คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Magic realism -1-
Magic realism
1 Knockturn Alley & Lethal shadow.
___________________________________________________________________________________________________________________
#ตอนนี้มีคำหยาบนิดหน่อยไรต์ขอโทษนะคะเนื่องจากตรอกน็อคเทิร์น*คือแหล่งรวมความโสโครกต่างๆนานาจึงขอยกประโยคที่คริสคุยกับจินค่อนข้างจะหยาบคายหน่อย #เกี่ยวไหม? (แหกกฎของเด็กดีนิดนึงไม่ว่ากันนะ)
ตรอกแคบๆชื้นแฉะส่งกลิ่นเหม็นเน่าน่าสะอิดสะเอียน บวกเข้ากับกลิ่นฉุนจากควันบุหรี่ลอยคว้าง เด็กหนุ่มร่างสูงซ้อนใบหน้าเอาไว้ใต้หมวกของเสื้อคลุมสีดำสนิท คริสยังคงรีบสาวเท้าลึกเข้าไปในย่านกระจอกนี้เรื่อยๆ
“หลงทางเหรอไอ้หนู...ให้ฉันไปส่งไหม?” หญิงเฒ่าสวมหมวกปรายแหลมดึงที่คอเสื้อเขาก่อนจะเข้าประชิดแต่คริสดันเธออกอย่างไม่สบอารมณ์
“เปล่า...กำลังจะเข้าไปในตรอก”
“ไปด้วยกันไหมล่ะ”
“ขอบใจที่ชวนนะป้า แต่มีปัญญาไปเองได้...”
“มาทำเอาไรแถวนี่พ่อหนุ่ม....สนใจนี่ไหม....” ชายชราใบหน้าซูบตอบเหี่ยวย่นอาการเหมือนคนเมายา ยืนขวางเขาก่อนบ้องยาสูบจะยื่นมาตรงหน้า กลิ่นเหล้าที่ส่งผ่านลมหายใจมาทำเอาเขาแทบอยากเอาเท้าเขี่ยให้ผู้อาวุโสหลบให้พ้นทาง
“อย่า-มา-ยุ่ง” ปลายไม้กายสิทธิ์จี้ลงที่คอเหี่ยวก่อนจะกดเสียงต่ำขู่ฟ่ออย่างเอาเรื่อง คริสไม่สนใจหรอกว่าใครจะแก่ใครจะเด็ก แต่ถ้าทำเขาไม่พอใจ....อะไรมันก็เกิดขึ้นได้
“เด็กอายุไม่ถึงเกณฑ์ ฮอกวอตส์ห้ามไม่ให้ใช้เวทย์มนต์นอกโรงเรียนนะไอ้หนู”
“เหอะ! แล้วถ้าฉันฆ่าแกตรงนี้ใครจะรู้....หลบไป!” ชายชราหลุบสายตาต่ำแล้วก้าวหลบทางให้เด็กหนุ่มเดินผ่าน
คริสถอนหายใจหนักหน่วง เกลียดกลิ่นเหม็นเน่านี้จนอยากจะออกไปเต็มทนแล้ว ใช้เวลาอยู่ซักพักก่อนสองขาจะนำพาร่างสูงใหญ่มาถึงบ้านโทรมๆที่ค่อนข้างจะก้ำกึ่งกับบ้านร้าง
“กูสังหรใจว่ามึงจะมา เข้ามาสิ” ไม่ทันได้เคาะ ประตูไม้บานเก่าก็เปิดออกพร้อมกับหญิงที่อายุอานามน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน จินเดินนำเข้ามาในบ้านก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาที่หุ้มด้วยผ้าสากๆ ข้างในอบอวนไปด้วยกลิ่นเหล้าและบุหรี่ รอบๆห้องมีธงสริธีรินแขวนอยู่แต่มันถูกกรีดจนขาดวิ่นด้วยของมีคม และเสื้อธีมควิดดิชสีเขียวขาวบางส่วนถูกไฟเผา ไหม้เกรียม แต่มันยังถูกแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้า รวมไปถึงเสื้อคลุมของบ้านสริธีรินที่มันถูกใช้แทนพรมเช็ดเท้า...ซึ่งคริสมั่นใจว่ามันเป็นฝีมือของเจ้าของมันเองนั้นแหละที่ทำ
“ถ่อมาหากูถึงนี่มีอะไร?” ริมฝีปากสวยได้รูปแต่ถูกเคลือบสีดำคล้ำแตกถามก่อนจะสูบเอาควันจากแท่งนิโคตินเข้าปอด
“ได้ข่าวว่าถูกไล่ออกจาฮอกวอตส์”
“กูไม่สนโรงเรียนกระจอกนั้นแล้ว เข้าประเด็นเลยมา กูจะรีบไปนอน มั่นใจว่ามึงไม่ได้แค่มาถามว่ากูถูกไล่ออกจากโรงเรียนหรอก” ก็คงไม่มีใครเถียงหรอกว่าเธอฉลาดเป็นกรด
“ช่วยหาของพวกนี้ให้หน่อย” กระดาษที่ถูกขย้ำเป็นก้อนถูกล้วงออกมาจากเสื้อคลุมก่อนคริสจะโยนมันให้หญิงสาว เปลือกตาที่ถูกแต่งแต้มด้วยอณูคาร์บอนปรือดูรายชื่อของที่อีกฝ่ายต้องการ
“มึงจะเอาไปทำไม ตำราขั้นสูงพวกนี้มีแต่ศาสตร์ต้องห้าม”
“แล้วไง....”
“ความทะเยอทะยานของมึงมันสูงไปแล้วนะคริส นี่มึงกะจะเล่นศาสตร์มืดเลยรึไง พ่อมึงรู้คงเอามึงตาย”
“แล้วที่ถูกไล่ออกจากฮอกวอตส์โดยไม่เดือดเนื้อร้อนใจเนี่ย ปฏิเสธกูมาสิว่ามึงหันมาเล่นเล่นศาสตร์มืดแทนคาถากากๆที่อาจารย์ในโรงเรียนสอนแล้ว คาถาขั้นสูงๆมึงปฏิเสธไหมว่าเคยลอง...และจะปฏิเสธไหมว่าเคยฆ่ามักเกิ้ลตาย แถมยังตบตามือปรามมาร โดยพวกเขาสาวหาตัวคนทำไม่ได้.....มันก็เด็กอายุสิบห้านี่หว่า ผู้หญิงด้วย” หญิงสาวทิ้งแท่งนิโคตินในมือลงที่เขี่ยบุหรี่เพราะหมดอารมณ์ที่จะสูบมันต่อ
“โอเค ยอมๆๆ แต่บอกหน่อยนะ ว่าทำไมอยากเล่นศาสตร์มืดทั้งที่ตัวมึงเองพึ่งจะขึ้นปีสาม”
“ขนาดมึงยังเริ่มรู้จักใช้ตั้งแต่จับไม้กายสิทธิ์เป็นเลยจิน” ตากลมโตคู่สวยกลอกขึ้นลงอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะทุกคำถามกลับถูกย้อนมาเข้าตัวเองเสียหมด
“มึงจะย้อนกูอีกนานไหมคะ? ตอบคำถามมาแล้วจะหาให้”
ความเงียบปกคลุมอยู่หลายอึดใจโดยคริสยังไม่ได้เปิดปากและจินยังคงนิ่งไม่ได้คาดคั้นเอาความจากชายหนุ่ม
“อะไรที่ทำให้กูอยู่เหนือทุกสิ่งได้กูจะทำ....มึงรู้ใช่ไหม ว่ากูเกลียดการกระทำของแม่เลี้ยงแค่ไหน แล้วถ้ากูอยู่เหนือกว่ายัยแม่มดร้ายนั้น...........กูก็จะล้างแค้นให้แม่กูได้....” มือแข็งแรงที่ประสานกันอยู่บนตักกำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดตามหลังมือปูดขึ้นมาอย่างชัดเจนด้วยความแค้นเคือง
“มึงคิดจะตามรอยความร้ายกาจของตระกูลของมึงรึไง อู๋ อี้ฟาน”
“สถานการณ์ทุกอย่ามันบังคับกูเอง...ตกลงมึงจะช่วยมะ?” จินลอยหน้าก่อนจะยักไหล่เหมือนไม่สนใจความทุกข์ใจของคริสเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะเมินต่อความต้องการของเพื่อน ไม่ว่าสิ่งที่ขอจะดีหรือเลวทรามแค่ไหน หากไม่เกินความสามารถที่เธอจะช่วยได้เธอช่วยเสมอ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมคริสยังคบคนแบบหล่อนอยู่
“เดี๋ยวจัดการให้ ในตรอกน็อคเทิร์นหาทุกอย่างที่มึงต้องการได้ครบสบาย ที่เหลือก็หาที่ทดลองฝึกเอาเองแล้วกัน ถ้าจะให้กูแนะนำมึงก็แหกกฎนิดหน่อย ตามระเบียงทางเดินของบ้านเรเวนครอว์ไม่ค่อยมีใครผ่าน รับรองว่าผีเฝ้าโถงทางเดินไม่มีทางปากโป้ง” หลังพูดจบบุหรี่อีกมวนถูกจุดก่อนเธอจะสูบเอาควันที่เต็มไปด้วยนิโคตินเข้าไปฟอกปอดอีก
“ถ้ากูคิดจะฆ่าจริงๆกูควรเริ่มจากใครดี?”
ร่างบางวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดบิดาหลังเดินออกมาจากเกทเห็นผู้เป็นพ่ออ้าแขนรอรับ ชเว ซีวอน กอดรัดลูกชายที่รอคอยเวลาจะได้เจอกว่าสิบสามปี น้ำตาหยดเล็กของเด็กน้อยไหลล้นออกมาด้วยความปีติ ชีวิตนี้ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะได้รับอ้อมกอดจากบิดา
“นี่พ่อผมจริงๆใช่ไหม ผมไม่ได้ฝันใช่รึเปล่า” แทนยอนที่ยืนมองลูกชายและสามีอยู่ใกล้ๆแอบเช็ดน้ำตาตัวเองเหมือนกัน เธอสวมกอดทั้งลูกและสามีด้วยความคิดถึง
ศีรษะกลมๆของจุนมยอนถูกจรดด้วยปลายจมูกของผู้เป็นพ่อ “คิดถึงลูกมากจุนมยอน....คิดถึงคุณนะแท”
“ค่ะ” รอยยิ้มสวยจากคิม แทยอนส่งให้สามีก่อนแก้มใสของเธอจะถูกดึงเข้ามาหอม
“ไหนดูซิ ลูกชายพ่อโตขนาดนี้แล้วเหรอ” จุนมยอนยิ้มกว้างกับบิดา อิ่มเอมจนพูดอะไรไม่ออกเพราะก้อนความสุขมันดันขึ้นมาจุกอยู่ในลำคอของเขา
“พาลูกกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะคุณ เดินทางมาหลายชั่วโมงเจ้าหนูคงจะเพลีย”
“ผมนัดกับเจ้าของร้านเสื้อไว้บอกว่าจะพาลูกไปวัดตัวตัดชุด คงต้องแวะที่ตรอกไดแอกอน**ก่อน.......แล้วผมก็เตรียมซื้อของขวัญให้ลูกด้วย” ประโยคหลังซีวอนเอียงหน้าไปกระซิบข้างหูภรรยาเบาๆก่อนจะยิ้มกริ่ม
“เอาหล่ะ วันนี้ไปเที่ยวกันก่อนกลับ อยากได้อะไรบอกพ่อนะครับ”
“ครับ” จุนมยอนรับคำก่อนจะเดินตามแรงจูงจากมือของบิดา ช่วงบ่ายของอังกฤษอากาศค่อนข้างอบอ้าความว ร้อนจากแสงแดดทำผิวขาวจัดของจุนมยอนขึ้นสีน้อยๆแต่วงหน้ากลับประดับด้วยรอยยิ้ม....
“แม่บอกพ่อว่ามักมีอาการแปลกๆเกิดขึ้นกับลูกโดยที่ควบคุมมันไม่ได้ เล่าให้พ่อฟังได้ไหม?” คำถามจากบิดาเบนความสนใจจากเด็กน้อยที่จับจ้องภูมิประเทศไม่คุ้นตานอกกระจกมาสนใจคนที่ตั้งคำถาม ริมฝีปากล่างของเด็กน้อยถูกบดด้วยฟันบนของตัวเองพลางครุ่นคิด
“คือ...ผมไม่รู้ตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมสั่งให้สัตว์ทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องฝึก ผมสั่งให้สิ่งของเคลื่อนย้ายได้ตามที่จิตใจผมจะสั่ง และผม....ทำให้เกิดเรื่องไม่ดีกับคนที่คิดร้ายกับผม.....หลายครั้งที่ครูบอกให้แม่พาผมไม่รักษาทั้งที่ผมไม่ได้บ้า ผมไม่เคยมีเพื่อนเพราะไม่มีใครกล้าเล่นกับผม” จุนมยอนดูเลื่อนลอยเหมือนนึกย้อนกลับไปยังอดีตที่เลวร้ายนั้น “ฮอกวอตส์จะไม่เป็นแบบนั้นใช่ไหม เค้าจะมองผมเป็นคนปรกติทั่วไปใช่ไหมครับพ่อ?”
“ไม่หรอกลูก...ลูกจะรู้วิธีควบคุมมันจากที่นั้น....”
“แล้วผมจะมีเพื่อนใช่ไหม....??”
“แน่นอนจ๊ะ” เป็นแทยอนให้คำมั่นก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผมนุ่มของบุตร ซีวอนดึงลูกมากอดเอาไว้อย่างหวงแหน รอยยิ้มจางๆเกิดขึ้นบนใบหน้าของเด็กวัยสิบสามจนคนขับรถก็อดยิ้มตามไม่ได้กับภาพน่ารักๆของครอบครัวเจ้านาย
“ผมคงจะรักฮอกวอตส์มากถ้าเป็นอย่างที่พ่อกับแม่บอกบอก...คืนนี้พ่อกับแม่เล่าเรื่องเกี่ยวกับฮอกวอตส์ให้ผมฟังนะฮะ” จุนมยอนช้อนสายตามองบิดาก่อนผู้เป็นพ่อจะพยักหน้าให้แทนคำตอบ ส่วนมารดาก็ยิ้มแล้วพยักหน้ารับคำเด็กน้อยด้วย....นี่สินะ ความสุขที่จุนมยอนรอคอยเวลาที่จะได้เติมเต็ม
ทั้งสามยืนอยู่หน้าร้านที่ชื่อมันถูกเขียนอยู่บนแผ่นไม้ผุพังว่า ‘ร้านหม้อใหญ่รั่ว’ จุนมยอนเลิกคิ้วเชิงถามว่ามาที่นี่ทำไม แต่กลับไม่ได้คำตอบใดๆกลับมา จำต้องเดินตามแรงดึงจากฝ่ามือของพ่อที่พาเข้ามาในร้าน
ความรู้สึกแรกในความคิดจุนมยอนคือเหม็นกลิ่นเหล้าหึ่ง กับกลิ่นยาสูบที่ลอยมาแตะจมูก แต่ก็มีมารยาทพอที่จะทำหน้าปรกติเพื่อให้คนที่อยู่ในร้านไม่หันมาขึงตาใส่ตัวเองเมื่อแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“สวัสดีท่านรัฐมนตรี ยินดีที่ได้พบครับ”
“เช่นกัน” ซีวอนยิ้มรับชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามาทัก สายตาหลายคู่มองมาที่แทยอนยิ้มๆ ก็รู้กันว่าเธอคือภรรยาของรัฐมนตรีกระทรงเวทย์มนต์ แต่บุคคลที่หลายคนจับจ้องอย่างสงสัยคือคนที่ถูกซีวอนจูงแขนอยู่
“อ๋อ...ลูกชายของผมเอง ผมให้จุนมยอนไปอยู่กับแม่ที่โซลตั้งแต่เกิด คงไม่มีใครเคยเห็นลูกชายผมสินะ”
“โอ้...นายน้อยคิม โตเป็นหนุ่มแล้วเหรอค่ะ ฉันเคยเห็นเขาตอนแรกเกิด ฉันเป็นพยาบาลตอนที่คุณนายคิมเธอคลอด...” เสียงแหบแห้งของหญิงวัยชราเอ่ยยิ้มๆพร้อมมองอย่างชื่นชม
“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะ จะพาลูกไปซื้อของที่ตรอกไดแอกอนซะหน่อย” จุนมยอนยิ้มให้กับหญิงชราคนนั้นก่อนจะเดินตามบิดาไปที่หลังร้านซึ่งใช้เก็บถังเบียร์ที่หมดแล้ว
“ถอยนิดหนึ่งลูก” แทยอนดึงลูกรักให้ถอยออกมาสองสามก้าว ปลายไม้เงาของผู้เป็นพ่อเคาะที่ก้อนอิฐสามสี่ก้อนโดยมีจุนมยอนที่ยืนมองงงๆ ก้อนอิฐขยับตัวเคลื่อนย้ายด้วยตัวของมันเองหลังจากพ่อเขาห่างออกมา ซึ่งจุนมยอนจ้องมันแบบทึ่งๆ ไม่นานนักมันก็เปลี่ยนเป็นทางออกที่มาพร้อมเสียงเจื้อยแจ้ว
“นี่ไงตรอกไดแอกอน” จุนมยออ้าปากหวอ ภาพผู้คนมากมายที่จับจ่ายซื้อของกันเนืองแน่นแต่กลับเรียกสีสันแทนที่จะรู้สึกแออัด จุนมยอนรีบสาวเท้าตามบิดาด้วยความตื่นเต้น “ร้านตัวบรรจงและหยดหมึก ขายปากกาขนนกกับหมึก ส่วนนั้นร้านไม้กายสิทธิ์ของโอลิแวนเดอร์ แต่ตอนนี้เค้าตายแล้ว แต่ชื่อร้านยังตั้งตามชื่อของเขา”
“พวกเราต้องซื้อไม้กายสิทธิ์จากร้านนี้เหรอครับพ่อ”
“ใช่....แต่ไปจัดการเรื่องชุดก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาซื้อไม้กายสิทธิ์กันลูก” คนตัวเล็กถูกดันหลังให้เดินเข้าไปในร้านซึ่งจุนมยอนเห็นแค่ชื่อร้านแวบเดียวไม่ได้ทันได้อ่าน ในร้านมีชุดคลุมตั้งเรียงกันอยู่ แต่ที่โดดเด่นคงเป็นชุดคลุมสี่แบบต่างกันที่สีบางส่วนของชุด
“เดี๋ยวพ่อจะไปจัดการอะไรที่ธนาคารหน่อยนะ”
“ส่วนแม่จะไปดูของเบ็ดเตร็ดให้ เดี๋ยวมานะจ๊ะ”
“แม่ครับ” มือเล็กรีบรั้งแขนมารดาก่อนแทยอนะหัวเราะกับความหวาดกลัวของลูกอยู่ในใจ หมวกคัดสรรคงไม่ยอมโยนลูกชายเธอไปอยู่กริฟฟินดอร์แน่ๆ
“เดี๋ยวแม่กลับมาลูก ไม่ต้องกลัวหรอกจ้ะ” จุนมยอนได้แต่มองแผ่นหลังของแม่ถูกกลืนไปด้วยฝูงชนก่อนจะบอกตัวเองให้เย็นไว้
“มาตัดชุดใช่ไหมคะ ของปีไหนเอ่ย” เจ้าของร้านที่ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเฉดสีเข้มจัดมาต้อนรับผู้เข้ามาใหม่ แต่รอยยิ้มของเธอต่างจากการแต่งหน้าที่ดูน่ากลัวนั้น มันอบอุ่นและดูเป็นกันเอง
“ชุดของเด็กปีหนึ่งที่ฮอกวอตส์ฮะ คือผมไม่รู้ว่าต้องตัดอะไรบ้าง”
“ไม่มีปัญหา ขอวัดตัวหนูหน่อยนะ” เธอใช้เวลาไม่นานกับการวัดโดยมีกระดาษและปากกาลอยได้ จุนมยอนไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าอะไรจดตามที่เธอบอก ยอมรับว่าตอนนี้เริ่มจะหลงใหลโลกเวทย์มนต์ขึ้นมาซะแล้ว
“เรียบร้อย ประมาณยี่สิบนาทีชุดจะเรียบร้อยนะ”
“เร็วขนาดนั้นเลยเหรอฮะ”
“แน่นอนจ้ะ นั่งรอคุณแม่ตรงนั้นก่อนก็ได้นะหนู” นิ้วสวยชี้ไปที่โซฟามุมร้าน ซึ่งค่อนข้างจะเป็นมุมที่อับหน่อยแต่จุนมยอนก็ไม่ได้เกี่ยงอะไร แค่ยี่สิบนาทีรอได้อยู่แล้ว แต่ติดตรงที่พ่อกับแม่จะกลับมาทันยี่สิบนาทีนี้ไหมต่างหากที่จุนมยอนกังวนใจ
เวลาที่ล่วงเลยไปแล้วกว่าชั่วโมง ชุดของจุนมยอนถูกเก็บใส่กล่องเอาไว้อย่างดีถูกส่งให้ แต่ก็ไร้วี่แววว่าพ่อหรือแม่จะกลับมา จุนมยอนเลยออกมายืนรออยู่นอกร้านสอดส่องหาเงาของพ่อหรือไม่ก็แม่แต่ก็ไม่เจอใคร
หมับ!!
“รอใครไอ้หนู....เดี๋ยวฉันพาตามหานะ” แขนเล็กถูกคว้าแล้วถูกกระชากจนร่างบางเซไปตามแรงแทรกผู้คนที่พลุกพล่านไปกับชายนิรนาม ก่อนจะถูกลากเขามาในตรอกแคบๆ กลิ่นเหม็นตลบอบอวนทั่วตรอก ทั้งกลิ่นน้ำที่เน่าเสียและควันจากบุหรี่ ร้านหม้อใหญ่รั่วที่ว่าแย่แล้ว ตอนนี้จุนมยอนคิดว่าที่นี่ยิ่งกว่าหลายเท่า ความหวาดหวั่นผนึกเข้ากับความกลัว คนรอบข้างที่ไม่คิดจะช่วยอะไรเลยแถมยังหัวเราะเยาะด้วยซ้ำ
แขนเล็กพยายามเบือนให้พ้นจากมือหยาบแห้งกร้านของชายที่ซ้อนหน้าอัปลักษณ์ไว้ใต้เสื้อคลุม น้ำใสเริ่มนองอยู่ที่หน่วยตา จุนมยอนรีบสกัดกั้นมันไม่อยากแสดงความอ่อนแอ แต่แรงกระชากนั้นกลับมากเกินกว่าเด็กตัวเล็กจะขัดขืน สายตาน่าสงสารที่สอดส่องของความช่วยเหลือจากบุคลรอบข้างไร้ผล ได้ยินแต่เสียงหัวเราะชวนสยองตลอดทาง
“ปล่อยนะ จะพาผมไปไหน” แม้จะเป็นประโยคภาอังกฤษแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายก็คงฟังไม่รู้เรื่อง จุนมยอนยิ่งรู้สึกกลัวเมื่อมันเริ่มจะเข้ามาลึกเรื่อยๆ “ช่วยผมด้วย!! ช่วยผมที”
หมับ!
“ปล่อยแขนเด็กซะลุง” คนที่เดินสวนมาคว้าแขนจุนมยอนไว้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ซ้อนหน้าไว้ใต้หมวกของเสื้อคลุมเช่นกัน
“แกอย่ามายุ่ง....เด็กนี่ฉันพามันมา”
“แล้วเขาเต็มใจมากับแกไหมไอ้แก่!” ปลายไม้กายสิทธ์จ่อไปตรงหน้าชายวัยกลางคน ส่วนอีกฝ่ายก็ยกขึ้นมาเช่นเดียวกัน เด็กหนุ่มยกยิ้มราวกับรู้ว่าตนกำลังจะชนะ มือที่ถืออาวุธเปลี่ยนจากจับไม้กายสิทธิ์ชี้หน้าอีกฝ่ายแล้วถอดหมวกออก เผยใบหน้าคมรับกับตา หู จมูก ปาก และผมสีสว่างดูสมบูรณ์แบบ
คราวนี้กลับเป็นคุณลุงที่ผงะเมื่อลูกชายของปลัดกระทรวงเผยตัว “อยากให้เรื่องถึงหูพ่อฉันไหมล่ะ” มันไม่ใช่คำขู่ แต่มันจะเป็นอย่างนั้นแน่หากอีตาแก่ยังยืนยันที่จะก้าวไปต่อโดยลากเอาแขนของเด็กนี่ไปด้วย เหยื่อที่ไร้เดียงสาเว้าวอนผ่ายสายตาให้เขาพาตนออกไปจากที่นี้ที
คริสพยักหน้าน้อยๆกำมือเล็กปลอบประโลมเชิงบอกไม่ต้องกลัวทำให้จุนมยอนอุ่นใจขึ้นก่อนจะรู้สึกว่าแขนอีกข้างเป็นอิสระจากมือสากหยาบนั้นแล้ว
“แล้วเรื่องนี้จะเป็นความลับ” คริสทิ้งท้ายคำพูดก่อนจะพาจุนมยอนเดินย้อนกลับทางเก่าพร้อมจะดึงหมวกมาสวมเอาไว้ดังเดิม
“เข้ามาทำอะไรในตรอกน็อคเทิร์น...”
“เขาลากผมมา ผมยืนรอแม่กับพ่ออยู่นอกร้านเสื้อที่ตรอกไดแอกอนแล้วเขา....”
“สงบปากเถอะ แล้วเดินตามมาเร็วๆ” เท้าสองคู่เร่งจังหวะเพื่อจะออกจากที่แห่งนี้เร็วเท่าที่จะทำได้ รองเท้าผ้าใบสีขาวของเด็กน้อยต่างเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนและมันก็เลยขึ้นมาถึงขากางเกงเขา
ทางออกข้างหน้ามีคนพลุกพล่านก่อนจะถอนใจเมื่อพาเด็กน้อยมาถึงทางออกสู่ตรอกไดแอกอน คริสเอนแผ่นหลังตัวเองกับผนังอิฐสีแดงก่อนจะหอบหายใจเพราะเดินกึ่งวิ่งออกมาจากตรอกแบบไม่ได้หยุดพัก
“รุ่นพี่ ขอบคุณนะฮะ....” จุนมยอนที่ยืนหอบอยู่ฝั่งตรงข้ามขอบคุณอีกฝ่าย โค้งก้มซ้ำแล้วซ้ำอีกจนมือหนาจับหัวอีกคนให้หยุดก้ม เป็นตอนนี้เองที่รู้ว่าอีกฝ่ายสูงแค่อกของตน
“ไม่ควรให้เขาลากเข้าไปลึกขนาดนั้น ทำไมไม่ร้องให้คนช่วยตั้งแต่ตอนโดนฉุดเข้ามาในตรอก”
“ผมพยายามแล้ว แต่พวกเขาเอาแต่หัวเราะผม” เด็กน้อยทำหน้าสลด มือหนาที่วางอยู่บนหัวยีผมของเขาเบาๆ
“ไม่แปลกหรอก ทีหลังอย่าหลงเข้าไปในตรอกน็อกเทิร์นอีกล่ะ”
“ที่นั้นมันคืออะไรฮะ....”
“แหล่งรวมความโสโครกไง มีแต่พวกต่ำๆทั้งนั้น วิกลจริต บ้า ป่าเถื่อน และมีแต่ศาสตร์มืด”
“รุ่นพี่แค่พูดให้ผมกลัวใช่ไหมฮะ?” จุนมยอนกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก
“พูดจริง ถ้าไม่ประสงค์จะตายอย่างเจ็บปวดรวดร้าวก็อย่าเข้าไปอีก”
“แล้ว รุ่นพี่เข้าไปทำอะไรเหรอฮะ...ในนั้นน่ะ รุ่นพี่จะบอกว่ามันมีแต่คนไม่ดีใช่ไหม” เป็นคริสที่ผงะกับคำถาม ตาใสแป๋วยังคงจ้องมองรอคำตอบจากอีกฝ่าย
“ทำเป็นจำไม่ได้ว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นจะดีที่สุดนะ กลับไปหาพ่อแม่ไป” ยีหัวส่งท้ายอย่างมั่นเขี้ยว คริสเดินกลับย้อนไปทางเดิมหลังจากไล่ให้เด็กน้อยกลับไปหาพ่อแม่ซะ
“เดี๋ยวฮะ พี่ชื่ออะไรเหรอ” เดินไปได้ไม่กี่ก้าวคริสต้องหยุดแล้วหันกลับมาหาก่อนจะตอบคำถามสุดท้าย
“เรียกว่าคริสเฉยๆก็ได้” คนตัวสูงยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินเข้าไปในตรอก จุนมยอนใช้มือป้องปากตัวเองก่อนจะตะโกนไล่หลัง
“ผมจุนมยอนนะฮะ ขอบคุณที่ช่วยผมนะพี่คริส!!” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายได้ยินรึเปล่า แต่กลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก.....
“จุนมยอน” คนตัวเล็กรีบวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดแม่ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวนของทั้งพ่อและแม่ดูคลายลงทันทีเมื่อลูกชายปรากฏตัวหลังหายไปเกือบครึ่งชั่วโมง ถามใครก็ไม่มีใครเห็น
“ไปอยู่ไหนมาลูก....” แทยอนถามด้วยความเป็นห่วงก่อนมือจะลุบกลุ่มผมชุ่มเหงื่อของจุนมยอน
“ผมเดินหลงน่ะฮะ...คุณ K. เค้าพามาส่งเมื่อกี้นี้”
“โธ่...ทำไมไม่รอแม่อยู่ในร้าน พ่อกับแม่ห่วงลูกแทบแย่รู้ไหม”
“พ่อดีใจที่หนูไม่เป็นอะไร” ซีวอนเดินเข้ามาสวมกอดลูกชายก่อนจะพรมจูบลงกลางกระหม่อมลูกรัก “กลับมาก็ดีแล้วลูก เอาล่ะ พ่อเตรียมของขวัญมาให้ ไม่รู้จะชอบไหม” กรงนกขนาดใหญ่ถูกยกขึ้น นกฮูกสแกนดิเนเวียที่มีขนสีขาวทั้งตัวถูกขังอยู่ในนั้น รอยยิ้มกว้างของจุนมยอนเรียกความอุ่นใจจากพ่อและแม่ เด็กน้อยรีบวิ่งไปรับกรงนกจากบิดาก่อนจะสวมกอด
“ขอบคุณนะครับพ่อ...” จุนมยอนรู้ว่าสแกนดิเนเวียราคาใช่ถูก แต่มันกลับกลายมาเป็นของขวัญของเขา...ซึ่งเขาได้รับนอีกชิ้นก่อนหน้านี้จากคนที่ชื่อ....คริส คือรอยยิ้มน้อยๆนั้นที่ทำหัวใจเขาพองโต
“เดี๋ยวไปเลือกไม้กายสิทธิ์แล้วกลับบ้านกันเถอะ” ซีวอนรับกล่องชุดและกรงนกมาถือเอาไว้เองก่อนจะดันหลังลูกชายเดินออกจากร้านเพื่อตรงไปยังร้านของโอลิแวนเดอร์
ตลอดการเดินทาง ในโสตประสาทของเขากลับก้องไปด้วยชื่อของคนที่เจอในตรอกน็อคเทิร์น ถ้าจุนมยอนขอพรได้ซักข้อในตอนนี้เขาจะไม่ลังเลเลยที่จะขอ....ให้ได้เจอคนคนนั้นอีก
*ตรอกน็อคเทิร์น เป็นแหล่งรวมของพวกพ่อมนต์แม่มดศาสตร์มืด โสโครกต่ำทราม ปรกติมักจะมีการค้าขายของผิดกฏหมาย
**ตรอกไดแอกอน แหล่งรวมของวิเศษต่างๆ อยู่ในลอนดอน ทางเข้าคือหลังร้านหม้อใหญ่รั่ว
Talk
ได้ฤกษ์ลงตอนที่ 1 แล้ว ขอบคุณที่กดเขามาอ่านและคอมเม้นต์มากๆเลยนะคะ คลายความหนักใจ
เรื่องกลัวไม่มีใครอ่านลงไปได้แล้ว ^^ ขอโทษที่มาอัพช้านะ ปาล์มไม่ได้พิมพ์ไว้ล่วงหน้า
คือพิมพ์เสร็จก็อัพเลย เรื่องคำผิดจะพยายามตรวจทานนะคะ หากพบเห็นคำผิด
เสียเวลานิดนึ่งแจ้งนะ จะรีบแก้ไขให้ค่ะ ^^
แท็ก #คริสโฮศาสตร์
ปล.1 รักทุกคนเลย ขอบคุณทุกเม้นต์ ทุกวิว ทุกๆกำลังใจเลยนะค่ะ
ปล. 2 ไม่รู้ว่าจะอัพแบบถี่ๆได้รึเปล่า เพราะเราเองก็ยังด้อยประสบการณ์กับการแต่งฟิคอยู่ ฝากมือใหม่หัดเขียนคนนี้ด้วยนะค่ะ
ปล.3 ภาษาไม่ค่อยสวยนะคะ เนื้อหากระโดดบ้างไรต์ขอโทษน๊า T^T เพราะมันอาจขัดอัฐรสในการอ่าน
ความคิดเห็น