ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : chapter 4
"ร็อคกี้รอแม่น้ำอิงอยู่ในนี้ก่อนนะลูก แม่สุขอตัวไปรักษาหมาก่อน" หมอสุนำตัวของอาชิในร่างร้อคกี้ใส่กรงที่ตั้งเป็นชั้นๆ ลักษณะคล้ายคอนโด ในนั้นมีสุนัขฝากเลี้ยงมากมายหลายสายพันธุ์ อาชิรู้สึกไม่คุ้นชินกับสิ่งที่ตนเองได้เผชิญ เขาหมุนตัวเองติ้วๆ เป็นลูกข่างอีกรอบ ด้วยความกังวลใจและตื่นกลัว "นี่คุณผมเป็นคนนะไม่ใช่หมา เอาผมออกไปไกลๆ หมาพวกนี้ได้ไหม ผมไม่ชอบ"
ในขณะที่เขาหมุนตัวเองเป็นลูกข่างพร้อมกับเสียงคำบ่น ที่มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถจะได้ยินได้ แน่นอนเพราะสิ่งที่เขากำลังพยายามสื่อสารนั้นมันคือภาษาหมา จึงทำให้สุนัขที่อยู่รอบๆ ข้างหัวเราะเยาะเพราะความตลกในสิ่งที่เขากำลังพูดออกมา
"เอ็งว่าอะไรนะ เจ้าหนุ่มน้อย ไม่ชอบหมาอย่างนั้นหรอ สงสัยคงคิดว่าตัวเองเป็นแมว ฮ่าๆๆๆ"
เสียงสุนัขวัยแก่ เพศผู้พันธุ์พุดเดิ้ลทอยสีดำ เอ่ยขึ้นในลักษณะที่เยาะเย้ยผสมความเวทนาต่อสิ่งที่เขากำลังพูด พร้อมกับเสียงหัวเราะของแนวร่วมที่อยู่รอบด้าน จนก้องกังวานราวกับว่าเขาเป็นตัวตลกที่กำลังแสดงโชว์ อยู่เพียงลำพัง
"นี่ หัวเราะเยาะกันหรอเนี่ย คิดว่าผมเป็นตัวตลกหรืออย่างไร แต่ก็ชั่งเถอะ ต่อให้พูดไปหมาอย่างพวกคุณคงไม่เข้าใจ"
เมื่อเขาพูดเช่นนั้นเสียงหัวเราะทำให้ดังขึ้นกว่าเดิมเป็นทวีคูณ อาชิ ทำหน้าฉงนแบบหมาไร้เดียงสา
"ใช่...เขาไม่ใช่หมาอย่างพวกเราหรอก หยุดหัวเราะเยาะเขากันเสียทีเถอะ"
"สุนัขเพศเมียพันธุ์ปอมสีน้ำตาล วัยใกล้เคียงกับเขาได้เอ่ยขึ้น"
"แหม่...นังหนู เห็นผู้ชายไม่ได้เลยนะ ทำเป็นเข้าข้าง เสียเชิงหมาหมด โถ่"
เสียงลุงพุดเดิ้ลแก่ พูดแซวเธอ
"ฉันพูดจริงๆ นะลุงพุดเดิ้ล ฉันสัมผัสได้ ในตัวของเขาไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นหมาอยู่เลย แววตาของเขาก็ไม่เหมือนกับพวกเรา ลุงลองสังเกตดูดีๆ สิ่"
เมื่อปอมสาว กล่าวเช่นนั้น ทำให้สุนัขทุกตัวเงียบเสียง แล้วเพ่งมาสังเกตในตัวของเขา เพียงผู้เดียว พุดเดิ้ลแก่ เริ่มมองเห็นความผิดปกติ สายตาและท่าทางที่ฉงลของลุง ทำให้อาชิ พลอยทำท่าฉงลในท่าทีของลุงไปด้วย "นี่ลุง มีอะไรหรอ...ลุงรู้อะไร ก็บอกกันบ้างนะ ตอนนี้ผมสับสนไปหมดแล้ว กับสิ่งที่เกิดขึ้น"
"ไอ้หนุ่ม ก่อนหน้านี้เอ็งไปทำอะไรมา จึงเข้ามาอยู่ในร่างของหมาได้"
"ผมไม่รู้ นึกอะไรไม่ออก จำอะไรไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง"
"นึกดีๆ ทำใจให้สงบ ตอนนี้สติของเอ็งกำลังแตก รวบรวมสติกลับคืนมาให้ได้ แล้วความทรงจำมันจะค่อยๆ ฟื้นกลับคืนมาเอง"
อาชิปฏิบัติตามคำแนะนำของลุงพุดเดิ้ล ถึงแม้ว่าในใจเขากำลังคิดว่าตัวเองเป็นถึงมนุษย์ผู้มีปัญญา แต่ขณะนี้ตกอับถึงขนาดที่จะต้องเชื่อฟังหมา "อืม...ก็ได้ฟังดูก็เข้าท่าและมีเหตุผล ผมจะลองทำตามคำแนะนำของลุงก็แล้วกันนะ"
สุนัขทุกตัวในกรงขังต่างพร้อมใจกับสงบเงียบเพื่อเอาใจช่วยให้เขาคิดถึงเหตุการณ์ออก อาชิ นั่งหลับตาสงบนิ่งไม่ต่างอะไรกับการนั่งสมาธิ เขาพยายามคิดไล่เรียงเหตุการต่างๆ จนทำให้ภาพก่อนที่เขาจะเกิดอุบัติเหตุปรากฏขึ้นในหัวเป็นช็อตๆ
ช็อตแรกเขาจำได้ว่ากำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในบ้าน และได้คุยไลน์กับน้ำอิงในกริยาอันผ่อนคลาย น้ำอิงกำลังปรึกษาเขาเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ที่จะนำมาใช้ในคลินิก เขารับปากเธอว่าจะช่วยออกแบบระบบการบริหารงานคลินิค และจะเขียนโปรแกรมให้
น้ำอิงมีหลายเรื่องราวที่ทำให้เธอไม่สบายใจ โดยเฉพาะเรื่องคลินิกที่เปิดได้ไม่นานแต่ก็มีปัญหาเรื่องระบบงานจึงทำให้ทั้งเหนื่อยและท้อแท้ แต่ก็ได้โปรแกรมเมอร์หนุ่ม ที่คอยเป็นที่ปรึกษาแนะนำระบบการทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี จึงทำให้เธอสามารถมองภาพรวมในลักษณะการบริหารงานให้ง่ายขึ้นและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น น้ำอิงจึงมักชอบคุยกับอาชิ เพราะเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เธอคุยด้วยแล้วไม่เพียงแต่ได้ความสบายใจ เธอยังสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ในชีวิตให้ดีขึ้นได้
หลังจากนั้นเขาก็จำได้ว่า กำลังจะพิมพ์ข้อความชวนเธอออกเดท แต่ก็กลัวว่าจะถูกปฏิเสธ เขาจึงลบ มันทิ้ง และคุยเรื่องอื่นแทน ซึ่งเป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ทำมัน แต่แล้วก็ดันลบอีก.....จากนั้นอาชิก็ได้ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาเศร้าหมองไปจนสังเกตเห็นได้ชัด
"เฮ้ย...เป็นไงบ้างหนุ่มน้อย นายจำอะไรได้บ้าง" ลุงพุดเดิ้ล ถามเขาอย่างใจจดใจจ่อ
เขาอ้ำอึ้ง "เอ่อ....ผม...หลังจากที่คุยไลน์กันเสร็จแล้ว ผมกำลังพยายามจะชวนเธอออกเดท แต่ใจมันไม่กล้าพอ จึงลบทิ้ง จากนั้นก็ปั่นจักรยานออกจากบ้าน เพื่อที่จะมาสวนสาธารณะ เพราะวังว่าจะได้พบเธอที่นั่น"
"แล้วไงต่อ" สุนัขมากมายถามเขาเป็นเสียงเดียวกัน ทุกตัวต่างลุ้นให้เขาจำเหตุการก่อนหน้านี้ได้ อาชิมีความกังวลใจ เขามองหน้าสุนัขทุกตัวที่ต่างให้ความสนใจเขา จากนั้นก็ซุดตัวนอนลง
"เฮ้อ...หลักจากนั้นผมก็ได้เจอเธอ ผมดีใจมากจึงรีบปั่นจักรยานเข้าไปหา วินาทีสุดท้ายผมจำได้ว่ากำลังจะช่วยหมาของเธอที่วิ่งออกไปกลางถนน แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ดับวูบลงในพริบตา พอตื่นขึ้นก็ปรากฏว่าตัวเองกลายเป็นหมาไปซะแล้ว"
ลุงพุดเดิ้ลยืนสงบนิ่งสักพักเขาหลับตาเพื่อคิดไตร่ตรองอะไรบางอย่าง "วินาทีสุดท้ายเอ็งกำลังช่วยชีวิตหมาแต่ตัวเองดันพลาดไปด้วย ในขณะนั้นจิตของเอ็งมันกำลังตั้งมั่นคิดถึงแต่เจ้าสุนัข และในขณะเดียวกันในจิตเบื้องลึกลงไปอีกชั้นหนึ่ง เอ็งมีความรังเกียจมันอยู่ เมื่อความรู้สึกนึกคิดนั้นกำลังขัดแย้งกันเอ็งก็ดันหมดสติไปเสียก่อนจิตวิญญาณจึงได้หลุดออกจากร่าง และด้วยความคิดจากจิตที่ติดมาด้วย เอ็งจึงล่องลอยไปตามที่ดวงจิตปรารถนา ซึ่งนั่นก็คือหมายังไงล่ะ"
"เป็นไปไม่ได้หรอก สิ่งที่ผมปรารถนาไม่ใช่หมาสักหน่อย"
"นี่เอ็งยังจะมาเถียงอีก วินาทีสุดท้ายเอ็งนึกถึงหมา ก็เลยต้องมาติดอยู่ในร่างหมานี่ยังไงเล่า นี่ดีนะที่ยังไม่หมดอายุไข ไม่เช่นนั้นได้ไปเกิดเป็นหมาไปแล้ว"
อาชิลุกขึ้นยืนสี่ขาเขามองหน้าลุงพุดเดิ้ลด้วยความฉงล แล้วพูดขึ้นว่า
"ทำไมสุนัข ถึงรู้เรื่องแบบนี้ด้วยล่ะ นี่ลุงผมกำลังเจอเรื่องน่าอัศจรรย์ใจอยู่ใช่ไหม ลุงเป็นหมาหรือเทวดากันแน่"
เมื่ออาชิพูดจบ บรรดามะหมาทั้งหลายก็เอาแต่หัวเราะด้วยความเบิกบาน
"หมาน่ะก็รู้เรื่องราวในแบบบรรดาหมาด้วยกัน เพราะตอนนี้เอ็งเป็นหมา ลุงก็เป็นหมา จึงสามารถสื่อสารจิตวิญญาณของกันและกันได้ยังไงล่ะ ปัญญาของเราตอนนี้มันเท่ากัน เอ็งจึงเข้าใจในสิ่งที่ลุงพูด"
"อ๋อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง...ลุงครับแล้วทำยังไงผมถึงจะกลับไปสู่ร่างเดิมของตัวเองได้ล่ะ"
เมื่ออาชิถามเช่นนั้นจึงทำให้ลุงพุดเดิ้ลนิ่งเงียบไป เขาพยายามจะช่วยเหลือชายหนุ่มผู้ตกอับคนนี้ แต่ก็ไม่สามารถตอบได้ ว่าจะออกจากร่างหมาได้ด้วยวิธีไหน
"อืม...ก็น่าจะวิธีเดียวกับตอนที่เอ็งออกมากระมัง ลุงก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะ เรื่องแบบนี้มันตอบยาก"
เสียงประตูห้องถูกเปิดขึ้น มะหมาเห่าเสียงดังจ้าระหวั่นราวกับว่าพวกมันกำลังยินดีที่ได้พบเพื่อนใหม่อย่าง ร็อคกี้ หางของทุกตัวสั่นไม่หยุด เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางที่อารมณ์ดีเธอเปิดกรงของลุงพุดเดิ้ลออก และนำตัวออกไป
"สงสัยว่าครอบครัวของลุงจะมารับกลับบ้านแล้ว นี่หนุ่มน้อย โชคดีนะ ลุงไปก่อนละ"
"อ้าวลุง...เดี๋ยวก่อนสิ่ครับ ช่วยบอกวิธีผมก่อน เฮ้อ..."
"ใจเย็นๆ เถอะพ่อหนุ่ม เวลาเท่านั่น เมื่อถึงเวลา ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม"
ลุงพุดเดิ้ลตะโกนบอกเขาเป็นครั้งสุดท้ายในขณะที่กำลังถูกเจ้าหน้าที่อุ้มออกไป ถึงแม้ว่าสุนัขกำลังคุยกัน แต่ในมุมมองของเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงานนั้นรับรู้ได้เพียงแค่ สุนัขกำลังเห่าใส่กัน ไปมา เท่านั้นเอง
"เวลา อย่างนั้นหรอ แล้วฉันต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่"
อาชิ ทรุดตัวลงนอนคอตกด้วยความหมดหวัง
ในขณะที่เขาหมุนตัวเองเป็นลูกข่างพร้อมกับเสียงคำบ่น ที่มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถจะได้ยินได้ แน่นอนเพราะสิ่งที่เขากำลังพยายามสื่อสารนั้นมันคือภาษาหมา จึงทำให้สุนัขที่อยู่รอบๆ ข้างหัวเราะเยาะเพราะความตลกในสิ่งที่เขากำลังพูดออกมา
"เอ็งว่าอะไรนะ เจ้าหนุ่มน้อย ไม่ชอบหมาอย่างนั้นหรอ สงสัยคงคิดว่าตัวเองเป็นแมว ฮ่าๆๆๆ"
เสียงสุนัขวัยแก่ เพศผู้พันธุ์พุดเดิ้ลทอยสีดำ เอ่ยขึ้นในลักษณะที่เยาะเย้ยผสมความเวทนาต่อสิ่งที่เขากำลังพูด พร้อมกับเสียงหัวเราะของแนวร่วมที่อยู่รอบด้าน จนก้องกังวานราวกับว่าเขาเป็นตัวตลกที่กำลังแสดงโชว์ อยู่เพียงลำพัง
"นี่ หัวเราะเยาะกันหรอเนี่ย คิดว่าผมเป็นตัวตลกหรืออย่างไร แต่ก็ชั่งเถอะ ต่อให้พูดไปหมาอย่างพวกคุณคงไม่เข้าใจ"
เมื่อเขาพูดเช่นนั้นเสียงหัวเราะทำให้ดังขึ้นกว่าเดิมเป็นทวีคูณ อาชิ ทำหน้าฉงนแบบหมาไร้เดียงสา
"ใช่...เขาไม่ใช่หมาอย่างพวกเราหรอก หยุดหัวเราะเยาะเขากันเสียทีเถอะ"
"สุนัขเพศเมียพันธุ์ปอมสีน้ำตาล วัยใกล้เคียงกับเขาได้เอ่ยขึ้น"
"แหม่...นังหนู เห็นผู้ชายไม่ได้เลยนะ ทำเป็นเข้าข้าง เสียเชิงหมาหมด โถ่"
เสียงลุงพุดเดิ้ลแก่ พูดแซวเธอ
"ฉันพูดจริงๆ นะลุงพุดเดิ้ล ฉันสัมผัสได้ ในตัวของเขาไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นหมาอยู่เลย แววตาของเขาก็ไม่เหมือนกับพวกเรา ลุงลองสังเกตดูดีๆ สิ่"
เมื่อปอมสาว กล่าวเช่นนั้น ทำให้สุนัขทุกตัวเงียบเสียง แล้วเพ่งมาสังเกตในตัวของเขา เพียงผู้เดียว พุดเดิ้ลแก่ เริ่มมองเห็นความผิดปกติ สายตาและท่าทางที่ฉงลของลุง ทำให้อาชิ พลอยทำท่าฉงลในท่าทีของลุงไปด้วย "นี่ลุง มีอะไรหรอ...ลุงรู้อะไร ก็บอกกันบ้างนะ ตอนนี้ผมสับสนไปหมดแล้ว กับสิ่งที่เกิดขึ้น"
"ไอ้หนุ่ม ก่อนหน้านี้เอ็งไปทำอะไรมา จึงเข้ามาอยู่ในร่างของหมาได้"
"ผมไม่รู้ นึกอะไรไม่ออก จำอะไรไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง"
"นึกดีๆ ทำใจให้สงบ ตอนนี้สติของเอ็งกำลังแตก รวบรวมสติกลับคืนมาให้ได้ แล้วความทรงจำมันจะค่อยๆ ฟื้นกลับคืนมาเอง"
อาชิปฏิบัติตามคำแนะนำของลุงพุดเดิ้ล ถึงแม้ว่าในใจเขากำลังคิดว่าตัวเองเป็นถึงมนุษย์ผู้มีปัญญา แต่ขณะนี้ตกอับถึงขนาดที่จะต้องเชื่อฟังหมา "อืม...ก็ได้ฟังดูก็เข้าท่าและมีเหตุผล ผมจะลองทำตามคำแนะนำของลุงก็แล้วกันนะ"
สุนัขทุกตัวในกรงขังต่างพร้อมใจกับสงบเงียบเพื่อเอาใจช่วยให้เขาคิดถึงเหตุการณ์ออก อาชิ นั่งหลับตาสงบนิ่งไม่ต่างอะไรกับการนั่งสมาธิ เขาพยายามคิดไล่เรียงเหตุการต่างๆ จนทำให้ภาพก่อนที่เขาจะเกิดอุบัติเหตุปรากฏขึ้นในหัวเป็นช็อตๆ
ช็อตแรกเขาจำได้ว่ากำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในบ้าน และได้คุยไลน์กับน้ำอิงในกริยาอันผ่อนคลาย น้ำอิงกำลังปรึกษาเขาเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ที่จะนำมาใช้ในคลินิก เขารับปากเธอว่าจะช่วยออกแบบระบบการบริหารงานคลินิค และจะเขียนโปรแกรมให้
น้ำอิงมีหลายเรื่องราวที่ทำให้เธอไม่สบายใจ โดยเฉพาะเรื่องคลินิกที่เปิดได้ไม่นานแต่ก็มีปัญหาเรื่องระบบงานจึงทำให้ทั้งเหนื่อยและท้อแท้ แต่ก็ได้โปรแกรมเมอร์หนุ่ม ที่คอยเป็นที่ปรึกษาแนะนำระบบการทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี จึงทำให้เธอสามารถมองภาพรวมในลักษณะการบริหารงานให้ง่ายขึ้นและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น น้ำอิงจึงมักชอบคุยกับอาชิ เพราะเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เธอคุยด้วยแล้วไม่เพียงแต่ได้ความสบายใจ เธอยังสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ในชีวิตให้ดีขึ้นได้
หลังจากนั้นเขาก็จำได้ว่า กำลังจะพิมพ์ข้อความชวนเธอออกเดท แต่ก็กลัวว่าจะถูกปฏิเสธ เขาจึงลบ มันทิ้ง และคุยเรื่องอื่นแทน ซึ่งเป็นแบบนี้อยู่หลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ทำมัน แต่แล้วก็ดันลบอีก.....จากนั้นอาชิก็ได้ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาเศร้าหมองไปจนสังเกตเห็นได้ชัด
"เฮ้ย...เป็นไงบ้างหนุ่มน้อย นายจำอะไรได้บ้าง" ลุงพุดเดิ้ล ถามเขาอย่างใจจดใจจ่อ
เขาอ้ำอึ้ง "เอ่อ....ผม...หลังจากที่คุยไลน์กันเสร็จแล้ว ผมกำลังพยายามจะชวนเธอออกเดท แต่ใจมันไม่กล้าพอ จึงลบทิ้ง จากนั้นก็ปั่นจักรยานออกจากบ้าน เพื่อที่จะมาสวนสาธารณะ เพราะวังว่าจะได้พบเธอที่นั่น"
"แล้วไงต่อ" สุนัขมากมายถามเขาเป็นเสียงเดียวกัน ทุกตัวต่างลุ้นให้เขาจำเหตุการก่อนหน้านี้ได้ อาชิมีความกังวลใจ เขามองหน้าสุนัขทุกตัวที่ต่างให้ความสนใจเขา จากนั้นก็ซุดตัวนอนลง
"เฮ้อ...หลักจากนั้นผมก็ได้เจอเธอ ผมดีใจมากจึงรีบปั่นจักรยานเข้าไปหา วินาทีสุดท้ายผมจำได้ว่ากำลังจะช่วยหมาของเธอที่วิ่งออกไปกลางถนน แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ดับวูบลงในพริบตา พอตื่นขึ้นก็ปรากฏว่าตัวเองกลายเป็นหมาไปซะแล้ว"
ลุงพุดเดิ้ลยืนสงบนิ่งสักพักเขาหลับตาเพื่อคิดไตร่ตรองอะไรบางอย่าง "วินาทีสุดท้ายเอ็งกำลังช่วยชีวิตหมาแต่ตัวเองดันพลาดไปด้วย ในขณะนั้นจิตของเอ็งมันกำลังตั้งมั่นคิดถึงแต่เจ้าสุนัข และในขณะเดียวกันในจิตเบื้องลึกลงไปอีกชั้นหนึ่ง เอ็งมีความรังเกียจมันอยู่ เมื่อความรู้สึกนึกคิดนั้นกำลังขัดแย้งกันเอ็งก็ดันหมดสติไปเสียก่อนจิตวิญญาณจึงได้หลุดออกจากร่าง และด้วยความคิดจากจิตที่ติดมาด้วย เอ็งจึงล่องลอยไปตามที่ดวงจิตปรารถนา ซึ่งนั่นก็คือหมายังไงล่ะ"
"เป็นไปไม่ได้หรอก สิ่งที่ผมปรารถนาไม่ใช่หมาสักหน่อย"
"นี่เอ็งยังจะมาเถียงอีก วินาทีสุดท้ายเอ็งนึกถึงหมา ก็เลยต้องมาติดอยู่ในร่างหมานี่ยังไงเล่า นี่ดีนะที่ยังไม่หมดอายุไข ไม่เช่นนั้นได้ไปเกิดเป็นหมาไปแล้ว"
อาชิลุกขึ้นยืนสี่ขาเขามองหน้าลุงพุดเดิ้ลด้วยความฉงล แล้วพูดขึ้นว่า
"ทำไมสุนัข ถึงรู้เรื่องแบบนี้ด้วยล่ะ นี่ลุงผมกำลังเจอเรื่องน่าอัศจรรย์ใจอยู่ใช่ไหม ลุงเป็นหมาหรือเทวดากันแน่"
เมื่ออาชิพูดจบ บรรดามะหมาทั้งหลายก็เอาแต่หัวเราะด้วยความเบิกบาน
"หมาน่ะก็รู้เรื่องราวในแบบบรรดาหมาด้วยกัน เพราะตอนนี้เอ็งเป็นหมา ลุงก็เป็นหมา จึงสามารถสื่อสารจิตวิญญาณของกันและกันได้ยังไงล่ะ ปัญญาของเราตอนนี้มันเท่ากัน เอ็งจึงเข้าใจในสิ่งที่ลุงพูด"
"อ๋อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง...ลุงครับแล้วทำยังไงผมถึงจะกลับไปสู่ร่างเดิมของตัวเองได้ล่ะ"
เมื่ออาชิถามเช่นนั้นจึงทำให้ลุงพุดเดิ้ลนิ่งเงียบไป เขาพยายามจะช่วยเหลือชายหนุ่มผู้ตกอับคนนี้ แต่ก็ไม่สามารถตอบได้ ว่าจะออกจากร่างหมาได้ด้วยวิธีไหน
"อืม...ก็น่าจะวิธีเดียวกับตอนที่เอ็งออกมากระมัง ลุงก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะ เรื่องแบบนี้มันตอบยาก"
เสียงประตูห้องถูกเปิดขึ้น มะหมาเห่าเสียงดังจ้าระหวั่นราวกับว่าพวกมันกำลังยินดีที่ได้พบเพื่อนใหม่อย่าง ร็อคกี้ หางของทุกตัวสั่นไม่หยุด เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางที่อารมณ์ดีเธอเปิดกรงของลุงพุดเดิ้ลออก และนำตัวออกไป
"สงสัยว่าครอบครัวของลุงจะมารับกลับบ้านแล้ว นี่หนุ่มน้อย โชคดีนะ ลุงไปก่อนละ"
"อ้าวลุง...เดี๋ยวก่อนสิ่ครับ ช่วยบอกวิธีผมก่อน เฮ้อ..."
"ใจเย็นๆ เถอะพ่อหนุ่ม เวลาเท่านั่น เมื่อถึงเวลา ทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม"
ลุงพุดเดิ้ลตะโกนบอกเขาเป็นครั้งสุดท้ายในขณะที่กำลังถูกเจ้าหน้าที่อุ้มออกไป ถึงแม้ว่าสุนัขกำลังคุยกัน แต่ในมุมมองของเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงานนั้นรับรู้ได้เพียงแค่ สุนัขกำลังเห่าใส่กัน ไปมา เท่านั้นเอง
"เวลา อย่างนั้นหรอ แล้วฉันต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่"
อาชิ ทรุดตัวลงนอนคอตกด้วยความหมดหวัง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น