คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : โจร กับ คนบ้า
ในห้องนอนเย็นเยียบด้วยอุณหภูมิไม่ถึงสิบองศาเซลเซียส เครื่องปรับอากาศที่เคยทำงานเงียบกริบเริ่มส่งเสียงประท้วงเบาๆ ด้วยความไม่เคยชินกับงานหนักเยี่ยงนี้มาก่อน เนื่องจากผู้ใช้ห้องที่ผ่านๆ มามักปรับอุณหภูมิประมาณยี่สิบสอง ถึง ยี่สิบห้า แต่สำหรับผู้ใช้ห้องคนใหม่ที่มาจากต่างดาว ดูเหมือนจะยังไม่พอใจกับความเย็นระดับนี้ด้วยซ้ำ เพราะเจ้าตัวถึงกับนอนแผ่บนที่นอนด้วยเสื้อนอนผ้าเนื้อบาง
ก่อนมิเตอร์ไฟที่หมุนด้วยความเร็วสูงจะทำงานหนักไปกว่านี้ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นสองครั้งพอเป็นพิธีก่อนจะถูกชายหนุ่มร่างสูงเปิดออก
ปลาหมึกมององครักษ์ที่ยังไม่ตื่นนอนแล้วย่นคิ้ว “สายป่านนี้ยังไม่ตื่นอีก” บ่นแล้วก็เดินไปปลุกคนส่งเสียงกรนดัง “กิ้บ. .ฟี่”
พีจีเลยตื่นขึ้นมาเพราะการปลุกแบบไม่มีปรานีของเจ้านาย แล้วมานั่งฟังเสียงตำหนิตั้งแต่เรื่องตื่นสาย ไล่ไปเรื่องเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นจัด เรื่องสิ้นเปลืองพลังงาน เรื่องปล่อยให้เขากับเจ้าของบ้านรอรับประทานอาหารเช้าอยู่นาน จนกระทั่งเรื่องเสียงกรนสำเนียงขัดหู
ท่ามกลางม่านขี้ตาและความง่วงงัวเงียพีจีได้แต่พึมพำยกเหตุผลขึ้นสู้ ว่าเขานอนไม่หลับเพราะอากาศร้อนทำให้ตื่นสายกว่าปกติ แม้ว่ายอดองครักษ์จะรู้สึกผิดอยู่บ้างแต่จะให้เขาทำเช่นไร ในเมื่อเคยชินกับการนอนในที่เย็นจัด
“ตอนนี้พวกเราอยู่บนดาวโลกจะทำตามความเคยชินไม่ได้ ขนาดฉันอยากจะนอนแช่น้ำในอ่างทั้งคืนยังต้องหักห้ามใจเอาไว้เพราะกลัวว่าจะมีคนมาเห็นเข้า” พูดจบปลาหมึกก็เอามือจุ่มเหยือกน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยใกล้เตียงนอนของพีจี มือที่มีนิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มกลายเป็นหนวดปลาหมึกในทันทีที่สัมผัสถูกน้ำ แต่พอเช็ดมือให้แห้งหนวดปลาหมึกก็กลับกลายเป็นมือที่มีห้านิ้วแต่ไม่เท่ากันเหมือนเดิม
“เห็นแล้วก็น่าจะรู้ใช่ไหมว่าหากมีคนมาเห็นตอนฉันอาบน้ำหรือนอนแช่น้ำเล่นจะเป็นยังไง”
จากที่อยู่ในอาการเบลอ เมื่อมองดูเจ้านายสาธิตก็หายง่วงทันที องครักษ์หนุ่มลองเอามือตัวเองจุ่มน้ำในเหยือกบ้างเผื่อว่าจะเห็นมือรูปร่างเก่าๆ ที่แสนจะคุ้นเคยของตัวเอง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“การแปลงร่างตามวิธีของฉันมีกฏการคืนสภาพต่างกันตาม บางครั้งก็เพราะน้ำ” พูดค้างไว้ในขณะที่ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบไม้ขีดไฟที่ยืมมาจากเสี่ยเม้งเมื่อครู่ มาจัดการจุดแล้วจ่อเปลวไฟใกล้มือของพีจี จนยอดองครักษ์เห็นความเปลี่ยนแปลง. . .มือของมนุษย์โลกกลายกลับมาเป็นมือรูปร่างดั้งเดิมของเขา
“บางครั้งก็จะคืนสภาพเพราะไฟ” ปลาหมึกพูดต่อให้จบ
แต่พีจีก็ไม่สามารถชื่นชมมันได้นานนักเพราะความร้อนจากไฟมันจะทำให้มือเขาไหม้เสียก่อน อีกทั้งไม้ขีดก้านเล็กก็ดับลงในเวลานั้นพอดี
“แล้วถ้าผมคิดอยากจะคืนร่างเดิมมิต้องลงไปเกลือกกลิ้งบนกองไฟร้อนๆ หรอกหรือครับ” พีจีถามด้วยเสียงพรั่นพรึง ด้วยกลัวว่าก่อนจะได้ร่างคืนเขาคงถูกเผาตายไปเสียก่อน
ปลาหมึกชี้ที่นาฬิกาข้อมือของพีจี ซึ่งเหมือนกับของเขาไม่มีผิดเพี้ยน “แค่กดปุ่มคำสั่งที่อยู่ในเมนูเปลี่ยนร่างบน ‘ลุค’ ก็ใช่ได้แล้วไม่ถึงกับต้องลงทุนลุยไฟก็ได้แต่ถ้านายชอบแบบนั้นก็ไม่ห้ามหรอกนะ” แต่ก่อนจะเปิดโอกาสให้องครักษ์ลงมือทดสอบการใช้งานเจ้าเครื่องลุค ปลาหมึกก็ไล่ให้พีจีไปเตรียมตัว “เดี๋ยวพวกเราต้องออกไปซื้อของ ไปช้าจะยิ่งเสียเวลา เผลอๆ ตอนนี้คนของเสี่ยเม้งที่จะพาไปส่งอาจรออยู่ที่ด้านหน้าแล้วก็ได้”
.....................................................................................
เวลาใกล้เที่ยงบริเวณลานกว้างหน้าห้างสรรพสินค้ามีผู้คนเดินกันน้อยกว่าช่วงวันหยุด ในจำนวนนั้นมีผู้หญิงร่างใหญ่เอวกลมเดินสะบัดสะโพกพลิ้วอย่างอารมณ์ดี สังเกตได้จากรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า แต่เสียดายที่รอยยิ้มนั้นคงอยู่ไม่นาน เมื่อเธอถูกจู่โจมด้วยโจรวิ่งราว กระเป๋าถือหนังปลากระเบนใบย่อมถูกฉกไปต่อหน้าต่อตา
ระล้าระลังพักหนึ่งด้วยความตกใจและทำอะไรไม่ถูก จะวิ่งตามก็คงไม่ทันฝีเท้าโจรลมกรด สาวใหญ่จึงได้แต่อาศัยพลังเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่เมื่อมองไปเห็นโจรวิ่งราวตรงไปบริเวณหน้าห้างฯ ที่มีรถจักรยานยนต์ติดเครื่องจอดรออยู่พร้อมคนขับเธอก็เริ่มใจหาย หวั่นว่าจะสูญทรัพย์ส่วนตัวไปแน่แล้ว
“หยุดนะ!” เสียงตวาดดังมาจากรถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ถัดไป ห่างจากรถจักรยานยนต์ของนักวิ่งฝีเท้าฉกาจไม่ไกล
สายตาประดุจพญาเหยี่ยวติดเรดาห์พิเศษคู่หนึ่งจับตาดูเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว เขาเสียเวลาเตรียมตัวนิดหน่อยก็พร้อมจะปรากฏอวดโฉมมาปราบคนร้าย
ร่างในชุดรัดรูปสีแดงฉานบาดตากระโจนมาจากรถยนต์ เจ้าของเสียงตวาดเมื่อครู่ยืนจังก้าชี้นิ้วด้วยท่าทางคุกคามคน
โจรวิ่งราวไม่คิดว่าในชีวิตจะถูกคนบ้าระรานทำเอางุนงงไปวูบหนึ่งก่อนจะตั้งสติได้แล้ววิ่งต่อไป
“บอกให้หยุด ฟังไม่รู้เรื่องเรอะ” เมื่อถูกเมินเอาดื้อๆ คนในชุดแดงแถมใช้ผ้าเช็ดหน้าสีเดียวกันผูกปิดไว้ครึ่งหน้าก็ออกอาการฉุนโกรธ แต่ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร ประตูรถยนต์คันเดิมก็ถูกกระชากเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นชุดรัดรูปสีเขียวสดใสก้าวลงมา ในมือถือของสิ่งหนึ่งลักษณะคล้ายหน้าไม้ เมื่อเจ้าคนชุดเขียวกดปุ่มเชือกที่ผูกปลายด้วยลูกตุ้มสองข้างก็ถูกปล่อยออกมาทันใด
เชือกปลายตุ้มพุ่งตรงไปเกี่ยวขาที่กำลังจะตวัดขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์
โจรวิ่งราวเสียหลักหงายหลังล้มลงบนพื้น ในขณะที่เพื่อนเห็นท่าไม่ดีเตรียมจะขี่รถชิงหนีไปก่อนตำรวจจะมารวบตัว แต่มือที่บิดคันเร่งอ่อนแรงลงกะทันหันเมื่อถูกเข็มฉีดยาลึกลับบินมาปักที่ต้นแขน นัยน์ตาคนร้ายวูบวาบเหมือนมีกระจกสีระยิบระยับลอยอยู่เบื้องหน้า
คนในชุดรัดรูปสีแดงกับสีเขียวหันไปมองด้านหลัง พบเครื่องยิงคล้ายหน้าไม้แต่ที่อยู่บนแท่นยิงคือเข็มฉีดยาบรรจุของเหลวสีเปลือกมังคุด ซึ่งอยู่ในมือของผู้ที่ก้าวลงจากรถยนต์เป็นคนสุดท้าย
จากทรวดทรงที่เห็นส่วนโค้งเว้าชัดเจนภายใต้ชุดรัดรูปสีขาวคือหญิงสาวหุ่นเล็กขนาดกะทัดรัดทุกสัดส่วน
“กว่าจะเปลี่ยนชุด เอ๊ย! ไม่สิ กว่าจะแปลงร่างเสร็จช้าจริงนะแม่คุณ” คนในชุดรัดรูปสีแดงบ่น
“ก็รองเท้ามันใส่ยากนี่พี่” เสียงเล็กๆ ของสาวน้อยโอดครวญ
“อย่ามาเรียกพี่ว่าพี่สิ ต้องเรียกชื่อที่ใช้ในตอนออกปฏิบัติไง” กระซิบเสียงเบาเตือนก่อนจะเหลือบไปเห็นโจรวิ่งราวที่สลัดเชือกปลายลูกตุ้มหลุดแล้วเตรียมจะหนี
“อย่าหนีนะเจ้าปีศาจ ไม่รู้หรือไงว่าพวกเราเป็นใคร” ชายชุดแดงกระโจนไปดักขวางหน้าไว้ แน่นอนว่าโจรย่อมไม่ส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่รู้จักคนประหลาดพวกนี้
“ใช่ๆ อย่าเพิ่งไปสิ ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย” สาวน้อยตัดพ้อ ก็อุตส่าห์ซ้อมมาตั้งนานไม่มีคนดูก็เศร้าแย่สิ
ไม่ทำให้น้องผิดหวัง ชายในชุดรัดรูปสีแดงยืนกางขานิดๆ พอดูเท่ แล้วชูมือขวาสามสิบองศาปากก็ร้องตะโกนอย่างไม่สนใจสายตาฉงนปนตะลึงของคนมุงดู
“สีแดงตะขบแมน”
ชายในชุดรัดรูปสีเขียวกระโดดมายืนข้างๆ กางขาเล็กน้อยชูมือซ้ายร้อยยี่สิบองศาปากร้องตะโกนเสียงดังตามเป็นลำดับต่อมา
“สีเขียวมะยมแมน”
อย่างกระชั้นชิด สาวน้อยในชุดรัดรูปสีขาวนั่งชันเข่าเล็กน้อยเบื้องหน้าสองคนแรกพร้อมกับชูสองมือขึ้นเป็นตัววีแล้วร้องว่า
“สีขาวเลดี้มะพร้าวอ่อน”
ร้องประสานเสียง
“พวกเราคือขบวนการสามผู้พิทักษ์!”
“. . . . . .”
เกิดความเงียบปกคลุมทั่วบริเวณอยู่อึดใจใหญ่ โจรวิ่งราวที่นั่งอ้าปากค้างรวบรวมสติ สะบัดหน้าสองสามทีก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ
“คือ. . ผมคิดว่าเดี๋ยวให้เจ้าทุกข์พาไปส่งโรงพักก็ได้ครับ เผื่อพวกคุณมีธุระจะได้รีบไปที่อื่น” ‘ที่อื่น’ เขาหมายถึงโรงพยาบาลบ้านั่นเอง
“อย่ามาทำเฉไฉ เจ้าปีศาจต่างดาว” ชายในชุดรัดรูปสีแดง หรือ ตะขบแมนชี้นิ้วตวาด
“ง่า. . ผมไม่ได้เฉไฉ แล้วก็ไม่ได้เป็นปีศาจต่างดาวอ่ะครับ”
“โกหก แกมีแผนร้ายคิดจะครองโลกใช่ไหม” ว่าพลางมือก็เลือนไปหยิบกระบอกไฟฉายที่เสียบอยู่กับเข็มขัด จับกระชับในมือแล้วกดปุ่ม แต่แทนที่จะมีแสงไฟส่องสว่างมันกลับกลายเป็นแสงเลเซอร์สีม่วง
เลียนแบบดาบเจไดมาได้ยังไงละเนี่ยไม่กลัวปัญหาลิขสิทธิ์เรอะ!!??
“ยอมสารภาพมาเสียดีๆ” ตะขบแมน กดปุ่มเดิมอีกครั้ง แสงไฟเปลี่ยนรูปเป็นค้อนยักษ์ แม้จะเห็นเป็นแค่ลำแสงก็เถอะ แต่ดูท่าทางแล้วจะมีน้ำหนักไม่เบา ทำเอาโจรวิ่งราวขยับหนีถอยร่นไปชนเสา เมื่อจนมุมก็โบกมือปฏิเสธ
“ไม่มีอะไรเลยจ้า!! แค่ตกงานมาลักกระเป๋าเพราะพิษเศรษฐกิจ หลงผิดกินยาบ้าครึ่งเม็ด เหม็นหน้าแม่ยายเลยเป็นหม้ายเมียหย่า ลูกชายหนีไปเข้าโรงเรียนทหาร หมาที่บ้านออกลูกสองตัวเท่านั้นเอง ชีวิตนี้ไม่เกี่ยวกับการครองโลกเลยจ้า”
“หึ หึ อย่ามาหลอกกันให้ยากเลย อุบายตื้นๆ แบบนี้คนอย่าตะขบแมนไม่หลงกลหรอกน่า จงเตรียมรับโทษทัณฑ์ของการรุกรานความสงบของดาวโลกเสียเถอะ” ตะขบแมนง้างค้อนเลเซอร์เตรียมฟาดลงสุดแรง แต่กลับไม่เร็วเท่ากับเข็มฉีดยาบรรจุของเหลวสีชมพูที่พุงมาแซงหน้าค้อนไปเสียก่อน
ทันทีที่เข็มปักฉึกเข้าที่ต้นขาทะลุกางเกงยืนส์สีซีด สปริงก็ดันปลายกระบอกให้ของเหลวสีชมพูไหลเข้าสู่ร่างกาย แต่แทนที่เขาจะคอพับคออ่อนล้มระทวยเหมือนสหายที่นั่งซบคารถจักรยานยนต์ โจรนักวิ่งกลับกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน มือขวาจับจีบปลายนิ้วหัวแม่มือจรดปลายนิ้วชี้ อีกสามนิ้วแผ่กางออก ส่วนมือซ้ายตั้งวง ย่อขาเชิดตูดเล็กน้อยพองาม แล้วเริ่มต้นรำด้วยท่าสอดสร้อยมาลา
“เธอทำอะไรน่ะ เลดี้มะพร้าวอ่อน” มะยมแมน สะกิดถาม
“ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แค่ชอบสีชมพูก็เลยคิดเปลี่ยนตัวเข็มฉีดยาเท่านั้นเองแต่มือไปพลาดถูกปุ่มกดเข้า”
“แล้วยาแก้มีหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอก แต่เดี๋ยวเดียวก็จะหายเอง รอแค่หกหรือเจ็ดชั่วโมงนี่แหละ”
หกหรือเจ็ดชั่วโมง!. . นี่มันไม่เรียกว่าเดี๋ยวเดียวแล้วละน้องเอ๊ย!. . . . เหล่าไทยมุงโดยรอบที่ได้ยินพร้อมใจกันถอยหลังด้วยความผวา กลัวว่าแม่สาวมะพร้าวอ่อนจะเผลอพลาดไปกดถูกปุ่มยิงเข็มฉีดยาพุงมาถูกตัวเองเข้าอีกคน
ขณะที่คนอื่นๆ พร้อมใจกันก้าวถอยหลัง ปรากฏว่ามีนายตำรวจสองคนก้าวออกมาข้างหน้าอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว เพราะทราบเฉพาะในส่วนที่มีการแจ้งว่าเกิดการวิ่งราวขึ้นที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
แต่จากที่มอง ดูเหมือนจะมีแต่กลุ่มคนบ้า แล้วไหนละโจร?
นายตำรวจมองหน้ากันเองก่อนตัดสินใจเล็งไปยังเป้าหมายในทิศทางเดียวกัน
“หยุดนะอย่าขยับ วางอาวุธในมือลงแล้วมอบตัวเสียโดยดี”
ตะขบแมนกระพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นปลายกระบอกปืนของคุณตำรวจชี้มาทางเขา
“หมายถึงผมหรือครับ” ยอดมนุษย์สีแดงชี้นิ้วมาที่อกตัวเองพลางถามเพื่อความแน่ใจ
“คุณนั่นแหละจะมีใคร รีบวาง” มองดูอาวุธประหลาดแล้วกล่าวต่อ “วางค้อนนั่นลงพื้น ช้าๆ นะ” สองนายตำรวจวิเคราะห์ว่าคนประหลาดสามคนในชุดรัดรูปมีอาวุธ (หน้าไม้ 2 กับค้อน 1) มีความน่าจะเป็นโจร ส่วนผู้เสียหายคงจะเป็นคนบ้าที่กำลังดัดแขนรำอย่างอ่อนช้อย
“อย่าด่วนสรุปสิครับ ผมเป็นพวกพระเอกนะ ส่วนตัวร้ายคือสองคนนี่” มะยมแมนอธิบายแทนเพื่อนที่ยืนเป็นตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ เขาชี้คนร้ายตัวจริงที่ดูหมดสภาพทั้งสองคน
ขณะที่คุณตำรวจเริ่มลังเล พลเมืองดีที่มุงดูเหตุการณ์มาโดยตลอด รวมถึงหญิงร่างสมบูรณ์ผู้เป็นเจ้าทุกข์ก็ช่วยอธิบายเรื่องราวเมื่อครู่ให้ผู้พิทักษ์สันติราชฟังโดยละเอียด
อาศัยจังหวะที่คุณตำรวจกำลังสนใจฟังเหตุการณ์ สามยอดมนุษย์ฉวยโอกาสปลีกตัวหลบ ตามหลักสูตรที่ศึกษามา กฎของแรกของขบวนการยอดมนุษย์คือการปกปิดตัวตนที่แท้จริง และรีบเผ่นเมื่อตำรวจมา ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกคุณตำรวจซักประวัติ ดังนั้นขบวนการสามผู้พิทักษ์จึงพร้อมใจกันใช้ระเบิดควันอำพราง
ด้วยความคาดไม่ถึงว่าอยู่ดีๆ จะมีควันสีแดง สีเขียว กับควันขาวหนาทึบ ทั้งตำรวจและผู้คนบริเวณนั้นต่างสำลักควัน ส่งเสียงไอ เสียงจาม ราวกับถูกรมด้วยแก๊สน้ำตาหรือแก๊สพิษ แถมเหตุยังลุกลามไปถึงผู้ใช้ท้องถนนสันจร เพราะควันเจ้ากรรมดันถูกลมพัดโชยจากหน้าห้างสรรพสินค้าเลยไปยังถนนใหญ่ ทั้งรถยนต์รถจักรยานยนต์ต่างเบรกกันให้วุ่นวายดีว่ายังไม่ถึงกับมีการชนปะทะให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินหรือบาดเจ็บล้มตาย กว่าความโกลาหลจะยุติเพราะควันจาง เจ้าตัวตนเหตุทั้งสามคนก็หายตัวไปนานแล้ว แต่การจราจรก็ติดขัดอยู่พักใหญ่ ต้องอาศัยนายตำรวจที่มาทำคดีฉกชิงวิ่งราวช่วยโบกรถเคลียทางให้
เมื่อเหตุการณ์สงบเหล่าคนมุงก็เริ่มส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บ้างก็สงสารที่สภาพสังคมมันย่ำแย่ เศรษฐกิจตกต่ำ มีความกดดันและแข็งขันกันสูง ทำให้เด็กวัยรุ่นเครียดหาทางออกไม่ได้ จนกลายเป็นอย่างที่เห็นเมื่อครู่ แต่บ้างก็ว่าเป็นที่ตัวเด็กเองมากกว่าที่เพี้ยน ไม่ควรเอาการกระทำของคนกลุ่มหนึ่งไปโทษสภาวะแวดล้อมอย่างอื่น แต่ก็มีอีกหลายเสียงที่ชื่นชอบความใจกล้าของยอดมนุษย์สามคนนี้ เห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีไม่มีพิษมีภัย ดีกว่าเอาเวลาไปทำเรื่องเลวร้ายอย่างอื่น
แม้ว่าความเห็นของแต่ละคนจะหลากหลายต่างกันอย่างไร แต่คงไม่มีใครในที่นี้ตื่นตระหนกตกใจต่อการปรากฏตัวของ ‘ขบวนการสามผู้พิทักษ์’ เท่ากับชายหนุ่มร่างบางที่ยืนเบิกตาโตด้วยความตะลึงอยู่ตรงประตูทางเข้าออก
“อาจเป็นไปได้ว่าบรรพบุรุษที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้ต้องถูกมนุษย์โลกกลุ่มนี้กำจัดทิ้ง” มือที่ทาบกระจกสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่นขวัญผวา จนตัวประตูทั้งบานแทบจะสั่นตามไปด้วย
“คุณพีจีมาอยู่ที่นี่เอง” เสียงทักจากด้านหลังอย่างกะทันหันทำเอาชายหนุ่มสะดุ้ง รีบหันขวับกลับมาก็เห็นคนของเสี่ยเม้งที่มาเป็นเพื่อนซื้อของยืนอยู่
ดีที่คนคนนี้ส่งเสียงเรียกชื่อของพีจีด้วย ไม่อย่างนั้นด้วยจังหวะที่เส้นประสาทเครียดเขม็งนี้ ยอดองครักษ์อาจปามีดปักใส่คนที่เดินมายืนเบื้องหลังเขาก่อนจะมองดูหน้าคู่กรณีก็เป็นได้
พีจีตบอกปุๆ ด้วยความโล่งใจที่ตัวเองไม่พลั้งมือไปสังหารใครโดยพลการ เพราะขืนฆ่ามนุษย์ชาวโลกไปแบบไม่มีเหตุผลที่ดีพอองค์ชายใหญ่คงไม่อภัยให้เขาแน่ พอนึกถึงตรงนี้องครักษ์ในคราบหนุ่มหน้าใสก็สะดุ้งจนตัวลอย “แย่แล้ว คุณปลาหมึกไปไหนละ?!”
เพราะมัวแต่สนใจเหตุการณ์วิ่งราวหน้าห้างสรรพสินค้าเพลินจนลืมคนที่เดินมาด้วยกัน พีจีหน้าซีดเผือดกลัวว่าขบวนการสามผู้พิทักษ์เมื่อครู่อาจปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเจ้านายที่ไร้ทางสู้ของเขา แล้วใช้เครื่องมือทรมานยิงจนคุณปลาหมึกเต้นท่าแปลกๆ หรือร้ายกว่านั้นอาจทุบคุณปลาหมึกด้วยค้อนเลเซอร์จนแบนเป็นปลาหมึกบด!
“ไม่นะ!” ชายหนุ่มเข่าอ่อนระทวยทรุดลงกับพื้น เพราะยิ่งคิดยิ่งจินตนาการเลยเถิด เจ้าตัวแทบจะร้องไห้เสียใจกับการสูญเสียองค์ชายใหญ่ไปอย่างไม่มีวันกลับ ก็. .พอดีเห็นร่างสูงๆ อุ้มตุ๊กตาปลาหมึกตัวโตสีชมพูหวานแหวว ส่งยิ้มร่าเริงเดินเข้ามาหา
“คุณปลาหมึก” พีจีถลาเข้าไปกอดด้วยความโล่งใจที่เจ้านายของตนปลอดภัย
แต่ภาพที่เด็กหนุ่มร่างบางหน้าหวานที่ดวงตาปริ่มประกาย เอ่อคลอด้วยน้ำตาใสๆ ตรงดิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอุ้มตุ๊กตาอยู่นั้น ชวนให้คนของเสี่ยเม้งสงสัยถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ยิ่งนัก แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นแขกพิเศษของเจ้านายเขา คนของเสี่ยเม้งจึงให้เกียรติด้วยการแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเฉไฉไปดูเพดานเพ่งพิศราวกับจะหาจิ้งจกสักตัวในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
ก็เพราะมัวแต่มองหาจิ้งจก คนของเสี่ยเม้งเลยไม่เห็นว่าปลาหมึกแทบจะยันองครักษ์กระเด็นเมื่อเจออ้อมกอดนรกเข้าไปจังๆ แม้พีจีจะตัวเล็ก แต่พลังและความแข็งแกร่งที่ซุกซ่อนอยู่เกือบทำให้เจ้านายซีโครงหัก
“เป็นอะไรพีจี จะฆ่ากันหรือยังไงอยู่ดีๆ กอดเข้ามา” ตำหนิพลางนวดเอวคลายเคล็ด ก่อนจะรีบปัดฝุ่นที่อาจปลิวมาเกาะตุ๊กตาตัวสำคัญที่ปลาหมึกยืนเลือกเองอยู่พักใหญ่ๆ เป็นของขวัญแรกพบหน้าที่จะให้น้องลูกพรุนนั่นเอง
...............................
ความคิดเห็น