ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : วันแรก ณ เขาชนไก่
วันที่ 12-01-11 เวลา 04.00 am
ตื่นมาอาบน้ำ หนาวมากกกก >__< ไม่อาบก็ไม่ได้ แนะนำว่าอย่าอาบน้ำอุ่นค่ะ เพราะจะทำให้ผิวแห้งแล้วการอาบน้ำเย็นเป็นการวอร์มร่างกายให้คุ้นกับสภาพน้ำ เย็นๆที่เราต้องไปเจอที่เขาชนไก่ด้วย แต่งตัวโปะครีมกันแดดไปเต็มที่ (รู้ก็รู้ว่ามันไม่เป็นผลหรอก แต่ก็อยากจะทาไปอะนะ)
ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมขอเงินหมะม๊านะคะ และแพ็คใส่ถุงซิปล็อกให้เรียบร้อย
สำหรับใครที่ยังไม่เคยไป อย่าคิดว่าไปเขาชนไก่แล้วจะไม่ใช้เงิน เอาไปเลยค่ะ อย่างน้อยสามร้อย แต่อย่าเอาไปเยอะเว่อร์นะคะ เพราะเพื่อนที่ไปด้วยกันพกไปทั้งบัตรเครดิต ทั้งเงินสดพันกว่าๆ หายไปหมดเลย T^T สำหรับรด.ญ ปีสาม เอาไปไม่เกินห้าร้อยก็พอค่ะ นอกจากคนที่คิดว่าจะต้องขึ้นแท็กซี่กลับบ้านแน่ๆ ก็เตรียมเงินไปให้พอกับค่าแท็กซี่ด้วยแล้วกันนะ!
ของที่จะต้องพกติดตัวก่อนออกจากบ้านเลย (เพราะพอไปถึงที่นู่นแล้วเราจะไม่มีเวลามานั่งควักมันออกจากเป้ได้ค่ะ) ก็คือ....
1 เงินสด (ไม่ต้องเอากระเป๋าตังค์ไปนะ) แยกเงินไว้สองที่คือที่ติดตัว กับ ในเป้สำหรับค่ารถกลับบ้านนะ เพราะที่นั่นรายจ่ายเยอะมากระวังใช้เงินจนไม่มีเงินกลับบ้านหล่ะ
2 โทรศัพท์มือถือที่มีแบตเต็มอัตราศึก
3 พลาสเตอร์ยาปิดแผลซักสี่แผ่น (เผื่อเป้นแผลไงเพราะเราต้องเดินป่า)
4 ผ้าปิดจมูกแบบใช้แล้วทิ้ง 3 ชิ้น (นอกซะจากว่าคุณอยากจะสูดฝุ่นกลับมาฝากคนที่บ้าน)
5 เอียร์ปลั๊ก หรือ ที่อุดหู เพราะปี 3 ต้องยิงปืนด้วยกระสุนจริง ซึ่งเสียงมันจะดังสุดๆ ในวันที่สองและเช้าวันนั้นคุณจะต้องตื่นตี 5 เดินทางไปสถานียิงปืนตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ซึ่งคุณมีเวลาเตรียมตัวอาบน้ำ แปรงฟันแค่ 10 นาทีดังนั้นคุณไม่มีเวลาค้นของในเป้หรอก เชื่อพุดซาเหอะ (เพราะพุดซาโดนมาแล้วไง มัวแต่ไปแปรงฟันเลยไม่มีเวลาเอาเอียร์ปลั้กในกระเป๋าต้องยืมเพื่อนเอาซะงั้น อะ)
6 ผ้าเปียกสำหรับเช็ดก้นเด็ก มันทำงานได้ดีกว่ากระดาษทิชชู่ หรือ ผ้าเช็ดหน้ามาก เพราะที่นั่นอากาศแห้งมาก มีแต่ฝุ่น ไม่มีความชื้นเหลืออยู่เลย เวลาเอาทิชชู่เช็ดมันก็ไม่ต่างอะไรกับการทำให้ฝุ่นมันฟุ้งเล่น
7 ลิปมัน ไม่ได้พูดเล่นนะ เอาไปเหอะจะดีมาก เพราะปากเราจะแห้งแบบสุดๆ และการทาลิปมันเนี่ยมันจะช่วยให้เราไม่หิวน้ำเพราะการที่ปากเราชุ่มชื้นตลอด เนี่ยมันช่วยให้เราหิวน้ำน้อยกว่าชาวบ้านเค้าจิงๆนะ
8 สมุดเล่มเล็กๆ กับปากกา ใครที่เพิ่งจะไปครั้งแรกก็ไม่ต้องเตรียมสมุดไปค่ะ ไปซื้อเอาที่นู่น เพราเล่มมันเล็กและบางดี หาซื้อข้างนอกไม่ได้หรอก ส่วนใครปีสามก็อย่าลืมเอาไปหล่ะ เดี๋ยวต้องซื้อใหม่นะ
9 กระดาษวัดอุณหภูมิที่ รร.แจกให้ บางรร.อาจจะไม่แจกก็ไปเอาที่สวนเจ้าเชตุได้เลยค่ะ วัดอุณหภูมิร่างกายเสร็จปุ๊บ พอขึ้นรถแล้วก็ลืมมันไปเลยก็ได้เพราะเค้าจะไม่ตรวจใบนี้อีก
ปล.ของทุกอย่างที่ติดตัวเรา ต้องใส่ถุงซิปล็อกไว้นะ เพราะมันจะทำให้ทรัพย์สินของเราปลอดภัยจากน้ำและฝุ่นค่ะ
กว่าจะออกจากบ้านก็ 05.30 am ถือว่าสายนะเพราะเค้าให้ไปรวมพลกันตอนตีห้าครึ่ง รถออกหกโมงเช้า แต่พุดดันออกจากบ้านตอนเวลารวมพลซะงั้นอะเหอะๆ ผลก็คือสายค่ะ! ถึงนั่นก็หกโมงกว่าๆแล้ว เลยไม่ได้นั่งรถบัสคันเดียวกับเพื่อนโรงเรียนเดียวกันเลย พุดได้นั่งกับเพื่อนจากรร.วัดราชา ชื่ออะไรไม่รุไม่ได้ถาม แต่ที่จำได้แม่นคือตัวขาวมากกกก >__< จนสงสัยว่าเรียนรด.แล้วไมไม่ดำวะ?? อย่างพุดอะพอเรียนรด.แล้วดำปี๋ เชียว เฮ้อ....เนียแหละนะสัจธรรม...
ฝืนกินข้าวเช้าบนรถของที่บ้านตอนตีห้ากว่าๆ อึดอัดมาก เหมือนท้องจะอืด (แล้วมันก็อืดจิงๆT^T) ที่บ้านทำข้าวกล่องเป็นข้าวกับปลาชุบแป้งทอด และแอปเเปิลลูกนึงมาให้ (ซึ่งลูกมันใหญ่มาก ตอนแรกกินแอปเปิดไปสามชิ้นอิ่มเลย ต้องนั่งพักซักพักกว่าจะกลืนข้าวลง) กินไม่ลงก็ต้องพยายามกิน กลัวหิวแล้วจะไม่มีอะไรกิน ฮ่าๆๆ
รถที่พุดขึ้นคือคันที่ 8 เป็นรถทัวร์แบบแอร์ ตอนเช้านี่แอร์แบบว่าเย็นจนหนาวเลย มารู้ทีหลังว่าโชคดีมากเพราะมันจะมีอยู่หลายคันที่แอร์เสีย แล้วคิดดูดิรถแอร์ที่หน้าต่างเปิดไม่ได้ดันมาแอร์เสียต้องนั่งอับๆแบบนั้นไป ครึ่งวันอะ V^V ไม่เป้นลมกันทั้งรถก็ถือว่าถึกโครตๆแล้ว อาเมนกันเหอะ....
นั่ง หลับเอาแรงไว้เยอะๆ ปีสามเค้าจะพาไปดูอุทยานประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพ ต่างจากปีสองที่จะแวะที่วัดป่าเลย์ไล (พิมพ์ถูกปะ) จัดตั้งตามประสงค์ของสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ก่อนเข้าชมเค้าจะมีให้บริจาก ขอร้องว่าอย่างกเลยเพราะที่นี่เค้าไม่มีเงินอุดหนุนจริงๆนะ รู้ๆกันอยู่ว่างบของกองทัพบกมันน้อยนิดขนาดไหน (น้อยขนาดไม่มีงบไปซื้อรั้วลวดหนามไปกันอาณาเขตตามแนวตะเข็บชายแดนอะ) ถ้าที่บ้านไม่เดือดร้อนเรื่องเงินแนะนำว่าให้เตรียมเงินไปสำหรับบริจากไว้ ซักร้อยนึงจะดีมาก
พอเค้าให้ลงจากรถเค้าจะให้พักและรอรถคันหลังๆที่ยังมาไม่ถึงซักประมาณ 30 นาที ตอนนี้ก็เข้าห้องน้ำซื้อลูกชิ้นอะไรกินกันไป แต่พุดซาไม่ได้เข้าห้องน้ำเลยเพราะคนเยอะมากกกกกก และลูกชิ้นก็เป็นลูกชิ้นแป้ง รู้สึกอึดอัดท้องมากๆเลย แบบปวดท้องเหมือนหิวแต่กินอะไรไม่ได้เพราะมันเหมือนจะอ้วกตลอดอะ ทรมานสุดๆ
พอได้เวลาแล้วเค้าจะเรียกให้ไปฟังบรรยายมีสองทางให้เลือกคือ นั่งตรงตีนเขากับนั่งในห้องแอร์ ใครอยากได้แช่แอร์ก็ให้เลี้ยวขวาเดินขึ้นเนินไปหาอาคารทรงพีระมิดนะคะ (พุดซาได้ตากแอร์ด้วยหล่ะ ฮ่าๆๆ แต่เพื่อนทั้งคันรถที่พุดซาขึ้นมาอะได้นั่งตรงตีนเขา ตอนฟังบรรยายเสร็จแล้วเค้าปล่อยขึ้นรถอะ พุดซาขึ้นรถไปเป้นคนสุดท้ายเลยเพราะในห้องแอร์เค้าปล่อยหลัง คนทั้งรถมองมาเป้นจุดๆเดียวเลย เหอะๆ ท่าทางจะนั่งรอมานานแล้วนะเนี่ย)
ที่ อาคารจะมีทหารนายนึงซึ่งรับหน้าที่เป็นคนบรรยายเรื่องสงครามเก้าทัพ เฮียคนนี้พุดเคยเจอเค้าแล้วครั้งนึงสมัยตอนอยู่ม.ต้นแล้วรร.พามาทัศนศึกษา ที่สงครามเก้าทัพ ตอนนั้นจำได้ว่าเจอแล้วตกใจผู้ชายอะไรหน้าไทยมากกกกกกกกกกกกกกส์ แถมยังแต่งตัวแบบทหารโบราณแล้วยังยืนนิ่งๆอีก นึกสภาพนายจันหนวดเขี้ยวแห่งบ้านบางระจันอะไรอย่างนั้นมายืนให้ท่านได้สัมผี สกันอย่างใกล้ชิด หลอนสั ด จิงๆอะ มาเจอครั้งนี้เฮียแกก็ยังเหมือนเดิมแต่เหมือนชุดที่ใส่จะเป็นชุดใหม่ เสียดายที่พุดเอามือถือกากๆ ไปเลยไม่มีกล้องถ่ายรูปมาลงให้ดู เหอะๆ
เฮียคนนี้จะพูดบรรยายด้วยลีลาที่ลุ้นระทึกสุดๆ รับรองฟังแล้วไม่หลับชัวร์ แล้วแบบพอฟังจบแล้วจะรู้สึกขนลุก เล่ายังไงมันก้ไม่ซึ้งอะ ลองไปเจอแล้วจะรู้สึกเหมือนพุดซาคือรู้สึกทึ่งกับบรรพบุรุษไทยมากๆ คิดดูอะ....เค้าเล่าว่าทหารไทยสามร้อยคนตอนกลางคืนลอบไปโจมตีค่ายพม่าแบบกอง โจรทั้งสี่ทิศ คือ เหนือ ใต้ ออก ตกทั้งคืน กลางวันยังตั้งทัพเดินเข้าค่ายแล้วตอนกลางคืนก็ลอบออกจากค่าย ทำแบบนี้เป้นเวลาสามเดือนอะ คิดดู...ทำได้ไง!!! เอาเวลาไหนไปนอนห๊ะ!! แบบรู้สึกทึ่งสุดๆอะ พูดได้คำเดียวว่าลองไปฟังดู
ขึ้นรถกลับไปที่เขาชนไก่เพื่อทำพิธีเปิด เพราะปีนี้พุดซาไปเป้นผลัดที่ 1 เลยอากาศดีสุดๆ แตกต่างจากปีที่แล้วที่ไปเป้นผลัดกลางๆ ซักประมาณปลายเดือนก.พ. อากาศเลยแบบนรกมากกกกกส์ ตอนทำพิธีเปิดเนี่ย ใช้เวลาน้อยกว่าปีที่แล้วเกือบเท่าตัว แถวยังมีลมเย็นๆพัดตลอดเวลา แดดก็ไม่ร้อนอีกต่างหาก
ผลัดที่พุดไปเนี่ยจะต้องทำพิธีเปิดพร้อมกับปีสามชาย บอกได้คำเดียวว่า เห็นถึงความต่างมาก!!! ไม่ได้อยากจะว่ารด.ชหรอกนะ แต่มันจริงๆ คือแบบว่าระเบียบวินัย ห่วยมากถึงมากที่สุด สงสัยจนถึงตอนนี้ว่าครูฝึกปล่อยได้ไง!! จัดแถวก็แบบว่าเละมาก ยิ่งเจอตอนเดินแถว รึ นับก้าวเนี่ยยย เหอะ... นี่ปีสามจริงป่าวเนี่ย ปีหนึ่งญ ยังจัดแถวได้เป๊ะกว่านี้เลยอะ =__=^ ใครไม่เคยเห็นจะไม่อยากเชื่อเลย แต่เอาหมวกรด.เป็นประกันได้เลยว่าไม่ได้พูดเว่อ เรื่องจริงมันเป้นยิ่งกว่าที่เล่าอีก!
ทำพิธีเปิดเสร็จก็นั่งรถไปที่กองพัน ปีนี้เมื่อเทียบกับตอนปีสองแล้วถือว่าไม่โหดเลย ตอนปีสองนี่ลงรถปุ๊บโดนสั่งหมอบ สั่งคลาน ทั้งๆที่มีเป้อยู่บนหลังอย่างนั้นแหละ แต่ปีนี้ลงรถมาแล้วก็เดินสงบเสงี่ยมเอากระเป๋าไปวางที่จุดรวมพลของกองพัน (ซึ่งก็คือที่เดียวกับที่ตอนปีสองมานั่นแหละ เพราะผู้หญิงจะได้อยู่กองพันนี้ไปตลอดจนถึงปีห้า) จัดแถวแบ่งกองร้อยและโรงนอนตามรร. เสร็จแล้วก็เดินไปที่สถานีกระโดดหอซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกองพันเท่าไหร่
พอถึงแล้วเค้าก็อธิบายบลาๆๆๆ ถามว่าใครกลัวความสูงบ้าง เป้นประจำเดือนบ้าง ใครจะไม่โดดก็แยกตัวออกไป ถ้าอยากได้ปีกโดดหอก็เสียตังค์ 50 บาทซื้อปีกแดงไป แต่จะได้แค่ปีกไม่ได้ใบประกาศ แต่เค้าจะไม่บอกตอนแรกนะ เค้าจะมาบอกวันสุดท้ายที่แจกใบประกาศนั่นแหละว่าคนที่ไม่โดดจะไม่ออกใบ ประกาศให้ ประมาณว่าหลอกให้เสียตังค์ซื้อปีกแดงเล่นๆ ใครโดนก็คิดซะว่าจ่ายเงินไปบำรุงกองทัพแล้วกันนะ
สถานีนี้จะใช้เวลาไปทั้งช่วงบ่ายเลย เพราะคนมันเยอะแล้วแต่ละคนก็ใช้เวลาไปเยอะ ใครที่โดดหอเสร็จแล้วก็ไปสถานีไต่เชือกที่จะมีคนตกน้ำต่อ ซึ่งสถานีนี้พุดซาไม่ได้เล่นเพราะว่าปวดท้องมาก เลยนั่งรอเพื่อนๆจนเมื่อยเลยหล่ะ (คิดดูนั่งเฉยๆ ครึ่งวันอะ) จนแบบปวดท้องจนทนไม่ไหวเลยไปขอยาหมอ เคี้ยวแอนตาซินไปสองเม็ดหายเป็นปลิดทิ้ง เพื่อนขู่ว่าตาเพื่อนกินแอนตาซินแล้วตดทั้งวันเลย ไอ้เราก็แบบว่าเฮ้ย แล้วนี่ถ้าตดจะทำไงวะ เค้าไม่ให้ลุกไปตดที่อื่นด้วยสิ ถ้าตดจิงๆก็คงต้องนั่งตดอยู่กับที่แล้วเพื่อนข้างหลังมันจะไม่ลุกมากระทืบ ตายหรอ (555) พุดก็นั่งไปๆ ก็ถามเพื่อน "เฮ้ยยังไม่ตดเลยว่ะ" "เฮ้ย เมื่อไหร่จะตดวะ" แล้วสุดท้ายพุดก็ไม่ตด ไม่เรอ แต่หายปวดท้อง งงมากว่าลมในกระเพาะมันไปออกจากไหน สงสัยระเหยออกทางผิวหนัง เหอะๆ
พอเริ่มมืดแล้วเค้าจะไม่ให้กระโดดหอต่อเพราะมันอันตรายมาก ใครที่ยังไม่ได้โดดก็คือไม่ต้องโดดแล้ว กลับมาที่กองพันนั่งประจำเป้ของตัวเองฟังใครต่อใครผลัดกันมาพูด ผู้พันที่มาพูดปีนี้ใจดีกว่าปีที่แล้วเยอะแต่จำชื่อไม่ได้อะ เค้าให้นั่งตามสบายจะเหยียดขาอะไรได้เต็มที่หมด แต่ถึงจะใจดีกว่าปีที่แล้วยังไงก็ยังพูดนานเหมือนปีที่แล้วอยู่ดี นั่งหลับไปอย่าโจ่งแจ้งมากเดี๋ยวจะเหนื่อยไม่รุ้ตัว ไม่ต้องไปสงสัยว่าทำไมเค้าพล่ามอะไรให้ฟังนักหนา พุดไปถามมาแล้วเค้าบอกว่าได้รับคำสั่งมาให้พูดแบบนั้น ที่จริงเค้าก็ขี้เกียจพูดแหละ รุ้ว่าพูดไปเราๆก็ไม่ฟังกันแต่เค้าต้องปฏิบัติตามหน้าที่ เหอะๆ ก็นะ...อย่าไปรำคาญเค้ามากหล่ะ ใจเค้าใจเราแล้วกัน
ก่อนที่เค้าจะปล่อยเลิกแถวเค้าจะเล่าว่าพรุ่งนี้ต้องไปยิงปืนต้องตื่นตีห้า นะออกเดินทางตีห้าครึ่งอะไรก็ว่าไป แล้วเค้าจะถ่ามว่าใครเป็นโรคประจำตัวบ้าง ซึ่งพุดเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังง่ะ ก็เลยยกมือไป ก็ยังงงๆ อยู่นะว่ามันเกี่ยวยังไงกับยิงปืน (วะ???) เค้าก็ให้จดชื่อไปส่งเค้า พอแล้วแบ่งชุดยิงแล้วเค้าดันเอาพวกคนที่เป็นโรคประจำตัว (ปต่เค้าจะเหมาว่าเป็นพวก "คนป่วย") ไปไว้เป็นชุดยิงสุดท้าย ซึ่งกว่าได้ยิงก็ตอนเที่ยงนู่นนนนนนนนน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพื่ออะไร เพราะยังไงก็ต้องทำเหมือนคนปรกติอยู่ดี แค่ทำช้ากว่าเหอะๆ (ตอนหลังมารู้ว่าเค้าเอาไว้ใช้แรงงาน ไว้ช่วยเก็บของ เหอะ เซ็งเป็ด...)
ปีนี้กว่าจะได้เอากระเป๋าไปเก็บในโรงนอนก็ปาไปจะสี่ทุ่มนู่นแหละ ไม่เหมือนปีที่แล้วที่พอเกลือกกลิ้งจนหนำใจเค้าแล้ว ก็เอาเป้ไปเก็บในโรงนอนแล้วค่อยไปปฏิบัติภารกิจตามสถานี ปีนี้ได้ครูประจำโรงนอนเนี้ยบสุดๆ แถมเป็นไรไม่รู้เค้าให้เวลา 30 นาทีโรงนอนเราเหลือแค่ 20 นาทีซะงั้นอะ แบบไม่ทันทำไรเลยปิดไฟนอนแล้ว
คืนนี้ให้แปะผ้าอนามัยในรองเท้าเผื่อไว้เลยนะคะ เพราะไปแปะตอนเช้าไม่ทันแน่ๆ ให้แปะไว้ตั้งแต่คืนนี้เลย ข้างละสองแผ่นกำลังดีเลยค่ะ
แล้วพุดก็แบบซวยไง....อยู่หมู่ 1หมวด 2 เวลานับตลอดเลยได้อันดับต้นๆ เลยต้องควบเวร 2 เวรเลย คืนแรกก็โดนยืนเวรผลัดแรกถึงห้าทุ่มแล้ว แถมตอนเช้ายังต้องไปล้างส้วมอีก T^T แต่ผลัดแรกจะโชคดีอยู่อย่างนึงคือไม่ต้องไปแย่งห้องอาบน้ำกับคนอื่นๆ เพราะเราต้องยืนเวรก่อน กว่าจะได้อาบน้ำก็คือหลังหมดเวรแล้ว เราถึงจะอาบได้ เลยได้อาบน้ำแบบสบายๆ ไม่ต้องแย่งใคร แต่ก็ต้องรีบอาบอยู่ดดีแหละ เพราะที่นอนก็ไม่ได้ปูแถมยังต้องรีบหลับเอาแรงอีก
ตื่นมาอาบน้ำ หนาวมากกกก >__< ไม่อาบก็ไม่ได้ แนะนำว่าอย่าอาบน้ำอุ่นค่ะ เพราะจะทำให้ผิวแห้งแล้วการอาบน้ำเย็นเป็นการวอร์มร่างกายให้คุ้นกับสภาพน้ำ เย็นๆที่เราต้องไปเจอที่เขาชนไก่ด้วย แต่งตัวโปะครีมกันแดดไปเต็มที่ (รู้ก็รู้ว่ามันไม่เป็นผลหรอก แต่ก็อยากจะทาไปอะนะ)
ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมขอเงินหมะม๊านะคะ และแพ็คใส่ถุงซิปล็อกให้เรียบร้อย
สำหรับใครที่ยังไม่เคยไป อย่าคิดว่าไปเขาชนไก่แล้วจะไม่ใช้เงิน เอาไปเลยค่ะ อย่างน้อยสามร้อย แต่อย่าเอาไปเยอะเว่อร์นะคะ เพราะเพื่อนที่ไปด้วยกันพกไปทั้งบัตรเครดิต ทั้งเงินสดพันกว่าๆ หายไปหมดเลย T^T สำหรับรด.ญ ปีสาม เอาไปไม่เกินห้าร้อยก็พอค่ะ นอกจากคนที่คิดว่าจะต้องขึ้นแท็กซี่กลับบ้านแน่ๆ ก็เตรียมเงินไปให้พอกับค่าแท็กซี่ด้วยแล้วกันนะ!
ของที่จะต้องพกติดตัวก่อนออกจากบ้านเลย (เพราะพอไปถึงที่นู่นแล้วเราจะไม่มีเวลามานั่งควักมันออกจากเป้ได้ค่ะ) ก็คือ....
1 เงินสด (ไม่ต้องเอากระเป๋าตังค์ไปนะ) แยกเงินไว้สองที่คือที่ติดตัว กับ ในเป้สำหรับค่ารถกลับบ้านนะ เพราะที่นั่นรายจ่ายเยอะมากระวังใช้เงินจนไม่มีเงินกลับบ้านหล่ะ
2 โทรศัพท์มือถือที่มีแบตเต็มอัตราศึก
3 พลาสเตอร์ยาปิดแผลซักสี่แผ่น (เผื่อเป้นแผลไงเพราะเราต้องเดินป่า)
4 ผ้าปิดจมูกแบบใช้แล้วทิ้ง 3 ชิ้น (นอกซะจากว่าคุณอยากจะสูดฝุ่นกลับมาฝากคนที่บ้าน)
5 เอียร์ปลั๊ก หรือ ที่อุดหู เพราะปี 3 ต้องยิงปืนด้วยกระสุนจริง ซึ่งเสียงมันจะดังสุดๆ ในวันที่สองและเช้าวันนั้นคุณจะต้องตื่นตี 5 เดินทางไปสถานียิงปืนตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ซึ่งคุณมีเวลาเตรียมตัวอาบน้ำ แปรงฟันแค่ 10 นาทีดังนั้นคุณไม่มีเวลาค้นของในเป้หรอก เชื่อพุดซาเหอะ (เพราะพุดซาโดนมาแล้วไง มัวแต่ไปแปรงฟันเลยไม่มีเวลาเอาเอียร์ปลั้กในกระเป๋าต้องยืมเพื่อนเอาซะงั้น อะ)
6 ผ้าเปียกสำหรับเช็ดก้นเด็ก มันทำงานได้ดีกว่ากระดาษทิชชู่ หรือ ผ้าเช็ดหน้ามาก เพราะที่นั่นอากาศแห้งมาก มีแต่ฝุ่น ไม่มีความชื้นเหลืออยู่เลย เวลาเอาทิชชู่เช็ดมันก็ไม่ต่างอะไรกับการทำให้ฝุ่นมันฟุ้งเล่น
7 ลิปมัน ไม่ได้พูดเล่นนะ เอาไปเหอะจะดีมาก เพราะปากเราจะแห้งแบบสุดๆ และการทาลิปมันเนี่ยมันจะช่วยให้เราไม่หิวน้ำเพราะการที่ปากเราชุ่มชื้นตลอด เนี่ยมันช่วยให้เราหิวน้ำน้อยกว่าชาวบ้านเค้าจิงๆนะ
8 สมุดเล่มเล็กๆ กับปากกา ใครที่เพิ่งจะไปครั้งแรกก็ไม่ต้องเตรียมสมุดไปค่ะ ไปซื้อเอาที่นู่น เพราเล่มมันเล็กและบางดี หาซื้อข้างนอกไม่ได้หรอก ส่วนใครปีสามก็อย่าลืมเอาไปหล่ะ เดี๋ยวต้องซื้อใหม่นะ
9 กระดาษวัดอุณหภูมิที่ รร.แจกให้ บางรร.อาจจะไม่แจกก็ไปเอาที่สวนเจ้าเชตุได้เลยค่ะ วัดอุณหภูมิร่างกายเสร็จปุ๊บ พอขึ้นรถแล้วก็ลืมมันไปเลยก็ได้เพราะเค้าจะไม่ตรวจใบนี้อีก
ปล.ของทุกอย่างที่ติดตัวเรา ต้องใส่ถุงซิปล็อกไว้นะ เพราะมันจะทำให้ทรัพย์สินของเราปลอดภัยจากน้ำและฝุ่นค่ะ
กว่าจะออกจากบ้านก็ 05.30 am ถือว่าสายนะเพราะเค้าให้ไปรวมพลกันตอนตีห้าครึ่ง รถออกหกโมงเช้า แต่พุดดันออกจากบ้านตอนเวลารวมพลซะงั้นอะเหอะๆ ผลก็คือสายค่ะ! ถึงนั่นก็หกโมงกว่าๆแล้ว เลยไม่ได้นั่งรถบัสคันเดียวกับเพื่อนโรงเรียนเดียวกันเลย พุดได้นั่งกับเพื่อนจากรร.วัดราชา ชื่ออะไรไม่รุไม่ได้ถาม แต่ที่จำได้แม่นคือตัวขาวมากกกก >__< จนสงสัยว่าเรียนรด.แล้วไมไม่ดำวะ?? อย่างพุดอะพอเรียนรด.แล้วดำปี๋ เชียว เฮ้อ....เนียแหละนะสัจธรรม...
ฝืนกินข้าวเช้าบนรถของที่บ้านตอนตีห้ากว่าๆ อึดอัดมาก เหมือนท้องจะอืด (แล้วมันก็อืดจิงๆT^T) ที่บ้านทำข้าวกล่องเป็นข้าวกับปลาชุบแป้งทอด และแอปเเปิลลูกนึงมาให้ (ซึ่งลูกมันใหญ่มาก ตอนแรกกินแอปเปิดไปสามชิ้นอิ่มเลย ต้องนั่งพักซักพักกว่าจะกลืนข้าวลง) กินไม่ลงก็ต้องพยายามกิน กลัวหิวแล้วจะไม่มีอะไรกิน ฮ่าๆๆ
รถที่พุดขึ้นคือคันที่ 8 เป็นรถทัวร์แบบแอร์ ตอนเช้านี่แอร์แบบว่าเย็นจนหนาวเลย มารู้ทีหลังว่าโชคดีมากเพราะมันจะมีอยู่หลายคันที่แอร์เสีย แล้วคิดดูดิรถแอร์ที่หน้าต่างเปิดไม่ได้ดันมาแอร์เสียต้องนั่งอับๆแบบนั้นไป ครึ่งวันอะ V^V ไม่เป้นลมกันทั้งรถก็ถือว่าถึกโครตๆแล้ว อาเมนกันเหอะ....
นั่ง หลับเอาแรงไว้เยอะๆ ปีสามเค้าจะพาไปดูอุทยานประวัติศาสตร์สงครามเก้าทัพ ต่างจากปีสองที่จะแวะที่วัดป่าเลย์ไล (พิมพ์ถูกปะ) จัดตั้งตามประสงค์ของสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ก่อนเข้าชมเค้าจะมีให้บริจาก ขอร้องว่าอย่างกเลยเพราะที่นี่เค้าไม่มีเงินอุดหนุนจริงๆนะ รู้ๆกันอยู่ว่างบของกองทัพบกมันน้อยนิดขนาดไหน (น้อยขนาดไม่มีงบไปซื้อรั้วลวดหนามไปกันอาณาเขตตามแนวตะเข็บชายแดนอะ) ถ้าที่บ้านไม่เดือดร้อนเรื่องเงินแนะนำว่าให้เตรียมเงินไปสำหรับบริจากไว้ ซักร้อยนึงจะดีมาก
พอเค้าให้ลงจากรถเค้าจะให้พักและรอรถคันหลังๆที่ยังมาไม่ถึงซักประมาณ 30 นาที ตอนนี้ก็เข้าห้องน้ำซื้อลูกชิ้นอะไรกินกันไป แต่พุดซาไม่ได้เข้าห้องน้ำเลยเพราะคนเยอะมากกกกกก และลูกชิ้นก็เป็นลูกชิ้นแป้ง รู้สึกอึดอัดท้องมากๆเลย แบบปวดท้องเหมือนหิวแต่กินอะไรไม่ได้เพราะมันเหมือนจะอ้วกตลอดอะ ทรมานสุดๆ
พอได้เวลาแล้วเค้าจะเรียกให้ไปฟังบรรยายมีสองทางให้เลือกคือ นั่งตรงตีนเขากับนั่งในห้องแอร์ ใครอยากได้แช่แอร์ก็ให้เลี้ยวขวาเดินขึ้นเนินไปหาอาคารทรงพีระมิดนะคะ (พุดซาได้ตากแอร์ด้วยหล่ะ ฮ่าๆๆ แต่เพื่อนทั้งคันรถที่พุดซาขึ้นมาอะได้นั่งตรงตีนเขา ตอนฟังบรรยายเสร็จแล้วเค้าปล่อยขึ้นรถอะ พุดซาขึ้นรถไปเป้นคนสุดท้ายเลยเพราะในห้องแอร์เค้าปล่อยหลัง คนทั้งรถมองมาเป้นจุดๆเดียวเลย เหอะๆ ท่าทางจะนั่งรอมานานแล้วนะเนี่ย)
ที่ อาคารจะมีทหารนายนึงซึ่งรับหน้าที่เป็นคนบรรยายเรื่องสงครามเก้าทัพ เฮียคนนี้พุดเคยเจอเค้าแล้วครั้งนึงสมัยตอนอยู่ม.ต้นแล้วรร.พามาทัศนศึกษา ที่สงครามเก้าทัพ ตอนนั้นจำได้ว่าเจอแล้วตกใจผู้ชายอะไรหน้าไทยมากกกกกกกกกกกกกกส์ แถมยังแต่งตัวแบบทหารโบราณแล้วยังยืนนิ่งๆอีก นึกสภาพนายจันหนวดเขี้ยวแห่งบ้านบางระจันอะไรอย่างนั้นมายืนให้ท่านได้สัมผี สกันอย่างใกล้ชิด หลอนสั ด จิงๆอะ มาเจอครั้งนี้เฮียแกก็ยังเหมือนเดิมแต่เหมือนชุดที่ใส่จะเป็นชุดใหม่ เสียดายที่พุดเอามือถือกากๆ ไปเลยไม่มีกล้องถ่ายรูปมาลงให้ดู เหอะๆ
เฮียคนนี้จะพูดบรรยายด้วยลีลาที่ลุ้นระทึกสุดๆ รับรองฟังแล้วไม่หลับชัวร์ แล้วแบบพอฟังจบแล้วจะรู้สึกขนลุก เล่ายังไงมันก้ไม่ซึ้งอะ ลองไปเจอแล้วจะรู้สึกเหมือนพุดซาคือรู้สึกทึ่งกับบรรพบุรุษไทยมากๆ คิดดูอะ....เค้าเล่าว่าทหารไทยสามร้อยคนตอนกลางคืนลอบไปโจมตีค่ายพม่าแบบกอง โจรทั้งสี่ทิศ คือ เหนือ ใต้ ออก ตกทั้งคืน กลางวันยังตั้งทัพเดินเข้าค่ายแล้วตอนกลางคืนก็ลอบออกจากค่าย ทำแบบนี้เป้นเวลาสามเดือนอะ คิดดู...ทำได้ไง!!! เอาเวลาไหนไปนอนห๊ะ!! แบบรู้สึกทึ่งสุดๆอะ พูดได้คำเดียวว่าลองไปฟังดู
ขึ้นรถกลับไปที่เขาชนไก่เพื่อทำพิธีเปิด เพราะปีนี้พุดซาไปเป้นผลัดที่ 1 เลยอากาศดีสุดๆ แตกต่างจากปีที่แล้วที่ไปเป้นผลัดกลางๆ ซักประมาณปลายเดือนก.พ. อากาศเลยแบบนรกมากกกกกส์ ตอนทำพิธีเปิดเนี่ย ใช้เวลาน้อยกว่าปีที่แล้วเกือบเท่าตัว แถวยังมีลมเย็นๆพัดตลอดเวลา แดดก็ไม่ร้อนอีกต่างหาก
ผลัดที่พุดไปเนี่ยจะต้องทำพิธีเปิดพร้อมกับปีสามชาย บอกได้คำเดียวว่า เห็นถึงความต่างมาก!!! ไม่ได้อยากจะว่ารด.ชหรอกนะ แต่มันจริงๆ คือแบบว่าระเบียบวินัย ห่วยมากถึงมากที่สุด สงสัยจนถึงตอนนี้ว่าครูฝึกปล่อยได้ไง!! จัดแถวก็แบบว่าเละมาก ยิ่งเจอตอนเดินแถว รึ นับก้าวเนี่ยยย เหอะ... นี่ปีสามจริงป่าวเนี่ย ปีหนึ่งญ ยังจัดแถวได้เป๊ะกว่านี้เลยอะ =__=^ ใครไม่เคยเห็นจะไม่อยากเชื่อเลย แต่เอาหมวกรด.เป็นประกันได้เลยว่าไม่ได้พูดเว่อ เรื่องจริงมันเป้นยิ่งกว่าที่เล่าอีก!
ทำพิธีเปิดเสร็จก็นั่งรถไปที่กองพัน ปีนี้เมื่อเทียบกับตอนปีสองแล้วถือว่าไม่โหดเลย ตอนปีสองนี่ลงรถปุ๊บโดนสั่งหมอบ สั่งคลาน ทั้งๆที่มีเป้อยู่บนหลังอย่างนั้นแหละ แต่ปีนี้ลงรถมาแล้วก็เดินสงบเสงี่ยมเอากระเป๋าไปวางที่จุดรวมพลของกองพัน (ซึ่งก็คือที่เดียวกับที่ตอนปีสองมานั่นแหละ เพราะผู้หญิงจะได้อยู่กองพันนี้ไปตลอดจนถึงปีห้า) จัดแถวแบ่งกองร้อยและโรงนอนตามรร. เสร็จแล้วก็เดินไปที่สถานีกระโดดหอซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกองพันเท่าไหร่
พอถึงแล้วเค้าก็อธิบายบลาๆๆๆ ถามว่าใครกลัวความสูงบ้าง เป้นประจำเดือนบ้าง ใครจะไม่โดดก็แยกตัวออกไป ถ้าอยากได้ปีกโดดหอก็เสียตังค์ 50 บาทซื้อปีกแดงไป แต่จะได้แค่ปีกไม่ได้ใบประกาศ แต่เค้าจะไม่บอกตอนแรกนะ เค้าจะมาบอกวันสุดท้ายที่แจกใบประกาศนั่นแหละว่าคนที่ไม่โดดจะไม่ออกใบ ประกาศให้ ประมาณว่าหลอกให้เสียตังค์ซื้อปีกแดงเล่นๆ ใครโดนก็คิดซะว่าจ่ายเงินไปบำรุงกองทัพแล้วกันนะ
สถานีนี้จะใช้เวลาไปทั้งช่วงบ่ายเลย เพราะคนมันเยอะแล้วแต่ละคนก็ใช้เวลาไปเยอะ ใครที่โดดหอเสร็จแล้วก็ไปสถานีไต่เชือกที่จะมีคนตกน้ำต่อ ซึ่งสถานีนี้พุดซาไม่ได้เล่นเพราะว่าปวดท้องมาก เลยนั่งรอเพื่อนๆจนเมื่อยเลยหล่ะ (คิดดูนั่งเฉยๆ ครึ่งวันอะ) จนแบบปวดท้องจนทนไม่ไหวเลยไปขอยาหมอ เคี้ยวแอนตาซินไปสองเม็ดหายเป็นปลิดทิ้ง เพื่อนขู่ว่าตาเพื่อนกินแอนตาซินแล้วตดทั้งวันเลย ไอ้เราก็แบบว่าเฮ้ย แล้วนี่ถ้าตดจะทำไงวะ เค้าไม่ให้ลุกไปตดที่อื่นด้วยสิ ถ้าตดจิงๆก็คงต้องนั่งตดอยู่กับที่แล้วเพื่อนข้างหลังมันจะไม่ลุกมากระทืบ ตายหรอ (555) พุดก็นั่งไปๆ ก็ถามเพื่อน "เฮ้ยยังไม่ตดเลยว่ะ" "เฮ้ย เมื่อไหร่จะตดวะ" แล้วสุดท้ายพุดก็ไม่ตด ไม่เรอ แต่หายปวดท้อง งงมากว่าลมในกระเพาะมันไปออกจากไหน สงสัยระเหยออกทางผิวหนัง เหอะๆ
พอเริ่มมืดแล้วเค้าจะไม่ให้กระโดดหอต่อเพราะมันอันตรายมาก ใครที่ยังไม่ได้โดดก็คือไม่ต้องโดดแล้ว กลับมาที่กองพันนั่งประจำเป้ของตัวเองฟังใครต่อใครผลัดกันมาพูด ผู้พันที่มาพูดปีนี้ใจดีกว่าปีที่แล้วเยอะแต่จำชื่อไม่ได้อะ เค้าให้นั่งตามสบายจะเหยียดขาอะไรได้เต็มที่หมด แต่ถึงจะใจดีกว่าปีที่แล้วยังไงก็ยังพูดนานเหมือนปีที่แล้วอยู่ดี นั่งหลับไปอย่าโจ่งแจ้งมากเดี๋ยวจะเหนื่อยไม่รุ้ตัว ไม่ต้องไปสงสัยว่าทำไมเค้าพล่ามอะไรให้ฟังนักหนา พุดไปถามมาแล้วเค้าบอกว่าได้รับคำสั่งมาให้พูดแบบนั้น ที่จริงเค้าก็ขี้เกียจพูดแหละ รุ้ว่าพูดไปเราๆก็ไม่ฟังกันแต่เค้าต้องปฏิบัติตามหน้าที่ เหอะๆ ก็นะ...อย่าไปรำคาญเค้ามากหล่ะ ใจเค้าใจเราแล้วกัน
ก่อนที่เค้าจะปล่อยเลิกแถวเค้าจะเล่าว่าพรุ่งนี้ต้องไปยิงปืนต้องตื่นตีห้า นะออกเดินทางตีห้าครึ่งอะไรก็ว่าไป แล้วเค้าจะถ่ามว่าใครเป็นโรคประจำตัวบ้าง ซึ่งพุดเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังง่ะ ก็เลยยกมือไป ก็ยังงงๆ อยู่นะว่ามันเกี่ยวยังไงกับยิงปืน (วะ???) เค้าก็ให้จดชื่อไปส่งเค้า พอแล้วแบ่งชุดยิงแล้วเค้าดันเอาพวกคนที่เป็นโรคประจำตัว (ปต่เค้าจะเหมาว่าเป็นพวก "คนป่วย") ไปไว้เป็นชุดยิงสุดท้าย ซึ่งกว่าได้ยิงก็ตอนเที่ยงนู่นนนนนนนนน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพื่ออะไร เพราะยังไงก็ต้องทำเหมือนคนปรกติอยู่ดี แค่ทำช้ากว่าเหอะๆ (ตอนหลังมารู้ว่าเค้าเอาไว้ใช้แรงงาน ไว้ช่วยเก็บของ เหอะ เซ็งเป็ด...)
ปีนี้กว่าจะได้เอากระเป๋าไปเก็บในโรงนอนก็ปาไปจะสี่ทุ่มนู่นแหละ ไม่เหมือนปีที่แล้วที่พอเกลือกกลิ้งจนหนำใจเค้าแล้ว ก็เอาเป้ไปเก็บในโรงนอนแล้วค่อยไปปฏิบัติภารกิจตามสถานี ปีนี้ได้ครูประจำโรงนอนเนี้ยบสุดๆ แถมเป็นไรไม่รู้เค้าให้เวลา 30 นาทีโรงนอนเราเหลือแค่ 20 นาทีซะงั้นอะ แบบไม่ทันทำไรเลยปิดไฟนอนแล้ว
คืนนี้ให้แปะผ้าอนามัยในรองเท้าเผื่อไว้เลยนะคะ เพราะไปแปะตอนเช้าไม่ทันแน่ๆ ให้แปะไว้ตั้งแต่คืนนี้เลย ข้างละสองแผ่นกำลังดีเลยค่ะ
แล้วพุดก็แบบซวยไง....อยู่หมู่ 1หมวด 2 เวลานับตลอดเลยได้อันดับต้นๆ เลยต้องควบเวร 2 เวรเลย คืนแรกก็โดนยืนเวรผลัดแรกถึงห้าทุ่มแล้ว แถมตอนเช้ายังต้องไปล้างส้วมอีก T^T แต่ผลัดแรกจะโชคดีอยู่อย่างนึงคือไม่ต้องไปแย่งห้องอาบน้ำกับคนอื่นๆ เพราะเราต้องยืนเวรก่อน กว่าจะได้อาบน้ำก็คือหลังหมดเวรแล้ว เราถึงจะอาบได้ เลยได้อาบน้ำแบบสบายๆ ไม่ต้องแย่งใคร แต่ก็ต้องรีบอาบอยู่ดดีแหละ เพราะที่นอนก็ไม่ได้ปูแถมยังต้องรีบหลับเอาแรงอีก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น