ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 เรือนไม้เก่า
แสงอาทิตย์ยามเช้าโผล่พ้นขอบฟ้าอมรเมืองกรุง  มียอดตึกสูง และกลุ่มควันพิษคอยต้อนรับ  ท่ามกลางความสับสนของผู้คนที่รีบเร่งมีน้อยนักที่จะทักทายอรุณรุ่งเพราะหลายชีวิตยังติดอยู่บนรถยนต์ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง  ผมเองก็เช่นกันที่ต้องรีบตื่น เพื่อไปจับจองที่สำหรับยืนโหนรถเมล์ไปทำงาน  แต่คงต้องทนอยู่ในสภาพนี้อีกไม่นานนักหรอกเพราะผมกำลังจะย้ายไปอยู่ในหอพักอาจารย์ของวิทยาลัยอาทิตย์หน้า
“ชิดในเพ่  ชิดใน”      กระเป๋ารถเมล์เขย่ากระบอกเหรียญเสียงดังแล้วร้องตะโกนบอกให้ผู้โดยสารที่ออแน่นอยู่ด้านหน้าถ่อยไปข้างใน  ผู้โดยสารใหม่ๆ จะได้มีพื้นที่ยืนแต่ในเมื่อคนจะลงยังไม่หมดแล้วคนจะขึ้นก็ยืนเบียดความไม่เป็นระเบียบเลยทำให้ล่าช้า  ผมได้แต่ถอนใจ  ต่างคนต่างรีบแต่ถ้าหยุดให้คนลงเสียก่อนคนขึ้นค่อยก้าวจะไม่เร็วกว่าหรือ
ยืนโหนรถอย่างซวนเซเพราะถูกดันมาจากข้างหลัง  ผมได้แต่หันมองอย่างตำหนิเห็นนักศึกษาใส่สูทสีกรมท่าหลายคนที่เบียดกันลงอย่างรีบเร่ง
“ชุดคุ้นๆ นะ”      แต่กว่าจะนึกได้ว่านั่นเป็นชุดนักศึกษาแผนกการท่องเที่ยวของวิทยาลัยผมเองรถเมล์ก็เคลื่อนตัวออกไปแล้ว
“เฮ้ย!! ต้องลงป้ายนี้นี่หว่า!!”   ผมรีบเบียดไปกดกริ่งลงถึงคราที่ตัวเองต้องทำเป็นไม่สนใจสายตาตำหนิของคนรอบข้างบ้างแล้ว  เพราะหากต้องลงป้ายหน้าล่ะก็ผมคงติดแหงกบนรถอีกนาน
ในที่สุดผมก็ต้องนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างมาเพราะรถเมล์ไม่จอดนอกป้ายและหากมัวเสียเวลาเดินกลับผมคงไม่ทันเข้าสอนชั่วโมงแรกแน่
“นักศึกษาเคารพ - - - - สวัสดีครับ/ค่ะ”   
ผมกล่าวทักตอบพยายามซ่อนอาการเหนื่อยหอบซี่โครงบานไว้ก่อน  “สวัสดีครับ  วันนี้ผมจะขึ้นเรื่องใหม่ในบทที่ 2  วิธีการบันทึกรายการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากยอดขาย  ทุกคนเปิดหนังสือหน้า 63  จะเห็นได้ว่าการประมาณค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเราประมาณได้ 2 วิธี คือจากยอดขายและจากยอดลูกหนี้ .” 
ผมมองนักศึกษาเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายที่แสดงออกอย่างชัดเจน  หลายคนยังเปิดหน้าหนังสือไม่เจอเลย และอีกหลายคนที่ยังหาหนังสือเรียนไม่เจอด้วยซ้ำ    บัญชีดูจะเป็นวิชาที่น่าเบื่อสำหรับพวกเขาผิดกับสีหน้าสนุกสนานแจ่มใสยามที่เข้าเรียนวิชาพละศึกษา  ทำกิจกรรม  หรือวิชาอื่นๆ  หากวิชานี้ไม่ใช่วิชาบังคับล่ะก็คงไม่มีคนลงทะเบียนเรียนแน่
“นี่กรอกใบประเมินเสร็จหรือยัง”    เสียงกระซิบของนักศึกษาสาวๆ ด้านหน้า ทำให้ผมที่ยืนเขียนไวท์บอร์ดอยู่หูพึ่ง  แต่จะทำเหมือนสนใจแอบฟังอยู่ก็ไม่ได้ แม้ปากจะอธิบายไปเรื่อยๆ แต่หูยังทำงานต่อไปด้วยความสนใจ
ใบประเมินที่พวกเธอพูดถึงคือการประเมินวิชาที่นักศึกษาเรียนว่ามีความเข้าใจในเนื้อหามากน้อยแค่ไหน  รวมถึงประเมินผู้สอนด้วย  และเพราะกระดาษบางๆ จำนวนไม่กี่แผ่นในมือนักศึกษาแต่ละคนจะมีผลชี้วัดมาตรฐานบรรดาอาจารย์ 
แม้จะบอกว่าคะแนนพวกนี้เป็นความลับ  แต่ความเป็นจริงคือในงานประจำปีของวิทยาลัยมีการจัดอันดับความนิยม  และรับรางวัล “ตะวันดวงเด่น”   โดยแต่งตั้งจากผู้มีค่าเฉลี่ยความนิยมจากคะแนนของนักศึกษาสูงเป็นอันดับหนึ่ง
ผมไม่คิดสนใจอันดับหนึ่งที่ว่านั่นหรอกครับเพราะรู้ดีว่าไม่ใช่ผมแน่  แต่ที่ผมต้องคอยสนใจคืออีกรางวัลหนึ่งต่างหากล่ะ    ในเมื่อมี “ตะวันดวงเด่น”  ก็ต้องมีตำแหน่งที่ได้รับเลือกจากอาจารย์ผู้มีความนิยมน้อยที่สุดและขึ้นรับรางวัล “ไก่ขันชมจันทร์”   เปรียบเหมือนการกระตุ้นให้เจ้าไก่ตัวนั้นรับรู้และเพิ่มความพยายามเพื่อให้ได้ขันรับตะวันในการประเมินผลปีข้างหน้า 
ผมตรวจงานที่สั่งเป็นการบ้านคราวก่อนระหว่างที่ให้นักศึกษานั่งทำแบบฝึกหัดท้ายชั่วโมง  ดูพวกเขาจะไม่กระตือรือร้นสักเท่าไร  มีเสียงพูดคุยกันดังขึ้นเป็นระยะๆ ผมต้องคอยปรามเป็นระยะๆ เช่นกัน  เพื่อไม่ให้เสียงดังจนเกินไปรบกวนนักศึกษาคนอื่นๆ หรือห้องข้างเคียง  ใช่ว่าผมอยากทำ อยากว่าปรามนะเพราะพวกนักศึกษาก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ กันแล้วอยู่ในช่วงวัยรุ่นมีบางคนตัวโตกว่าผมอีก 
วิชาบัญชีต้องอาศัยความเข้าใจและทักษะไม่ใช่แต่จะอาศัยความจำเพียงอย่างเดียว  ใจจริงผมก็ไม่อยากจะสั่งการบ้านหรือสั่งให้ทำแบบฝึกหัดนักหรอก  คิดว่าการนั่งตรวจลายมือหวัดๆ พวกนี้แล้วสบายตาสบายใจนักรึ? 
บางคนเขียนตัวเล็กเรียบเส้นบรรทัดแทบจะอยู่ระนาบเดียวกัน  พอตีเส้นกำกับก็แทบจะมองไม่เห็นเลยว่าตัวอะไรเพราะเส้นมันบังตัวเลขหมด    ผมเพ่งจนตาแทบทะลักจากเบ้าสงสัยปีหน้าคงต้องตัดแว่นแน่ๆ   
บางคนตรวจดูก็รู้เลยว่าลอกเพื่อนมาเพราะตัวเลขที่คำนวนเขียนไว้ผิดบรรทัดแต่ยังอุตส่าห์ตอบถูกอีกช่างเหลือเชื่อจริงๆ
“เมื่อเช้าเจ๊แอ๋วท่องเที่ยวกระซิบบอกมาว่าเห็น ’จารย์วีร์  ตกรถเมล์ ยืนเลยป้ายแหละแก ” 
เสียงสาวน้อยที่ดังไม่น้อยลอยเข้าหูต้องลอบถอนใจเมื่อเช้าถูกเห็นจริงๆ ด้วยสงสัยคงเป็นคนที่รีบลงรถแน่ๆ  ผมไม่โกรธหรอกนะที่ถูกนำมาเป็นหัวข้อสนทนาอย่างร่าเริงเมื่อเห็นคนอื่นผิดพลาด  แต่ให้ดีน่าจะสะกิดกันด้วยตอนลงรถผมจะได้ประหยัดค่าจ้างมอเตอร์ไซด์มาส่ง
แค่ป้ายรถเมล์เดียวพี่วินฯ เล่นผมซะ 80 บาท วันนี้เหลือติดกระเป๋าแค่ร้อยกว่าบาทเท่านั้นเองแต่อาจารย์เล็กๆ อย่างผมจะทำอย่างไรได้  คิดจะย้ายมาอยู่หอพักอาจารย์เพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายแถมตื่นสายได้ไม่ต้องคอยเบียดเสียดบนรถเมล์แน่นๆ  แต่ทำเรื่องมานานสองปีแล้วพึ่งจะผ่าน
......................
...................................................
พักกลางวันแล้วแต่กองการบ้านนักศึกษายังตรวจไม่เสร็จเลย  “อุวะ หมึกก็ยังไม่หมดนี่หว่าไหงขีดไม่ออก”  ปากกาเจ้ากรรมทรยศผมเสียแล้วซื้อมาด้ามละ 5 บาทใช้ไม่คุ้มเลยแฮะดูสิ หมึกยังเหลืออีกตั้งครึ่ง  ผมพยายามสะบัดๆ เรียกหมึก  อย่าหาว่างกเลยนะ แต่ด้วยเงินเดือนต้นชนปลายอย่างผมต้องใช้ทุกอย่างให้คุ้มค่า คุ้มราคาของมันหน่อย
“อุ๊ย!!  ตายแล้ว” 
เสียงอุทานของสาวร่างบางในชุดแซกสีงาช้างดังขึ้นทันทีที่หมึกสีแดงดวงใหญ่ลอยไปติดเสื้อเธอ  เธอยังไม่ตายเหมือนที่เธออุทาน  แต่คนที่อาจตายคือผมต่างหาก
“ขอโทษครับอาจารย์หน่อย  ขอโทษจริงๆ ผมไม่ตั้งใจ”    ผมอยากจะช่วยเช็ดนะ แต่รู้ดีว่ารอยหมึกคงไม่ออกง่ายๆ แค่ใช้ทิชชู่เช็ดแน่  ดูแล้วเสื้อเธอราคาไม่น้อยด้วย โอ๊ย!!  เจ้าปากกาบ้าผมจะเอาตังค์ที่ไหนไปออกค่าซักรีดให้เธอล่ะเนี้ยมีอยู่ร้อยกว่าบาทไม่รู้พอหรือเปล่ามันน่าหักทิ้งนักเชียว
“ไม่เป็นอะไรค่ะ  อาจารย์วีร์  เดี๋ยวหน่อยจัดการเองได้  พอดีช่วงบ่ายไม่มีสอนด้วย”  เธอบอกพร้อมรอยยิ้มให้กำลังใจผมที่ป่านนี้คงหน้าเสียดูไม่ได้ในสายตาเธอ    นี่แหละครับยิ้มของแม่พิมพ์ชาติผู้แสนดีและแสนสวย  สมแล้วที่เธอได้รับโหวตตำแหน่ง  “ตะวันดวงเด่น” ปีที่แล้ว
“อาจารย์วีร์ยังไม่ไปพักอีกหรือคะ  ตอนบ่ายมีสอนด้วยนี่”    นอกจากไม่โกรธแล้วเธอยังห่วงใยถามไถ่ถึงผมด้วย  คิดแล้วน่าสลดใจจริงๆ  ผมนั้นแอบปลื้มแอบมองเธออยู่เสมอ  แต่ยังจำตารางสอนของเธอไม่ได้เลย  เธอเสียอีกจำตารางสอนของ “ไก่ขันชมจันทร์”  อย่างผมได้   
ใช่แล้วครับ  เธอคือผู้เป็นมิส  “ตะวันดวงเด่น”  ส่วนผมคือมิสเตอร์  “ไก่ขันชมจันทร์”  ผู้ไม่เอาไหนทั้งที่ได้ยืนคู่เธอรับรางวัลเมื่อปีที่แล้ว  แต่ความแตกต่างของมันคือระยะห่างมันไกลเหมือนตะวัน-จันทรา  คงไม่วันได้มาเจอกัน  ยกเว้นตอนถูกราหูอมจันทร์อ่ะนะ
“ผมตรวจงานเด็กๆ เสร็จแล้วค่อยไปพักน่ะครับ    เอ่อ..ผมต้องขอโทษอาจารย์หน่อยอีกครั้งเรื่องเสื้อ”  ผมได้แต่บอกขอโทษเสียงอ่อยๆ  ไม่กล้าแม้แต่จะสู้หน้าเธอ
“อาจารย์วีร์ขยันแบบนี้คงได้เป็นตะวันดวงเด่นปีนี้แน่ๆ ค่ะ”   
คำพูดให้กำลังใจผมดูเหมือนเป็นศรแทงใจเสียมากกว่า  แต่พอมองเห็นหน้าตาที่จริงใจใสซื่อของเธอผมก็ได้ยิ้มรับถึงแม้จะรู้ดีว่าปีนี้หรือปีไหนๆ อาจารย์วีร์  คนนี้ก็ไม่มีทางได้เป็น ตะวันดวงเด่น  แค่ไม่ต้องเป็นไก่ขันชมจันทร์ก็บุญผมแล้วครับ
“ได้ข่าวว่าอาจารย์วีร์จะเข้าอยู่ที่เรือนไม้เก่าด้านหลังหรือคะ”    เธอเก็บข้าวของพลางชวนคุย แต่ผมสิใบ้รับประทานเลย..  เรือนไม้เก่า? 
ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย ก็ตอนทำเรื่องขอพักน่ะ  ผมขอเข้าอยู่ที่หอพักครู-อาจารย์ไม่ใช่เหรอ  แล้วมันก็เป็นตึกสูงสี่ชั้นใหม่เอี่ยมตั้งอยู่ด้านข้างของวิทยาลัย    ส่วนด้านหลังวิทยาลัยผมเห็นมีแต่ต้นไม้รกครึ้มกับดงกล้วย    ทราบว่าแต่ก่อนเคยใช้เป็นสถานที่สอนวิชาเกษตรกรรมแต่ปัจจุบันวิชานี้ไม่มีการเรียนการสอนแล้วเพราะไม่มีเด็กๆ ลงทะเบียนเรียนเพราะหันไปเรียนวิชาคอมพิวเตอร์กันหมด  ที่ดินบริเวณนั้นจึงถูกปล่อยร้างทางวิทยาลัยเองก็เห็นว่าไม่มีงบประมาณไปปรับปรุง
สีหน้างงงวยของผมทำให้เธอคิดว่าผมคงยังไม่ได้ข่าว  “หน่อยทราบจากอาจารย์เกศ ค่ะ  เห็นเธอบอกว่าเรื่องที่พักที่คุณยื่นเรื่องผ่านแล้วก็จริงแต่ตอนนี้ไม่มีห้องพักว่างอยู่เลย  อาจารย์กุ๊กไก่ที่แต่แรกว่าจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกมาเปลี่ยนใจที่หลังไม่ออกไปแล้วค่ะ”
และจริงอย่างที่เธอว่าหลังเลิกเรียนผมถูกอาจารย์เกศ ผู้ช่วยฝ่ายธุรการผู้มีอาวุโสสูงเป็นที่เคารพรักของผมและบรรดาครู-อาจารย์รวมถึงนักศึกษาที่ถูกใจในความเฮียบเจ้าระเบียบเรียกพบไปคุยเรื่องที่พักนี่แหละ   
“วีร์  พี่ต้องขอโทษเธอด้วยนะเรื่องที่พัก  มันไม่มีห้องว่างเลยจริงๆ  มีว่างอยู่ที่เรือนไม้เก่าด้านหลังเท่านั้นเองแต่ที่นั่นมันร้างมานานแล้วปกติไม่มีใครไปอยู่หรอกโดยเฉพาะอาจารย์ผู้หญิงยิ่งไม่กล้าเข้าเลย  แต่พี่เห็นเธอเป็นผู้ชายคิดว่าคงไม่เป็นไร  อีกอย่างแม้มันจะเก่าไปบ้างแต่ก็กว้างขวางเป็นสัดเป็นส่วนไม่มีใครรบกวน” 
ไม่มีใครรบกวนหรือไม่มีใครกล้าเข้าไปเพื่อทำความรบกวนกันแน่ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิ  เพราะถ้ามันดีจริงถึงอาจารย์ผู้หญิงทั้งหลายไม่กล้าไปพัก  แต่ในวิทยาลัยก็มีอาจารย์ผู้ชายอกสามสี่ศอกอยู่หลายคน ทำไมพวกเขาเหล่านั้นไม่คิดจะไปพักที่เรือนไม้เก่ากันบ้างล่ะ
ผมใช้เวลาครุ่นคิดทบทวนดูครู่หนึ่งก่อนเลือกตัดสินใจอยู่พักที่เรือนไม้เก่าหลังวิทยาลัยจึงบอกยืนยันความประสงค์ของตนเองกับอาจารย์เกศไป  แม้จะไม่ค่อยมั่นใจกับที่อยู่ใหม่นักเพราะฟังมาว่ามันเก่าและทรุดโทรมมากแต่ทำไงได้ในเมื่อผมบอกเลิกบ้านเช่าที่อยู่ตอนนี้และเตรียมย้ายออกสิ้นอาทิตย์แล้วด้วยเงินประกันอะไรก็เคลียกันเรียบร้อยจะไปหาที่พักใหม่ก็ไม่รู้จะทันไหมได้แต่ยอมรับอยู่ที่เรือนไม้เก่าไปก่อน
ผมได้แต่หวังว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิดนะ .
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
“ชิดในเพ่  ชิดใน”      กระเป๋ารถเมล์เขย่ากระบอกเหรียญเสียงดังแล้วร้องตะโกนบอกให้ผู้โดยสารที่ออแน่นอยู่ด้านหน้าถ่อยไปข้างใน  ผู้โดยสารใหม่ๆ จะได้มีพื้นที่ยืนแต่ในเมื่อคนจะลงยังไม่หมดแล้วคนจะขึ้นก็ยืนเบียดความไม่เป็นระเบียบเลยทำให้ล่าช้า  ผมได้แต่ถอนใจ  ต่างคนต่างรีบแต่ถ้าหยุดให้คนลงเสียก่อนคนขึ้นค่อยก้าวจะไม่เร็วกว่าหรือ
ยืนโหนรถอย่างซวนเซเพราะถูกดันมาจากข้างหลัง  ผมได้แต่หันมองอย่างตำหนิเห็นนักศึกษาใส่สูทสีกรมท่าหลายคนที่เบียดกันลงอย่างรีบเร่ง
“ชุดคุ้นๆ นะ”      แต่กว่าจะนึกได้ว่านั่นเป็นชุดนักศึกษาแผนกการท่องเที่ยวของวิทยาลัยผมเองรถเมล์ก็เคลื่อนตัวออกไปแล้ว
“เฮ้ย!! ต้องลงป้ายนี้นี่หว่า!!”   ผมรีบเบียดไปกดกริ่งลงถึงคราที่ตัวเองต้องทำเป็นไม่สนใจสายตาตำหนิของคนรอบข้างบ้างแล้ว  เพราะหากต้องลงป้ายหน้าล่ะก็ผมคงติดแหงกบนรถอีกนาน
ในที่สุดผมก็ต้องนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างมาเพราะรถเมล์ไม่จอดนอกป้ายและหากมัวเสียเวลาเดินกลับผมคงไม่ทันเข้าสอนชั่วโมงแรกแน่
“นักศึกษาเคารพ - - - - สวัสดีครับ/ค่ะ”   
ผมกล่าวทักตอบพยายามซ่อนอาการเหนื่อยหอบซี่โครงบานไว้ก่อน  “สวัสดีครับ  วันนี้ผมจะขึ้นเรื่องใหม่ในบทที่ 2  วิธีการบันทึกรายการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากยอดขาย  ทุกคนเปิดหนังสือหน้า 63  จะเห็นได้ว่าการประมาณค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเราประมาณได้ 2 วิธี คือจากยอดขายและจากยอดลูกหนี้ .” 
ผมมองนักศึกษาเห็นสีหน้าเบื่อหน่ายที่แสดงออกอย่างชัดเจน  หลายคนยังเปิดหน้าหนังสือไม่เจอเลย และอีกหลายคนที่ยังหาหนังสือเรียนไม่เจอด้วยซ้ำ    บัญชีดูจะเป็นวิชาที่น่าเบื่อสำหรับพวกเขาผิดกับสีหน้าสนุกสนานแจ่มใสยามที่เข้าเรียนวิชาพละศึกษา  ทำกิจกรรม  หรือวิชาอื่นๆ  หากวิชานี้ไม่ใช่วิชาบังคับล่ะก็คงไม่มีคนลงทะเบียนเรียนแน่
“นี่กรอกใบประเมินเสร็จหรือยัง”    เสียงกระซิบของนักศึกษาสาวๆ ด้านหน้า ทำให้ผมที่ยืนเขียนไวท์บอร์ดอยู่หูพึ่ง  แต่จะทำเหมือนสนใจแอบฟังอยู่ก็ไม่ได้ แม้ปากจะอธิบายไปเรื่อยๆ แต่หูยังทำงานต่อไปด้วยความสนใจ
ใบประเมินที่พวกเธอพูดถึงคือการประเมินวิชาที่นักศึกษาเรียนว่ามีความเข้าใจในเนื้อหามากน้อยแค่ไหน  รวมถึงประเมินผู้สอนด้วย  และเพราะกระดาษบางๆ จำนวนไม่กี่แผ่นในมือนักศึกษาแต่ละคนจะมีผลชี้วัดมาตรฐานบรรดาอาจารย์ 
แม้จะบอกว่าคะแนนพวกนี้เป็นความลับ  แต่ความเป็นจริงคือในงานประจำปีของวิทยาลัยมีการจัดอันดับความนิยม  และรับรางวัล “ตะวันดวงเด่น”   โดยแต่งตั้งจากผู้มีค่าเฉลี่ยความนิยมจากคะแนนของนักศึกษาสูงเป็นอันดับหนึ่ง
ผมไม่คิดสนใจอันดับหนึ่งที่ว่านั่นหรอกครับเพราะรู้ดีว่าไม่ใช่ผมแน่  แต่ที่ผมต้องคอยสนใจคืออีกรางวัลหนึ่งต่างหากล่ะ    ในเมื่อมี “ตะวันดวงเด่น”  ก็ต้องมีตำแหน่งที่ได้รับเลือกจากอาจารย์ผู้มีความนิยมน้อยที่สุดและขึ้นรับรางวัล “ไก่ขันชมจันทร์”   เปรียบเหมือนการกระตุ้นให้เจ้าไก่ตัวนั้นรับรู้และเพิ่มความพยายามเพื่อให้ได้ขันรับตะวันในการประเมินผลปีข้างหน้า 
ผมตรวจงานที่สั่งเป็นการบ้านคราวก่อนระหว่างที่ให้นักศึกษานั่งทำแบบฝึกหัดท้ายชั่วโมง  ดูพวกเขาจะไม่กระตือรือร้นสักเท่าไร  มีเสียงพูดคุยกันดังขึ้นเป็นระยะๆ ผมต้องคอยปรามเป็นระยะๆ เช่นกัน  เพื่อไม่ให้เสียงดังจนเกินไปรบกวนนักศึกษาคนอื่นๆ หรือห้องข้างเคียง  ใช่ว่าผมอยากทำ อยากว่าปรามนะเพราะพวกนักศึกษาก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ กันแล้วอยู่ในช่วงวัยรุ่นมีบางคนตัวโตกว่าผมอีก 
วิชาบัญชีต้องอาศัยความเข้าใจและทักษะไม่ใช่แต่จะอาศัยความจำเพียงอย่างเดียว  ใจจริงผมก็ไม่อยากจะสั่งการบ้านหรือสั่งให้ทำแบบฝึกหัดนักหรอก  คิดว่าการนั่งตรวจลายมือหวัดๆ พวกนี้แล้วสบายตาสบายใจนักรึ? 
บางคนเขียนตัวเล็กเรียบเส้นบรรทัดแทบจะอยู่ระนาบเดียวกัน  พอตีเส้นกำกับก็แทบจะมองไม่เห็นเลยว่าตัวอะไรเพราะเส้นมันบังตัวเลขหมด    ผมเพ่งจนตาแทบทะลักจากเบ้าสงสัยปีหน้าคงต้องตัดแว่นแน่ๆ   
บางคนตรวจดูก็รู้เลยว่าลอกเพื่อนมาเพราะตัวเลขที่คำนวนเขียนไว้ผิดบรรทัดแต่ยังอุตส่าห์ตอบถูกอีกช่างเหลือเชื่อจริงๆ
“เมื่อเช้าเจ๊แอ๋วท่องเที่ยวกระซิบบอกมาว่าเห็น ’จารย์วีร์  ตกรถเมล์ ยืนเลยป้ายแหละแก ” 
เสียงสาวน้อยที่ดังไม่น้อยลอยเข้าหูต้องลอบถอนใจเมื่อเช้าถูกเห็นจริงๆ ด้วยสงสัยคงเป็นคนที่รีบลงรถแน่ๆ  ผมไม่โกรธหรอกนะที่ถูกนำมาเป็นหัวข้อสนทนาอย่างร่าเริงเมื่อเห็นคนอื่นผิดพลาด  แต่ให้ดีน่าจะสะกิดกันด้วยตอนลงรถผมจะได้ประหยัดค่าจ้างมอเตอร์ไซด์มาส่ง
แค่ป้ายรถเมล์เดียวพี่วินฯ เล่นผมซะ 80 บาท วันนี้เหลือติดกระเป๋าแค่ร้อยกว่าบาทเท่านั้นเองแต่อาจารย์เล็กๆ อย่างผมจะทำอย่างไรได้  คิดจะย้ายมาอยู่หอพักอาจารย์เพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายแถมตื่นสายได้ไม่ต้องคอยเบียดเสียดบนรถเมล์แน่นๆ  แต่ทำเรื่องมานานสองปีแล้วพึ่งจะผ่าน
......................
...................................................
พักกลางวันแล้วแต่กองการบ้านนักศึกษายังตรวจไม่เสร็จเลย  “อุวะ หมึกก็ยังไม่หมดนี่หว่าไหงขีดไม่ออก”  ปากกาเจ้ากรรมทรยศผมเสียแล้วซื้อมาด้ามละ 5 บาทใช้ไม่คุ้มเลยแฮะดูสิ หมึกยังเหลืออีกตั้งครึ่ง  ผมพยายามสะบัดๆ เรียกหมึก  อย่าหาว่างกเลยนะ แต่ด้วยเงินเดือนต้นชนปลายอย่างผมต้องใช้ทุกอย่างให้คุ้มค่า คุ้มราคาของมันหน่อย
“อุ๊ย!!  ตายแล้ว” 
เสียงอุทานของสาวร่างบางในชุดแซกสีงาช้างดังขึ้นทันทีที่หมึกสีแดงดวงใหญ่ลอยไปติดเสื้อเธอ  เธอยังไม่ตายเหมือนที่เธออุทาน  แต่คนที่อาจตายคือผมต่างหาก
“ขอโทษครับอาจารย์หน่อย  ขอโทษจริงๆ ผมไม่ตั้งใจ”    ผมอยากจะช่วยเช็ดนะ แต่รู้ดีว่ารอยหมึกคงไม่ออกง่ายๆ แค่ใช้ทิชชู่เช็ดแน่  ดูแล้วเสื้อเธอราคาไม่น้อยด้วย โอ๊ย!!  เจ้าปากกาบ้าผมจะเอาตังค์ที่ไหนไปออกค่าซักรีดให้เธอล่ะเนี้ยมีอยู่ร้อยกว่าบาทไม่รู้พอหรือเปล่ามันน่าหักทิ้งนักเชียว
“ไม่เป็นอะไรค่ะ  อาจารย์วีร์  เดี๋ยวหน่อยจัดการเองได้  พอดีช่วงบ่ายไม่มีสอนด้วย”  เธอบอกพร้อมรอยยิ้มให้กำลังใจผมที่ป่านนี้คงหน้าเสียดูไม่ได้ในสายตาเธอ    นี่แหละครับยิ้มของแม่พิมพ์ชาติผู้แสนดีและแสนสวย  สมแล้วที่เธอได้รับโหวตตำแหน่ง  “ตะวันดวงเด่น” ปีที่แล้ว
“อาจารย์วีร์ยังไม่ไปพักอีกหรือคะ  ตอนบ่ายมีสอนด้วยนี่”    นอกจากไม่โกรธแล้วเธอยังห่วงใยถามไถ่ถึงผมด้วย  คิดแล้วน่าสลดใจจริงๆ  ผมนั้นแอบปลื้มแอบมองเธออยู่เสมอ  แต่ยังจำตารางสอนของเธอไม่ได้เลย  เธอเสียอีกจำตารางสอนของ “ไก่ขันชมจันทร์”  อย่างผมได้   
ใช่แล้วครับ  เธอคือผู้เป็นมิส  “ตะวันดวงเด่น”  ส่วนผมคือมิสเตอร์  “ไก่ขันชมจันทร์”  ผู้ไม่เอาไหนทั้งที่ได้ยืนคู่เธอรับรางวัลเมื่อปีที่แล้ว  แต่ความแตกต่างของมันคือระยะห่างมันไกลเหมือนตะวัน-จันทรา  คงไม่วันได้มาเจอกัน  ยกเว้นตอนถูกราหูอมจันทร์อ่ะนะ
“ผมตรวจงานเด็กๆ เสร็จแล้วค่อยไปพักน่ะครับ    เอ่อ..ผมต้องขอโทษอาจารย์หน่อยอีกครั้งเรื่องเสื้อ”  ผมได้แต่บอกขอโทษเสียงอ่อยๆ  ไม่กล้าแม้แต่จะสู้หน้าเธอ
“อาจารย์วีร์ขยันแบบนี้คงได้เป็นตะวันดวงเด่นปีนี้แน่ๆ ค่ะ”   
คำพูดให้กำลังใจผมดูเหมือนเป็นศรแทงใจเสียมากกว่า  แต่พอมองเห็นหน้าตาที่จริงใจใสซื่อของเธอผมก็ได้ยิ้มรับถึงแม้จะรู้ดีว่าปีนี้หรือปีไหนๆ อาจารย์วีร์  คนนี้ก็ไม่มีทางได้เป็น ตะวันดวงเด่น  แค่ไม่ต้องเป็นไก่ขันชมจันทร์ก็บุญผมแล้วครับ
“ได้ข่าวว่าอาจารย์วีร์จะเข้าอยู่ที่เรือนไม้เก่าด้านหลังหรือคะ”    เธอเก็บข้าวของพลางชวนคุย แต่ผมสิใบ้รับประทานเลย..  เรือนไม้เก่า? 
ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย ก็ตอนทำเรื่องขอพักน่ะ  ผมขอเข้าอยู่ที่หอพักครู-อาจารย์ไม่ใช่เหรอ  แล้วมันก็เป็นตึกสูงสี่ชั้นใหม่เอี่ยมตั้งอยู่ด้านข้างของวิทยาลัย    ส่วนด้านหลังวิทยาลัยผมเห็นมีแต่ต้นไม้รกครึ้มกับดงกล้วย    ทราบว่าแต่ก่อนเคยใช้เป็นสถานที่สอนวิชาเกษตรกรรมแต่ปัจจุบันวิชานี้ไม่มีการเรียนการสอนแล้วเพราะไม่มีเด็กๆ ลงทะเบียนเรียนเพราะหันไปเรียนวิชาคอมพิวเตอร์กันหมด  ที่ดินบริเวณนั้นจึงถูกปล่อยร้างทางวิทยาลัยเองก็เห็นว่าไม่มีงบประมาณไปปรับปรุง
สีหน้างงงวยของผมทำให้เธอคิดว่าผมคงยังไม่ได้ข่าว  “หน่อยทราบจากอาจารย์เกศ ค่ะ  เห็นเธอบอกว่าเรื่องที่พักที่คุณยื่นเรื่องผ่านแล้วก็จริงแต่ตอนนี้ไม่มีห้องพักว่างอยู่เลย  อาจารย์กุ๊กไก่ที่แต่แรกว่าจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกมาเปลี่ยนใจที่หลังไม่ออกไปแล้วค่ะ”
และจริงอย่างที่เธอว่าหลังเลิกเรียนผมถูกอาจารย์เกศ ผู้ช่วยฝ่ายธุรการผู้มีอาวุโสสูงเป็นที่เคารพรักของผมและบรรดาครู-อาจารย์รวมถึงนักศึกษาที่ถูกใจในความเฮียบเจ้าระเบียบเรียกพบไปคุยเรื่องที่พักนี่แหละ   
“วีร์  พี่ต้องขอโทษเธอด้วยนะเรื่องที่พัก  มันไม่มีห้องว่างเลยจริงๆ  มีว่างอยู่ที่เรือนไม้เก่าด้านหลังเท่านั้นเองแต่ที่นั่นมันร้างมานานแล้วปกติไม่มีใครไปอยู่หรอกโดยเฉพาะอาจารย์ผู้หญิงยิ่งไม่กล้าเข้าเลย  แต่พี่เห็นเธอเป็นผู้ชายคิดว่าคงไม่เป็นไร  อีกอย่างแม้มันจะเก่าไปบ้างแต่ก็กว้างขวางเป็นสัดเป็นส่วนไม่มีใครรบกวน” 
ไม่มีใครรบกวนหรือไม่มีใครกล้าเข้าไปเพื่อทำความรบกวนกันแน่ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิ  เพราะถ้ามันดีจริงถึงอาจารย์ผู้หญิงทั้งหลายไม่กล้าไปพัก  แต่ในวิทยาลัยก็มีอาจารย์ผู้ชายอกสามสี่ศอกอยู่หลายคน ทำไมพวกเขาเหล่านั้นไม่คิดจะไปพักที่เรือนไม้เก่ากันบ้างล่ะ
ผมใช้เวลาครุ่นคิดทบทวนดูครู่หนึ่งก่อนเลือกตัดสินใจอยู่พักที่เรือนไม้เก่าหลังวิทยาลัยจึงบอกยืนยันความประสงค์ของตนเองกับอาจารย์เกศไป  แม้จะไม่ค่อยมั่นใจกับที่อยู่ใหม่นักเพราะฟังมาว่ามันเก่าและทรุดโทรมมากแต่ทำไงได้ในเมื่อผมบอกเลิกบ้านเช่าที่อยู่ตอนนี้และเตรียมย้ายออกสิ้นอาทิตย์แล้วด้วยเงินประกันอะไรก็เคลียกันเรียบร้อยจะไปหาที่พักใหม่ก็ไม่รู้จะทันไหมได้แต่ยอมรับอยู่ที่เรือนไม้เก่าไปก่อน
ผมได้แต่หวังว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิดนะ .
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น