังหน้าตาห่วยแตกจนเธอรับไม่ได้
โรเวเนียคิ้วกระตุก แต่ปากยังคงรอยยิ้มหวาน
“ฉันก็สอบผ่านเหมือนกัน ถ้ายังไงจะลองมาประลองกันดูหน่อยมั้ยล่ะ” เธอลองพูดดีๆ มือบางเตรียมชักดาบออกมาพร้อมสู้ ยังไงเธอก็รู้ว่าไอ้พวกนี้ไม่มีวันจะเป็นนักเรียนของโรงเรียนเดรคาสได้อย่างแน่นอน เก่งแค่ไหนก็ตกสัมภาษณ์นั่นแหละ
ฮ่าๆๆ
เหล่าแก๊งปลาบู่หัวเราะก๊าก
“เห็นมั้ยวะ ผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวหรือจะสอบผ่าน ถ้าเจ้าสอบผ่านข้าก็ผ่านละวะ ฮ่าๆๆๆ” เจ้าลูกน้องคนเดิมเอ่ย
“ฮ่าๆ มาๆน้องสาว ไม่ต้องกลัวไปหรอก ส่วนเรื่องที่เจ้าโกหกข้าจะไม่ถือสาถ้าเจ้าจะไถ่โทษโดยมานั่งรินชาให้พวกเราซักสองวัน” เจ้าหัวหน้าแก๊งอันธพาลทำสีหน้าหื่นกระหายอย่างปิดไม่มิด และนั่นเองที่ทำให้เด็กสาวไม่ทนอีกต่อไป
อ๊ากกกกกกกก!!!
พริบตาเดียวเท่านั้น ปลายจมูกของชายร่างยักษ์ถูกเฉือนจนแหว่ง หลักฐานอยู่ที่ใบดาบของหญิงสาวที่มีเลือดชโลมจนชุ่ม ร่างบางยืนจังก้าอยู่กลางร้าน ใบดาบสีดำสนิทสะท้อนแสงแดดจนเป็นประกายงดงาม
“ไหนใครว่าสอบผ่านนะ ไร้ความสามารถขนาดนี้มันขยะชัดๆเลยให้ตายสิ” หญิงสาวกล่าวคำดูถูก หึ! ถ้าเกิดฉันเอาคทามาด้วยมันไม่จบแค่ปลายจมูกหรอก! ไอ้เจ้าพวกขี้โม้เอ๊ย!!!
“อั่ก! แก!!!!!!!!!!!!” มันคำรามอย่างโกรธแค้น ผุดลุกโซซัดโซเซแล้วซัดกำปั้นพุ่งเข้าหาหญิงสาวที่ใช้มือซ้ายที่ว่างรับอย่างสบายๆ เจ้าอันธพาลชักมือออกแล้วถอยกรูดไปด้านหลัง
เหล่าลูกน้องอันธพาลหน้าซีดเผือด วิ่งหนีหายไปทิ้งให้หัวหน้าแก๊งยืนเผชิญหน้ากับโรเวเนียคนเดียว
“ก....แก!” มันทำท่าเหมือนจะเข้ามาทำร้ายเธออีกครั้ง แต่ก็เปลี่ยนใจวิ่งหนีหางจุกตูดพร้อมกับกุมจมูกตัวเองไปด้วย “ฝากไว้ก่อนเถอะ!” ยังไม่วายหันหลังกลับมาตะโกน
หลังจากนั้นก็เหมือนเธอจะกลายเป็นขวัญใจของคนทั้งตลาดไปโดยปริยาย เดินไปทางไหนก็มีแต่คนยื่นของให้
“แม่หนูยอดเยี่ยมมากเลย ข้าละหมั่นไส้พวกมันนักแต่ข้าก็มีลูกสาวคนหนึ่งเลยไม่อยากจะเป็นจุดสนใจ พวกนี้มันกัดไม่ปล่อย ยิ่งถ้าผู้หญิงสวยๆนี่ยังไงมันก็ไม่ล้มเลิก แม่หนูระวังตัวให้มากๆนะ” ว่าแล้วก็ยัดผลไม้ใส่มือเธอมาหลายผล
การเดินไปร้านตัดชุดทำให้พื้นที่ว่างในกระเป๋าเธอเต็มอย่างรวดเร็ว แต่ว่าในที่สุดเธอก็มาถึงจนได้
กริ๊งๆ
โรเวเนียผลักประตูเข้าไป
“ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ รบกวนขอใบรายการด้วยนะคะ” พนักงานต้อนรับกล่าวอย่างนอบน้อม จนเมื่อเช็คใบรายการเสร็จแล้วหญิงสาวก็เดินนำไปยังห้องห้องหนึ่งที่มีป้ายเขียนไว้ว่าห้องวัดตัวตัดเสื้อ
เป็นเรื่องที่ผิดคาด โรเวเนียที่คิดว่าตัวเองเลือกจะมาซื้อของก่อนใครเพื่อนกลับพบบุรุษหัวแดงและหัวเงินนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“โรวววววววววววววววววว เธอหายไปไหนมา โฮๆๆ” เป็นจาเวสนั่นเองที่กระโดดเกาะเธอเหมือนลูกติดแม่
“ฉันไปไหนทำไมจะต้องบอกนายด้วย” เด็กสาวตอบกลับ
“แม่ฉันก็บ่นคิดถึงเธอ แถมเมื่อวานเธอก็ไม่ยอมรอฉันด้วย ฮือๆๆ” เจ้าหัวแดงร้องไห้โฮๆ แล้วเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าตกลงเจ้าหัวแดงสอบผ่านรึเปล่าเธอยังไม่รู้เลย
“ว่าแต่เจ้าสอบผ่านรึเปล่า แต่เจ้ามาตัดชุดก็น่าจะผ่านนี่นะ เวรกรรมอะไรของข้ากัน” โรเวเนียสรุปแล้วบ่นกับตัวเองโดยไม่รอคำตอบ “ว่าแต่ตกลงนายชื่ออะไรน่ะ” คราวนี้เด็กสาวหันไปถามหนุ่มหัวเงินที่นั่งอ่านหนังสือในท่าเดิมเป๊ะๆ
“ไว้เปิดเรียนเธอก็รู้เอง” ว่าแล้วก็พลิกหนังสืออ่านต่อไป โรเวเนียย่นจมูก ส่วนจาเวสก็คร่ำครวญไม่เลิก
“ถึงคิวน้องแล้วค่ะ” พนักงานสาวคนเดิมเดินมาสะกิด เด็กสาวตามไปให้เค้าวัดตัวอย่างว่าง่าย
เมื่อเสร็จเรียบร้อยเธอก็ไปรับเสื้อผ้าตรงเคาน์เตอร์จ่ายเงิน โชคดีที่ไม่ต้องตัดใหม่เพราะมีไซส์อยู่แล้ว จาเวสที่ตามมาด้วยบ่นอุบอิบกับราคา ส่วนคุณชายผมเงินไม่พูดอะไร จัดการธุระตัวเองเสร็จก็หายตัวไปไหนไม่รู้
“นายยังขาดอะไรอีกบ้าง” โรเวเนียหันไปถามจาเวส
“ก็มีหนังสือน่ะ แต่ว่าสัตว์วิเศษของฉันเป็นกระต่าย จะใช้ได้มั้ยนะ” เจ้าตัวตอบกลับมา
“ก็คงจะโอเคมั้ง” หญิงสาวหัวเราะคิกๆ เจ้าตัวน้อยของเธอเป็นหมาป่า ส่วนของจาเวสเป็นกระต่าย มันช่างเข้ากันสุดๆไปเลย
ทั้งสองพากันไปซื้อหนังสือซึ่งเยอะเอาการ โรเวเนียจึงใช้เวทย์ลดน้ำหนักให้ทั้งของตัวเองและของจาเวสซึ่งตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“เธอต้องสอนฉันด้วยละ!” เด็กหนุ่มผมแดงพูดย้ำกับเธอตลอดทางกลับบ้าน
“อืม” และเธอก็ตอบกลับแบบนี้เสียทุกครั้ง หึๆๆๆ คิดจะให้ฉันสอนเองนะ อย่ามาหาว่าโหดร้ายกันทีหลังล่ะ
เป็นอีกครั้งที่จาเวสเสียวสันหลังวาบ จึงขอตัวแยกกลับบ้านคนเดียว
“ฉ...ฉันไปแล้วนะ ระวังอย่าถูกใครฉุดละ” พูดจบเจ้าตัวก็วิ่งหนีไป ทิ้งให้โรเวเนียรู้สึกขัดใจกับสัญชาตญาณที่ดีเกินเหตุของอีกฝ่าย
“ชิ...อย่างนี้ฉันก็หมดสนุกกันพอดีนะสิ” เด็กสาวกล่าวอย่างหงุดหงิด เดินกลับไปยังบ้านฟางอย่างไม่เร่งรีบ
จาเวสเอ๋ย จาเวส ฉันว่านายหนีฉันไปไม่พ้นหรอก หึๆๆๆ หญิงสาวเดินยิ้มไปตลอดทาง
..........................................................................................................................................................................
เอาละ แก้ไขจนครบแล้ว ยังไงก็ฝากนอยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกต่อไปด้วยนะคะ ยังไงเนื้อเรื่องหลักก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปเลยค่ะ
ความคิดเห็น