ลำดับตอนที่ #19
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Pod19
.
.
คังทาร้องไห้กอดน้องกั้งที่ตอนนี้ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด เพ้อเรียกชื่อผม
ผมยืนนิ่งเนื้อตัวเปียกปอน มองภาพนั้น...ภาพของคนที่ผมรักที่สุดในชีวิตต้องทนทุกข์ทรมาน ผมแทบจะหยุดหายใจ ให้พี่เจ็บแทนได้มั้ย ให้พี่ทำอะไรก็ยอมแม้แต่ต้องเอาชีวิตพี่ไปแทน...
............................................................................................
ฝนเริ่มซาฟ้าเริ่มเปิด
เราเตรียมตัวผู้ป่วยและสัมภาระอย่างรวดเร็วที่สุด พี่รุจ ยูอี มาส่งผมกับคังทาที่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับหมอริทเพื่อนำน้องกั้งไปยังโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด...แต่ ต้องเป็นโรงพยาบาลที่ ญี่ปุ่น!!!
นักบินแห่งกองตำรวจสากลนำ ฮ.ขึ้นอย่างรวดเร็ววอลคุยกับหอบังคับการที่เชียงใหม่เพื่อเอา ฮ. ลงฉุกเฉินและต่อเครื่องบินเจ็ทไปญี่ปุ่น
..................................
.......ไวรัส“SFTS” กัดโดยเล็นญีปุ่น ไวรัสดังกล่าวจะทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการมีผื่นแดงขึ้นหนาวสั่นคล้ายมีไข้สูง อาจมีผลร้ายแรงทำให้เกล็ดเลือดและเม็ดเลือดขาวลดน้อยลงจนเสียชีวิตในที่สุด...
ผมนั่งอ่านการวินิจฉัยทางการแพทย์ที่หมอริทเอาให้ดูอยู่ในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลโตเกียว แพทย์ลงความเห็นว่าหนุ่มน้อยของผมได้รับเชื้อไวรัสชนิดนี้
วันที่ผมฝ่าฝนไปยังลานจอดฮ. เพราะหมอริทคิดว่าน้องกั้งโดนเล็นญี่ปุ่น ที่มีเชื้อไวรัสร้ายแรงกัดเอา แต่มันไม่น่ามีที่เมืองไทยจึงให้ผมไปเก็บหล้กฐานที่พอจะบอกได้
แล้วก็เป็นดังคาด หมอริทพบซากตัวเล็นอยู่ในเสื้อยูกาตะของน้องกั้ง เขาจึงเก็บมาวิจัยทำยาต้านเพื่อช่วยขีวิตเด็กหนุ่มที่เป็นเหมือนดวงใจของผม โดยมีกำหนดเวลาแค่ 6 วันเท่านั้น
ใครกันช่างใจร้ายทำกับหนุ่มน้อยแสนดีของผมได้ถึงเพียงนี้ .....
นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้ว ผมได้แต่รอการผ่าตัดวันพรุ่งนี้
"คุณเต้...เขา...อยากพบคุณ" หมอริทเรียกผมให้สะดุ้งจากภวังค์ให้เข้าไปพบ เขา ...
"พี่เต้ .... " เสียงอ่อนล้าแต่นุ่มนวลของหนุ่มน้อยเจ้าของหน้าหวาน ริมฝีปากตอนนี้ซีดเซียว ดวงตาอิดโรย แต่ยังคงความคมคายน่ามอง
"เด็กน้อยของพี่" ผมตรงเข้าไปจับมือเขาไว้ทั้งที่อยากกอดอยากจูบเขาใจแทบขาด ผมใส่ชุดกันเ่ชื้อโรคก็จริง แต่ไม่อยากเข้าใกล้มากกลัวเขาจะติดเชื้ออะไรอีก น้ำตาที่เพิ่งแห้งมันไหลออกมาอีกแล้ว
"ห่วงกั้งหรอ "เขายิ้มเศร้าๆ
"ไม่เป็นไรหรอก กั้งทนไหว กั้งแข็งแรงนะทั้งร่างกายและหัวใจ เพราะกั้งมีพี่เต้รอกั้งอยู่ไงฮะ" เขาพูดเสียงแหบแห้ง แต่ท่าทางมุ่งมัน
"น้องกั้งของพี่ ... ให้พี่เจ็บแทนเถอะ พี่ทรมานใจเหลือเกินแล้วครับ" ผมมองหน้าสวยของเขาไม่อยากเห็นอาการทุรนทุรายนั้นอีก
"พี่เต้ก็ต้องดูแลตัวเองนะ กั้งเป็นห่วงพี่เพราะหมอริทบอกว่าพี่จะให้เกร็ดเลือดกั้ง แต่ก็ดีใจที่เลือดเราสองคนเข้ากันได้ดี .... อย่าร้องไห้สิฮะ " เขาเองก็มีน้ำตาไหลออกมา
"อย่าว่าแต่เกร็ดเลือดเลย หัวใจพี่ก็ควักให้น้องกั้งได้ขอแค่คนน่ารักของพี่หาย กลับมามีขีวิตได้อย่างเดิมยากแค่ไหนพี่ก็จะทำ" ผมสัญญากับเขา เอามือลูบหัวน้องเบาๆ
"พี่เต้....ถ้า สมมุติ แค่สมมุตินะ ว่ากั้งกลับมาไม่ได้พี่เต้อย่าเสียใจนะต้องอยู่ต่อไปรับปากกั้งสิ" ชายหนุ่มพูดแข็งขันแต่สะอื้นเบาๆ ผมยื่นนิ้วชี้ไปปิดปากเขาไม่ให้พูดต่อ
"น้องกั้งอย่าแม้แต่จะคิดว่าจะทิ้งพี่ไป เราเป็นคนคนเดียวกันนะครับ น้องกั้งนั่นแหละที่ต้องรับปากกับพี่ว่าจะต้องหายต้องไม่ยอมแพ้นะครับคนดีของพี่ "
ผมก้มลงจูบแก้มใสๆของเขา คนป่วยมองตาแป๋ว ผมมองตอบ ไม่ยอมหรอกผมไม่ยอมปล่อยมือเขาเราต้องได้อยู่ด้วยกันอีก
.............................................................
.
คังทาร้องไห้กอดน้องกั้งที่ตอนนี้ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด เพ้อเรียกชื่อผม
ผมยืนนิ่งเนื้อตัวเปียกปอน มองภาพนั้น...ภาพของคนที่ผมรักที่สุดในชีวิตต้องทนทุกข์ทรมาน ผมแทบจะหยุดหายใจ ให้พี่เจ็บแทนได้มั้ย ให้พี่ทำอะไรก็ยอมแม้แต่ต้องเอาชีวิตพี่ไปแทน...
............................................................................................
ฝนเริ่มซาฟ้าเริ่มเปิด
เราเตรียมตัวผู้ป่วยและสัมภาระอย่างรวดเร็วที่สุด พี่รุจ ยูอี มาส่งผมกับคังทาที่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับหมอริทเพื่อนำน้องกั้งไปยังโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด...แต่ ต้องเป็นโรงพยาบาลที่ ญี่ปุ่น!!!
นักบินแห่งกองตำรวจสากลนำ ฮ.ขึ้นอย่างรวดเร็ววอลคุยกับหอบังคับการที่เชียงใหม่เพื่อเอา ฮ. ลงฉุกเฉินและต่อเครื่องบินเจ็ทไปญี่ปุ่น
..................................
.......ไวรัส“SFTS” กัดโดยเล็นญีปุ่น ไวรัสดังกล่าวจะทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการมีผื่นแดงขึ้นหนาวสั่นคล้ายมีไข้สูง อาจมีผลร้ายแรงทำให้เกล็ดเลือดและเม็ดเลือดขาวลดน้อยลงจนเสียชีวิตในที่สุด...
ผมนั่งอ่านการวินิจฉัยทางการแพทย์ที่หมอริทเอาให้ดูอยู่ในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลโตเกียว แพทย์ลงความเห็นว่าหนุ่มน้อยของผมได้รับเชื้อไวรัสชนิดนี้
วันที่ผมฝ่าฝนไปยังลานจอดฮ. เพราะหมอริทคิดว่าน้องกั้งโดนเล็นญี่ปุ่น ที่มีเชื้อไวรัสร้ายแรงกัดเอา แต่มันไม่น่ามีที่เมืองไทยจึงให้ผมไปเก็บหล้กฐานที่พอจะบอกได้
แล้วก็เป็นดังคาด หมอริทพบซากตัวเล็นอยู่ในเสื้อยูกาตะของน้องกั้ง เขาจึงเก็บมาวิจัยทำยาต้านเพื่อช่วยขีวิตเด็กหนุ่มที่เป็นเหมือนดวงใจของผม โดยมีกำหนดเวลาแค่ 6 วันเท่านั้น
ใครกันช่างใจร้ายทำกับหนุ่มน้อยแสนดีของผมได้ถึงเพียงนี้ .....
นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้ว ผมได้แต่รอการผ่าตัดวันพรุ่งนี้
"คุณเต้...เขา...อยากพบคุณ" หมอริทเรียกผมให้สะดุ้งจากภวังค์ให้เข้าไปพบ เขา ...
"พี่เต้ .... " เสียงอ่อนล้าแต่นุ่มนวลของหนุ่มน้อยเจ้าของหน้าหวาน ริมฝีปากตอนนี้ซีดเซียว ดวงตาอิดโรย แต่ยังคงความคมคายน่ามอง
"เด็กน้อยของพี่" ผมตรงเข้าไปจับมือเขาไว้ทั้งที่อยากกอดอยากจูบเขาใจแทบขาด ผมใส่ชุดกันเ่ชื้อโรคก็จริง แต่ไม่อยากเข้าใกล้มากกลัวเขาจะติดเชื้ออะไรอีก น้ำตาที่เพิ่งแห้งมันไหลออกมาอีกแล้ว
"ห่วงกั้งหรอ "เขายิ้มเศร้าๆ
"ไม่เป็นไรหรอก กั้งทนไหว กั้งแข็งแรงนะทั้งร่างกายและหัวใจ เพราะกั้งมีพี่เต้รอกั้งอยู่ไงฮะ" เขาพูดเสียงแหบแห้ง แต่ท่าทางมุ่งมัน
"น้องกั้งของพี่ ... ให้พี่เจ็บแทนเถอะ พี่ทรมานใจเหลือเกินแล้วครับ" ผมมองหน้าสวยของเขาไม่อยากเห็นอาการทุรนทุรายนั้นอีก
"พี่เต้ก็ต้องดูแลตัวเองนะ กั้งเป็นห่วงพี่เพราะหมอริทบอกว่าพี่จะให้เกร็ดเลือดกั้ง แต่ก็ดีใจที่เลือดเราสองคนเข้ากันได้ดี .... อย่าร้องไห้สิฮะ " เขาเองก็มีน้ำตาไหลออกมา
"อย่าว่าแต่เกร็ดเลือดเลย หัวใจพี่ก็ควักให้น้องกั้งได้ขอแค่คนน่ารักของพี่หาย กลับมามีขีวิตได้อย่างเดิมยากแค่ไหนพี่ก็จะทำ" ผมสัญญากับเขา เอามือลูบหัวน้องเบาๆ
"พี่เต้....ถ้า สมมุติ แค่สมมุตินะ ว่ากั้งกลับมาไม่ได้พี่เต้อย่าเสียใจนะต้องอยู่ต่อไปรับปากกั้งสิ" ชายหนุ่มพูดแข็งขันแต่สะอื้นเบาๆ ผมยื่นนิ้วชี้ไปปิดปากเขาไม่ให้พูดต่อ
"น้องกั้งอย่าแม้แต่จะคิดว่าจะทิ้งพี่ไป เราเป็นคนคนเดียวกันนะครับ น้องกั้งนั่นแหละที่ต้องรับปากกับพี่ว่าจะต้องหายต้องไม่ยอมแพ้นะครับคนดีของพี่ "
ผมก้มลงจูบแก้มใสๆของเขา คนป่วยมองตาแป๋ว ผมมองตอบ ไม่ยอมหรอกผมไม่ยอมปล่อยมือเขาเราต้องได้อยู่ด้วยกันอีก
.............................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น