คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : น้องลูกพรุน
แสงไฟสว่างจากในห้องทำงานที่ตกแต่งด้วยเครื่องลายครามเก่าแก่ หยกประดับสลักเป็นรูปต่างๆ มีทั้งเทพธิดากำลังร่ายรำ อาชาพวงพี มังกรคาบมุก สิงโตคู่ แต่ที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นหยกขาวกวนอิมพันกรขนาดแปดนิ้วที่วางบนตู้กระจกไม้สักอย่างดี
ห้องที่กลิ่นอายของวัฒนธรรมจีนแทรกอยู่ชัดเจนนี้ มีชายสูงวัยรูปร่างสมบูรณ์กำลังนั่งตรวจบัญชีที่วางเรียงรายบนโต๊ะมุกขัดเงา ข้างๆ มีชาอูหลงเข้มๆ ควันกรุ่นวางอยู่ พร้อมลูกพลับอบแห้ง กับขนมโก๋ชิ้นเล็กพอดีคำสี่ห้าชิ้น
เสียงเคาะประตูเบาๆ เป็นเชิงขออนุญาต แต่ไม่รอให้คนข้างในตอบประตูก็เปิดออกพร้อมกับที่เสียงสดใสกังวานเอ่ยรายงาน “พ่อคะ โทรศัพท์จากลุงเม้งค่ะ”
เด็กสาวแก้มใสอมชมพูถักผมเปียคู่ เดินเข้ามาพร้อมส่งโทรศัพท์ไร้สายให้ผู้เป็นบิดา
“ขอบใจลูก” รับโทรศัพท์จากลูกสาวที่กำลังออกจากห้อง เห็นเธอหันมายิ้มให้จนเห็นลักยิ้มน้อยๆ ก่อนปิดประตูแผ่วเบา เขาถึงเริ่มต้นเอ่ยสนทนากับคู่สาย “ว่าไงเฮียเม้ง”
ศีรษะที่เกือบจะล้านเลี่ยนหากแต่มีเส้นผมแสนสำคัญหลงเหลืออยู่หย่อมหนึ่งพยักหน้าอือออ กับข้อความที่กำลังรับฟังก่อนจะเอ่ยตอบไป “เงินไม่ใช้น้อยนะเฮีย แน่ใจว่าของแท้”
ปรึกษาเบาๆ อีกครู่หนึ่งก็วางสายพร้อมกับรีบนำกระเป๋านิรภัยใส่เงินสดที่นำออกมาจากตู้เซพ
เด็กสาวกำลังนั่งอ่านหนังสือนิตยสารอยู่ที่ห้องนั่งเล่นเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นบิดากำลังเดินอย่างรีบร้อนออกไป
“ดึกแล้วพ่อจะออกไปไหนหรือคะ” เธอถามด้วยความเป็นห่วงบิดาผู้สูงวัย ด้วยกลัวว่าเขาจะคร่ำเคร่งกับงานหนักเกินไปจนไม่มีเวลาพักผ่อน
“ไปธุระที่บ้านลุงเม้งของลูกน่ะสิ เมื่อครู่เขาโทรฯ มาตาม เดี๋ยวพ่อก็กลับแล้วแต่หนูไม่ต้องอยู่รอนะลูก เพราะพรุ่งนี้ยังต้องไปเรียนแต่เช้า ว่าแต่เฮียบอลกลับบ้านหรือยัง ป่านนี้พ่อยังไม่เห็นหน้าเลย” เมื่อถามถึงลูกชายคนโต ก็เห็นว่าลูกสาวคนเล็กยิ้มประจบและเตรียมจะแก้ต่างให้พี่ชายของเธอ แต่ถูกเขาดักไว้เสียก่อน
“ลูกพรุน หนูไม่ต้องพูดเข้าข้างอาเฮียเลย ถ้าพ่อไม่พูดไม่ตักเตือนลูกบ้างมันจะยิ่งได้ใจ จากค่ำๆ อีกหน่อยมันจะไม่ยอมกลับมานอนบ้าน เอาแต่ขลุกอยู่บ้านเพื่อน”
“โธ่ คุณพ่อขา เฮียบอลเขาก็ไม่ได้เถรไถลที่ไหนนี่ค่ะ เขาก็อยู่บ้านพี่ต๊ะ ทำกิจกรรมกลุ่มของเขาไป เพื่อนเฮียคนนี้คุณพ่อก็เห็นเขามาตั้งแต่อนุบาล บ้านช่องอยู่ไหน พ่อแม่เป็นใครก็รู้จัก เห็นสนิทสนมกันดีออก” เมื่อเห็นว่าสีหน้าบึ้งๆ ของบิดาคลายลงเด็กสาวก็กล่าวเสริม “เอาไว้ถ้าเฮียกลับมาหนูจะบอกว่าเขาเองค่ะว่าคุณพ่อโกรธมาก แต่ตอนนี้คุณพ่อต้องรีบไปพบกับลุงเม้งก่อนไม่ใช่หรือคะ ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวลุงเขาคงรอแย่”
“อย่างนั้นพ่อรีบไปก่อน จะได้รีบกลับ เผลอๆ อาจถึงบ้านก่อนเฮียบอลเขาอีก” บ่นเบาๆ ก่อนจะเรียกคนขับรถ
ถ้าไม่เพราะวัยที่มากขึ้นทำให้มองทัศนวิสัยบนท้องถนนไม่ชัดเจนเหมือนหนุ่มๆ เขาคงไม่เรียกใช้บริการคนขับรถแน่ เจ้าหนุ่มนั่นขับรถช้าอย่างกับคลาน แต่จะเปลี่ยนคนก็ไม่ได้เพราะภรรยากับลูกๆ ไม่ยอม เพราะต่างก็เห็นพ้องกันว่าขับได้นุ่มนวลชวนให้รู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัยแน่ถ้าหัวหน้าครอบครัวนั่งไปด้วย
รถเคลื่อนที่ไปบนท้องถนนที่ยวดยานน้อยกว่าเวลากลางวันนิดหน่อย ครู่ใหญ่ก็มาถึงบ้านของผู้เป็นพี่ชายต่างสายเลือด แต่ให้ความนับถือไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆ ที่คอยช่วยเหลือในเวลาเดือดร้อน พร้อมกับมีคำแนะนำดีๆ มาสอนสั่งอยู่เสมอ ในฐานะคนวงการธุรกิจเดียวกันอีกฝ่ายเรียกได้ว่ามือชั้นเซียนเลยทีเดียว ดังนั้นเฮียเม้ง หรือที่คนอื่นๆ เรียกกันว่า เสี่ยเม้ง จึงเป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อนสนิท และยังนับว่าเป็นครูของเขาด้วย
ด้วยความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เขาเดินพาร่างอ้วนท้วนไปตามทางเดินตรงไปยังห้องทำงานของอีกฝ่ายทันที เพราะนัดหมายกันไว้ล่วงหน้าแล้ว สิ้นเสียงเคาะประตู เสียงเฮียเม้งก็ดังจากในห้อง “เข้ามาสิ”
“สวัสดีครับเฮีย” เขายกมือไหว้ อีกฝ่ายรับไหว้แล้วยิ้มทัก แม้ทั้งสองคนจะเชื้อสายจีน แต่อยู่เมืองไทยมาตั้งแต่เกิด เติบโตมาอย่างรับธรรมเนียมทั้งสองเชื้อชาติไว้อย่างลงตัว การไหว้ทักทายจึงดูไม่ขัดเขิน
“กำลังรออยู่เชียวอาเล้ง นี่ไงอาหมึก” ชายสูงวัยร่างผอมไว้หนวดยาวสามแฉกสีขาวโพลนนั่งอยู่ที่นั่งหัวโต๊ะไม้ขัดเงาทรงแปดเหลี่ยม ข้างซ้ายมือของเขานั่งไว้ด้วยเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ส่วนอีกคนยืนอยู่ด้านหลังเขายังมองไม่ออกว่าเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงกันแน่
“ตอนคุยโทรศัพท์เฮียบอกว่าอาหมึกลูกชายของเพื่อนเก่าสินะ” เขามองเพ่งพิศใบหน้าของเด็กหนุ่มตาโตหวังจะค้นหาเค้าโครงที่คุ้นตาบ้าง แต่แล้วก็ต้องงุนงงเมื่อดวงตาสีดำคู่นั้นดูจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อาจละสายตาออกมาได้
ในขณะที่รู้สึกราวกับต้องมนตร์สะกดนั้นเอง รูม่านตากลมๆ ได้แปรเปลี่ยนเป็นมุมเหลี่ยม!!
อย่างน่าอัศจรรย์ด้วยอำนาจแห่งเนตรเผ่าพันธุ์เซฟาโลพ๊อด [ CEPHALOPODS ] ที่ชวนพิศวง ราวกับว่ามีเสียงลึกลับกำลังเอ่ยบงการความคิดดังกระทบข้างโสตประสาทเข้าครอบงำในทันที
เพียงอึดใจเดียวสีหน้าสงสัยงุนงงเปลี่ยนเป็นยิ้มต้อนรับอย่างอบอุ่นเฉกเช่นญาติผู้ใหญ่ใจดี “ปลาหมึกน่ะเอง ไม่ได้เจอกันนานโตขึ้นเยอะเลยนะ”
“ครับ” เด็กหนุ่มร่างสูงผู้มีนามว่าปลาหมึกยิ้มรับ เมื่อการสะกดจิตเป็นไปด้วยดีดังคาด
เสี่ยเม้งยกมือลูบเครายาวของตนอย่างพึงพอใจก่อนจะกล่าว “สำหรับเรื่องที่พูดไปทางโทรศัพท์คิดว่าคงอยากเห็นแล้วสินะ”
“ใช่ครับ เรื่องไข่มุกที่เฮียตีราคาไว้ลูกละสิบห้าล้านบาท ผมชักอยากเห็นไวๆ เสียแล้ว”
“ราคานี้เป็นอาหมึกบอกต่างหาก ความจริงเฮียยังไม่กล้าจะให้ราคาเลย” เมื่อพ่อค้าอัญมณีรายใหญ่พยักหน้าให้สัญญาณ บริวารคนหนึ่งเดินถือจานหยกเข้ามา
ไข่มุกกลมเกลี้ยงลูกโตเท่ากำปั้นเด็กวางนิ่งบนจนหยก เสี่ยเล้งรับจานหยกนั้นมาเพ่งพินิจดูพลางถอดถอนใจชมเชยในความงามไร้ที่ติ แต่กระนั้นราคาลูกละสิบห้าล้านบาทเขายังคิดว่าแพงไปนิด
ดูเหมือนรุ่นพี่ในวงการจะเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายดี บอกใบ้บริวารอีกครั้งก่อนจะเอ่ยเตือน “ประคองจานหยกดีๆ อย่าทำตกแตกละ ถึงราคามันจะไม่แพงเท่าไข่มุกแต่ก็เกือบล้านเชียวนะ”
ยังไม่ทันที่เสี่ยเล้งจะเข้าใจในวาจาประโยคนั้น คนสนิทของเสี่ยเม้งก็จัดแจงกดปิดสวิทไฟในห้อง
ท่ามกลางความมืดมิดแสงสุกสกาวดั่งจันทร์คืนเพ็ญปรากฏอยู่ในอุ้งมือของเสี่ยเล้ง มันคือไข่มุกลูกนั้น!
“ไข่มุกประกายราตรี!!”
ความตื่นตระหนกที่มีเกือบๆ จะทำให้จานหยกหลุดมือ เขาได้แต่กลั้นลมหายใจไว้อย่างยากลำบากประคับประคองภาชนะสูงค่าที่มีสิ่งสูงค่ายิ่งกว่าอยู่บนนั้น ด้วยมือที่สั่นน้อยๆ วางลงบนโต๊ะอย่างนิ่มนวล
จับจ้องที่ไข่มุกแทบจะไม่กระพริบตาจวบจนไฟในห้องถูกเปิดสว่างขึ้นอีกครั้งเขาก็ยังไม่อาจละสายตาจากมันมาได้
“ไม่อยากจะเชื่อ ไม่คิดว่าในชีวิตจะได้มีโอกาสเห็นมันจริงๆ กับตาตัวเอง” เสี่ยเล้งบ่นพึมพำเบาๆ ด้วยความตื่นเต้นไม่หายกว่าจะรู้ว่าเสียกิริยาไปมากก็พักใหญ่
“เมื่อครู่เฮียว่าลูกละสิบห้าล้านหรือครับ” เมื่อเรียกสติกลับมาได้เขาก็เอ่ยอย่างรวดเร็ว “ราคานี้ไม่คิดว่ามันถูกเกินไปแล้วหรือครับ”
ตอนแรกที่เห็นไข่มุกเขาคิดว่าแพงไปนิด แต่บัดนี้พอทราบว่าตรงหน้าคือไข่มุกประกายราตรี อัญมณีที่สามารถฉายแสงสว่างไสวในที่มืดมิด ซึ่งแทบจะได้ยินแค่เรื่องเล่าในตำนานปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เขาก็คิดว่าราคานี้มันโคตรรรร จะถูกเลย ต่อให้ตั้งราคาไว้ร้อยห้าสิบล้านเขาก็จะซื้อ แม้จะมีชีวิตอยู่เชยชมมันได้ไม่กี่สิบปี แต่อย่างน้อยลูกหลานเขาจะได้เห็น ได้สัมผัสจับต้องในสิ่งที่บรรพบุรุษบางคนยังไม่มีโอกาสจะได้เห็น
เสี่ยเม้งยิ้มกริ่ม รู้สึกดีที่สหายรุ่นน้องคนนี้ไม่เอารัดเอาเปรียบเมื่อทราบว่าราคาจริงสูงขนาดไหนก็ไม่ถึงกับรีบตะครุบไว้ แสดงว่าเป็นพ่อค้าที่มีความยุติธรรม สมกับที่คบหาไว้ใจกันมานาน
“ว่าอย่างไร สนใจหรือเปล่าอาเล้ง” ความจริงเสี่ยเม้งรู้คำตอบอยู่แล้ว ไข่มุกโบราณหายาก ที่เรียกว่าอาจจะไม่มีอยู่ที่ไหนในโลกนี้อีกแล้ว มีหรือที่พ่อค้าอัญมณีจะปฏิเสธ ถ้าไปขายต่อด้วยราคาแพงกว่านี้อีกสิบเท่าก็ยังมีคนแย่งกันซื้อเลย
“ครับ” เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าสหายรุ่นน้องจะไม่ทราบ หากเสี่ยเม้งคิดจะฮุบไว้ทำการค้าครั้งนี้เพียงคนเดียวย่อมไม่ผิดอะไร แต่ที่เรียกเสี่ยเล้งมาด้วยคาดว่าคงมีสาเหตุมาจากอะไรบางอย่าง
เป็นไปอย่างที่เสี่ยเล้งคาดการณ์ การซื้อขายครั้งนี้มีสัญญาที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรระบุไว้ ซึ่งเป็นความต้องการของผู้ขายโดยตรง
“ไข่มุกพวกนี้ อาหมึกเขาขอร้องมาว่าคนที่จะซื้อจากเขาห้ามนำไปขายต่อ เข้าใจใช่ไหมอาเล้ง” ดวงตาของชายชราที่นอกจากจะไม่ฝ้าฟางแล้วยังเป็นประกายข่มขวัญชนิดหนึ่งยามกล่าวอย่างจริงจัง
“เรื่องห้ามไปขายผมเข้าใจครับ ความจริงผมเองก็คิดจะซื้อเก็บไว้ให้ลูกหลานมันดูว่าไข่มุกประกายราตรีมันเป็นยังไง แต่. . เฮียบอกว่าไข่มุกพวกนี้? หรือว่าอาหมึกมีมากกว่าหนึ่งลูก!?” ทั้งตระหนกทั้งแปลกใจ
“ผมมี ไม่สิ คุณพ่อของผมท่านเก็บไว้นิดหน่อย ให้ผมนำมาห้าลูกน่ะครับ” ความจริงไข่มุกที่ปลาหมึกพกมามากกว่านั้น แต่หลังจากสังเกตจากท่าทางตะลึงพรึงเพริศของคนตรงหน้า ปลาหมึกคิดว่าเขากั๊กๆ ไว้บ้างจะดีกว่า เดี๋ยวคนแก่จะช๊อคตายก่อน
แต่ห้าลูกที่ได้ยินกับสองหูก็ทำให้เสี่ยร่างท้วมแทบหัวใจหยุดเต้น ของหายากที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริงบนโลกกลับอยู่ในมือของชายหนุ่มตรงหน้าถึงห้าลูก!
“ลูกละสิบห้าล้านจ่ายเงินสด เฮียว่าจะเก็บไว้เองสักสามลูกก็พอ อาเล้งอีกสองลูกลื้อจะเอาไหม” เสี่ยร่างผอมรับน้ำชาจากบริวารมาจิบ ก่อนจะสั่งให้ไปเตรียมเงินสดตามจำนวนที่ต้องการไว้
“ครับ สองลูกสามสิบล้าน แต่เงินสดที่ผมพกมาไม่พอ อาหมึกรับมัดจำไว้สิบล้านก่อนได้ไหมที่เหลือตีเป็นเช็คเงินสดก่อน แล้วถ้าตอนเช้าธนาคารเปิดแล้วจะเบิกมาให้” เสี่ยเล้งหันไปปรึกษาชายหนุ่ม ที่เชื่อว่าเป็นลูกชายของเพื่อนเก่า
“ยังไงก็ได้ครับ” ปลาหมึกเอ่ยตอบ ความจริงเขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าจะตัดสินใจซื้อง่ายปานนี้ ถึงจะถูกสะกิดจิตเรื่อง “ลูกชายของเพื่อนเก่า” ก็เถอะ แต่ไม่คิดว่าจะลงเอยอย่างรวดเร็ว
ความจริงที่องค์ชายใหญ่ไม่รู้ก็คือ คุณค่าของไข่มุกประกายราตรีบนดาวโลกดวงนี้ต่างหาก ที่ทำให้การเจรจาราบรื่นไม่มีสะดุด
เมื่อการตกลงการค้ากันเสร็จ เสี่ยเม้งผู้ที่มีอาวุโสที่สุดในนี้ก็เอ่ยถาม “แล้วจะขนเงินกลับยังไง ตอนมาไม่เห็นมีรถมาด้วย”
ก่อนหน้าจะมายังโลกปลาหมึกได้จัดเตรียมหาข้อมูลไว้แล้ว จากการค้นหารายชื่อพ่อค้าอัญมณีรายใหญ่ในกรุงเทพ และเฉพาะเจาะจงเลือกคนที่มีที่อยู่ใกล้กับสถานที่เขาดิ่งพสุธาลงบนผืนโลกที่สุดด้วย ซึ่งผลที่ได้ก็คือเสี่ยเม้งคนนี้เอง
แต่กว่าจะถึงด่านเสี่ยเม้ง ปลาหมึกก็ไล่สะกดจิตตั้งแต่สุนัขเฝ้าประตูยันมือปืนหน้าเข้มคนสนิทของพ่อค้าอัญมณี
ทางด้านเสี่ยเม้ง นอกจากอาศัยวิชาสะกิดจิต ระบุว่าเป็นลูกชายเพื่อนเก่าแล้ว ปลาหมึกยังปั้นแต่งเรื่องเพิ่มเติม จากที่มีบิดาอยู่ต่างดาว ก็เปลี่ยนเป็นอาศัยอยู่ในประเทศแทน ส่วนตัวเขาคิดจะมาใช้ชีวิตในเมืองหลวงแห่งนี้ โดยมีทุนติดตัวมาเป็นไข่มุกไม่กี่ลูก
โดยไม่รู้ว่าราคาสิบห้าล้านต่อลูกที่ตั้งขึ้นอย่างเกรงว่าจะหาคนซื้อไม่ได้ นั้นความจริงถูกเหมือนให้เปล่า
แต่ เช่นนั้นจึงสอดคล้องกับการเป็นบุตรชายของสหายเก่าไปโดยบังเอิญ ในความเห็นของเสี่ยทั้งสองคน คิดกันไปว่าสหายเก่า (ที่ไม่มีตัวตน) คนนั้นต้องการฝากฝังลูกชายให้ช่วยดูแล โดยกำนัลไข่มุกให้ แต่ของสูงค่าเกรงว่าคนรับจะตะขิดตะขวงใจจึงอ้างการขายไข่มุกบังหน้า ยิ่งประจวบกับที่ปลาหมึกไม่อยากถูกซักถามมากความถึงการได้ไข่มุกพวกนี้มา เขาจึงมีข้อแม้ว่าคนที่ซื้อไปห้ามนำไปขายต่อ คนที่ซื้อได้แต่เก็บไว้เชยชมเอง ดังนี้ทั้งเสี่ยเม้ง กับ เสี่ยเล้งยิ่งเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน
เสี่ยเม้งถามไถ่ปลาหมึกด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทรของญาติผู้ใหญ่ เป็นห่วงทุกข์สุขของหลานชาย ที่สหายเก่าฝากฝังไว้ จึงเอ่ยถามถึงการเดินทาง โดยเฉพาะเงินสดจำนวนมากเช่นนี้อย่าว่าแต่กลางค่ำกลางคืน กระทั่งกลางวันแสกๆ ก็ยังน่ากลัวว่าจะถูกโจรจมูกดีมาปล้นชิง
ปลาหมึกยังไม่ทันได้คิดหาคำตอบ พีจี ยอดองครักษ์ที่ยืนอยู่เบื้องหลังก็ต้องหน้าแดงไปถึงใบหูเพราะกระเพาะอาหารส่งเสียงดังประทวง
“คงหิวแล้วสินะ ต้องขอโทษด้วยที่ทำหน้าที่เจ้าของบ้านบกพร่องไปหน่อย อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม ว่าไงอาเล้งอยู่กินมื้อค่ำด้วยกันสิ”
“ผมคงต้องขอตัวครับ เพราะทานอาหารมาเรียบร้อยแล้ว” เสี่ยเล้งถือโอกาสลากลับ ก่อนไปยังกำชับฝากฝังปลาหมึก หลานชายคนใหม่เสียดิบดี มีอะไรเดือดร้อนให้ไปหาเขาได้อย่าเกรงใจ หรือแม้จะไม่มีเรื่องอะไร ว่างๆ จะแวะไปเยี่ยมก็ได้
ปลาหมึกรับคำ พลางให้พีจีนำไข่มุกสองลูกในถุงกำมะหยี่สีดำส่งให้ทันที พร้อมกับรับเงินสดและเช็คเงินสดจากอีกฝ่าย
คล้อยหลังเสี่ยเล้ง พีจีที่ลอบกลืนน้ำลายอยู่นานก็สะกิดบอกเจ้านายให้รีบๆ สั่งอาหารเพราะบริวารเสี่ยเม้งกำลังยืนรออยู่
“ปลาหมึกชอบกินอะไร แล้วเพื่อนที่มาด้วยกันชอบกินอะไร” เสี่ยเม้งเอ่ยถามซ้ำ แต่พีจีรีบลนลานแก้ไขความเข้าใจผิด
“ผมไม่ได้เป็นเพื่อนคุณปลาหมึกนะครับ ผมเป็นองครักษ์. .โอ๊ย!” ยังไม่ทันจะจบประโยค พีจีก็ถูกปลาหมึกเหยียบเท้าเข้าให้ โทษฐานเผยความลับออกมา
“อ้อ หมายถึงบอดี้การ์ดสินะ” ดูเหมือนเสี่ยเม้งจะหัวเราะขำโดยไม่ถือสา หรือคิดแปลกใจอย่างใด อย่าว่าแต่ตัวเสี่ยเองยังมีทั้งมือปืน ทั้งบอดี้การ์ดคนสนิทเป็นสิบ นับประสาอะไรกับปลาหมึกที่มีบอดี้การ์ดเป็นองครักษ์คอยดูแล คนระดับที่สามารถเดินถือไข่มุกประกายราตรี มาพบเขาถึงที่ ถ้าไม่มีบอดี้การ์ดสิถึงแปลก
“ผมชอบปูครับ ส่วนบอดี้การ์ดคนนี้ เขาชื่อพีจี ชอบทานปลาน่ะครับ” ปลาหมึกได้แต่เออออไปตามน้ำ จากองครักษ์ มาเป็น บอดี้การ์ดก็คงไม่ต่างกันนัก
“ปู กับ ปลา ได้สิ” สั่งบริวารแล้วเสี่ยเม้งก็หันมาคุยกับสองหนุ่มต่อ
“ว่าแต่ปลาหมึกจะมาทำอะไรที่กรุงเทพ มาทำธุรกิจหรือไง มีอะไรให้ลุงช่วยก็บอกนะ” เสี่ยเม้งนับตนเองเป็นญาติกับปลาหมึกไปเรียบร้อยแล้วเอ่ยอาสาอย่างเต็มใจ
“ผมมีเรื่องอยากทำหลายๆ อย่างครับ แต่ก่อนอื่นคงต้องศึกษาชีวิตในเมืองก่อน คือ. .ก่อนหน้านี้พวกผมอยู่แต่บนเกาะน่ะครับ” นายปลาหมึกเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ “คุณพ่อเห็นว่าอากาศและสิ่งแวดล้อมบนเกาะดีต่อสุขภาพก็เลยให้ผมอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้ผมโตพอแล้วก็อย่างจะมาใช้ชีวิตในเมือง เรียนรู้ว่าจะอยู่อย่างไร”
“อยู่บนเกาะนี่เอง มิน่าถึงชอบกิน ปูกับปลา” เสี่ยเม้งพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ ก่อนจะถามต่อ “แล้วนี่มีที่พักกันหรือยัง คืนนี้จะไปพักที่ไหน”
“ผมคิดจะซื้อบ้านเล็กๆ สักหลังแถวๆ ถนนสุขฯ น่ะครับ ระหว่างนี้คงต้องพักโรงแรมไปพลางๆ ก่อน”
คำตอบของหลานชายคนใหม่ทำเอาเสี่ยเม้งเอ่ยปากห้ามเป็นการใหญ่ “ความจริงอาหมึกอยู่ที่นี่ก็ได้ บ้านช่องห้องหับก็มีว่างเยอะแยะไป แต่ถ้าจะหาซื้อบ้านเพื่อความเป็นส่วนตัวก็ได้ เดี๋ยวลุงจะช่วยดูๆ ให้เอง ระหว่างนี้ก็อยู่กับลุงไปก่อนดีกว่า ที่นี่มีบริวารให้ความสะดวกทุกอย่าง ไปพักโรงแรมยังไม่สะดวกเท่าบ้านของลุงหรอกเชื่อเถอะ”
เมื่ออีกฝ่ายอาสาช่วยอย่างแข็งขันปลาหมึกก็ไม่สะดวกกับการปฏิเสธนัก บางทีอาจเป็นการดีด้วยซ้ำ เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปสะกดจิตใครที่ไหนอีก เพราะวิชานี้มันเปลืองพลังงานมากพอดู
....................................
เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาในบ้านดังขึ้นพร้อมกับเสียงกระถางต้นเฟื่องฟ้าที่วางอยู่ข้างโรงจอดรถแตกดัง เพล้ง เป็นสัญญาณบอกว่าพี่ชายกลับมาถึงแล้ว เด็กสาวละความสนใจจากคู่สนทนาทางโทรศัพท์ครู่หนึ่งเพี่อมองนาฬิกาแล้วเธอก็ได้แต่ส่ายหน้าถอนใจ แบบนี้จะไม่ให้ถูกคุณพ่อเอ็ดได้อย่างไรในเมื่อกลับบ้านห้าทุ่มครึ่งทั้งที่วันนี้เลิกเรียนบ่ายสามครึ่งแท้ๆ
“แค่นี้ก่อนนะไข่ตุ๋น พี่ชายตัวแสบของลูกพรุนกลับมาแล้วเดี๋ยวคงโวยวายหาของกินอีกแน่ๆ เลย ต้องไปอุ่นอาหารเตรียมให้เขาก่อนจะได้ทานร้อนๆ ส่วนเรื่องที่เธอขอลูกพรุนรับปากว่าจะช่วยไม่ต้องกังวลนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ที่โรงเรียนนะจ๊ะ”
เพิ่งวางสายเสร็จประตูบ้านก็ถูกกระชากออกอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มที่ถลาเข้ามามีสีหน้าซีดเซียว เหงื่อผุดพรายที่ไรผมบ่งบอกถึงความรีบเร่ง และร้อนใจ ทันทีที่สายตากวาดมองเห็นน้องสาว คนเป็นพี่ชายก็ยิ้มหน้าชื่นขึ้นมาบ้าง
“ลูกพรุน ยังไม่นอนอีกหรือ ดีเลยถ้าอย่างนั้นช่วยทำอะไรให้กินหน่อยนะ แล้วเอาไปให้เฮียที่ห้องนะ เฮียไปก่อนละ” บอกอย่างเร่งร้อนแล้วลนลานหนีขึ้นห้องชั้นบน ก่อนก้าวขึ้นบันไดยังไม่วายกำชับ
“เมื่อตะกี้เห็นรถของคุณเตี่ยตามหลังมา แต่โชคดีที่ติดไฟแดงเสียก่อน นี่ถ้าคุณเตี่ยถามถึงก็ช่วยแก้ตัวให้ด้วยนะน้องรัก” พูดพลางถอดถุงเท้า เข็มขัดกางเกงไปพลาง เตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนให้ดูเหมือนกับว่าเขากลับมาได้พักใหญ่แล้ว ลูกพรุนได้แต่ส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับพฤติกรรมของพี่ชายแล้วไปเตรียมอาหารเบาๆ ให้อีกฝ่ายรับประทาน
ถือถาดใส่ชามรากบัวตุ๋นควันกรุ่นเดินออกจากครัว เป็นเวลาเดียวกับที่บิดาเดินเข้ามาพอดี “กลับมาแล้วหรือคะคุณพ่อ จะทานรากบัวตุ๋นอีกสักชามไหมคะพุทราจีนก็ยังมีเดี๋ยวลูกพรุนจะยกมาให้”
“ไม่ดีกว่าลูก มื้อเย็นพ่อกินจนอิ่มแล้ว ว่าแต่ชามนั้นจะยกไปให้ใคร ของเฮียบอลใช่ไหม” ไม่รอให้ลูกสาวตอบคนเป็นพ่อก็เดาได้ “ลูกพรุนหนูอย่าไปทำให้เฮียเขาเสียนิสัย มันจะกินก็ให้ลงมากินข้างล่างนี่ เรื่องอะไรจะต้องให้น้องนุ่งยกขึ้นไปให้ถึงข้างบนห้อง จะสบายเกินไปแล้วเจ้าลูกคนนี้ แค่โต๊ะอาหารจะเดินลงมาไม่เป็นเชียวหรือ”
เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าจะถูกตำหนิ ลูกชายคนโตที่รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินลงมาด้วยชุดนอนเรียบร้อยพร้อมกับยิ้มประจบบิดา
“กำลังบ่นถึงอยู่พอดี เดี๋ยวนี้เห็นกลับดึกทุกวันเลยไปทำกิจกรรมอะไรนักหนา แล้วนี่ข้าวปลากินหรือยัง ระวังจะเป็นโรคกระเพาะนะอาบอล ตุ๋นรากบัวชามเดียวพอกินหรือเปล่า” แม้ปากจะตำหนิแต่ใจก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี
ความคิดเห็น