KangCD: Mirage (SF) - KangCD: Mirage (SF) นิยาย KangCD: Mirage (SF) : Dek-D.com - Writer

    KangCD: Mirage (SF)

    Mirage ภาพลวงตาที่มองไม่เห็นความจริง... หากแต่สัมผัสด้วยใจ

    ผู้เข้าชมรวม

    868

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    868

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    6
    หมวด :  แฟนฟิคไทย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 มิ.ย. 59 / 09:48 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    แนะนำตัวละคร Mirage
     
     
    กั้ง วรกร ชายหนุ่มที่มีความโดดเด่น แต่มีโลกส่วนตัวสูง ยากที่ใครจะเข้าถึง
     
     

    ซีดี กันต์ธีร์ หนุ่มน้อยขี้สงสัย อะไรที่เขาต้องการรู้แล้วต้องรู้ให้ได้ โดยเฉพาะพี่ชายคนนั้น





    เมื่อสองคนมาเจอกันจึงบังเกิดความไม่พึงใจ คนหนึ่งซ่อนความจริงเอาไว้ ในขณะที่อีกคนพยายามค้นหา





    หมายเหตุ: แฟนฟิคเรื่องนี้แต่งขึ้นจากมโนเพื่อความฟินล้วนๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับศิลปินแต่อย่างใดนะจ๊ะ

    แงๆ เกิดผิดพลาดเพราะไรท์บังเอิญลบเรื่องไป ไว้ไปค้นในไฟล์มาอัพใหม่นะจ๊ะ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Mirage
       
      ............
       

      "ผมถึงกรุงเทพแล้วครับ ได้ครับ แล้วผมจะติดต่อไป"  

       

      หน้าอาคารใหญ่ที่ตั้งสำนักข่าวเจ้าของรายการทีวีชื่อดัง บนมอเตอร์ไซด์สีแดงเข้มคันใหญ่นั่งไว้ด้วยชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในสูทรัดรูปดำสนิทสวมแว่นดำสะพายเป้ วางสายแล้วสวมหมวกกันน็อคบึ่งออกไปตามถนนวุ่นวายในเมืองใหญ่แห่งนี้

       

      .

      .

       

      แชะๆๆๆ

       

      เสียงชัทเตอร์รัวๆในมือขาวๆของหนุ่มน้อยสวมหมวกแก็บปีกยาวตามแบบวัยรุ่นแร๊บโย่ว์ ในชุดเสื้อตัวโคร่งกางเกงยีนส์ขาดได้ใจ ขยับแว่นกันแดดสีชมพูแววตามีความสงสัย เขามองตามเงาร่างที่อยู่บนมอเตอร์ไซด์จนลับตา

       

       

       

      <<<< >>>>>
       

       

       

      ผมซีดี กันต์ธีร์ เป็นนักข่าวไอทีรุ่นใหม่ไฟแรงของสำนักข่าว T-Time หน้าที่หลักคือทำสกู๊ปไอที แต่ส่วนตัวผมเป็นคนชอบสืบชอบค้นหาเรื่องราวที่น่าสงสัย อย่างวันนี้ผมก็ได้เจอกับเขา กั้ง วรกร ... นักธุรกิจโทรคมนาคมชั้นนำ บริษัทของเขาชนะการประมูลคลื่นความถี่ LTE 6G ดังระดับนี้ถึงจะปิดหน้าพรางตัวยังไงผมก็จำได้อยู่ดี หลายวันมานี่ผมแอบตามไปดูความเคลื่อนไหวของเขา 

       

       

      "ไงซีดี ได้ข่าวบ้างยังวะ"

       

      "ยังเลยพี่ตั้ม แต่วันนี้ผมเห็นเขาที่หน้าตึกเราว่ะ "

       

      "เฮ้ย จริงดิ มาทำไรวะ"

       

      "นั่นดิ ผมจับภาพเขาได้ นี่ไง"

       

      "อืมม์ แปลกมากเพราะทางเลขาของเขาบอกว่าคุณกั้ง ยังไม่กลับจากญี่ปุ่น ไหงมาโผล่นี่วะ แน่ใจหรือเปล่าว่าเป็นเขา"

       

      "โหย แน่ซะยิ่งกว่าแน่"

       

      "งั้นลงข่าวซุบซิบประมาณคนหน้าเหมือนวันพรุ่งนี้เลย"

       

      "เฮ้ย พี่อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น ขอผมสืบต่ออีกหน่อยว่าเขาปิดบังอะไร"

       

      ผมต้องได้หลักฐานชัดเจนซะก่อน แต่ตอนนี้ผมมีสัมภาษณ์คู่แข่งของเขา 

       

       

       

      .

      .

      .

       

       

      "ผมไปก่อนล่ะพี่ สายรายงานว่าเจอรถเขาที่ท่าเรือ"

       

      ผมไม่ได้ฟังคำตอบแต่ฮ้อออกไปตามเขาทันที พาหนะของผมก็รถรับจ้างทั่วไปนี่แหละ อุๆ

       

      "ไงวะเนียร์ "

       

      "นั่นไงรถมอไซด์คันที่มึงส่งรุปมา "

       

      "เออ จริงด้วย ขอบใจว่ะ"

       

      ผมคว้ากล้องคู่ใจมาถ่ายมันไว้ ซุ่มรอเจ้าของ แต่ดูเหมือนจะนานเกินผมอยากไปดูใกล้ๆว่าเขามาทำอะไรกันแน่

       

      ไวเท่าความคิดผมแอบย่องๆไปตามผนังนอกโกดังเล็งวิวไฟเดอร์ไปที่มุมมืดๆมีเงาตะคุ่มๆ

       

      " นายเป็นใคร"

       

      "เฮ้ย "

       

      ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะมีมือเย็นๆมาจับข้อมือผมไว้ พอจะร้องอีกมือก็เลื่อนมาปิดปากซะงั้น แถมลากผมออกมา

       

      "ชู่ว์ อย่าส่งเสียงดัง..."

       

      "อือๆ ออๆ"

       

      "บอกมา นายตามชั้นทำไม หรือเป็นพวกโรคจิต"

       

      "เดี๋ยวๆ ฟังก่อนดิ"

       

      เขาจับตัวผมเขย่าพลางโน้มหน้ามาใกล้ ถอดแว่นตาดำออก เอื๊อก คนไรวะตาโคตรโต

       

      "หึๆ นายเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่"

       

      "ห๊ะ " ผมกระพริบตาปริบๆ มองเขาไม่เข้าใจ 

       

      "ก็ตัวขาวซีดอ้อนแอ้น ปากแดงงี้ ... "

       

      "ปล่อยผมเลย ผมไม่ได้ตามคุณซักหน่อย"

       

      "อ้าวหรอ งั้นขอชั้นดูภาพในกล้องนายหน่อย"

       

      ว่าแล้วเขาก็คว้ากล้องไปเปิดดูภาพ แย่แล้ว

       

      "เอามานี่" ผมตกใจคว้ากล้องกลับมาพยายามเดินหนีเขาที่คว้าแขนผมไว้อีกล่ะ

       

      "นายถ่ายภาพโอเคนะ ชั้นดูเท่ห์ดี"

       

      "จะเอายังไง ผมลบออกก็ได้"

       

      "แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่านายไม่มีสำเนาเก็บไว้"

       

      "ผมไม่เห็นว่ามันจะน่าเก็บตรงไหนเลย ..."

       

      "งั้นก็บอกมาว่าถ่ายไว้ทำไม" 

       

      "ก็ผม..."

       

      ตื๊ดดๆๆ

       

      เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ผมได้ทีรีบเผ่นหนีไป คนขี้เก็กเลยไม่ได้ซักฟอกผมต่อ 

       

      .

      .

      .

      .......

       

       

      โรงแรมสุวรรณภูมิ

       

      วันนี้ผมมีนัดสัมภาษณ์คนที่เป็นประเด็นที่โรงแรมในสนามบินแห่งนี้ เจ้าของร่างสูงโปร่งในสูทเนี๊ยบสีเทาสวมแว่นตา ก้าวลงจากรถโฟลคแวนหรูดวงตาคมประกายวิบวับกวาดมองไปรอบๆ เขาเห็นผมแล้วนะผมว่าแต่ดันทำเบือนไปเพราะนักข่าวต่างกรูเข้าไปจ่อไมค์ใส่เขากันจ้าละหวั่น พลางถามสารพัดคำถามเรื่องการฮั้วประมูลที่ แอมป์ ภูริ คู่แข่งของเขาได้พูดไว้ในรายการของเรา

       

      "ขอโทษนะครับ แต่คุณกั้งจะขอให้สัมภาษณ์เฉพาะที่ทำนัดมาเท่านั้น เอ่อ คุณกันต์ธีร์ เชิญที่ห้องวีไอพีครับ"

       

      คุณอาเมน คนสนิทของเขาเดินมาพาผมกับพี่ตากล้องให้ตามไปท่ามกลางสายตาอิจฉาริษยาของสำนักข่าวอื่นๆ

      .

      .

       

       

      ผมเข้ามาในห้องต้องชะงักกับคนที่ยืนหันหลังให้ เขาทักขึ้นโดยไม่หันมามอง

       

      "นั่งก่อนสิ"

       

      "ขอบคุณครับ "

       

      "เธอสินะ ที่ถามเปิดประเด็นไว้กับนายแอมป์นั่น"

       

      ร่างสูงหันมาช้าๆ ยกมือขึ้นขยับแว่นให้เข้าที่แล้วเดินมานั่งไขว่ห้างตรงหน้าผม เอื๊อก ทำไมมันยะเยือกแบบนี้

       

      "เอ่อ ผมก็ทำไปตามหน้าที่ของนักข่าว"

       

      "อืมม์ แล้ววันนี้จะเริ่มยังไง"

       

      "ผมแล้วแต่คุณพร้อม"

       

      "ผมพร้อมแล้วล่ะ"

       

      เสียงทุ้มกังวานแต่แฝงความมีอำนาจพูดช้าๆ เลื่อนมือมาประสานไว้ที่เข่า สีหน้าเรียบเฉยมากจนผมหนาว เลยหันไปหาพี่ช่างกล้องให้เริ่มบันทึก ผมถือไมค์ก้านยาวตั้งคำถามที่เตรียมมา 

       

      "สวัสดีครับคุณวรกร ผมซีดี กันต์ธีร์ รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สัมภาษณ์คุณ เข้าประเด็นเลยนะครับ ไม่ทราบว่าก่อนการประมูลคุณได้รู้ข้อมูลของเจ้าอื่นมาแล้วหรือเปล่า"

       

      "ไม่ครับ"

       

      "........."

       

      "แต่ทางเราได้ข่าวมาว่าคุณได้นัดแนะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของผู้ให้สัมปทานเพื่อพูดคุยก่อนประมูล"

       

      "ไม่มีครับ ข่าวของคุณผิดพลาด"

       

      "เรามีพยานนะครับ "

       

      "คุณแอมป์ ภูริน่ะหรอ หึๆ เขาเป็นพยานไม่ได้หรอกครับเพราะเราเป็นคู่แข่งกัน"

       

      "ถ้าอย่างนั้นคุณได้เตรียมการเปิดตัวคลื่นไหม่ไว้ยังไงครับ"

       

      "เราร่วมทุนกับญี่ปุ่นเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้งาน นี่ก็เพิ่งกลับมาจากการลงนามความร่วมมือกัน สัปดาห์หน้ารับรองมีเซอร์ไพรซ์ใหญ่แน่นอน"

       

      "อืมม์ ผมขอถามอีกเรื่อง ถ้าคุณอยู่ญี่ปุ่นทำไมมีคนเห็นคนอยู่ที่ท่าเรือในกรุงเทพล่ะครับ"

       

      "ไม่น่าจะเป็นผม"

       

      "แต่คุณก็รู้ว่าผมมีหลักฐาน"

       

      "ถ้าคุณมีจริงก็เอามาดูกันครับ ผมก็ไม่ทราบว่าจะอยู่สองที่ได้ไงในเวลาเดียวกันแถมยังข้ามประเทศขนาดนั้น"

       

      "มีอะไรในโกดังนั้นหรือครับ"

       

      "........"

       

      "ทำไมเงียบไปล่ะครับ ดูเหมือนมันจะมีความสำคัญมาจนคุณต้องมาดูด้วยตัวเอง"

       

      "ผมไม่เข้าใจ เลยตอบไม่ได้ ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วก็พอแค่นี้เถอะ ผมต้องไปประชุมต่อ"

       

      เขาพูดจบก็ลุกขึ้นเดินผ่านกล้องไปเฉยๆ เฮ้ย คนอะไรวะ ไม่แคร์ใครเลย

       

      "เอ่อ คุณซีดีครับ คงต้องแค่นี้ล่ะ แล้วค่อยติดต่อกันใหม่นะครับ"

       

      "ครับๆ คุณอาเมน"

       

      .

      .

      .

       

      "เอาไงดีล่ะซีดี'

       

      "พี่กลับไปก่อน ผมไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆแน่"

       

      ผมไล่ให้พี่ตากล้องกลับไป ส่วนตัวเองก็คว้ากล้องคู่ใจวิ่งตามคนหงุดหงิดเพราะโดนจับได้ไป ผมตามเขามาจนทัน

       

      "เดี๋ยวสิครับคุณกั้ง ผมต้องหาความจริงให้ได้"

       

      "คุณอยากทำแบบนั้น?"

       

      "ใช่"

       

      "งั้นตามไปกับผมมั้ยล่ะ"

       

      "........"

       

      "ว่าไง ลังเล ไม่กล้างั้นรึ"

       

      "ได้เลย ชริ" ผมไม่ชอบคนสบประมาท เอาวะก็ไปให้มันรู้ ผมขึ้นรถเขาไปตามคำเชิญที่ออกจะเยาะเย้ยนิดๆนั่น

       

      .

      .

      .

       

      .....

       

      "คุณจะไปไหนหรอ"

       

      "เดี๋ยวก็รู้"

       

      "ผมถ่ายรูปคุณได้มั้ย"

       

      "ก็ตามใจ"

       

      ผมยกกล้องมากดชัทเตอร์ไประหว่างที่นั่งไปกับเขา เป็นคนเงียบขรึมได้ที่มากๆ อ๊าาคคคค อึดอัดจริงๆ

       

      แต่หน้าเขาได้รูป คิ้วเรียวตาโตใต้กรอบแว่นที่สนใจอยู่กับข้อมูลตัวเลขในไอแพด จมูกโด่งมาก คอเขาใหญ่และยาว เฮ้ย ไม่ใช่ๆ ผมกำลังถ่ายภาพเพื่อทำข่าวนะ

       

      "หึๆ จะซูมอีกนานมั้ย"

       

      "อะ อะไร ป๊าวว ผมต้องเอารูปคุณไปประกอบข่าวออนไลน์ไง "

       

      "นั่นสิ มันต้องให้เห็นอะไรมากมายขนาดนั้นด้วยหรอ"

       

      "เห็นอะไร๊ ... ก็ปกติ" ผมลดกล้องลง นั่งนิ่งๆก็ได้ แวมไพร์ป่าววะเนี่ย

       

      "ทำไมถึงมาเป็นนักข่าวล่ะ"

       

      "ผมเป็นพวกอยากรู้อยากเห็น อยากได้ความจริงไง อาชีพนี้เหมาะสุด"

       

      "แต่บางทีคุณก็อาจโดนความจริงลวงตาเอา"

       

      "ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดหรอก แต่ผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณไปทำอะไรที่โกดังนั่น แล้วทำไมต้องพรางตัว ต้องบอกใครๆว่าไปญี่ปุ่น"

       

      "คุณคิดเองเออเองนะ"

       

      "ผมเชื่อในสิ่งที่เห็น"

       

      "ซึ่งอาจไม่ใช่แบบนั้น"

       

       

       

      เอี๊ยดดดดด

       

       

      ปังๆ 

       

      "โอ๊ะ อะไรกัน"

       

      "ซีดี ก้มต่ำๆไว้'

       

      มือแข็งแรงจับหัวผมกดลงบนอกของเขา ผมใจเต้นแรง นี่เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรอกนะ ไม่ใช่เพราะอกแน่นๆนั่น

       

      เสียงรถมอเตอร์ไซด์มาประกบรถของเขาพลางกระหน่ำยิงใส่ รถเอียงหลบไปมาทำให้เราสองคนล้มลงไปนอนทับกันบนเบาะยาว 

       

      "ไม่เป็นไรนะคุณกั้ง คุณซีดี รถเรากันกระสุน เดี๋ยวเราจะพาคุณสองคนไปที่ปลอดภัยก่อน"

       

      เสียงคุณอาเมนร้องบอก พลางบอกคนรถให้บึ่งลงข้างทางไปในถนนเบี่ยงขรุขระ เออนะ ยิ่งทำให้ผมกับเขาต้องกระดอนไปมาบนเบาะ ตอนนี้ผมท้บอยู่บนร่างกายแข็งแรงที่ดันกอดผมไว้ซะแน่น 

       

      "ซีดี ไม่เป็นไรใช่มั้ย"

       

      "ไม่ฮะ เอ่อ แต่คุณรัดผมแน่นไปล่ะ"

       

      "อ่อ ขอโทษๆ " 

       

      เขาคลายการกอดผมลง สักพักรถก็มาหยุดลงในพงหญ้า

       

      "คุณกั้งลงไปก่อนนะครับ เราจะล่อมันไปอีกทาง นี่ครับบอส หมวกกันน็อค มีให้คนซ้อนด้วย..."

       

      "ได้อาเมน ระวังตัวด้วยนะ ไปซีดี"

       

      ผมก็รับหมวกมางงๆ จนเขาคว้าข้อมือผมลากลงไปจากรถ วิ่งต่ำๆไปตามพงหญ้าต้นไม้รกๆ จนไปถึงที่แห่งหนึ่ง

       

      .

      .

      .

       

       

      "รถมอเตอร์ไซด์นี่"

       

      "อย่าเพิ่งซักมาก ขึ้นมาเร็ว เราต้องไปกันแล้ว"

       

      มันเป็นรถมอเตอร์ไซด์สีแดงนั่น เขาซ่อนมันไว้ด้านหลังรองซีเมนต์ตอนนี้เขาขึ้นไปนั่งด้านหน้า ให้ผมซ้อนท้ายแล้วบึ่งออกไปด้วยความชำนาญ แต่มันช่างกระเด็นกระดอนก่อนที่เราจะขึ้นมาถึงถนนลูกรังที่พอจะวิ่งได้เรียบๆ

      .

      .

      .

       

      "ตกใจมั้ย"

       

      "กะ ก็ นิดหน่อยฮะ พวกนั้นคือ"

       

      "พวกขัดผลประโยชน์น่ะ ผมเจอบ่อยไม่เป็นไรหรอก อาเมนจัดการได้"

       

      "เจอบ่อย?"

       

      "อือ เกาะไว้แน่นๆนะ "

       

      เขาเตือนพลางจับมือผมมากอดเอวเขาไว้เร่งความเร็วขึ้น

       

      เพราะมีไอ้มอเตอร์ไซด์คนนึงขับไล่ตามมา 

       

       

       

      ปังๆๆๆ

       

       

      เขาขับลดเลี้ยวหลบเลี่ยงไป โคตรหวาดเสียว สักพักก็ได้ยินเสียงรถตำรวจเปิดไซเรนดังลั่น ทำให้ไอ้พวกที่ตามเรามารีบบึ่งหนีไปแต่ไม่วายหันมาส่องปืนใส่ เขาหักหลบทำให้รถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง

       

      "คุณกั้ง"

       

      "ซีดี ระวัง"

       

      รถแฉลบลงข้างทางแต่ด้วยความมีทักษะทำให้เขาบังคับให้มันล้มได้นุ่มนวล 

       

      "มีเลือดออกที่ขาคุณ"

       

      "ไม่เป็นไร นายเป็นไงบ้าง"

       

      "ผมโอเค เดี๋ยวผมไปแจ้งตำรวจนะจะได้พาคุณไปส่งโรงพยาบาล"

       

      "ไม่ได้"

       

      เขาคว้าแขนผมไว้ ตาโตมองมาดุๆ

       

      "ทำไมอ่ะ"

       

      "ให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเป็นชั้น"

       

      "เฮ้อ แล้วจะทำไงล่ะ คุณเจ็บนะเนี่ย"

       

      "นายขับมอเตอร์ไซด์เป็นมั้ย"

       

      "ได้สิ "

       

      "ชั้นต้องไปที่โกดังนั่นก่อนที่ไอ้แอมป์มันจะรู้"

       

      "ทำไมหรอ "

       

      "แล้วนายจะเข้าใจ ช่วยชั้นหน่อยนะ"

       

      "ก็ได้"

       

      ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี เลยลากรถมาขึ้นขับโดยมีเขาซ้อนไว้ 

       

       

       

       

      .

      .

      .

       

       

       

      .....

       

       

      เปลือกตาโตปรือขึ้น กระพริบถี่ๆ ขยับตัวได้เล็กน้อยก็ต้องหยุดลง

       

      "โอ๊ย"

       

      "นั่นไง อย่าเพิ่งลุกสิ"

       

      "ที่นี่ที่ไหน"

       

      "คอนโดผมเอง"

       

      "แล้วทำไม.."

       

      "ก็คุณหมดสติไป ผมไม่รู้เอาไงต่อก็เลยพามานี่ไง"

       

      "ชั้นสลบไปนานมั้ย"

       

      "ก็ชั่วโมงมั้ง ไม่ต้องห่วงนะคุณอาเมนเขาบอกว่าเรื่องโกดังอะไรนั่นเขาไปจัดการแล้ว "

       

      "โอ๊ะ"

       

      ร่างสูงพยายามดันตัวเองลุกอีกล่ะ

       

      "ก็บอกว่าอย่าลุกไง ดื้อจริง นี่ไม่ใช่แค่ขาเจ็บนะ โดนลูกปืนเฉี่ยวมาด้วย"

       

      คนเจ็บก้มลงมองตัวเองที่ท่อนบนเปลือยเปล่า

       

      "เฮ้ย นายทำไรชั้น"

       

      "ก็ต้องถอดเสื้อทำแผลไง"

       

      "ตกลง นายเป็นผู้ชาย?"

       

      "ก็เออน่ะสิ ถามไรแปลกๆ"

       

      "ก็หน้าหวาน มือนิ่ม"

       

      ไม่พูดเปล่าคนป่วยดันจับมือผมไปบีบๆ

       

      "นี่ต้องให้ถอดให้ดูมั้ยถึงจะเชื่อ"

       

      ผมทำหน้ากวนๆ หยักคิ้วหลิ่วตามองเขา แกล้งปลดกระดุมเสื้อ

       

      "ชั้นก็อยากเห็น"

       

      "ห๊ะ"

       

      "ก็อยากเห็นว่าจะน่าดูมั้ย"

       

      "เสียสติไปแล้ว"

       

      "หึๆ ขอบใจนะที่่ช่วยชั้น"

       

      "คุณก็นอนพักจะได้หายไวๆ "

       

      "เรียกพี่กั้งก็ได้ ไม่ต้องคุณหรอก"

       

      "พี่กั้งเนี่ยนะ"

       

      "อือ "

       

      "พี่กั้งก็พี่กั้ง เอ้า กินยาแล้วนอนซะ "

       

      ผมตัดบทเอายาให้เขากินแล้วก็นั่งดูเขาจนหลับ ผมคว้ากล้องมาถ่ายภาพคนหลับไปสองสามภาพ อดยิ้มไม่ได้

       

       

       

      ..........

       

       

       

      "นี่ไง ที่ซีดีสงสัย"

       

      ผมมาอยู่ที่หน้าโกดังเพราะพี่กั้งคิดว่าควรเป็นผมและ T-Time เป็นผู้นำเสนอสิ่งนี้ให้ประชาชนได้รู้

       

      ประตูเหล็กค่อยๆเปิดออก ทีมกล้องของช่องเราจับไปทุกมุมโดยไม่รู้ว่ากำลังถ่ายอะไรอยู่ ผมกำไมค์ก้านยาวไว้แน่น

       

      .

      .

      .

       

      ........

       

       

      รายงานข่าวด่วนจากสำนักข่าว T-Time 

       

       

       

      "ช่วง Breaking news กับ ผม สุธน ... มีข่าวด่วนจากกองทหารสากลที่มาขอความร่วมมือให้เราสืบเบาะแสการจารกรรมข้อมูลทางทหารของพวกอาชกรข้ามชาติ และวันนี้ผู้พันคริสโตเฟอร์ก็ได้เปิดโกดังแถวท่าเรือ เพื่อนำของกลางที่เป็นเครื่องสอดแนมทางอากาศและอาวุธเถื่อนที่ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรนิรนามนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะ คุณกันต์ธีร์ได้เก็บภาพมาให้ชม ไปฟังสัมภาษณ์จากผู้พันกันเลยครับ"

       

      .

      .

      .

       

       

      "เฮ้ย ซีดี แม่งมีแต่คนโทรมาถามว่า พันธมิตรนิรนามเป็นใคร"

       

      "หึๆ ถ้าเขาอยากให้รู้คงไม่ใช้คำว่านิรนามมั้งพี่"

       

      "เออ พี่ก็ตอบไปแบบนั้น ... แต่เจ๋งดีว่ะ เหมือนดูซีรี่ส์ CSI เลย"

       

      .

      .

       

      "และสรุปด้วยข่าวช็อควงการไอทีเมื่อผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นนายภูริ เจ้าของบริษัทโทรคมนาคมที่พยายามโจมตีคู่แข่ง สาเหตุเพราะต้องการยึดครองย่านความถี่ทั้งหมดเพื่องานจารกรรมและขายข้อมูลให้กับพวกโจรข้ามชาติ ตำรวจได้จับกุมตัวก่อนจะหลบหนีออกนอกประเทศ และทั้งหมดนี้คือข่าวด่วน Breaking news ของเรา ตอนนี้กลับไปชมการแข่งขันฟุตบอลกันต่อครับ"

       

      .

      .

      .

       

      ไลน์ๆ

       

       

      "เอ๊ะ พี่กั้ง"

       

      ผมก้มมองมือถือที่พี่กั้งส่งไลน์มาชื่นชมการทำข่าวของผมก็เลยยิ้มขึ้นมาได้

       

      "ไงวะซีดี ยิ้มกะมือถือนะเอ็ง ใครอ่ะ แฟนหรอวะ"

       

      "อะรัย ผมยังไม่มีแฟนพี่ตั้มก็มั่ว"

       

      "เออๆ งั้นก็คงกิ๊ก 5555 กลับไปพักได้แล้วเหนื่อยมาทั้งวัน"

       

      พี่ตั้มตบบ่าผมแล้วเลี่ยงไป ผมคว้ากระเป๋าเป้มาเตรียมกลับบ้าน 

       

      ไม่มีใครรู้ว่าคนเบื้องหลังเรื่องนี้เป็นพี่กั้ง และเขาก็ไม่ให้ผมบอกใครซึ่งผมก็รับปากโดยดี

       

      .

      .

      .

       

      ผมผิวปากอารมณ์ดีเดินไปหน้าปากซอย ตอนนี้ก็ดึกแล้วคงต้องไปหารถแท็กซี่

       

      "เฮ้ย"

       

      "ไอ้หน้าจืด มึงแส่หาเรื่องดีนัก"

       

      พลั่ก ผลัวะ

       

      "โอ๊ยย"

       

      "เอาตัวมันไป ..."

       

      ชายฉกรรจ์ชุดดำสามคนตรงเข้าต่อยอัดท้องหนุ่มซีดีจนจุกแล้วลากเขาขึ้นรถไป 

       

      "ถ้าไม่อยากตาย บอกมาว่าคนที่ให้ข้อมูลมึงมาจับพวกกูเป็นใคร"

       

      "ไอ้พวกเลว ใครๆก็อยากให้พวกมึงโดนจับ อ๊าค"

       

      เพี๊ยะ

       

       

      "ปากดีนัก มึงจะบอกดีๆหรือจะให้พวกกูโมโห"

       

      "ลูกพี่ เอามันไปไว้ไหนดี"

       

      "บ้านร้างข้างหน้า ต่อสายไปที่สถานีให้กูหน่อย"

       

      .

      .

      "เฮ้ย กูได้ตัวไอ้นักข่าวหน้าอ่อนของมึงมาแล้ว ถ้าไม่อยากเห็นมันตายก็บอกคนที่ให้ข่าวพวกมึงมา"

       

      มันกระแทกปืนใส่ท้องผมจนต้องร้องออกมา

       

      "อ๊าาค พี่ตั้ม ..."

       

      ["ห๊ะ อย่าทำไรซีดีนะเว้ย พวกกูก็ได้ข่าวจากตำรวจสิวะ"]

       

      "มึงไม่ต้องทำไก๋ ตำรวจแม่งโง่ไม่ทันกูหรอก มันต้องมีสาย .. ก็ได้ถ้ามึงไม่บอกก็เตรียมรับศพไอ้เด็กนี่เลย"

       

      ["อย่า เดี๋ยวๆ พวกกูจะสืบให้เร็วที่สุด แล้วจะเจอมึงได้ยังไง"]

       

      "อีกสามสิบนาที กูติดต่อมาใหม่ เอาตัวไอ้คนให้ข่าวมาแลกกับไอ้นี่ "

       

      มันวางสายไปพอดีกับที่พาผมมาถึงบ้านโกโรโกโสหลังนึง โธ่เว้ย พวกพี่ตั้มแม่งจะรู้ได้ไงกัน

       

      "เอามันไปมัดไว้ด้านใน "

       

      "ลูกพี่คิดว่ามันไม่ตุกติกหรอ"

       

      "กูคิดว่าไอ้ตัวปัญหามันต้องรู้จักกับไอ้เด็กนี่ รับรองว่ามันต้องมา"

       

      "หรือว่า มันจะเป็นคู่กิ๊กกัน"

       

      "เป็นไปได้นะเว้ย ไอ้หนุ่มนี่หน้าหวานขนาดนี้ "

       

      "งั้นพวกมึงลองชิมมันดูก่อน กูอนุญาติ 555"

       

      พวกมันลากผมมาไว้กลางห้องมันมือไว้โยงกับคาน ย่างสามขุมมาหา

       

      "เฮ้ย อย่านะเว้ย จะทำไรวะ"

       

      "ก็ลองชิมไง รับรองว่าได้ขึ้นสวรรค์ "

       

      ไอ้ตัวล่ำๆสองคนปิดประตูลงแล้วถอดเสื้อออก คนนึงเดินมาจับหน้าผมลูบไปมาน่าขยะแขยง

       

      "เอามือออกไปโว้ย ไอ้ชั่ว"

       

      "อ้อ งั้นเอาปากประกบแทนมั้ยวะ"

       

      มันดันยื่นหน้ามาจูบปากผม เฮ้ย โคตรน่ารังเกียจ

       

      "อุ๊บ อ๊าค"

       

      "ให้กูมั่ง "

       

      อีกคนมากระชากมันออกไป พลางฉีกเสื้อผมออก โอ้ว..ไม่นะ

       

      "หือ ขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะ 555 "

       

      มือหยาบๆของมันลูบไปมาบนหน้าอกของผม นิ้วมันดันบีบหัวนมด้วย 

       

      "อ๊าคคค ไอ้พวกบ้า เอามือออกไป "

       

      "เฮ้ย มาเอามันทำเมียพร้อมๆกันมั้ยวะ ท่าทางจะเสียวดี ฮ่าๆๆๆ"

       

      "อย่านะ ช่วยด้วยยยยยย"

       

      ผมตะโกนสุดเสียงเพราะในโทรศัพท์ของผมเปิดโทรออกเอาไว้เพื่อติดต่อกับ...เขา

       

      น้ำตาผมไหลลงมา ไอ้ที่จะโดนซ้อมหรืออะไรเนี่ยก็ไม่เท่าจะโดนพวกมันเอาทำเมีย นี่ผมไม่รอดจริงๆเหรอ

       

      ไอ้คนนึงจับตัวผมไว้ให้อีกคนเอาลิ้นสากๆมาลากไปตามใบหูลำคอหน้าท้อง ผมพยายามดิ้นหนีแต่ก็โดนมันล็อคไว้

       

      "กูปลดกางเกงมันนะโว้ยมึงล็อคมันไว้อย่าให้ถีบกูล่ะ"

       

      "ปล่อยกู อ๊าาคค"

       

      "5555 ขัดขืนได้น่ารักชะมัดอย่างงี้น่าโดนหลายๆรอบ"

       

      ผมหลับตาปี๋ไม่อยากเห็นสิ่งที่พวกมันจะหยิบยื่นให้..

       

      .

      .

      .

       

      "มึงถามลูกปืนกูก่อนมั้ย "

       

      ปังๆ

       

      อ๊าคคคค

       

      เสียงปืนดังสองนัด โดนที่ขาของมันสองคนทำให้เลิกราจากการลวนลามผมลงไปกองกับพื้น

       

      ผลัก 

       

      พลั๊วะ

       

      ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นเขา..ผมจำได้ดีแม้เขาจะสวมแว่นตากับหมวกพรางไว้

       

       

      หมัดแข็งแรงวาดผ่านไปอับเปอร์คัทจังๆกับไอ้ตัวที่มั่วกับผมอยู่ด้านหน้า พลางท่อนขาแข็งแรงเตะเข้าที่ก้านคอไอ้คนด้านหลัง พวกมันแน่นิ่งไป

       

      "พี่กั้ง"

       

      ผมยื้มทั้งน้ำตาเมื่อเห็นหน้าคมคายตรงเข้ามาช่วยแก้มัดให้พลางประคองผมไว้

       

      "ซีดี ไม่เป็นไรนะ"

       

      ผมได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอกกับรถตำรวจ แสดงว่ามีการล้อมจับไอ้พวกสารเลวนี่

       


      "ฮือๆๆ พี่กั้ง ซีดีนึกว่าจะไม่รอด ฮึกๆ"

       

      ผมปี่แตกอย่างไม่อาย โผเข้ากอดคนที่เสี่ยงมาช่วยไว้อย่างสุดดีใจ

       

      มือแข็งแรงลูบผมของผมเบาๆ พลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

       

      "พี่อยู่นี่ ไม่ต้องกลัว แต่พี่ต้องไปแล้วซีดีกลับไปกับพี่ตั้มเขานะครับ"

       

      เขาถอดเสื้อแจ๊คเก็ตมาคลุมตัวผมที่เสื้อขาดวิ่นไว้ ก้มลงประกบริมฝีปากของเขากับริมฝีปากของผมแผ่วเบาทำผมอึ้งไป

       

      "อย่าเป็นเมียใครนะ รู้มั้ย พี่หวง ...."

       

      เขายิ้มให้ผม พลางกดหมวกมาปิดหน้า กระโดดออกทางหน้าต่างทิ้งให้ผมยืนค้าง...

       

      "ซีดี .... เป็นไรป่าววะ "

       

      "มะ ไม่เป็นไร พะ พี่ตั้ม "

       

      "เออ ดีแล้วพวกกูใจหายหมด ดีนะที่พันธมิตรนิรนามเขารู้ว่ามึงอยู่ที่นี่ พวกเราเลยตามมาทัน "

       

      "ขอบคุณครับพี่"

       

      "แล้วไอ้พวกนี้"

       

      "มันสลบไปแล้ว"

       

      "แล้วเขา ... ไปแล้วสินะ"

       

      "ห๊ะ พี่รู้หรอ"

       

      "ก็รู้สิวะ แต่เขาเป็นใครอ่ะ ทำไมถึงได้ดูเป็นห่วงมึงนัก"

       

      "ไม่มีไร เขาก็ เอ่อ พลเมืองดีไง "

       

      "เฮ้ยไอ้ซีดี เมื่อกี้กูเห็นมอไซด์บึ่งออกไป ใช่เขาป่าววะ"

       

      "มั้งวะจูเนี่ยร์"

       

      "เอาล่ะ มึงไปพักดีกว่า แล้วทำไมเสื้อผ้ากระจุยงี้วะ"

       

      ผมตั้งสติได้ก็กอดคอพี่ตั้มกับไอ้เนียร์ให้ประคองออกไปก่อนจะมีการซักมากกว่านี้ ก็

      ซีนนี้โคตรน่าอายที่สุด

       

      "ไปเถอะ ผมเหนื่อยมาก"

       

      สองคนหยุดสงสัยแล้วพาผมไปทำแผลและไปส่งถึงบ้าน ตำรวจก็มาเดินยามให้

       

      ไลน์

       

      ผมมองมือถือที่มีหน้ายิ้มส่งมาจากพี่กั้ง กับประโยค take care and Goodnite

       

      มันคงเป็นความลับระหว่างผมกับเขาสินะ

       

      บนเตียงผมนั่งเปิดดูข่าวไปเรื่อยๆจนไปสะดุดที่ข่าวนักธุรกิจหนุ่ม กั้ง วรกร บินไปมาเลย์เพื่อตกลงการค้า

       

      "อ้าว แล้วใครมาช่วยเราวะ"

       

      ผมมองไปที่หน้าจอแบบงงๆ ถ้าเขาอยู่ที่มาเลย์ แล้วไหงเมื่อกี้ใครเอ่อ จุ๊บผมวะ โอ๊ย มึน

       

      'อย่าเชื่อสิ่งที่เห็น เพราะมันอาจลวงตา'

       

      คำนั้นแว่บในหัวผม คำที่เขาบอกผมถึงการปรากฎตัวสองที่ในเวลาเดียวกัน

       

      "อะไรของพี่กั้งแกวะเนี่ย แล้วดันมาทำให้ฟินอีก"

       

      ผมลูบริมฝีปากตัวเองช้าๆ รู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้า

       

      "เย้ย ดันนึกถึงเขาแบบนั้นได้ไงวะซีดี "

       

      ผมสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆออกไป แต่มันเป็นอย่างอื่นไม่ได้นี่หว่า

       

      ผมปิดทีวี ล้มต้วลงนอน จะบอกว่าหลับตาก็ยังเห็นหน้าหล่อๆของเขาวนเวียนทั้งคืน เฮ้อ ซีดีเอ้ย

       

       

      ......................

       

      "จับรวบแก๊งค์ค้ามนุษย์และอาวุธเถื่อนได้อีกรายจากพันธมิตรนิรนามที่ทำให้ตำรวจบุกเข้าทะลายกลุ่มโจรที่เหลือได้ ซึ่งงานนี้ยกประโยชน์ให้กับพลเมืองดีอีกครั้ง ... หลายคนสงสัยว่าเขาเป็นใคร ผมบอกได้เลยว่าเขาคือพวกคุณทุกๆคนที่รักความถูกต้องนั่นแหละ โลกไอทีกว้างไกลทำให้ทุกพื้นที่ไม่เป็นที่มืดอีกต่อไป เราทุกคนล้วนเป็นพันธมิตรนิรนามกับความดีได้ นั่นแหละโลกใบใหม่ของเรา

       

      พักกันสักครู่ เบรคหน้าเรามาดูผลการเจรจาเรื่องความร่วมมือกับมาเลเซีย จากบทสัมภาษณ์ของคุณวรกรนะครับ"

       

      นั่นเป็นการสรุปข่าวไอทีของผม นายกันต์ธีร์ ที่ตอนนี้พี่ตั้มให้มาช่วยเป็นผู้ดำเนินรายการ 

       

      มือถือของผมวาบๆ เห็นเป็นจุดแดงๆ แสดงว่าเขาเคลื่อนไหวอีกแล้ว ... นักข่าวไอทีอย่างผมก็ต้องมีแอพเจ่งๆไว้ตามแฟน เอ้อ คนพิเศษที่ชอบหาเรื่องใส่ตัวน่ะ  

       

      "เอ้อ พี่ตั้มครับ ปิดเบรคไปเลยนะ ผมมีธุระว่ะ"

       

      "อ้าวเฮ้ยซีดี ... จะรีบไปไหนวะ"

       

      ผมถอดหูฟังกับไมค์ออก แล้วพาตัวเองไปที่วินมอไซด์บึ่งไปตาม GPS

       

      ผมเจอเขาแล้ว

       

      "โอ๊ะ ซีดี"

       

      "นี่พี่นึกว่าตัวเองเป็นสไปเดอร์แมนรึไง ดูสิ เลือดออกอีกแล้ว"

       

      "หึๆ นายมาได้ไงกัน โอ๊ย"

       

      ผมไม่ตอบแต่เอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเลือดที่หน้าผากให้เขาพลันแกล้งกดแรงๆ

       

      "กลับเลย ผมต้องซ่อมแซมร่างกายพี่อีกแล้ว เฮ้อ"

       

      ผมคว้าแขนเขามาไว้รอบคอพาเขาเดินไปที่มอเตอร์ไซด์คันใหญ่สีแดงเข้ม และก็เป็นผมที่ขับมันบึ่งออกไปโดยมีเขาซ้อนไว้จนถึงคอนโด

       

       

      ผมจัดให้เขานอนเหยียดยาวบนเตียงค่อยๆถอดเสื้อออกเห็นรอยฟกช้ำก็ต้องส่ายหน้า

       

      "พี่จะไปฟัดกับพวกมันเองแบบนี้ ซีดีไม่โอเคนะ "

       

      ผมทำแผลให้เขาพลางบ่นพลาง

       

      "ก็พวกมันจะทำให้ประเทศเราเดือดร้อน"

       

      "คุณคริสรู้มั้ย"

       

      "รู้แล้ว พี่ส่งข่าวไปบอกเขาแล้วล่ะ โอ๊ะ เบาๆซีดี"

       

      "วันหลังก่อนจะไปบู๊ก็คิดหน่อยได้มั้ยฮะ"

       

      ผมลูบผ้าชุบน้ำเช็ดลงไปบนอกแน่นๆที่มีรอยนั่น บางทีก็หงุดหงิดคนดีของสังคม

       

      "อืมม์ ก็ได้ๆ แต่พี่รู้ว่ามีคนดูแลไง"

       

      มือเรียวเลื่อนมาจับมือผมไว้ ตาสวยมองมาอย่างมีความหมาย ผมต้องถอนหายใจเบาๆ

       

      "พี่กั้ง ถ้าพี่เป็นอะไรไป ... ซีดีจะทำไง"

       

      เขาดึงมือผมไปจูบแล้วเอามันไปแนบแก้มเนียนๆ ผมเลื่อนอีกมือไปลูบใบหน้าหล่อเหลายื่นหน้าไปถูจมูกกับจมูกโด่งสวยของเขาเบาๆ  พลางเลื่อนมานอนบนอกกำยำ

       

      "พี่ไม่เป็นไรหรอก พี่สัญญา"

       

      "งั้นต้องระวังตัวกว่านี้ ต้องบอกซีดีทุกครั้ง และต้องให้พี่อาเมนจัดคนไปช่วย ไม่เอาบุกเดี่ยวแบบนี้"

       

      "ครับๆ แล้วเมื่อไหร่ซีดีจะใจอ่อนกับพี่ซะทีล่ะ"

       

      "หือ"

       

      ตากลมโตมองมาแบบกรุ้มกริ่ม พลันพาร่างกายแข็งแรงพลิกมาคร่อมตัวผมไว้ 

       

      "พี่กั้ง ทำไรเดี๋ยวก็เจ็บตัว"

       

      "ซีดีต่างหากที่ต้องเจ็บตัว แต่รับรองว่านิดเดียวแล้วก็จะมีความสุข หึๆ นะคนดี"

       

      ว่าแล้วปากสวยก็ไล่จูบผมไม่ตั้งตัว สองมือคลำไปทั่วกำจัดเสื้อผ้าพวกเราออก ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมเองก็มีใจให้เขามากและอยากให้เราอยู่แบบนี้ไปนานๆ 

       

      คืนนี้คงเป็นคืนแรกที่ผมยอมโอนอ่อนตามความต้องการของเขา คนที่ผมพูดได้เต็มปากว่า...รัก

       

      "ซีรักพี่กั้ง ไม่อยากให้พี่เป็นอันตราย"

       

      "พี่รู้ครับ พี่ก็รักซีดี ขอเวลาหน่อยนะคนดี พี่จัดการได้เสร็จแล้วจะวางมือ แต่ตอนนี้...."

       

      สองร่างกายเราเกือบจะหลอมเป็นหนึ่ง สัมผัสรักครั้งแรกของเราสองคน

       

      แล้วมันก็มีครั้งต่อๆไป 

       

       

      เอ่อ 

       

      ผมหมายถึง คนพี่ก็ยังเป็นนินจา เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ของเขาไปเรื่อยๆ เฮ้อ 

       

      นี่ผมก็กลายเป็นคนที่ต้องกุมความลับของฮีโร่อย่างเขาสินะ 

       

      .

      .

      .

       

       

       

      "พี่อาเมน วันนี้จะไปประเทศอะไรล่ะ"

       

      "หึๆ คุณซีดีรู้ทัน ใกล้ๆครับ ลาว เวียดนาม จุ๊ๆ ดูแลนายน้อยของพวกเราให้ดีๆนะครับ ระวังเขาไปบุกเดี่ยวอีก เดี๋ยวนี้ไม่ยอมไปประชุมเลย เอาแต่ไล่ตามโจรสงสัยจะติดใจ"

       

      ภาพที่ทุกคนเห็นคือผมยืนคุยกับ กั้ง วรกร หนุ่มนักธุรกิจชั้นนำ ที่ภายใต้หน้ากากนั่น มีแต่ผมที่รู้ว่าไม่ใช่ตัวจริงของเขา ...

       

      .

      .

      .

      .

      .

       

       

      "ไปได้แล้วฮะพี่กั้ง "

       

      ผมส่งพี่อาเมนเสร็จก็ไปขึ้นมอเตอร์ไซด์ที่จอดรอ

       

      "วันนี้พี่จะพาซีดีไปเที่ยวหนึ่งวันนะ บอกมาเลยว่าอยากไปไหน"

       

      "โห ดีใจจัง ซีอยากไปหาไรกินที่เยาวราช แล้วไปต่อที่ผับเนอะ ..."

       

      .

      .

       

      ติ๊ดๆๆ

       

      "เดี๋ยวนะซีดี ... เออ ว่าไงแคน .... งั้นส่งพิกัดพวกมันมา ผมจะไปก่อน คุณส่งข่าวบอกคุณคริสด้วยนะ"

       

       

      ผมทำคอตก หน้ายู่ยี่ ปากจู๋ คนพี่ก็ยื่นหน้ามาจุ๊บปากผมไปทีนึง

       

      "ไม่เอาน่า อย่างอนนะครับคนดี พี่ไปแป๊ปเดียวเดี๋ยวจะกลับมาชดเชยให้ พรุ่งนี้เราค่อยไปเดทกันนะ"

       

      นั่นแหละ เรื่องราวของผม กับฮีโร่ตัวจริง ซึ่งจากความอยากรู้อยากเห็นของผมทำให้เราสนิทสนมกันโดยไม่รู้ตัว

       

      ชีวิตที่ไม่ธรรมดาของเขาเป็นความตื่นเต้นของผม และมันคงเป็นอย่างงี้ไปเรื่อยๆ ทำไงได้ ผมรักเขาซะแล้วนี่นะ 

       

       

      .

      .

      .

       

      ........

       

       

      The End

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       




       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×