ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The lost descendant princess : รัชทายาทแห่งความมืดผู้สาปสูญ

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 6 การทดสอบภาคปฎิบัติ ต้องบ้าพลังถึงจะผ่าน???

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 56


     





                    บทที่ 6 การทดสอบภาคปฎิบัติ   ต้องบ้าพลังถึงจะผ่าน???

     

                    เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา   โรเวเนียก็รู้สึกได้ถึงความสดชื่น   อาการบาดเจ็บที่หลังได้หายไปแล้วอย่างกับปาฏิหาริย์แสดงถึงความสามารถในการฟื้นตัวของพลังแห่งแสงสว่างในตัวเธอที่มากมายจนน่าอัศจรรย์ใจ  วันนี้ เธอจัดแจงฝากเจ้าตัวน้อยไว้กับพี่หมอแล้วเดินไปยังโรงเรียนอย่างไม่เร่งรีบ วันนี้เธอตื่นก่อนเวลาถึงสองชั่วโมง

     

                    เวลาเจ็ดโมงตรงร่างของโรเวเนียก็ปรากฏขึ้น ณ ลานกว้างแห่งเดิม   เธอจัดแจงเอาคทาอันใหม่มาทดสอบด้วยเวทย์อย่างง่ายโดยไม่ต้องกังวลว่าจะไปโดนใครเข้า   เพราะนับจากคนที่เข้ารอบเมื่อวานแล้วมีเพียงสองร้อยกว่าคนเท่านั้นเอง   แถมเวลาเช้าขนาดนี้คงไม่มีใครอยากตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างแน่นอน

     

     

                    หญิงสาวจัดการเลือกมุมที่ผู้คนดูบางตา   พึมพำร่ายเวทย์แห่งแสงที่เธอถนัดรองมาจากเวทย์สายความมืดเบาๆ

     

                    “พาราดัสลูกไฟสีขาวนวลปรากฏขึ้นตรงหน้า   เธอบังคับให้มันเคลื่อนไหวอย่างอิสสระ   ดวงแสงขนาดเท่ากำปั้นแตกกระจายออกเป็นดวงแสงเล็กๆมากมาย   แสงระยิบระยับสะท้อนแสงแดดทำให้มันดูสวยงามอย่างยากจะละสายตา   คงจะดีกว่านี้ถ้าเธอไม่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง

     

                    “โห  สวยจังเลยจาเวสเจ้าเก่านั่นเอง

     

                    เด็กหนุ่มเอานิ้วจิ้มๆดวงแสงนั้น   ทำหน้าเหมือนกับได้ของเล่นใหม่

     

                    “นี่ๆ   สอนฉันทำมั่งสิ   ทำยังไงน่ะเด็กหนุ่มหันมาเขย่าแขนโรเวเนีย   ซึ่งหญิงสาวทำหน้าเหม็นเบื่อกลับ

     

                เวทย์พาราดัสไง   อย่าบอกนะว่านายไม่เคยฝึกควบคุมมันเลยน่ะเวทย์นี้แท้จริงแล้วคนส่วนใหญ่จะต้องเรียนรู้เป็นพื้นฐาน   เพราะมันใช้ส่องทางในความมืดนั่นเอง

     

                    จาเวสทำตาโต ฉันไม่รู้นี่นาว่ามันทำอย่างนี้ได้   งั้นขอลองบ้างดีกว่าว่าแล้วก็ทดลองเล่นอย่างสนุกสนาน   ดวงแสงขนาดเท่าก้อนหินก้อนเล็กๆปรากฏออกมาหลายก้อน   แต่ชายหนุ่มก็ไม่สามารถทำให้มันเล็กจนกลายเป็นประกายแสงได้ซักที   มองไปซักพักโรเวเนียก็หัวเราะ

     

                    “นายใช้คทาควบคุมดีกว่า   มันจะช่วยได้เยอะเลยละว่าแล้วก็ยื่นคทาในมือของตนไปให้   จาเวสรับมาอย่างยินดี

     

                    ไม่ถึงห้านาทีจาเวสก็ทำแบบโรเวเนียได้   เด็กสาวแอบภูมิใจนิดๆเหมือนกัน   ตามจริงแล้วเวทย์นี้เป็นเวทย์ง่ายๆ   แต่จะทำได้แบบเธอนั้นจะต้องเป็นคนที่มีพลังเวทย์สูงมากพอจะทำให้มันละเอียดถึงขั้นเป็นประกายแสง   เห็นทีเธออาจจะได้ลูกศิษย์ซะแล้วสิ   รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว

     

                    จาเวสที่รู้สึกเสียวสันหลังวาบเลิกเล่นแล้วยื่นคทาในมือคืนเจ้าของตัวจริง   เหงื่อแตกพลั่กอย่างกับไปวิ่งมาสิบกิโล

     

                    “ไม่เล่นแล้วเหรอเด็กสาวส่งยิ้มหวาน

     

                    “อ......เอ่อ   ไม่ดีกว่า   เดี๋ยวต้องไปซ้อมดาบน่ะ   ไปก่อนนะ   แหะๆจาเวสที่เกือบจะเคลิ้มไปกับรอยยิ้มนั้นส่ายหัวดิกอย่างที่สัญชาตญาณสั่งให้ทำ   จากนั้นก็วิ่งไปหวดดาบกับลมอยู่อีกฟากหนึ่งของลาน

     

                    ส่วนโรเวเนียที่ทดสอบแล้วว่าคทาด้ามนี้พอใช้ได้จึงไม่สนใจอะไรอีก   หาที่นั่งแล้วเหม่อมองบรรยากาศรอบตัวไปเรื่อยๆ   ลมที่พัดอย่างแผ่วเบาทำให้เธอเคลิ้มจนเกือบจะหลับไปแล้วถ้าไม่สังเกตเห็นร่างในชุดคลุมแบบเดียวกับที่เธอมีเดินผ่านหน้าไป   แต่สิ่งที่เธอสะดุดใจคือใบหน้าที่เรียบเฉยราวกับโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจต่างหาก

     

                    อาการอยากแกล้งคนของหญิงสาวสะกิดให้ตัวเธอเองจดจำใบหน้านั้นไว้อย่างแม่นยำ   จากที่เธอสังเกตเห็น   นอกจากดวงตาสีเงินสว่างที่ดูเย็นเยียบและริมฝีปากสีแดงสดตัดกับผิวขาวจั๊วอย่างที่ผู้หญิงยังต้องอิจฉาแล้ว   บุรุษผู้นี้ก็ไม่มีอะไรเลยที่จะสามารถตำหนิได้   แต่นั่นก็ยิ่งกระตุ้นให้อาการอยากแกล้งคนของเธอกำเริบมากกว่าเดิม  

     

                หึๆ   นายโชคดีมากเลยนะเนี่ย   ฉันไม่ได้รู้สึกอยากแกล้งใครมาหลายปีแล้วสิ   หญิงสาวคิดพลางตาเป็นประกาย   อาการง่วงหายไปจนหมดสิ้น

     

                    เมื่อถึงเวลาเรียกรวมตัว   เสียงของอาจารย์ใหญ่อาร์ราคัสก็ดังขึ้นอย่างอัตโนมัติ

     

                    “เอาละว่าที่นักเรียนที่รัก   ข้าดีใจเป็นอย่างยิ่งที่พวกเจ้ามากันตรงเวลา   ส่วนพวกที่ยังมาไม่ถึงหรือยืนอยู่นอกวงกลมข้าจะให้เวลาอีก  30 วินาที   ถ้าหลังจากนี้ข้าจะถือว่าพวกเจ้าเลือกที่จะไม่สอบ  เมื่อครบตามเวลาตัวเจ้าจะถูกส่งไปยังห้องทดสอบทันที   โชคดีนะ เหอๆๆเสียงประกาศยังคงเป็นเอกลักษณอยู่ดีแม้ว่าคนประกาศจะหายไปอยู่ส่วนไหนของโลกก็ไม่รู้

     

                    ผู้เข้าสอบหลายคนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาทันเวลา   แต่เมื่อครบ 30 วินาที   แสงสีขาวค่อยๆทอขึ้นมาอ่อนๆ      ก่อนจะหลับตาลงนั้นเด็กสาวเห็นบางคนที่มาไม่ทันถูกดีดกระเด็นออกไป   จากนั้นทุกอย่างก็สว่างเจิดจ้า

     

                    เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง   สภาพรอบด้านก็กลายเป็นสนามฝึกไปซะแล้ว   เธอเห็นชายร่างยักษ์กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงม้าหินกลางสนามและมีผู้เข้าสอบหลายสิบคนกระจายออกไปรอบๆ   แต่ตามที่เธอเห็นนั้นมันก็ยังไม่น่าจะถึงร้อยคนเธอจึงคิดว่าคงจะแบ่งการสอบออกไปแบบสุ่ม

     

                    “ฮ่าๆๆ   การสอบคราวนี้ใครแข่งงัดข้อกับข้าชนะจะผ่าน   กำหนดผู้ผ่านแค่ยี่สิบห้าคนเท่านั้น   เอ้า   เร็วๆสิ!   เดี๋ยวปรับตกหมดทุกคนซะหรอก!!!หลายคนตรงนั้นมองหน้ากันเลิกลั่ก   จนมีคนกล้าเข้าไปงัดข้อเท่านั้นเอง   เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นจากฝ่ายหญิง   ส่วนฝ่ายผู้ชายก็กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก!

     

                    กร๊อบ!

     

                กระดูกข้อมือของเด็กหนุ่มคนนั้นแตกละเอียด   มีบางส่วนแทงออกมานอกผิวหนัง   เขาใบหน้าซีดเผือดแต่ไม่ส่งเสียงร้องออกสักแอะ   เดินกุมข้อมือตัวเองไปทางเต็นท์พยาบาลที่เธอไม่ได้สังเกตเห็นตั้งแต่ทีแรก

     

                ใช้ได้ๆ   ใจสู้ดี!   แต่ไอ้พวกที่เหลือน่ะถ้าขลาดนักก็กลับบ้านไปดูดนมแม่ไป๊!คำพูดที่รุนแรงทำให้คนที่เห็นตัวอย่างแล้วไม่กล้าเข้ามาประลองเลือดขึ้นหน้า   ไปท้าสู้กันวนเวียนไปเรื่อยๆ   แพ้ก็ไปรักษา   กลับมาสู้ใหม่   จนตอนนี้เด็กหนุ่มคนนั้นได้ผ่านไปเป็นคนแรกด้วยความสงสารจากชายร่างยักษ์

     

                    โรเวเนียที่นั่งมองอยู่เฉยๆมาตั้งนานแล้ววิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่ตนจะสอบผ่านอย่างรวดเร็ว   และแล้วเธอก็ยิ้มอย่างยินดีเมื่อคิดอะไรออก   ร่างบางเดินอย่างแน่วแน่ไปยืนอยู่ข้างๆโต๊ะที่กำลังท้าประลองกันอยู่จนเด็กสาวที่โดนชายร่างยักษ์บีบจนข้อมือบวกช้ำกลั้นน้ำตาแล้ววิ่งออกไปเธอก็เอ่ยขึ้น

     

                    “ขออภัยค่ะ   แต่ข้าอยากจะถามท่านว่าท่านมีนามว่าอะไรหรือคะ หน้าของเด็กสาว   ฉีกยิ้มให้เห็นฟันขาวจั๊วภายใต้หนวดที่ยาวเฟิ้ม

     

                    “ฮ่าๆๆ   เห็นแก่เจ้าที่กล้าถาม   ข้ามีนามว่าผู้บ้าพลังอูเยซ   เป็นนักรบอันดับหนึ่งของครอซแลนด์อย่างไรล่ะแล้วก็มองหน้าเธอครู่หนึ่ง แล้วเจ้าไม่คิดจะมาทดสอบดูบ้างหรือ   คนอื่นก็แพ้กันไปเยอะแล้วนาว่าแล้วก็หัวเราะฮี่ๆ

     

                    เด็กสาวนั่งลงตรงม้านั่ง   วางศอกลงกับพื้นโต๊ะหิน ข้าชื่อโรเวเนีย   เป็นคนแรกที่จะชนะการประลองค่ะ!

     

                เสียงเชียร์จากรอบข้างดังกระหึ่มขึ้นในทันที

     

                    “สู้เค้านะ!

     

                    “เธอต้องชนะอยู่แล้วละ!

     

                    “เฮ้ๆ  เอาเลยๆๆๆ

     

                    และคำเชียร์อีกมากมาย

     

     

                 อูเยซไม่ได้โกรธเพราะเสียงเชียร์เหล่านั้น   แต่ตั้งท่าเตรียมพร้อม   เขาหัวเราะอย่างถูกใจ งั้นมาดูกัน!

     

                     ไม่ทันได้กระพริบตา   แขนของชายร่างยักษ์กระแทกพื้นโต๊ะดัง   ตึง!    เรียกสีหน้าตกตะลึงจากรอบด้านได้เป็นอย่างดี

     

                “...”

     

                    “...”

     

                    “เจ้าทำได้ไงน่ะชายร่างยักษ์เอ่ยหลังจากต่างฝ่ายต่างเงียบ   ทำสีหน้าไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น   ดูเหมือนผู้เข้าสอบคนอื่นๆต่างก็เป็นใจ   ทั้งสนามเลยเงียบกริบรอฟังคำตอบของเด็กสาว

     

                    โรเวเนียเกาแก้มอายๆ ก็...ท่านไม่ได้บอกว่าห้ามเสริมพลังนี่คะว่าแล้วก็เงียบ   รอฟังผล

     

                    “...”

     

                    “...”

     

                    “หึหึ...ฮะๆ...วะ ฮะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆอูเยซหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ถูกใจ...ถูกใจซะจริง!   โอย...ฮ่าๆ   เจ้าผ่าน   ไปเลยๆ   ข้าให้เจ้าผ่าน  หึๆ...ใช้พลังได้สินะประโยคสุดท้ายเขาพูดกับตัวเอง

     

                    โรเวเนียรีบเดินออกมาทางประตูมิติที่เปิดขึ้นเมื่อมีคนผ่านการทดสอบ   ห้องสำหรับผู้ที่ผ่านถูกประดับด้วยรูปภาพต่างๆมากมายและชั้นหนังสือยักษ์อีกสองชั้น   มีโซฟาอยู่หลายตัวกลางห้อง   แต่เธอก็ไม่ได้สบายใจเท่าไหร่นักเพราะลางสังหรณ์ของเธอบอกว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นซักอย่างหลังจากที่เธอออกมาแน่ๆ   แล้วก็ตามคาด.....

     

                    กลับไปที่ฝ่ายอูเยซ   เมื่อได้ยินโรเวเนียกล่าวดังนั้นชายหนุ่มก็เผยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม   แววตาดุดันกระหายเลือดราวกับสัตว์วิเศษที่ดุร้ายในป่า

     

                    “เสริมพลังได้งั้นหรือ   หึๆ   เข้ามาเลย!แขนสองข้างเกร็งนูนราวจะปริแตก   เผยให้เห็นเส้นเลือดเด่นชัดตามผิวหนัง   ตอนนี้เขาดูเหมือนสัตว์ประหลาดหรือพวกปีศาจไปแล้ว

     

                    พวกผู้เข้าสอบที่เอ่ยเชียร์เด็กสาวในตอนแรกต่างพากันหน้าซีด   ในใจเปลี่ยนเป็นก่นด่าแล้วร่ำไห้

     

                    “เพราะเจ้าแท้ๆเชียววววววววววววววววววววววววว!!!!!!ชายคนหนึ่งกรีดร้องโหยหวน

     

                    ส่วนฝ่ายโรเวเนียที่กังวลใจอยู่ได้ไม่นาน   เสียงทักทายจากด้านหลังก็ทำเอาเธอสะดุ้งจนเกือบสะดุดหัวทิ่มพื้น

     

                แฮ่!

     

                    “กรี้ดดดดดดดดดดดดดดด!!!เด็กสาวกรีดร้องเสียงหลงอย่างลืมตัวจนผู้คนในห้องหลายคนหันมามอง   เมื่อหันไปก็พบกับใบหน้าทะเล้นของเพื่อนชายเพียงคนเดียวตั้งแต่ที่เธอมาที่นี่

     

                    “เธอดูตกใจนะร้อยยิ้มแป้นบนใบหน้าของหนุ่มผมแดงทำให้โรเวเนียรู้สึกเกลียดจับใจ   เดินไปทิ้งตัวบนโซฟาตัวหนึ่งโดยไม่ได้สังเกตว่ามีบางคนนั่งอ่านหนังสืออยู่ก่อนแล้ว   ดวงตาสีเงินตวัดมามองก่อนจะหันกลับไปสนใจหนังสือตามเดิมโดยที่คนถูกมองไม่ได้หันไปสนใจ

     

                    “โอ๋ๆ งอนเหรอเนี่ยจาเวสวิ่งตามมาง้อ

     

                    ชิ้งงงงง!!!

     

                เด็กสาวหันกลับไปมองอย่างดุดัน ทำไมฉันต้องไปงอนอะไรไม่เข้าท่ากับคนไร้ค่าอย่างนายด้วย” 

     

                    จาเวสคราง หงิงๆ แล้วเดินสลดไปนั่งโซฟาฝั่งตรงข้าม   โรเวเนียเชิดหน้า   ยังรู้สึกโมโหไม่หาย   จนคนเข้ามาในห้องได้ประมาณร้อยกว่าคน   อาจารย์ใหญ่อาร์ราคัสก็เดินเข้ามาในห้อง

     

                    “เอาละ   ทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้ผ่านการทดสอบกันทุกคนแล้ว   ส่วนพวกที่เหลือคือคนที่ยอมแพ้ดวงตากร้านโลกมองไปทั่วห้อง พวกเจ้าคงสงสัยว่าทำไมถึงไม่เจอเพื่อนทุกคน   ข้าจะอธิบายให้ฟังในตอนนี้   เริ่มแรกคือในการสอบครั้งนี้จะมีห้าภารกิจด้วยกัน   คือภารกิจแข่งงัดข้อกับนักสู้อูเยซจะเป็นคนจากทางแดนเหนือ   ภารกิจดำน้ำหาหาไข่มุกในทะเลสาปจะเป็นของคนจากทางใต้   ภารกิจต่อสู้กับวิหคลมจะเป็นคนจากทางตะวันออก   คนในแดนทางตะวันตกจะเป็นด่านแย่งไข่มังกร   และใครที่อยู่ในเขตแดนตรงกลาง   คือเมืองเดรคาสแห่งนี้   จะได้รับภารกิจตามหาแผนที่อาณาจักรในป่าเมื่อพูดจบ   อาจารย์ใหญ่ก็ได้รับสายตางุนงงจากทั้งคนในและนอกอาณาจักร   จนมีเด็กสาวผมฟ้าซอยสั้นตัดสินใจยกมือขึ้น

     

                    “เอ่อ...เมืองนี้ชื่อเดรคาสเหรอคะ   ไม่ใช่ว่าเป็นเขตโรงเรียนเฉยๆเหรอคะ

     

                    “นี่พวกเจ้ามาสอบโดยที่ไม่รู้อะไรเลยเหรออาร์ราคัสทำสีหน้าเหนื่อยใจ ชื่อโรงเรียนก็ตั้งตามชื่อเมืองนั่นแหละ   แล้วชื่อเมืองก็ตั้งตามชื่ออาณาจักร   เพราะว่ามันอยู่ตรงกลาง

     

                    เหล่าผู้สอบผ่านเกือบทุกคนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง   โรเวเนียที่รู้อยู่แล้วเหลือบไปมองคนข้างๆที่ไม่สนใจอะไรนอกจากอ่านหนังสือ

     

                    แหม   น่าจับหนังสือนั่นมาเผาทิ้งซะจริงๆเลย ความคิดชั่วร้ายต่างๆเริ่มไหลเข้ามาในหัว   จนอาจารย์ใหญ่กระแอมขึ้นทีหนึ่ง   เจ้าคนตาสีเงินที่เธอเพิ่งเห็นว่าแม้แต่สีผมก็เป็นสีเงินก็ปิดหนังสือและหันหน้าไปมองโดยไม่สนใจอาการจดจ้องจากเธอ   ผ้าคลุมบนหัวถูกปลดออกให้เจ้าของได้อ่านหนังสือสบายๆ

     

                    อะแฮ่มๆ

     

                    “เอาเป็นว่า   ต่อไปนี้จะเป็นการสอบสัมภาษณ์โดยข้าจะเป็นคนทดสอบด้วยตัวเอง   นั่นคือให้เจ้าทุกคนคิดว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตัวเจ้า   แล้วก็มาตอบข้าพร้อมกับเหตุผล   จำไว้ว่าพวกเจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวและข้าจะไม่สนใจว่านักเรียนของข้าจะครบร้อยคนรึเปล่า   แน่นอนว้าหากข้าพอใจเจ้าอาจจะเป็นคนที่มากกว่าร้อยเมื่อพูดจบ   ชายชราก็เดินหายเข้าไปในประตูบานหนึ่งที่โผล่ขึ้นมากลางอากาศ   บานประตูนั้นมีสัญลักษณ์รูปวงกลมที่เปล่งแสงสีเขียวประดับอยู่ตรงกลาง

     

                ผู้เข้าสอบหลายคนเลือกจะเดินเข้าไปเป็นคนแรกๆแต่อีกหลายคนก็เลือกจะรอให้คนอื่นเดินเข้าไปก่อน   ซึ่งเด็กสาวคือหนึ่งในนั้น

     

                    โรเวเนียเห็นคนแล้วคนเล่าหายเข้าไปในนั้น   และทุกครั้งที่มีคนเข้าไปวงกลมนั้นจะเปล่งสีแดงออกมา   จนเมื่อสีเขียวกลับมาอีกครั้งจะเป็นสัญญาณว่าการทดสอบได้เสร็จสิ้นไปแล้ว   ส่วนจาเวสที่ยังเข้าใจว่าเธองอนได้เดินเข้าไปทดสอบเป็นคนแรกๆ   สงสัยคงจะเศร้าละมั้ง   แต่เจ้าตัวต้นเหตุก็ไม่คิดจะไปสนใจ   เพราะคนแบบเจ้านั่นเดี๋ยวก็กลับมาร่าเริงเอง

     

                    โรเวเนียรอจนเหลือเธอกับชายหนุ่มผมเงินที่นั่งข้างๆ   แสงบนประตูยังคงเป็นสีแดง   หญิงสาวจึงหันไปสนใจหนังสือในมือเล่มนั้น

     

                    “นายอ่านอะไรอยู่น่ะเธอเอ่ยถาม   ซึ่งก็เรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี

     

                    “นิยายเสียงนุ่มทุ้มตอบกลับมาเรียบๆ   ขยับผ้าคลุมมาคลุมหัวเหมือนจะบอกว่าอย่ามายุ่ง

     

                    หญิงสาวได้ฟังก็หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี   มองสัญลักษณ์ที่เปลี่ยนเป็นสีเขียว ขอเชิญท่านเจ้าชายเข้าไปก่อนเลยค่ะหญิงสาวหันไปกล่าว

     

                    ดูเหมือนดวงตาสีเงินนั้นจะเบิกกว้างนิดๆ   แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง   โรเวเนียชื่นชอบดวงตาของเขามากเป็นพิเศษ   มันดูเปล่งประกายอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็น่าแกล้งมากกว่า คิกๆ  

     

                    ชายหนุ่มผมเงินเก็บหนังสือลงกระเป๋าข้างกายแล้วเดินหายเข้าไปในประตู   หญิงสาวนั่งรอเงียบๆจนสัญลักษณ์กลายเป็นสีเขียวอีกครั้งจึงเดินเข้าไปบ้าง

     

                    ภายในห้องเป็นเหมือนห้องทำงานตามปกติ   ชายชรานั่งรออยู่ก่อนแล้ว   รอยยิ้มอบอุ่นส่งมาให้เธอเหมือนวันแรกที่เธอเคยพบกับเขา   เด็กสาวก้าวเท้าไปนั่งตรงเก้าอี้อย่างไม่มีอาการประหม่า

     

                    “เราพบกันอีกแล้วนะสาวน้อยลมกรดชายชราเอ่ย ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเก่งถึงขนาดผนึกพลังเข้ากับร่างกายได้ตั้งแต่พลังเวทย์ยังไม่เสถียร

     

                    “คงเพราะข้าทำอาหารแล้วเกิดอุบัติเหตุบ่อยๆเลยต้องฝึกไว้น่ะค่ะ   แต่ข้าก็ไม่คิดเลยว่าท่านจะเป็นถึงอาจารย์ใหญ่แบบนี้เด็กสาวยิ้มแล้วเอ่ย

     

                    “ฮ่าๆ   ก็ข้าอย่างเปลี่ยนบรรยากาศบ้างอะไรบ้างแล้วเหมือนจะนึกขึ้นได้ อูเยซฝากมาบอกว่า   คราวหน้าให้เจ้ามาประลองกันอีกน่ะ   เจ้าเด็กน้อยนั่นฝากมาบอกด้วยว่าถ้าเจอกันอีกครั้งแล้วเจ้าไม่ยอมแข่งกับเขาละก็   เขาจะไม่ให้เจ้าสอบผ่าน   เจ้าโชคดีนะที่อูเยซลงมาสอนวิชาการต่อสู้มือเปล่าด้วยตัวเองเลยน่ะชายชราเสริมความสยองด้วยเสียงหัวเราะ เหอๆ

     

                    เด็กสาวยิ้มแหยๆตอบรับ นี่คือโชคดีเหรอคะ

     

                    “เอาละ   ทีนี้บอกข้ามาถึงสิ่งสำคัญที่สุดของเจ้า   และเหตุผลที่ทำให้สิ่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญชายชราเริ่มเข้าเรื่องหลังจากออกทะเลไปนาน   เด็กสาวรวบรวมสมาธิก่อนจะเอ่ยช้าๆแต่ชัดเจน

     

                    “สำหรับข้า   ชีวิตสำคัญที่สุดค่ะ   เพราะพ่อแม่ข้ารักข้ายิ่งกว่าชีวิต   ข้าที่รักพ่อแม่มากๆจึงคิดว่าชีวิตข้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุด   ข้าจึงพยายามมีความสุขในแบบที่ข้าเป็น   ไม่ใช่คนดีมากมายอะไรแต่ก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน   ไม่ทำอะไรแย่ๆให้พ่อกับแม่ข้าต้องเสียใจ   แบบนี้พอจะเป็นคำตอบได้มั้ยคะดวงตาสีทองทอประกายแดงวาบชั่วขณะหนึ่ง

     

                    อาจารย์ใหญ่อาร์ราคัสยิ้มอย่างพอใจ

     

                    “สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่คำตอบที่สวยหรู   แต่มันคือคำตอบที่แสดงให้ข้าเห็นว่าเจ้ามีจุดหมายของตัวเอง   และเจ้ามุ่งมั่นที่จะเดินไปตามเส้นทางที่เจ้าได้เลือกเดินจริงๆ

     

                โรเวเนีย   ราฟรานคาส   เดรโครลัสเทียร์   คือคนสุดท้ายที่ผ่านการคัดเลือกในปีนี้

    ..........................................................................................................................................................................


    อย่างที่บอกไปนะคะ   จะยังมีการใช้ ข้า-เจ้า สำหรับการพูดกับคนอายุมากกว่า   เล่นเอาตาลายเลยนะเนี่ย
    คำอธิบาย: http://my.dek-d.com/a/modules/DDRTE/editor/plugins/dekdee/images/y-013.gif

     

                   

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×