ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    doggy love พรหมสื่อรัก ภาษามะหมา

    ลำดับตอนที่ #13 : chapter 13

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 58


    "ฉันต้องทำทำอะไรสักอย่างแล้ว" อาชิ เดินต้วมเตี่ยมอยู่ในคลินิก พร้อมคางเสียงเพลงขึ้นมา เพื่อที่สมองจะได้คิดหาวิธีออกไปจากร่างของเจ้าร็อคกี้ให้ได้ จนกระทั่งเดินถึงห้องพักฟื้นสุนัขป่วย ที่เขามีความตั้งใจที่จะมาอยู่แล้ว 

    "สวัสดีทุกคน เฮ้ย ไม่ใช่สิ่ ทุกตัว"  เขาเอ่ยทักทายสุนัขที่นอนอยู่ในกรงขัง ซึ่งบางตัวกำลังนอนให้น้ำเกลืออยู่ และบางตัวก็เดินไปมาอยู่ในกรงของตัวเอง 

    "นี่นาย หาวิธีออกจากร่างได้ยังอ่ะ" สุนัขพันปอมตัวผู้ ถามเขา 
    "ฉันกำลังหาวิธีอยู่ แต่ยังนึกไม่ออกจึงเดินมาที่ห้องนี้ เผื่อว่าจะมีใครแนะนำอะไรได้บ้าง"

    "ตอนออกมานายออกมายังไง ตอนกลับไปก็น่าจะใช้วิธีเดียวกัน" ปอมเพศผู้ตัวเดิม กล่าวขึ้น อาชิ จึงคิดต่อจากสิ่งที่เพื่อนหมาด้วยกันแนะนำ

    "ตอนนั้นฉันเกิดอุบัติเหตุ พร้อมกับเจ้าร็อคกี้หมาของของน้ำอิง จึงสลับร่างกกัน วิธีเดียวที่จะออกจากร่างนี้ไปได้ ก็คือต้องเกิดอุบัติเหตุซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ใช่ไหม"

    อาชิพูดขึ้นตามความคิดของเขาในตอนนั้น สุนัขทุกตัวในห้อง ต่างพยักหน้า พร้อมกัน เพื่อสนับสนุนความคิดของเขา

    "ร็อคกี้ เป็นหมาที่น้ำอิงรักมาก ถ้าหากมันเป็นอะไรไปอีก เธอจะต้องเสียใจมาก แน่ๆ เฮ้ย..."   อาชิ แคจิตใจของน้ำอิงมาก เขาไม่กล้าทำในสิ่งที่ตัวเองกำลังคิด แต่อีกใจหนึ่งก็อยากกลับคืนสู่ร่างเดิม สุนัขชิวาว่ากำลังถูกให้น้ำเกลือเพศเมีย ที่มีสถานะ เป็นป้าของเขาได้ จึงพูดขึ้นว่า

    "แล้วเธอจะมั่นใจได้อย่างไรพ่อหนุ่ม ถ้าหากกลับคืนสู่ร่างเดิมแล้วสมองหรือ ร่างกายของเธอกลายเป็นคนพิกลพิการแบบถาวรขึ้นมาจะว่าอย่างไร หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เธอก็จะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดหมอน้ำอิง อีกเลยนะ จะบอกให้"

    "นั่นสิ่นะ ป้าก็พูดมีเหตุผล เอ๊ะ แล้วป้ารู้ได้อย่างไรว่าผมอยากอยู่ใกล้เธอ"

    "ก็เล่นแคความรู้สึกของเธอซะขนาดนั้น ทำไมป้าจะดูไม่ออก"

    "แล้วแบบนี้ผมจะทำยังไงดีเนี่ยะ โอ๊ย "  อาชิคิดไม่ตกเขาจึงได้แต่นั่งคอตกอยู่บนพื้น ทำตาปริบๆ เพื่อคิดหาทางออกให้ตัวเองต่อไป 
    เมื่อสุนัขเพศผู้พันธุ์ปอมตัวเดิมเห็นว่าอาชิ ไม่มีความสบายใจเท่าที่ควร เขาจึงพยายามพูดปลอบใจ

    "ฉันว่านาย ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ คิดไปก่อนเถอะ เมื่อถึงเวลาปัญญามันจะปิ๊งแว๊บขึ้นมาเองโดยที่นายอาจจะไม่ต้องคิดเลยก็ได้ เชื่อดิ่" 

    "อย่างนั้นหรอ มันก็จริงของหมาเนอะ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าหมาอย่างพวกนายจะฉลาดกันได้ถึงเพียงนี้ แต่ก็แปลกนะดูเหมือนว่าจะมีแต่หมาป่วยเท่านั้นที่เข้าใจฉัน แปลกมากจริงๆ"

    "ไปๆ พ่อหนุ่มกลับไปก่อนเถอะ ได้เวลาที่พวกเราจะต้องพักผ่อนแล้ว ถ้าไม่หายป่วยพวกเราจะอดกลับบ้านกัน"  ป้าชิวาวา กล่าวขึ้น จากนั้นสุนัขทั้งหมด ก็ได้ล้มตัวนอนกันหลับปุ๋ย จนอาชิรู้สึกแปลกใจ ว่าทำไมถึงพร้อมใจกันหลับเช่นนั้น ดั่งกับว่าสุนัขป่วยทั้งหลายเหล่านี้มีปริศนาบางประการที่ไม่อยากให้อาชิ รับรู้ "เฮ้อ...ดูเหมือนว่า มีความลับอะไรกันที่ไม่อยากให้ฉันรู้สิ่นะ ไปก็ได้ เชอะ"

    เขาเดินคอตก ออกไป โดยที่ความลับนั้นยังค้างคาใจเขาอยู่

    ในห้องพักผู้ป่วย 
    หมอนัดแอบมองรอดกระจกประตูของห้อง เห็นเพชรพราว นอนหลับฟุบลงบนแขนของตัวเองในขณะที่มือของเธอกำลังกุมมือพี่ชายที่นอนแน่นิ่งอย่างไม่รู้สึกตัว แน่นถนัด จากนั้นเขาจึงค่อยๆ เปิดประตูออกอย่างช้าๆ เพราะไม่อยากรบกวนคนนอนหลับ เขานั่งคุกเข่าจ้องมองเธออย่างคนตกหลุมรัก จนกระทั้งเพชรพราวรู้สึกตัวตื่นขึ้น นัดรีบลุกขึ้นวางท่าเพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขากำลังจ้องมองเธออย่าง
    พิถีพิถัน

    "คุณนัดมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมไม่ปลุกฉัน"

    "ก็กำลังจะปลุก แต่คุณดันรู้ตัวเสียก่อน"  

    "แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่"

    "น้ำอิงให้ผมมาดูคุณหน่ะ เห็นว่าใกล้จะค่ำแล้วไม่โทรบอกให้มารับสักที ที่คลินิกของน้ำอิงคิวแน่นเอียด ผมก็เลยต้องมารับคุณแทน" 

    "ฉันคงจะกลายเป็นภาระของทุกคนไปแล้วสิ่นะ"

    "ไม่มีใครเขาคิดแบบคุณหรอก แล้วพี่ชายเป็นอย่างไรบ้าง"

    "นอนแน่นิ่งไม่ขยับเลย เมื่อเย็นพึ่งทำกายภาพบำบัดไป"

    "ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาอยู่เป็นเพื่อนเขาใหม่"

    เพชรพราวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ดูท่าทางอิดโรยเล็กน้อย เพราะนั่งเฝ้าพี่ชายตลอดไม่ได้ลุกไปไหนเลย สีหน้าบ่งบอกถึงความหิวโหยของคนพึ่งตื่นนอน หมอนัดจึงถามเธอขณะกำลังลงจากลิฟท์ "หิวไหม" เพชรพราวส่ายหัวตอบรับแทนคำพูด  "ผมคิดว่าคุณน่าจะหิว แล้วก็หิวมากด้วย"  เธอหันขวับมาทางเจ้าของเสียงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าผู้ชายร่างสูงโปร่ง หัวของเธออยู่ประมาณปลายคางของเขาเพียงเท่านั้นเอง "รู้ได้ยังไง "เธอถามเขากลับด้วยน้ำเสียงห้วนๆ"ดูจากสีหน้าก็รู้ คนพึ่งตื่นนอน จะไม่หิวได้ยังไง" เธอย่นจมูกใส่เขาแบบคนเอาเรื่อง 

    "อยู่กับพี่ชายคงจะกินเหล็กหรือไม่ก็ก้อนหินเป็นอาหารสิ่นะ...แต่ถ้าอยู่กับผมเนี่ยะไม่ได้กินของพันนั้นหรอก" 

    "เงียบไปเลยคุณ" เธอหันมาตะคอกใส่เขาในขณะที่กำลังเดินนำหน้าออกจากลิฟท์ นัดส่ายหัวแล้วแอบกระแทกยิ้มที่มุมปากในขณะที่เดินตามหลังเธอ ออกมา

    "กินอะไรดี เดี๋ยวผมพาไปเอง"  นัดถามเธอในขณะที่นั่งอยู่บนรถและเตรียมที่จะออกตัว "ไม่อ่ะ ฉันเตรียมของกินไว้ที่บ้านแล้ว คุณไปส่งฉันเถอะ แค่นี้ก็รบกวนจะแย่อยู่แล้ว" "เตรียมของกินไว้แล้วหรอ อะไรเอ่ย ไปกินด้วยได้ปะ" เขาถามเธอกลับแบบยียวนกวนประสาท เพชรพราวหันไปหาคนที่กำลังขับรถอย่างตั้งใจ "จะไปกินกับฉันจริงหรอ" "อืม ก็น่าสนดี คุณเตรียมอะไรไว้ล่ะ" "บะหมี่ จะกินไหมล่ะ มีอยู่สองห่อพอดีเลย ที่บ้าน"

    ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยยียวนกันไปตลอดทาง หมอนัดก็ตบไฟเลี้ยวแวะเข้าร้านอาหาร ที่เขาชอบมานั่งกินประจำ "เอาเป็นว่า กินร้านนี้แล้วกันอร่อยดี ผมกินประจำเลย ปะลง" หมอนัดดับเครื่องและลงจากรถไม่มีทีท่าว่าจะรอเพชรพราวเลยแม้แต่น้อย เธอทำหน้ายู่นิดๆ แล้วเปิดประตูรถเดินตามเขาเข้าไปในร้าน

    นัดพลิกเมนูไปมา ในขณะที่เพชรพราวนั่งเล่นโทรศัพท์เขาจึงเงยหน้าขึ้นเพื่อถามเธอว่าจะสั่งอะไร

    "ทานอะไรดีคุณ เอาสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ไหมร้านนี้อร่อยนะ"

    "ไม่อ่ะ เลี่ยนฉันไม่ชอบ"  

    เพชรพราวรีบตอบขึ้นมาทันควันโดยที่ไม่ต้องคิด

    "อืม...งั้นแล้วแต่คุณละกัน ผมขอ
    สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า ที่นึงครับ"

    เขาหันไปสั่งเด็กเสริฟที่ยืนอยู่ข้างๆ เพชรพราวพลิกเมนูไปมา จนสรุปได้ว่า เอาสเต็กพ็อคช็อปดับเบิ้ลใส้กรอกเนื้อลูกวัว จนนัดอดไม่ได้ที่จะแซวเธอขึ้น

    "โอ้โห ไหนบอกว่าไม่หิวไง สั่งดับเบิ้ลเชียวนะ"

    "ไหนๆ ก็มีเจ้ามือแล้วหนิ่ ต้องเอาให้คุ้มหน่อย"

    "ใครบอกคุณว่าผมจะเลี้ยง"

    "ไม่เป็นไรฉันมีปัญญาจ่าย ไม่ง้อหรอก...ผู้ชายอะไรกินคาโบนาร่า"

    เพชรพราวหาเรื่องล้อเขา แต่เธอไม่รู้เลยว่า กำลังจี้จุดหมอนัดเข้าให้อย่างจัง เนื่องจาก สปาเก็ตตี้คาโบนาร่านั้นเป็นของโปรดของ ชนิศา แฟนเก่าหมอนัดตั้งแต่สมัยเรียน เมื่อเข้าร้านอาหารเขาจะต้องสั่งเมนูนี้ให้ชนิศาเป็นประจำ จึงทำให้เผลอลืมตัวสั่งออกไปโดยที่ไม่ได้คิด และพาลเป็นเรื่องให้หมอนัดนึกถึงผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา แต่เมื่อเขาตั้งสติได้ ก็รีบตอบกลับเพชรพราวทันที

    "ป่าวหรอก ผมไม่ได้ชอบ เพียงแค่อยากกินเท่านั้นเอง"

    "หรอ"

    เพชรพราวตอบรับคำแบบห้วนๆ หมอนัดจึงตอบโต้เขากลับ

    "แล้วผู้หญิงอะไรกินเยอะซะอย่างกับจับกัง"

    เพชรพราวย่นจมูกใส่เขาพร้อมกับกระแทกช้อนซอมกับมีดหั่นสเต็กที่กำแน่นลงบนโต๊ะ หมอนัดยักไหล่ใส่เธอ แล้วหันไปดื่มน้ำที่วางอยู่ข้างๆ

    "อิ่มแล้วกลับเลยไหม" หมอนัดถามน้ำอิง เพราะเผื่อว่าเธออยากจะไปไหนต่อ ในขณะที่กำลังเรียกเช็คบิล

    "ไปส่งฉันที่โรงพยาบาลทีสิ อยากกลับไปนอนอยู่เป็นเพื่อนพี่อาชิ" 
    เพชรพราวพูดเสียงอ่อนเสียงหวานในเชิงขอร้องเขา

    "อืม..ได้สิ่ ว่าแต่เสื้อผ้า ของใช้ได้เตรียมมาจากบ้านหรือป่าว"

    "ป่าว" เธอพูดเสียงนุ่มลงพร้อมส่ายหัวตาม

    "ถ้าอย่างนั้นกลับบ้านไปเตรียมของก่อน"

    "ไม่เป็นไร ฉันเกรงใจคุณ บ้านกับโรงพยาบาล อยู่ไกลกันตั้งเยอะ"

    "โอเค ตกลงตามนี้ แบบที่ผมบอก แล้วพรุ่งนี้เช้า อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย ผมจะมารับไปคลินิก"

    "เฮ้ย...แบบนี้มันเผด็จการชัดๆ" เสียงของเธอกลับมาห้วนอีกครั้ง เธอตะคอกใส่หมอนัด ในท่าทีแบบเด็กเอาแต่ใจ นัดยิ้มเยอะให้เธอแบบเอ็นดู

    "ใช่ ในเมื่อการเผด็จการมันเป็นทางออกที่ดีที่สุด เราก็สมควรทำไม่ใช่หรอ นี่ ผมหน่ะ เผด็จการแบบยุติธรรมนะ จะบอกให้" 



    "น่าเกียจที่สุด" 

    "หืม...ว่าอะไรนะ เด็กดื้อ" หมอนัดกำลังรับเงินทอนจากเด็กเสริฟ จึงถามกลับในสิ่งที่เธอพูดอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเสียงนั้นเหมือนคนกำลังบ่นพรึมพรำ แต่เขาก็ได้ยินอย่างถนัดเพราะอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม เพียงแต่แกล้งถามอีกครั้ง ในสิ่งที่เธอกำลังว่าเขา 

    "ป่าวค่ะ ช่างเถอะ รีบไปกันได้แล้ว"  เพชรพราวรู้อยู่แก่ใจว่าหมอนัดได้ยิน แต่แกล้งถามซ้ำ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วรีบเดินรุดหน้าไป ตามประสาคนใจร้อน หมอนัดแอบยิ้มตามหลังเธอเช่นเคย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×